|
“ณัฐวุฒิ”แฉ“ประสงค์-บรรณวิทย์”บงการล้มรัฐบาล |
|
|
|
“ณัฐวุฒิ”
แฉการเคลื่อนไหว 3
ประเด็นเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่ดำเนินการในขณะนี้แม้ดูเหมือนว่ากลุ่มที่
เคลื่อนไหวไม่เกี่ยวข้องกัน แต่มีคนอยู่เบื้องหลังเหมือนกันคือ
“ประสงค์-บรรณวิทย์” ที่อยู่ตรงข้ามพรรคเพื่อไทยมาตลอด
ท้าแน่จริงให้ออกมาอยู่ข้างหน้า อย่าทำตัวเป็นอีแอบ แฉเลขาธิการ ภตช.
ไปฮ่องกงเที่ยว 2 วัน สัมมนาวันเดียว มี “บรรณวิทย์”
เป็นผู้บรรยายก่อนกลับมาพูดเรื่องไซฟ่อนเงิน “ธาริต” แจงรางวัล 1 ล้านบาท
ไม่ใช่ตามจับชายชุดดำ แต่เป็นรางวัลนำจับคนร้าย 7
คดีที่เกี่ยวกับการสลายการชุมนุม
ส.ว.สรรหาไล่ให้ไปขยายผลจากชายชุดดำที่จับดำเนินคดีเพื่อหาตัวคนสั่งการ
+++++++++++++++
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า
การเคลื่อนไหวล้มรัฐบาล 3 เรื่องคือ
พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวทีปราศรัยกรณีชายชุดดำ ส.ว.
เข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณากรณีขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)
และคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.)
เปิดประเด็นเรื่องไซฟ่อนเงิน 16,000 ล้านบาทที่ฮ่องกง
เหมือนเป็นการดำเนินการคนละส่วน
แต่แท้จริงแล้วมีผู้อยู่เบื้องหลังคนเดียวกันคือ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และ
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน
“2 คนนี้อยู่ตรงข้ามพรรคเพื่อไทยมาตลอด ขอท้าว่าให้เปิดตัวออกมา อย่าเป็นอีแอบอยู่เบื้องหลัง”
ที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการภตช.
อ้างว่าเดินทางไปดูงานปราบปรามการทุจริตที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการ
ทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช.ฮ่องกง ทำให้ได้ข้อมูลมานั้น
ตรวจสอบแล้วเป็นการไปเที่ยว 2 วัน มีสัมมนาวันเดียว คนที่บรรยายคือ
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กับ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม
และมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็น ป.ป.ช.ฮ่องกงอีกคนหนึ่งเท่านั้น
“อยากท้าว่าถ้ามีข้อมูลจริงให้ดำเนินการเลย อย่าพูดตีกินไปวันๆ”
สำหรับเรื่องการรับจำนำข้าว นายณัฐวุฒิกล่าวว่า
หากศาลรัฐธรรมนูญรับตีความสัญญาซื้อขายจีทูจีขัดมาตรา 190
จะมีคนยื่นให้ตรวจสอบสัญญาซื้อขายข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมา
ส่วนเรื่องชายชุดดำยืนยันพร้อมดีเบตกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เท่านั้น
ที่นายอภิสิทธิ์บอกว่าต้องการดีเบตกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการเลี่ยงบาลีเพื่อยื้อเวลา
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า
รางวัลผู้ให้เบาะแสจับคนร้าย 7
คดีเกี่ยวข้องกับเหตุชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553
ไม่ใช่รางวัลนำจับชายชุดดำ
เป็นรางวัลสำหรับผู้ให้เบาะแสคนร้ายจนนำไปสู่การจับตัวได้
และที่ต้องตั้งรางวัลก็เพราะ 7 คดีนี้อยู่ในความสนใจของสังคม
และกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ระบุว่า
ดีเอสไอควรขยายผลจากชายชุดดำที่จับมาดำเนินคดี
เพื่อสาวให้ถึงคนสั่งการมากกว่าประกาศให้รางวัลนำจับ
|
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น