20 เม.ย. 2559 กรณีที่วานนี้ (19 เม.ย.59) วีรดา เมืองสุข บุตรสาว วัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทยที่ถูก คสช. ควบคุมตัวหลังแสดงความเห็นคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อสหภาพยุโรป (EU) เพื่อร้องทุกข์และเรียกร้องให้องค์การระหว่างประเทศหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานด้านสิทธิมนุษยชนสากล ตรวจสอบว่าการจัดการกับผู้เห็นต่างทางการเมืองของ คสช. นั้น ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)
ประยุทธ์สั่งกต.แจงหลังลูกวัฒนาร้อง EU
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีนี้ด้วยว่า ก็ไปร้องสิ ตนก็จะให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงไป จะไปร้องเรื่องอะไร หากร้องเรื่องละเมิดสิทธิ์ แล้วกฎหมายมีหรือไม่ ว่าห้ามทำอะไรบ้าง ต้องพูดตรงนี้ก่อนอย่าไปพูดเรื่องละเมิดสิทธิ์ คุณไม่รังเกียจหรือที่วัฒนาละเมิดกฎหมาย แล้วคุณละเมิดหรือเปล่า ถ้าเมื่อไรที่ละเมิดก็โดนจับเหมือนกัน ต้องรู้ว่าอะไรคือกฎหมาย อย่าไปมองเฉพาะปลายเหตุ ถ้ามองเฉพาะปลายเหตุก็ตีกันอยู่อย่างนี้ แทนที่ประเทศเราจะดีขึ้น กลายเป็นว่าไอ้นั่นก็ไปไม่ได้ ประชามติเดินหน้าไม่ได้ เลือกตั้งก็ไปไม่ได้แล้วจะเอาอะไร ทำไมไม่ช่วยกันแก้ให้จบไปทีละเรื่อง กลับไปกลับมากันอยู่แบบนี้
“สื่อต้องช่วยกันชี้แจงเขาหน่อย ว่าเขาทำผิดกฎหมาย ให้อภัยมาหลายครั้งแล้ว กฎหมายและคำสั่งเขียนไว้ และคำสั่งก็คือกฎหมาย หากจะบอกว่ากฎหมายไม่ชอบ อ้าว ก็ผมมาอย่างนี้ จะเอาอะไรกับผม แล้วถ้าผมไม่มาจะเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่คิดแบบนี้หรือมันดีอยู่แล้ว ก็เชิญเสด็จเถอะ ผมจะได้เลิกทำทั้งหมด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ต่อกรณีคำถามที่ว่าการควบคุมตัววัฒนา ถูกมองว่าเพราะออกมาแสดงความคิดเห็นในร่างรัฐธรรมนูญนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วมันควรหรือไม่ เป็นการกระทำที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ขัดต่อความสงบบ้านเมือง ต้องไปดูคำสั่ง ส่วนเรื่องจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของท่าน ตนไม่ได้บังคับอยู่แล้วจะทำอะไรก็ทำ อยากได้อะไรก็ได้ทำไปเถอะ ทำดีได้ดี ทำไม่ดีก็ได้อย่างนั้น บ้านเมืองจะกลับไปที่ไหนก็แล้วแต่ท่าน ตนพูดจนเหนื่อยพูดมาสองปีกว่าแล้ว ถ้ายังกลับไปที่เดิมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ประเทศไทยจะกลับไปสู่กลียุคใหม่ก็เอาสิ ถ้าปล่อยให้วัฒนาพูด ก็จะมีคนอื่นออกมาพูดอีก มีอีกพวกออกมาพูด อีกหน่อยจะห้ามพูดทั้งหมด ถ้ามันจำเป็นก็ต้องทำ บ้านเมืองต้องการความสงบอยากถามว่าคนที่เขาประกอบอาชีพทั่วไปเดือดร้อนอะไรไหม มีแต่การเมืองที่วุ่นวายจะเป็นจะตาย พูดแต่อนาคต ประเทศชาติ ประชาชน ปั้ดโธ่
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตัดตอนการสัมภาษณ์ประเด็นของวัฒนา โดยกล่าวเสียงดัง ว่า “ยังไม่เลิกถามเรื่องวัฒนาอีก ไป โอย เลิกพูดแล้ว ให้ค่าอยู่นั่นแหล่ะ ผมไม่ให้ค่าคนพวกนี้อยู่แล้ว เขาไม่เคยให้เกียรติผมอยู่แล้ว ผมทำไมต้องให้เกียจเขาหล่ะ เขาเคยให้เกียรติใครบ้าง มายกกันเป็นประเด็นอยู่นั่นแหล่ะ ผมจะไม่พูดอะไรอีกต่อไป จะดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมด ใครอยากจะลองก็เอาสิ”
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบคำถามอีกครั้ง ถึงกรณีที่นักการเมืองต้องการให้ควบคุมตัวเพื่อจะร้องเรียนต่อองค์กรต่างชาติใช่หรือไม่ ว่า ก็ใช่สิ เขาอยากอยู่แล้ว ตนยืนยันว่าดำเนินการตามกฎหมาย ตนไม่ได้อยากควบคุมตัว แต่นักการเมืองอยากให้มีการควบคุมตัวเพื่อจะได้ฟ้องร้อง สื่อก็รู้อยู่ยังมาถาม เขาให้โอกาส 4-5 ทีแล้ว ปกติเขาให้โอกาสกันที่ไหน นั่นแหล่ะแสดงว่าเขาจงใจต้องการจะสื่อไปตามนโยบายโลกล้อมประเทศของใครบางคน แล้วคุณจะให้เขาล้อมเหรอ คุณจะไปเป็นปากเสียงให้เขามาบริหารจัดการประเทศแทนตน ก็ตามใจไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว
กต.รีบเข้าชี้แจง EU หลังลูกวัฒนาฟ้องละเมิดสิทธิฯ
ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนี้ด้วยว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้พบกับเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ในช่วงบ่ายวันนี้ (19 เม.ย.) เพื่อหารือในหลายเรื่อง ซึ่งรวมทั้งกรณีของวัฒนา โดยจะอธิบายให้อียูเข้าใจสถานการณ์และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และชี้แจงบทบาทของทหารที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงตามประวัติศาสตร์การเมืองของไทย โดยเฉพาะช่วงปี 2557-2559 ที่อยู่ระหว่างการปฏิรูปประเทศตามโรดแม็ปของ คสช.ที่ทหารเข้ามาแก้ปัญหา และวางพื้นฐานให้กับประเทศ เนื่องจากทูตจากประเทศอียูอาจไม่เข้าใจความเป็นมา และสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเท่าที่ควร และหลายสิ่งที่เกิดขึ้นมีปัจจัยที่ต่างประเทศไม่ควรมองเพียงผิวเผิน หรือเฉพาะหน้า เพราะมีหลายมิติที่เกี่ยวข้องกับการเมืองไทย ตนเชื่อว่าหลังจากที่เราชี้แจงไปแล้ว เขาจะเข้าใจข้อเท็จจริงต่างๆ มากขึ้น
ต่อกรณีคำถามว่ากรณีของวัฒนา จะถูกนำไปตอกย้ำกับรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนปี 2558 ที่จัดทำโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่ายังพบว่ามีการละเมิดสิทธิในไทยหรือไม่ ดอน กล่าวว่า ประเทศที่มีปัญหาสิทธิมนุษยชนไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่มีคนจำนวนหนึ่งออกมาเรียกร้องเรื่องสิทธิมนุษยชน ประเทศไทยมีประชากรเกือบ 70 ล้านคน ขอให้ไปถามคนส่วนใหญ่ว่าถูกลิดรอนหรือถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องนี้ และจากการที่ตนได้พูดคุยกับบุคคลจากหลายวงการ พูดตรงกันว่าไม่ได้ถูกลิดรอนสิทธิจากสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ นอกจากนี้หากอ่านรายงานดังกล่าวอย่างละเอียดจะเห็นว่าไทยไม่ใช่ตัวปัญหา และแม้จะมีการระบุถึงข้อห่วงกังวล แต่จะเห็นว่าการดำเนินการของรัฐบาลไทยมีความก้าวหน้า โดยภาพรวมถือว่าสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทยไม่ได้มีปัญหา และในรายงานพบว่าบางส่วนมีต้นตอมาจากต่างประเทศ ที่ให้ข้อมูล เนื่องจากทางอียูและสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญกับการใช้ล็อบบี้ยิสต์ โดยข้อมูลส่วนใหญ่เราสามารถโต้แย้งและชี้แจงให้เขาเข้าใจได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น