กทม.โกหก! "ชุมพล" แฉ "ฟีฟ่ายกเลิกใช้สนามหนองจอกแล้ว!!!"
เมื่อเวลา 16.45 น. วันนี้ (18 ต.ค.) นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ออกโรงสับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ
กรุงเทพมหานคร ที่เป็นฝ่ายดูแลการจัดการสนามแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก ที่ประเทศไทย
รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน
แต่ไม่ทีท่าว่าจะสร้างสนามที่หนองจอกเสร็จสิ้นแต่อย่างใด จนฟีฟ่าอดทนไม่ไหว
ใช้อินดอร์สเตเดียมหัวหมาก เป็นสนามพิธีเปิดและปิดการแข่งขันแทน
เมื่อเวลา 10.00
น.ประชุมคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา เรื่องพิจารณาการเตรียมความพร้อมการจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก
2012 (ครั้งที่ 7) ณ สนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา เขตหนองจอก อาคารอินดอร์สเตเดียม
หัวหมาก อาคารนิมิบุตร และจังหวัดนครราชสีมา ในการเตรียมปรับโปรแกรมการแข่งขัน
กรณีที่สนามฟุตซอลที่หนองจอก ซึ่งเดิมกำหนดใช้เป็นสถานที่พิธีเปิดและปิดการแข่งขัน
เสร็จสิ้นไม่ทันกำหนดการ โดยมี นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และ
รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย
เข้าชี้แจงต่อ นางนฤมล ศิริวัฒน์ ประธานกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา
ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ 309 อาคารรัฐสภา 2 เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา
โดยเริ่มประชุม นางนฤมล
ปธ.กมธ.ส.ว.กีฬา ได้ทวงถามถึงความคืบหน้าของสนามต่อนายชุมพล ว่า
เหตุใดจึงเสร็จไม่ทันกำหนดการที่ทางฟีฟาตั้งไว้ก่อนหน้า ทาง รมต.กีฬา
จึงได้กล่าวในที่ประชุม “ผมขอชี้แจงดังนี้ ว่า ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อปี
พ.ศ.2553 สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตนดำรงตำหน่ง รมว.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา
ได้เสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก
และได้เสนอสนามที่จะใช้เป็นสนามหลักในการจัดพิธีเปิดและปิดการแข่งขัน ไว้ 3 แห่ง
คือ อินดอร์สเตเดียม, อาคารนิมิบุตร และมักกะสัน
ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ก็เห็นด้วยที่จะให้ที่ดินการกีฬาแห่งประเทศไทย
บริเวณสนามยิงเป้าบิน ดำเนินสร้างสนามการแข่งขันฟุตซอลโลก แต่ต่อมา ทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
ก็เป็นฝ่ายดึงเรื่องนี้ไปจัดการเอง และมอบหมายให้กรุงเทพมหานครเป็นฝ่ายจัดการเรื่องสนาม
โดย ก.กีฬา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย
และได้เบิกงบประมาณกับรัฐบาลเป็นจำนวนเงิน 1,239 ล้านบาท
และได้รับการอนุมัติเมื่อปลายปี 2554 และเริ่มดำเนินการสร้างเมื่อต้นปี 2555
จนถึงปัจจุบัน ซึ่งไม่มีทีท่าว่าแล้วเสร็จ จนฟีฟ่าออกจดหมายล้มเลิกใช้สนามที่หนองจอกเป็นสถานที่พิธีเปิดและปิดการแข่งขัน”
“อย่างไรก็ดี
ผมเห็นว่า การจะสร้างสนามฟุตซอล บริเวณที่ดินหนองจอกนั้น เห็นว่า
ห่างไกลจากเมืองพอสมควร
และการเดินทางจากสนามห่างจากที่พักของนักกีฬาเกินครึ่งชั่วโมงตามที่ฟีฟากำหนด
ทางกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา จึงเห็นว่า จะต้องมีปัญหา
และคาดการณ์ว่าสนามฟุตซอลที่หนองจอกนั้นเสร็จไม่ทันแน่นอน
เพราะในขณะนั้นสนามที่หนองจอกเริ่มดำเนินสร้างเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทาง ก.กีฬา
จึงได้ดำเนินการปรับปรุงสนามทั้งอินดอร์สเตเดียม ที่หัวหมาก รวมถึง สนามนิมิบุตร
ภายในสนามกีฬาแห่งชาติ เพื่อเป็นที่รองรับอีกทีหนึ่ง
ก่อนที่ทางฟีฟ่าจะยกเลิกการส่งมอบสนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา ที่หนองจอก
ตามข่าวที่ผ่านมา เพื่อจะได้คลายความกังวลหากทางกรรมาธิการการกีฬา
เป็นห่วงว่าหาสนามแข่งขันไม่ได้” นายชุมพล กล่าวต่อ
ทั้งนี้ รมว.กีฬา
ยังได้ออกโรงยื่นมือช่วย กรุงเทพมหานคร ต่ออีกด้วยว่า “ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
พร้อมที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ในขณะนี้ หากมีความต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ การจัดการ
แต่เราก็ไม่อาจก้าวก่ายไม่ได้เสียทีเดียวในทุกเรื่องเสมอไปเช่นกัน”
ด้าน “บิ๊กหนุ่ม” กนกพันธุ์ เผยถึงเรื่องดังกล่าว ว่า “การที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยเข้ามารับหน้าที่จัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก
และตั้งคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตซอลขึ้นมาเอง ก็ถือว่าไม่ได้ผิด
เพราะการกีฬาแห่งประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
สมาคมจึงมีหน้าที่จัดการไป ส่วนตัวเห็นว่าหากสนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา
เสร็จสิ้นเมื่อไหร่ก็จะเป็นประโยชน์ในการจัดการแข่งขันกีฬาชนิดอื่นๆ
หากมีการเสนอจัดการแข่งขันคราวหน้าก็จะใช้สถานที่แห่งนี้ได้ทันที”
ผู้ว่าการการกีฬาฯ
ยังเผยงบประมาณในการสร้างสนามอินดอร์สเตเดียม หัวหมาก “เราใช้งบประมาณในการปรับปรุงสนาม
ไม่ว่าจะเป็นการปรับพื้นสนามจากพื้นยางเป็นปูพื้นบล็อกปาร์เก ตามที่ฟีฟากำหนด
รวมถึงติดตั้งสกอร์บอร์ดในสนาม การติดตั้งโต๊ะ เก้าอี้
หรืออุปกรณ์ต่างๆรวมทั้งสิ้นประมาณ 170 ล้านบาท แต่เรายังไม่มีเอกสารรับรองสนามอินดอร์สเตเดียม
เป็นสนามพิธีเปิดและปิดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก จากทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ
หรือฟีฟ่า เลย เพิ่งทราบจากสื่อมวลชนเช่นกัน”
สุดท้าย “เจ๊มล” ก็ได้แสดงความเห็นใจต่อเรื่อราวทั้งหมด ว่า “ทางคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา
ก็มีความเห็นใจต่อกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ที่มีเรื่องขัดแย้งกันในมุมทางการเมือง กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพราะทาง
ส.บอล เป็นคนรับหน้าที่จัดการเองทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น
การที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะเข้ามาเกี่ยวข้องดูจะเป็นการก้าวล้ำเกินขอบเขตในส่วนนี้ด้วย” |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น