ผยเตรียมส่งสำนวน ม.112 ให้ศาลทหารพรุ่งนี้ รับมี 'นายพล' เอี่ยว โฆษกตร.แจงหมายจับ ‘พ.ต.ท.ธนบัตร’ รับทหารคนสนิทอุดมเดช - 2 นายตำรวจเผ่นนอกแล้ว
3 ธ.ค. 2558 ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการทำสำนวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยระบุว่า ขณะนี้เหลือเพียงพยานวัตถุ และผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์จากผู้ต้องหา และภายในวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.) จะสามารถนำสำนวนอีก 4 สำนวนส่งให้กับอัยการศาลทหารได้เพิ่มเติม และภายในสิ้นปีนี้จะสามารถส่งสำนวนที่เหลือให้กับอัยการได้ทั้งหมด
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้ ยอมรับว่ามีตำรวจยศชั้นนายพล และชั้นนายพัน เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรณีที่ร่วมกับ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ตั้งสถานีวิทยุโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีพยานหลักฐานยืนยันชัดเจน สำหรับกรณีที่มีคลิปเสียงบันทึกการสนทนาระหว่าง พ.ต.ต.ปรากรม กับพล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะพนักงานสืบสวน ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
อย่างไรก็ตาม คดีนี้มีข้าราชการเข้ามาเกี่ยวข้องหลายนาย ตามขั้นตอนนอกจากจะต้องส่งสำนวนให้กับอัยการแล้ว คณะพนักงานสอบสวนจะต้องส่งสำนวนให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ให้ร่วมตรวจสอบการกระทำความผิดด้วย
โฆษกตร.แจงหมายจับ ‘พ.ต.ท.ธนบัตร’ รับทหารคนสนิทอุดมเดช - 2 นายตำรวจเผ่นนอกแล้ว
ขณะที่วานนี้(2 ธ.ค.58) จส.100 และผู้จัการออนไลน์ รายงานตรงกันว่า หลังจากศาลทหาร กรุงเทพ อนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.ธนบัตร ประเสริฐวิทย์ รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (รองผกก.1 บก.ปคม.) ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พล.ต.อ. เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พ.ต.ท. ธนบัตร มีความเกี่ยวการกระทำความผิดของพ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด อดีตรองสารวัตรกองบังคับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในกรณีแอบอ้างสถาบันไปเรียกรับผลประโยชน์ จ้างทำของที่ระลึก เรียกเก็บเงินต่างๆ ซึ่งขณะนี้พ.ต.ท. ธนบัตร ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาแล้ว ส่วนจะให้พักราชการหรือย้ายไปช่วยราชการที่อื่นหรือไม่นั้น กำลังพิจารณาอยู่ ส่วนขณะนี้พ.ต.ท. ธนบัตรจะยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ ต้องตรวจสอบอีกครั้ง
ด้านการติดตามตัวผู้ต้องหารายอื่นๆ ในคดีนี้ มีรายงานข่าวมาว่าหลายคนเดินทางออกนอกประเทศโดยใช้ช่องทางธรรมชาติไปแล้ว ซึ่งยังไม่มีเอกสารในการยืนยันว่าอยู่ที่ใด เนื่องจากไม่ใช่การเดินทางแบบปกติ เช่นเดียวกับ พล.ต.สุชาติ พรมใหม่ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก (ซึ่งผู้จัดการรายงานว่าเป็นนายทหารคนสนิทของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม), พ.ต.อ. ไพโรจน์ โรจน์ขจร อดีตผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม และพ.ต.ท.ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา อดีตรองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ก็มีข่าวว่าเดินทางออกนอกประเทศไปแล้วเช่นกัน และยังไม่ทราบว่าผู้ต้องหาที่หลบหนีออกนอกประเทศนั้น ไปพักอาศัยอยู่ด้วยกันหรือไม่ โดยเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถติดตามตัวมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน ขณะที่ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับผู้ต้องหารายอื่นๆ เพิ่มเติม
ส่วนการย้ายพล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจาก ยังไม่พบการกระทำความผิด
ส่วนกรณีของพล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี อดีตผู้บังคับการกองปราบปราม มีสาเหตุมาจากการปล่อยปละละเลยให้ลูกน้องกระทำความผิด ซึ่งโอกาสที่พล.ต.ท. รอย และพล.ต.ต. อัคราเดช จะกลับมาดำรงตำแหน่งเดิมนั้น ต้องขึ้นอยู่กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า นายตำรวจยศพล.ต.ต. กำลังจะถูกออกหมายจับ พล.ต.อ. เดชณรงค์ ระบุว่า ต้องรอความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น