พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสัมมนา และมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ณ ห้องคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซนทารา แกรนด์ (ภาพจากศูนย์สื่อทำเนียบ)
21 ม.ค.2558 ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2559 มีกรอบวงเงินรายจ่าย 2,720,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 จำนวน 145,000 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 5.6% เป็นรายจ่ายประจำ 2,100,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% รายจ่ายเพื่อการลงทุน 544,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 13,536 ล้านบาท ลดลง 67.7% และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 62,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5% ขณะที่รายได้รวมสุทธิของรัฐบาลอยู่ที่ 2,330,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 คิดเป็น 0.2% วงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล 390,000 ล้านบาท
สำหรับการจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณดังกล่าวคิดจากสมมติฐานทางเศรษฐกิจที่อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ 3.7-4.7% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.1-2.1% โดยการจัดสรรงบประมาณปี 2559 แบ่งเป็น 8 ยุทธศาสตร์ 1 รายการ คือการเร่งรัดการจัดทำรากฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ความมั่นคงแห่งรัฐ การสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ เติบโตอย่างเป็นธรรม การศึกษา สาธารณสุข คุณธรรม จริยธรรม คุณภาพชีวิต ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ส่วน 1 รายการ คือค่าดำเนินการภาครัฐ
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2559 ดังกล่าว
สำหรับแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 การบูรณาการระดับกระทรวง หน่วยงานและระดับพื้นที่ การจัดลำดับความสำคัญของภารกิจ โดยให้ความสำคัญตามแผนบูรณาการ 19 งานที่กำหนดไว้ การชะลอ ปรับลด หรือยกเลิกการดำเนินภารกิจที่มีความสำคัญระดับต่ำหรือหมดความจำเป็น การพิจารณาการใช้จ่ายให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ชัดเจน
ทั้งนี้ ต้องการให้ส่วนราชการเตรียมการเบิกจ่ายงบประมาณงบฯ ปี 2559 ให้มีประสิทธิภาพ หลังจากงบฯ ปี 2558 มีปัญหาการเบิกจ่ายได้น้อยมาก โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลให้ความสำคัญความโปร่งใสต่อการจัดซื้อจัดจ้าง การลงทุนของหน่วยงานภาครัฐ ต้องคำนวณราคากลางให้เหมาะสม ยอมรับว่าจากการเข้มงวดป้องกันการทุจริตทำให้ประหยัดงบประมาณได้สูงมาก แม้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มขึ้นจาก 2.525 ล้านล้านบาทในปี 2558 เป็น 2.72 ล้านล้านบาทในปี 2559 แต่รัฐบาลยังต้องระวังการใช้จ่ายงบประจำให้คงที่ และการยังใช้งบประมาณแบบขาดดุล เพราะยังต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รายได้ของรัฐยังไม่พอกับรายจ่าย ขอให้ทุกส่วนเน้นการดูแลราคาสินค้าเกษตรผลักดันให้ราคาสูงขึ้น อย่าปล่อยให้สินค้าเกษตรกลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยขอเน้นย้ำเรื่องความโปร่งใสการใช้งบประมาณ
ด้านสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการ สำนักงบประมาณ กล่าวว่า หลังจากนี้เตรียมจัดนำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาวาระแรกวันที่ 21 พฤษภาคม และวาระที่ 2 ในช่วงเดือนสิงหาคม 2558 งบลงทุนที่เพิ่มขึ้น จากเดิมร้อยละ 17.8 ของงบประมาณทั้งหมด เป็นร้อยละ 20 เนื่องจากรัฐบาลต้องการเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หลายโครงการ เช่น รถไฟฟ้า การบริหารจัดการน้ำ การปรับโครงสร้างด้านการศึกษา สาธารณสุข
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับให้ส่วนราชการจัดอันดับความสำคัญการใช้เงินลงทุน การใช้งบประมาณให้สอดคล้องกับรายได้ที่มีอยู่จำกัด และให้ปรับลด ชะลอ หรือยกเลิกการใช้งบประมาณสำหรับกองทุนหมุนเวียนที่ไม่มีความจำเป็น เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้เงินงบประมาณในปัจจุบัน เมื่อปี 2558 ได้เน้นสร้างความเชื่อมั่นแล้ว ดังนั้น ปี 2559 จะเน้นการเร่งสร้างและวางรากฐานโครงการต่าง ๆ เพื่อให้เติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับหน่วยงานเจ้าของโครงการยังไม่ได้สำรวจ ออกแบบ ต้องมาตกลงกับสำนักงบประมาณ เพื่อขอใช้งบปี 2558 ดำเนินการ หากยังออกแบบไม่ทันภายในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 จะไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2559 ส่วนการกำหนดราคากลางปรับราคาให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันดีเซลที่ลดลงต่อเนื่อง โดยกำหนดราคากลางขึ้นใหม่ เพื่อนำราคากลางประกาศใหม่ตามระเบียบพัสดุ สำนักนายกรัฐมนตรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น