วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

พล.อ.ประวิตร ยันไม่มีหมายจับทหารเอี่ยวผิด ม.112 ผบ.ตร.เผย พล.ต.อ.ประวุฒิกลับแล้ว


2 พ.ย. 2558 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ กรณีที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการออกหมายจับนายทหารยศพันเอก ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ไม่มี เพราะหากมีจริงจะต้องได้รับการรายงานแล้ว เนื่องจากดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผบ.ตร.เผย พล.ต.อ.ประวุฒิกลับไทยแล้ว
วันเดียวัน(2 พ.ย.58) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา สบ10 ได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าเดินทางกลับจากต่างประเทศแล้ว ซึ่งเป็นการกลับมาก่อนกำหนดที่แจ้งไว้ว่าเป็นวันที่ 1 พฤศจิกายน  เบื้องต้นยังไม่ได้มีการแจ้งเรื่องขอลาออกจากราชการแต่อย่างใด และยังคงมีหน้าที่รับผิดชอบงานด้านจราจรและเทคโนโลยีตามปกติ แต่หากไม่มาปฏิบัติหน้าที่ติดต่อเกินกว่า15วันจะถือว่าขาดราชการ ตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องออกจากราชการ
ส่วนที่ปรากฎภาพถ่ายในอดีตของพล.ต.อ.ประวุฒิ กับ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบัน อยู่ด้วยกันบ่อยครั้งนั้น ไม่ทราบว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกันอย่างไร ทราบแต่ว่าเคยทำงานร่วมกันในกิจกรรมไบค์ฟอร์มัมปั่นเพื่อแม่ ส่วนจะมีการเรียกให้พลตำรวจเอกประวุฒิมาให้การด้วยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะพนักงานสอบสวน
ขณะที่ความคืบหน้าการสอบปากคำนายศุกร์โข เบื้องต้นทราบว่าให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาหมิ่นเบื้องสูงเพิ่มเติม ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนายศุกร์โขกับ พ.ต.ต.ปรากรมนั้นไม่ทราบว่ารู้จักกันเป็นเพื่อนหรือลึกซึ้งเพียงใด ซึ่งการที่ พ.ต.ต.ปรากรมเคยจะฝากให้นายศุกร์โขเป็นข้าราชการตำรวจผ่านนายตำรวจระดับสูงท่านหนึ่งนั้น  พล.ต.อ.จักรทิพย์ว่าการฝากคนเข้ารับราชการตำรวจเป็นเรื่องปกติไม่เคยปิดโอกาส แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาคือการรับเข้ามา ว่ามีคุณสมบัติความรู้ความสามารถตรงตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้สามารถตรวจสอบไปยังกองทะเบียนพลได้
ส่วนกระแสข่าวมีทหารยศพันเอก เข้ามาเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาหมิ่นสถาบันนั้น เรื่องดังกล่าวอยู่ในสำนวนและอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าได้ความชัดเจนจะรายงานให้ทราบอีกครั้งเพื่อไม่ให้เกิดข้อมูลคลาดเคลื่อน และทางกองทัพได้ให้ความร่วมมือในการประสานงานเป็นอย่างดี
ขณะที่การเรียกตำรวจ 8 นายในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มาช่วยราชการนานหลายสัปดาห์แล้ว เนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบสวนในฐานะพยาน เพราะว่ามีข้อมูลที่ต้องตรวจสอบรายละเอียดหลายจุด แต่ถ้าพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง  ที่ถ่ายโอนทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดไปให้เครือญาตินั้น ได้เรียกญาติที่ได้รับทรัพย์สินมาพูดคุยสอบถามแล้ว ส่วนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ต้องตรวจสอบว่ามีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องอย่างไรบ้างทางคดี ซึ่งจะต้องให้ความเป็นธรรมด้วย เช่นเดียวกับการที่หมอหยองไปหลอกลวงประชาชน รวมถึงข้าราชการะดับสูงว่าตนเองเป็นร่างทรงนั้น จะต้องตรวจสอบว่ามีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษหรือไม่ รวมไปถึงนายทหารระดับสูงที่ปรากฏภาพขณะหมอหยองทำพิธีเข้าทรง ยังไม่มีการแจ้งความมาแต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น