วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

น้ำมันปาล์มล็อตแรกถึงก่อนปลาย ม.ค. ชาวสวนปาล์มใต้ลั่นเลิกอัยการศึกจะเดินประท้วงถึงทำเนียบ

ทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายชาวสวนยางพาราและสวนปาล์ม 16 จังหวัดภาคใต้

21 ม.ค.2558 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การนำเข้าน้ำมันปาล์ม 50,000 ตัน ช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้จะช่วยให้มีปริมาณเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศที่ 150,000 ตันต่อเดือน และมั่นใจว่าจะไม่กระทบราคาผลปาล์มสดในประเทศที่กำลังจะออกในช่วงเดือนมีนาคม เพราะเป็นการนำเข้าระยะสั้นและจะดูแลราคาผลปาล์มในประเทศ ไม่ให้ต่ำกว่า 5 บาทต่อกิโลกรัม ดังนั้น จึงมีปริมาณน้ำมันปาล์มเพียงพอจำหน่ายต่อการบริโภคแน่นอน ส่วนที่บางตลาดขาดแคลนนั้น เป็นการฉวยโอกาสของผู้ค้าบางกลุ่มในช่วงปริมาณน้ำมันตึงตัว เพื่อประโยชน์การค้ากำไรเกินควร จึงได้สั่งการให้กรมการค้าภายในดูแลอย่างใกล้ชิด หากพบเห็นกระทำผิดค้ากำไรเกินควรให้ดำเนินการทางกฎหมายได้ทันที
ทั้งนี้ จากการติดตามปริมาณสำรองน้ำมันปาล์มในประเทศตั้งแต่เดือนตุลาคมปริมาณลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่ต้องมีสตอกไม่ต่ำกว่า 200,000 ตัน แต่กลับลดลงไม่ถึงปริมาณดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์จึงมีความจำเป็นต้องนำเข้าน้ำมันปาล์มเพื่อสำรองสตอกไว้ป้องกันการขาดแคลน และเมื่อนำเข้าน้ำมันปาล์มมาแล้ว ก็จะบริหารจัดการป้อนโรงงานเพื่อผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดจำหน่ายตามราคาควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ที่กำหนดไว้ไม่ให้เกินขวดลิตรละ 42 บาท
คาดน้ำมันปาล์มล็อตแรกถึงไทยก่อนปลายเดือน ม.ค. นี้
จินตนา ชัยยวรรณาการ ประธานกรรมการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้นำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 50,000 ตัน จะใช้งบประมาณ 1,500 ล้านบาท และใช้เวลาดำเนินการให้เสร็จภายในไม่เกินกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2558 เพื่อให้ผลิตบรรจุขวดต่อการบริโภคเพียงพอ 1-2 เดือน และลดปัญหาการตึงตัวของน้ำมันปาล์มในขณะนี้ และ อคส.ได้เจรจาต่อรองผู้ค้าน้ำมันปาล์มในประเทศมาเลเซียเสร็จแล้ว ซึ่งได้ราคาดีที่ อคส.สามารถขายน้ำมันปาล์มส่วนนี้ให้กับผู้ประกอบที่เป็นสมาชิกสมาคมปาล์มน้ำมันราคาลิตรละ 27.50 -28 บาท ซึ่งเอกชนรับราคานี้ได้ และเพื่อนำไปผลิตเป็นน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคขนาดถุงและขวด 1 ลิตร และเพื่อให้ขายปลีกไม่เกินราคาควบคุมของกรมการค้าภายในกำหนดไว้ขวด (ลิตร) ละ 42 บาท
ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะนำเข้างวดแรกต้นสัปดาห์หน้า ซึ่งตามกรอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม 50,000 ตันครั้งนี้ต้องทำให้เสร็จภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์ ดังนั้น จำนวน 50,000 ตันจะมีขั้นตอนขนถ่ายจากประเทศต้นทางและมาถึงประเทศไทยจะใช้เวลา 7 วัน แต่ละลำเรือที่ขนน้ำมันปาล์มเข้ามาไม่ต่ำกว่า 12,000 ตัน หรือ 4-5 เที่ยวในการขนส่งปริมาณน้ำมันปาล์มครั้งนี้
ส่วนเรื่องราคาและจัดทำเงื่อนไขการนำเข้าและมาตรการดูแลเกษตรกรไม่ให้ได้รับผลกระทบ โดยเงื่อนไขโรงกลั่นน้ำมันที่ซื้อน้ำมันปาล์มจาก อคส. เพื่อใช้ผลิตในการบริโภคต้องรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกรสัดส่วนเดียวกัน ราคารับซื้อไม่ต่ำกว่า 5 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ไม่กระทบต่อภาคเกษตรแน่นอน เพราะราคาตอนนี้เกิน 5 บาทต่อกิโลกรัม หากพิจารณาต้นทุนเกษตรกรอยู่ที่ 3.50 บาทต่อกิโลกรัม ถือว่าราคารับซื้อ 5 บาทต่อกิโลกรัมเกษตรกรอยู่ได้ และขณะนี้มีเอกชน 10 รายสนใจแล้ว
ชาวสวนปาล์ม16 จังหวัดใต้ ลั่นเลิกกฎอัยการศึกจะเดินประท้วงถึงทำเนียบ
ด้าน ทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายชาวสวนยางพาราและสวนปาล์ม 16 จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่า ปาล์มที่จะทำให้ชาวสวนปาล์มลืมต้าอ้าปากได้  เพราะราคาปาล์มทะลายอยู่ที่ 5.50 บาทต่อ กก. มีกำไร 1 บาทต่อ กก. และปาล์มร่วงราคา 7.20 บาท ต่อ กก. ชาวสวนปาล์มมีกำไร 3 บาท ต่อ กก. แต่เมื่อรัฐบาลมีนโยบายนำปาล์มเข้ามา 50,000 ตัน  ราคาก็จะตกลงทันที
“เหตุผลที่รัฐบาลอ้างนำเข้าปาล์มน้ำมัน โดยมีข้อมูลว่าเหลือในสต๊อกกว่า 110,000 ตัน  หากให้พอดีกับสต๊อกต้องอยู่ที่ 135,000 ตัน  ขาดเหลือประมาณ 20,000 ตันเท่านั้น  รัฐบาลไปลดน้ำมันไบโอดีเซลบี 7 มาเหลือเป็นบี 3 น้ำมันปาล์มก็จะสมดุลกัน  วิธีแก้ไขเช่นนี้จะไม่กระทบต่อชาวสวนปาล์มและผู้บริโภคแต่อย่างใด”
นายทศพลกล่าวว่าตนขอยืนยันว่าจากการลงสำรวจพื้นที่ปลูกปาล์ม ขณะนี้สวนปาล์มมีผลปาล์มอยู่เต็มคอ และพร้อมออกเต็มที่ประมาณกลางเดือน ก.พ. และผลปาล์มรุ่นใหม่ก็จะตัดได้ภายใน 15 วัน  ก็สามารถผลิตน้ำมันปาล์มได้แล้ว  จะไม่ขาดตลาดตามที่รัฐบาลกล่าวอ้างแต่อย่างใด  หากมีการนำเข้าน้ำมันปาล์ม ก็จะส่งผลให้ปาล์มล้นตลาดทันที
ทศพล กล่าวว่าที่แท้จริงแล้วรัฐบาลเป็นผู้กดขี่เกษตรกรทั้งยางพาราและปาล์มน้ำมันเมื่อรัฐบาลทำนโยบายเป็นผู้ชี้นำเช่นนี้ กลุ่มทุนก็ตามมากดราคาอีกต่อหนึ่ง รัฐบาลกรุณายกเลิกกฎอัยการศึก  เกษตรกรชาวสวนยางและสวนปาล์มที่เดือดร้อนจะเดินประท้วงถึงทำเนียบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น