|
ด่ากันเละ! ประชาธิปัตย์สุมหัวครั้งใหญ่ หนักใจลูกหาบไม่ดูบลูสกาย
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชัน ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อเวลา 09.35 น. พรรคประชาธิปัตย์จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2555 โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เป็นประธานการประชุม เพื่อรับรองรายงานการประชุม ตลอดจนงบดุลการเงินประจำปีของพรรค และรายงานการดำเนินการตามนโยบายต่างๆ ของพรรค รวมถึงร่วมพิจารณาแผนการใช้เงินงบประมาณในแผนงานของปี 2557 ตามแผนยุทธศาสตร์ 4 ปีของพรรค โดยภายในงานมีแกนนำพรรค ประธานสาขาพรรค ส.ส. และสมาชิกพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง เช่น นายมารุต บุนนาค อดีตรองหัวหน้าพรรค นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. และนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน เป็นต้น
โวย ช่อง9 ไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือประชาธิปัตย์
โดย นายอภิสิทธิ์ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า จากเดิมจะมีการถ่ายทอดสดการประชุมครั้งนี้ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 แต่ได้รับการตอบกลับมาว่า ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ไม่สามารถถ่ายทอดได้ ทั้งๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เคยซื้อเวลาช่อง 9 เพื่อถ่ายทอดสดการประชุมในลักษณะนี้ติดต่อมา 2 ปี จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องมีคำตอบ ตนจะมอบให้นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ไปสอบถาม
คุยโว ตั้ง15 ยุทธศาสตร์ อยากเป็นเสียงข้างมาก
จาก นั้นนายเฉลิมชัยกล่าวว่า พรรคยังคงดำเนินยุทธศาสตร์ 4 ปี คือปี 2555-2558 โดยมีทั้งสิ้น 15 ยุทธศาสตร์ มีเป้าหมายเพื่อให้พรรคแห่งชาติ มีบทบาทในเวทีสากล เป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วประเทศ สามารถเอาชนะการเลือกตั้งทั่วไป มีเสียงข้างมากในสภาฯ เพื่อเป็นรัฐบาล นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ โดยมีองค์กรสาขาพรรค ที่มีศักยภาพกระจายไปทั่วประเทศ มีสมาชิกพรรค ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคอย่างเหนียวแน่น มีจำนวนมากพอที่จะสนับสนุนการทำงานการเมืองของพรรคอย่างมีประสิทธิภาพ
ลูกหาบขาดอาหาร โหยหาลูกกระสุนดินดำ
จาก นั้นบรรดาประธานสาขาพรรคได้ลุกขึ้นแสดงความเห็นเกี่ยวกับการทำงานของพรรค โดยเรียกร้องให้พรรคเตรียมพร้อมทั้งกระสุนดินดำ และนโยบายเพื่อนำสู่การชนะการเลือกตั้ง ทั้งนี้ประธานสาขาพรรค จ.เชียงราย ระบุว่า ตนรู้สึกอึดอัดกับการให้สัมภาษณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ที่บอกว่าเลือกตั้งเมื่อใดพรรคประชาธิปัตย์ก็แพ้ทุกครั้ง เพราะเขายึดพื้นที่ภาคเหนือ กลาง อีสานไปหมด แต่ตนดูแล้วคิดว่ายังสามารถสู้ได้ โดยต้องทำพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมผู้สมัครให้พร้อม จะรอต่อกรกับเขาเอาตอนเลือกตั้งคงไม่ได้
ลูกกระจ๊อกไม่ไว้หน้าหัวหงอก ฉะพิชัยยับ
ขณะ ที่ประธานสาขาพรรค จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ตนไม่สบายใจที่นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จู่ๆ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์โจมตีพรรคประชาธิปัตย์ เพราะที่ผ่านมาปัญหาความวุ่นวายที่เกิดในพรรค ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเกิดจากการกระทำของนายพิชัย เช่น สาเหตุที่กลุ่มนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ ต้องออกจากพรรค หรือการดันให้นายพิจิตต รัตตกุล บุตรชายเป็นรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
มาร์ค ทำงง ป้องพิชัย หลังด่ากันเองในพรรค
นาย อภิสิทธิ์ชี้แจงว่า นายพิชัยเห็นว่าตนเป็นลูกหลานจึงด่าว่าได้ เพราะตนเคยเป็นอาสาสมัครช่วยเดินหาเสียงให้นายพิชัย ซึ่งตนพร้อมรับคำวิจารณ์ แต่ที่ผ่านมาตนได้เข้าอวยพรวันเกิดนายพิชัยที่บ้านทุกปี ส่วนที่นายพิชัยออกมาวิจารณ์เรื่องเหตุการณ์ปาแฟ้มใส่ประธานสภาฯ ของสมาชิกพรรคประชาธปัตย์ อาจเป็นเพราะรับทราบข้อมูลไม่ครบถ้วน และที่บอกว่านายพิชัย สนใจลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อนั้นตนต้องขอโทษ เพราะตนไม่ทราบเรื่องนี้จริงๆ
มาร์คหลุดปาก ด่า สส.ที่ไม่ไหว้พิชัย
นอก จากนี้ นายพิชัยยังเคยอาสาหาทางปรองดองให้กับประเทศในช่วงที่ตนเป็นนายกฯ โดยเสนอว่าจะเป็นผู้ช่วยเจรจาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับประเทศ และจะพา พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แต่ตนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอ ส่วนประเด็นที่มี ส.ส.พบนายพิชัย และไม่ยอมไหว้เคารพนั้น ตนได้ตำหนิ ส.ส.คนดังกล่าวไปแล้ว
จุติยอมรับ ลูกหาบพรรคเองยังไม่ดูบลูสกาย
ขณะ ที่นายจุติ ไกรฤกษ์ กรรมการบริหารพรรค ลุกขึ้นชี้แจงว่า อยากให้สาขาพรรค ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนดูรายการของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย เพื่อจะได้รับทราบข่าวสารในทางเดียวกัน และอยากให้สาขาพรรคจัดทำกลุ่มแฟนคลับด้วย เพราะขณะนี้สมาชิกหลายคนไม่กล้าเปิดตัวว่า เป็นสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสาขาพรรคสามารถขยายสมาชิกพรรคได้ ด้วยการส่งข่าวสารผ่านทางอิเล็คทรอนิสก์หรืออีเมล หากแต่ละสาขาสามารถหาสมาชิกได้ 500 อีเมล ก็จะทำให้มีเครือข่ายกระจายข้อมูลมากขึ้น
อลงกรณ์ฝัน จูงจมูกนักรบไซเบอร์2พันคน
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่ภาคกลาง กล่าวว่า ตอนนี้ถึงจุดเปลี่ยนของพรรค ที่จะต้องเร่งปรับปรุงโครงสร้างที่มีปัญหามาตลอด โดยต้องสร้างขุนพลของพรรคขึ้นมา อย่างในพื้นที่ภาคกลาง ได้มีการสร้างขุนพลประชาชน จำนวน 2,000 คน เพราะเราตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องเพิ่มจำนวน ส.ส.จาก 26 คน เป็น 40 คนให้ได้ เพราะถ้าเราไม่ปรับวัฒนธรรมของพรรค เราก็สู้เขาไม่ได้ ดังนั้นถึงเวลาที่ต้องหันกลับมามองตัวเองบ้าง ต้องปฏิรูปตัวเอง เพราะถ้าเราบริหารพรรคแบบนี้ทุกปี สู้ไม่ได้แน่ จึงต้องสมานความเป็นเอกภาพในการทำงานร่วมกันให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ได้มอบหมายให้รองหัวหน้าพรรคทุกภาคไปเริ่มนำร่องสรรหาตัวผู้สมัคร ส.ส.แล้ว ถือเป็นการเปลี่ยนเปลงวิธีดำเนินการ พร้อมทั้งเปิดให้สาขาพรรคเชิญบุคคลภายนอกเข้ามามีบทบาทในการคัดตัวผู้สมัคร ด้วย
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น