21 ม.ค.2558 พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับผู้ประกอบการยางพารารายใหญ่ 5 แห่งว่า ผู้ประกอบการพร้อมให้ความร่วมมือในการรับซื้อยางจากเกษตรกรชาวสวนยาง ให้ได้ ราคากิโลกรัมละ 80 บาท ตามความต้องการของเกษตรกร โดยจะรับซื้อไม่จำกัดจำนวนและพยายามผลักดันราคายางให้ได้กิโลกรัมละ 80 บาทโดยเร็วที่สุด และเชื่อว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีการชุมนุมเรียกร้องในเรื่องราคายางอีก เพราะถือว่า ได้คำรับยืนยันจากภาคเอกชนโดยตรงที่จะช่วยเหลือเกษตรกร
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า การหารือในวันนี้ (21ม.ค.) ได้ติดตามมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพาราที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้เต็มที่ ทั้งการให้วงเงินสินเชื่อจากธนาคารกรุงไทยในการสนับสนุนผู้ประกอบการรับซื้อน้ำยางจากเกษตรกร และการให้สินเชื่อจากธนาคารออมสิน เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงงานยางพาราสามารถนำไปขยายโรงงาน ปรับปรุงโรงงาน หรือปรับปรุงเครื่องจักร ซึ่งหลังจากการพูดคุยจะมีการปรับปรุงเงื่อนไขของธนาคารในบางเรื่องเพื่อให้ธนาคารให้วงเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการได้อย่างเต็มที่โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมประกอบด้วย บริษัท ศรีตรัง รับเบอร์แอนด์แพลนเทชั่น จำกัด ซึ่งมีนายชัยยศ สินเจริญกุล ในฐานะนายกสมาคมยางพาราไทยเป็นเจ้าของกิจการ, บริษัท เซาท์แลนด์ รับเบอร์ จำกัด, บริษัท ยางไทยปักษ์ใต้ จำกัด, บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเทคซ์คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด และบริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด
ไม่ห่วงม็อบให้กำลังใจ ถอดอดีตนายกรัฐมนตรี
สำหรับกรณีมีกลุ่มคนเตรียมมาให้กำลังใจ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22-23 ม.ค.นี้ ระหว่างสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พิจารณาแถลงปิดสำนวนคดีถอดถอนและลงมติถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวด้วยว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง รัฐดูแลได้ พร้อมแนะนำว่าให้โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แทนเพราะทุกคนมีโทรศัพท์อยู่แล้ว ไม่ต้องออกมา
ผบ.ทบ.ไม่ห่วงม็อบให้กำลังใจ ยิ่งลักษณ์
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีเดียวกันนี้ว่า ไม่ห่วงว่าจะเกิดความวุ่นวาย เพราะฝ่ายความมั่นคงติดตามสถานการณ์อยู่แล้ว
“การแสดงความคิดเห็นสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย ซึ่งทุกคนทราบดีว่ายังอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ส่วนใครจะถูกผิด ก็ว่าไปตามกระบวนการ สนช.” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. สั่งการให้คณะรัฐมนตรีและ คสช.ไปทำความเข้าใจกับประชาชนในแต่ละพื้นที่ถึงที่มาที่ไปของคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ในส่วนทหารนั้นคงเป็นการชี้แจงความจริงที่เกิดขึ้น และทำความเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง รวมถึงอธิบายงานต่าง ๆ ที่ได้ทำมาเท่านั้น แต่จะไม่ชี้ถูกชี้ผิด
พล.อ.ประวิตร แจกงาน 7 ด้านให้ ‘รมต.-ผบ.เหล่าทัพ’ ติดตาม ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช.
พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ รองเลขานุการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ว่าที่โฆษกกห.) 1ะวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช. ว่า พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีและผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนและติดตามงาน 7 ด้าน โดย พล.อ.ประวิตร เป็นประธานอนุกรรมการฯ ด้านความยากจน ลด ความเหลื่อมล้ำ การคลัง รัฐวิสาหกิจ งบประมาณ พาณิชย์ และเอสเอ็มอี, พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานอนุกรรมการฯ ด้านตำรวจ ยาเสพติด ความมั่นคง การปกครองทั้งในส่วนกลาง ภูมิภาคและท้องถิ่น, พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานอนุกรรมการฯ อุตสาหกรรม เกษตร พลังงาน ความสัมพันธ์ต่างประเทศ, พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานอนุกรรมการฯ ด้านท่องเที่ยวและกีฬา การค้าชายแดน เศรษฐกิจพิเศษ พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานอนุกรรมการฯ ด้านประมง ขนส่ง โลจิสติกส์ แรงงาน และแรงงานทาส, พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานอนุกรรมการฯ ด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และสาธารณสุข ส่วน พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดูแลงานด้านยุทธศาสตร์โดยรวมของคสช. ประสานงานระหว่างคสช. กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สปช.) และ สนช.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น