ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนับแต่เริ่มการขับเคลื่อนครั้งใหม่ของพลังอนุรักษ์นิยม ซึ่งเคยแตกกระจายกันแล้วลดรูปลงเป็น ‘แนวร่วมเพื่อรักษาสถานภาพเดิมทางสังคม’ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นำโดยองค์การพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่าย ตามมาด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และส่งต่อให้กับองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อบดขยี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ใช่เกินคาด เพราะเป็นการกระทำที่จะต้องเกิดขึ้นตามที่ผู้เขียนได้กล่าวมาแล้วว่าเป็นขั้นตอนของภารกิจสร้างภาวะ ‘
ตาสว่างครั้งใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า’ ใน
ภารกิจใหม่ในการเริ่มต่อสู้ขั้นยัน (ศิวะ รณยุทธ์, สิงหาคม 2555)และความน่าสนใจจากปรากฏการณ์ข้างต้น อยู่ที่พฤติกรรมของบรรดาผู้ที่เชื่อว่า ตนเองอยู่ในขบวนแถวของนักประชาธิปไตยที่กำลังต่อสู้เพื่อสร้างเสรีภาพและยุติธรรมให้กับมวลชนส่วนใหญ่
กรอบคิด ปฏิกิริยา และพฤติกรรมอันหลากหลายดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาภายในขบวนการต่อสู้ของนักประชาธิปไตยอย่างชัดเจนว่า หากขืนปล่อยให้ดำเนินต่อไป อาจทำให้ 80 ปีที่ล่วงไปแล้วของเจตจำนงของคณะราษฎร 2475 และเจตนารมณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่กำลังย่างครบ 40 ปี จะกลายเป็นโมฆียกรรมได้อย่างง่ายดาย กลายเป็นสงครามยืดเยื้อที่มองไม่เห็นชัยชนะในอนาคต หรือไม่ก็สอดคล้องกับความเห็นส่วนตัวเมื่อเร็วๆ นี้ของพลเอก สนธิ บุญรัตกลิน อดีตนักรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่ว่า ประชาธิปไตยไทยอาจจะต้องใช้เวลา 3 ชั่วอายุคนในการพัฒนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น