วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

อมธ. ออกแถลงการณ์ขอ คสช. หยุดปิดกั้นความเห็นต่าง


องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ออกแถลงการณ์ 'สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศและกระบวนการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ' ระบุไม่ต้องการเห็นการควบคุมคนที่เห็นต่าง ชี้ คสช. ควรเข้าใจและยอมรับถึงทัศนคติที่แตกต่างหลากหลายของคนในสังคม อันจะเป็นผลให้กระบวนการประชามติร่างรัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตย
 
1 พ.ค. 2559 องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกแถลงการณ์เรื่อง 'สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศและกระบวนการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ' โดยระบุว่าสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา  ได้มีการจับกุมคุมขังบุคคลต่าง ๆ ในประเด็นเกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และมีการบังคับใช้บทบัญญัติกฎหมายจำนวนมาก อันเป็นผลให้เกิดการควบคุมการแสดงความคิดเห็นของประชาชนในกระบวนการทำประชามติ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม
 
องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าวดังต่อไปนี้
 
1. การจับกุมบุคคลไปคุมขังโดยมิได้เปิดเผยข้อมูล โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2557 (ฉบับชั่วคราว) มาตรา 44 มิได้เป็นไปตามหลักนิติธรรม และไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเทศได้ มีแต่จะทำให้เกิดความเกลียดชังที่ร้าวลึกจนยากที่จะแก้ไข รัฐบาลควรรับฟังเมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน หากเชื่อว่าเราทุกคนคือเจ้าของประเทศร่วมกัน การปิดกั้นความเห็นต่างจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ
 
2. การตีความพระราชบัญญัติว่าด้วยการทำประชามติ ฉบับปี พ.ศ. 2559 เป็นไปในทางที่ให้เกิดการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อกลุ่มบุคคลที่แสดงความคิดเห็นคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2559 ไม่ก่อให้เกิดบรรยากาศของความเป็นประชาธิปไตยในกระบวนการออกเสียง ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวควรเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนควรได้รับฟังข้อมูลทั้งสองด้านอย่างเต็มที่ เพื่อใช้ดุลพินิจพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญอย่างรอบด้าน เพราะหากร่างรัฐธรรมนูญนี้ถูกประกาศใช้ย่อมส่งผลต่อประชาชนทุกคน
 
3. ความไม่ชัดเจนในแนวทาง หากผลประชามติออกมาในทางไม่รับร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เปรียบเสมือนการให้ประชาชนออกไปลงคะแนน แต่ไม่รู้ว่าการลงคะแนนนั้น จะพาอนาคตของพวกเขาไปในทางไหน รู้เพียงแต่ว่าหากลงคะแนนรับ ก็จะได้รับรัฐธรรมนูญดังกล่าว แต่ไม่อาจทราบได้เลยว่าหากไม่รับผลจะออกมาในทิศทางใด ความไม่ชัดเจนในประเด็นนี้จะก่อให้เกิดผลเสียต่อประเทศชาติในระยะยาว
 
4. จากกรณี นางสาวกรกนก คำตา นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาในคดี "นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์" ถูกคุกคามและละเมิดสิทธิมนุษยชนในเรือนจำ โดยการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวแล้วไม่มีการแจ้งหรือระงับเหตุการณ์ใด ๆ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในฐานะตัวแทนของนักศึกษาขอเรียกร้องให้มีการตรวจสอบและดำเนินการกับกรณีนี้ เพื่อไม่ให้มีเหยื่อจากความไม่เป็นธรรมรูปแบบนี้เกิดขึ้นอีก
 
องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความคิดเห็นและข้อเสนอแนะข้างต้น จะได้รับการรับฟังและนำไปปรับปรุงแก้ไข องค์การนักศึกษาฯ ไม่ต้องการเห็นการควบคุมคนที่เห็นต่าง โดยการนำเข้าสู่กระบวนการปรับทัศนคติ แต่ต้องการเห็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติเข้าใจและยอมรับถึงทัศนคติที่แตกต่างหลากหลายของคนในสังคม อันจะเป็นผลให้กระบวนการประชามติร่างรัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตยและยังประโยชน์ถึงประชาชนชาวไทยทุกคนต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น