วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556

ทูตสหรัฐฯ คุยกับผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์

 บทความแปล: วิกิลีกค์ฉบับเต็ม: ทูตสหรัฐฯ คุยกับผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์
อ้างอิง: THAILAND: CALL ON BANGKOK GOVERNOR SUKHUMBHAND TOUCHES ON PAST CORRUPTION, POLITICS, CULTURAL COOPERATION

หัวข้อเรื่อง: ประเทศ ไทย: เรียกร้องให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครช่วยตรวจตราเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องการ คอรัปชั่นในอดีต, เรื่อง การเมือง และการร่วมมือทางวัฒนธรรม


[IMG]

  1. (เนื้อหามีความละเอียดอ่อนแต่ไม่เป็นเรื่องลับ)  สรุป: เอกอัครราชทูตได้เข้าเยี่ยมคารวะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร เมื่อวันที่ 12 มีนาคม (พ.ศ. 2552) และสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่ืท้าทายซึ่ง ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์กำลังเผชิญหน้าอยู่ ในการแก้ปัญหาอย่างอืดอาดเกี่ยวกับคดีคอรัปชั่นในสมัยผู้บริหารชุดก่อนหน้า, รวมทั้งการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการเมืองของประเทศชาติและการร่วมมือทาง วัฒนธรรมอีกด้วย ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์กล่าวว่า บริษัทของประเทศออสเตรีย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดหาสินค้าอันอื้อฉาว ซึ่งทำให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนก่อนหน้าต้องลาออกจากตำแหน่งไปนั้น บริษัทของประเทศสหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นเจ้าของใหม่ทั้งหมดในปัจจุุบัน นั่นคือบริษัท เจนเนอรัล ไดนามิคส์ (General Dynamics) เขายังเสนอต่อไปว่า กลุ่มผู้ทำการประท้วงที่เป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาล หรือกลุ่ม “เสื้อแดง” ก็จะประสบกับความยากลำบากในเวลาช่วงนี้ ด้วยการประคับประคองให้การประท้วงอยู่ได้เป็นระยะเวลาอย่างยาวนานในกรุงเทพ มหานคร เพราะว่า คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ มีความเบื่้อหน่ายต่อการประท้วงและต้องการที่จะ “ดำเนินชีวิตกลับไปสู่ปรกติ” จบบทสรุป
“คดีรถดับเพลิงคือกับดักมรณะทางการเมือง”

          2. (เนื้อหามีความละเอียดอ่อนแต่ไม่เป็นเรื่องลับ) ในการตอบคำถามต่อเอกอัครราชฑูตเกี่ยวกับปัญหาอันสำคัญที่ท้าทายต่อการบริหาร ราชการของกรุงเทพมหานคร (Bangkok Metropolitan Administration หรือ BMA หรือ กทม) นั้น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์กล่่าวว่า เรื่องที่ทำให้เขาปวดศีรษะเป็นอย่างมากที่สุดคือ คดีเก่าๆ หลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการถูกกล่าวหาว่า การทำการทุจริตคอรัปชั่นซึ่ง “ไม่สามารถที่จะจางหายไปได้” คดีใหญ่ที่สุดในเรื่องเหล่านั้น คือสัญญาการจัดซื้อที่มีมูลค่า 6 พันล้านบาท ($165 ล้านเหรียญสหรัฐ) กับบริษัทจากประเทศออสเตรียชื่อว่า สเทเยอร์ (Steyr) ซึ่งเกี่ยวข้องกับรถดับเพลิงและเรือดับเพลิงรวมกันมากกว่า 500 คัน/ลำ สัญญาฉบับนี้ได้ลงนามโดยอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (และอดีตนายกรัฐมนตรี) สมัคร (สุนทรเวช) ในวันสุดท้ายที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่ และในท้ายที่สุด ก็ได้รับการเห็นชอบด้วยจากอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนก่อนหน้า คือ คุณอภิรักษ์ (โกษะโยธิน) (บันทึกเพิ่ม: การฟ้องร้องของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช) กับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนร่วมในสัญญาการจัดซื้อ รวมไปถึง อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คือ คุณสมัคร (สุนทรเวช) และ คุณอภิรักษ์ (โกษะโยธิน) นั้น ทำให้คุณอภิรักษ์ตัดสินใจที่จะลาออกจากตำแหน่งเมื่อปลายปี พ.ศ. 2551 เพียงจากหลังจากได้รับเลือกตั้งเข้ามาอีกวาระหนึ่ง ซึ่งเปิดทางให้กับ (ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์) ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาในเดือนมกราคม (พ.ศ. 2552))


          3. (เนื้อหามีความละเอียดอ่อนแต่ไม่เป็นเรื่องลับ) ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์กล่าวว่า สัญญาการจัดซื้อ ซึ่งเขาเรียกมันว่าเป็น “กับดักมรณะทางการเมืองสำหรับตัวของผม” (a political death trap for me) ในตอนนี้มีมุมของฝ่ายสหรัฐอเมริกาเกี่ยวข้องอยู่ ตั้งแต่บริษัท เจนเนอรัล ไดนามิคส์ ได้ครอบครองบริษัท สเทอเยอร์อย่างเรียบร้อยในภายหลังแล้ว เขาขอร้องให้ฝ่ายกรุงเทพมหานครสามารถถอนตัวออกมาจากสัญญาได้อย่างทันท่วงที หลังจากที่เข้าไปบริหารในตำแหน่ง แต่กลับกลายเป็นว่า ตนเองต้องติดกับดักระหว่างฝ่าย ปปช และสำนักงานอัยการสูงสุด (อส) สำนักงาน ปปช ได้ลงความเห็นว่า มีการแสดงให้เห็นถึงการกระทำที่ผิดอยู่ในสัญญาของบริษัท สเทเยอร์ และทางกรุงเทพมหานคร ควรที่จะสิ้นสุดนิติกรรมฉบับนี้ด้วยการตัดสินจากศาลยุติธรรม แต่สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ลงความเห็นว่า สัญญาฉบับนี้ถูกต้องตามตัวบทกฎหมายและปฎิเสธที่จะให้ทางฝ่ายกรุงเทพมหานครทำ การฟ้องร้องกับบริษัทสเทเยอร์ เพื่อจะทำให้สัญญาเป็นอันสิ้นสุดลงไป จากผลพวงในเรื่องนี้ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์และ กทม เองก็จะต้องติดหล่มอยู่ในเรื่องนี้ นั่นก็คือ พวกเขามีข้อผูกมัดที่จะต้องทำการจ่ายเงินอย่างต่อเนื่องเป็นงวดๆ ในทุกๆ หกเดือน จากวงเงินเครดิทที่ไม่สามารถที่จะถูกยกเลิกได้ ตามที่ระบุไว้ในเงื่อนไขของสัญญา ในขณะที่จำนวนรถดับเพลิงและเรือดับเพลิงที่ยังจอดอยู่เฉยๆ ในอู่นั้นก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ


          4. (เนื้อหามีความละเอียดอ่อนแต่ไม่เป็นเรื่องลับ) ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ เสนอแนะว่า ทาง กทม อาจจะให้บริษัทสเทเยอร์ทำการอนุมัติต่อการใช้เครื่องมืออุปกรณ์เหล่านี้ไป พลางๆ ก่อน โดยปราศจากอคติใดๆ หรือดำเนินการใดๆ ตามกฎหมายซึ่งเกี่ยวข้องกับสัญญาในท้ายที่สุด ส่วนเรื่องที่ผิดปรกติซึ่งย้ำโดย ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์คือการแลกเปลี่ยนอาจจะเป็นการแลกของต่อของ (barter transactions) ซึ่งเกี่ยวพันกับตัวสัญญาและเรื่องการประกอบชิ้นส่วนของรถดับเพลิงบางชิ้น ภายในประเทศไทย แทนที่จะมาจากต่างประเทศ ตามที่เงื่อนไขของสัญญาได้ระบุเอาไว้ กทม ได้ทำการใคร่ครวญว่า สามารถเริ่มดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายโดยตนเองได้หรือไม่ เนื่องจากว่าทางฝ่ายอัยการสูงสุดได้ปฎิเสธที่จะเป็นตัวแทนในเรื่องนี้


การเมืองจากท้องถนนไปสู่คณะรัฐมนตรี:


          5. (เนื้อหามีความอ่อนไหวแต่ไม่เป็นความลับ) ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ซึ่งถือว่าเป็นนักวิชาการสายอำมาตย์ที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า สามารถออกขึ้นไปยืนบนเก้าอี้เพื่อพูดจาให้ผู้คนเขาฟังกันได้ (not previously known for mixing it up on the stumps) ทำการอธิบายว่า เขาใช้เวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์ออกไปพบกับประชาชนในท้องถิ่นที่อยู่ในกรุงเทพ มหานคร เพื่อทำการรับฟังต่อปัญหาต่างๆ เขาเสนอว่า กลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลที่เป็นฝ่ายเสื้อแดง ซึ่งมีส่วนโยงไปกับแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) นั้น ไม่สามารถที่จะประคับประคองตนเองให้กลายเป็นกลุ่มต่อต้านที่มีผู้คนเพิ่ม ขึ้นมาเป็นจำนวนมากได้ เนื่องจากว่า ประชาชนชาวไทยเกือบทั้งหมดต้องการเดินหน้าในชีวิตของพวกเขาต่อไป ถึงแม้ว่าตัวเขาเอง มีความสัมพันธ์อย่างยาวนานกับพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำการบริหารประเทศอยู่ใน ขณะนี้ก็ตาม ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์กล่าวว่า เขาไม่ได้นำเอาการเมืองเข้ามาโยงแต่อย่างใด เมื่อมีการขออนุมัติให้ออกใบอนุญาตเพื่อทำการประท้วงบนสถานที่สาธารณะได้ “ผมจะปฎิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และอำนวยความสะดวกหาห้องน้ำห้องท่าให้กับฝ่ายเสื้อแดงอีกด้วย”


          6. (เนื้อหามีความละเอียดอ่อนแต่ไม่เป็นเรื่องลับ) ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ไม่มีความวิตกใดๆ ว่าจะต้องลงไปแข่งขันชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพียงแค่สองสัปดาห์ก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะมีโอกาสเป็นของตัวเองเสียทีใน เดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 เพื่อกลับไปเป็นผู้บริหารประเทศหลังจากเป็นฝ่ายค้านอยู่เป็นเวลาแปดปี (จากตำแหน่งที่เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาก่อน ชื่อของ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ได้รับรู้กันว่า เขามีความใฝ่ฝันที่จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็น อย่างยิ่ง) ตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่มีประชากรผู้มีสิทธิ์ออกเสียง เลือกตั้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เขากล่าวต่อไปว่า มีความต้องการการบริหารหลายแง่มุมทีเดียว ซึ่งมากกว่าหน้าที่บริหารในตำแหน่งรัฐมนตรีซึ่งมีอยู่เพียงด้านเดียวเท่า นั้น เขากล่าวอย่างติดตลกว่า ประสบการณ์ต่างๆ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า มันเป็นไปได้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมื่ออายุ เท่าไรก็ได้ เอกอัครราชทูตได้บันทึกว่า ในปี พ.ศ. 2551 มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศถูกเปลี่ยนไปถึงหกคน ซึ่งคิดว่า ตำแหน่งนี้ คงจะเปิดรับขึ้นมาอย่างบ่อยครั้งทีเดียว


            7. (เนื้อหามีความละเอียดอ่อนแต่ไม่เป็นเรื่องลับ) ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์คร่ำครวญว่าความไม่สมดุลทางโครงสร้างระหว่างภาระความรับผิดชอบ ที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีอยู่ในตำแหน่งกับอำนาจที่ตัวผู้ว่าราชการเอง สามารถนำมาอยู่ในกำมือนั้น: ค่าใช้จ่ายใดๆ ที่มีจำนวนเกิน 200 ล้านบาท (5.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อน ซึ่งการขอร้องจากทาง กทม ส่งเข้าพิจารณาโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีสำนักงานของรัฐบาลอีก 19 แห่งที่มีความเกี่ยวข้องกันกับการจราจรภายในกรุงเทพมหานครและรวมไปถึงระบบ การขนส่งมวลชนอีกด้วย และทางฝ่าย กทม ก็มีอำนาจอยู่ในมืออย่างเต็มที่ ก็เพียงแค่เรื่องรถไฟฟ้าบีทีเอส (Sky Train) เท่านั้นเอง


           8. (เนื้อหามีความละเอียดอ่อนแต่ไม่เป็นเรื่องลับ) ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ยืนกรานว่า งบประมาณ 2 พันล้านบาท (55 ล้านเหรียญสหรัฐ) ของกรุงเทพมหานคร เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้ให้การยืดหยุ่นต่อทางฝ่ายกรุงเทพมหานครเพื่อช่วยดำเนินการตามแผนฟื้นฟู เศรษฐกิจ เขาได้จัดลำดับความสำคัญในการเปิดตลาดใหม่ๆ เพื่อผลประโยชน์ของผู้ค้าขายรายเล็กๆ ด้วยการให้กู้ยืมเงินจำนวนเล็กน้อย พร้อมทั้งการกระตุ้นการท่องเที่ยว และให้พนักงานในสังกัดของกรุงเทพมหานครที่มีรายได้ต่ำ สามารถเข้าไปอาศัยอยู่ในเคหะสถานจำนวน 10,000 หน่วยอีกด้วย ทางฝ่าย กทม ก็ยังได้ใช้สถานภาพฐ่านะทางเครดิทและความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคารอีกหลายๆ ธนาคารเพื่อซื้อหนี้สินจากเครดิทการ์ดของพนักงานในสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง หมด และเปลี่ยนแพกเกตใหม่ (repackage) ด้วยการจ่ายหนี้สินกลับคืนมาด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่ามาก ทำให้เงินเข้าไปอยู่ในกระเป๋าของประชาชนมากขึ้นเพื่อทำการจับจ่ายใช้สอย แทนที่จะให้ไปกู้กับธนาคารซึ่งมีความลังเลใจที่จะอนุมัติให้มีการกู้ยืมเกิด ขึ้นในปัจจุบัน

ความร่วมมือทางวัฒนธรรม:

         9. (เนื้อหามีความละเอียดอ่อนแต่ไม่เป็นเรื่องลับ) เอกอัครราชทูตบันทึกว่า บ่อยครั้งที่หน่วยงานฝ่ายกิจกรรมทางวัฒนธรรมของสถานทูต ได้เป็นหุ้นส่วนในการทำโปรแกรมและกิจกรรมต่างๆ กับฝ่ายกรุงเทพมหานคร และทางสถานทูตทำการชมเชยต่อ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ในการเปิดหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครซึ่งเพิ่งผ่านพ้นไป ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ระบุถึงความปรารถนาที่จะขยายความร่วมมือทางวัฒนธรรม แต่กล่าวว่า ทางหอศิลปวัฒนธรรมต้องเผชิญหน้ากับความยุ่งยากและปัญหาทางกฎหมายของตนเอง เกี่ยวกับเรื่องการบริหาร เขาต้องการให้กลุ่มภาคประชาสังคมเข้าไปดำเนินการในหอศิลปวัฒนธรรม และอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนก่อนหน้าเขา พยายามที่จะสร้างรากฐานด้วยการเสนอตำแหน่งหลายตำแหน่งที่มาจากภาคประชาสังคม ในคณะกรรมการของหอศิลป์ เพื่อปฎิบัติหน้าที่ในนั้น อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกฎหมายได้แนะนำ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ว่า กฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน ทำให้สูตรนี้กลายเป็นปัญหาทางกฎหมายโดยทันที และสำหรับในเวลานี้ ทางฝ่าย กทม จะดำเนินการบริหารหอศิลปวัฒนธรรมเองโดยตรง

(เอกอัครราชทูต อีริค) จอห์น


-------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็นของผู้แปล:


          เคเบิ้ลฉบับนี้เขียนเมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2552 ประมาณหนึ่งเดือนก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ สงกรานต์เลือดเมื่อปี พ.ศ. 2552 ซึ่งจะเห็นได้ว่า ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์พยายามที่จะให้ทางฝ่ายทูตสหรัฐอเมริกาช่วยเหลือในการ "ล้มเลิก" สัญญาที่ทำไว้ในการซื้อรถและเรือดับเพลิงที่มีการอนุมัติมาตั้งแต่สมัยคุณ สมัคร สุนทรเวชยังอยู่ในตำแหน่ง ทั้งๆ ที่ตนเองก็ทราบว่า ฝ่ายอัยการสูงสุดที่รับผิดชอบเกี่ยวกับกฎหมายนั้น บอกว่าเป็นสัญญาที่ทำกันอย่างถูกต้อง


           เรื่องที่เห็นว่าเป็นไปอย่างดีคือ การส่งสินค้าตามสัญญา ไม่เหมือนกับเรื่องเรือเหาะและรถถังที่ทางฝ่ายกองทัพบกไทยพยายามทำสัญญาซื้อ อาวุธเหล่านั้น แต่ยังไม่เห็นสินค้าตามที่สั่งเข้ามาเสียที


         ส่วนเรื่องการ "โม้" ว่าจะช่วยคนเสื้อแดงตามที่กล่าวไว้กับทูตสหรัฐนั้น ท่านผู้อ่านก็คงจะทราบแล้วว่า มีความเท็จจริงประการใด ในเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ทำการประท้วง โดยเฉพาะเรื่อง "ห้องน้ำห้องท่า" เพราะเท่าที่ทราบมา ทาง กทม ไม่เคยจัดหรืออำนวยความสะดวกใดๆ กับพี่น้องที่ไปประท้วงกันบนท้องถนนเท่าไร การคุยกับทางฝ่ายสหรัฐ ก็เหมือนกับการ "เอาหน้า" เท่านั้นเอง แต่ไม่ได้ปฎิบัติตามคำที่กล่าวไว้


         จากเอกสารอ้างอิงข้อที่ 5 นั้น ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์คาดการณ์ผิดไปเกี่ยวกับคนเสื้อแดงที่ว่า ไม่มีประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุน และคิดว่า การประท้วงจะหยุดลงไปอีกไม่กี่วัน ซึ่งการประท้วงนั้น กลับกลายเป็นว่าใหญ่ยิ่งกว่าเก่า จนกระทั่งมีการเสียชีวิตในเหตุการณ์สงกรานต์เลือดเมื่อปี พ.ศ. 2552 กัน การอ้างว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่เห็นด้วยนั้น เป็นการอ้างเพื่อเอาดีใส่ตัวเช่นเคย


         ส่วนเรื่องการที่บอกว่า ตนเองมีความช่ำชองในเรื่องกิจการต่างประเทศเพราะเคยทำงานเป็นรัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาก่อนหน้านั้น เป็นเรื่องที่เราๆ ก็ทราบกันอยู่ โดยเฉพาะเรื่อง MOU ที่ไปทำไว้กับประเทศกัมพูชาเมื่อปี พ.ศ. 2543 ที่มีการอ้างถึงเรื่องที่ทำให้ประเทศไทยเสียผลประโยชน์ เราก็คงจะทราบแล้วว่า เป็นผลงานของใคร


         เอกสารอ้างอิงข้อที่ 8 กล่าวว่า ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ได้พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจของ กทม รวมไปถึงการท่องเที่ยว และช่วยเหลือพนักงานที่มีรายได้น้อยเป็นจำนวน 10,000 หน่วย รวมไปถึงการคุยว่า สามารถกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำได้ แต่อยู่ๆ ทำไมเรื่องนี้ถึงเงียบหายไป และไม่ได้เป็นผลงานอะไรเลย เท่าที่ทราบมา ปรากฎว่า ธนาคารต่างๆ ไม่ได้ให้การกู้ในดอกเบี้ยที่ต่ำอย่างที่ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์กล่าวไว้เลย แต่กลับไปพูดกับทูตก่อนที่จะทำได้จริงเสียอีก (ดีที่ทูตเขาบันทึกไว้หมดว่า พูดอะไรกับเขาบ้าง)


         ตามข่าวที่ค้นมาได้จากหัวข้อเรื่อง เงินกู้ดอกเบี้ยพิเศษจาก ธอส. ที่คน กทม. ต้องช้ำใจ กล่าวว่า ธนาคารอาคารสงเคราะห์กับ กทม กลายเป็นจำเลย เนื่องจากมีสัญญาดอกเบี้ยกัน 2.75% แต่กลับกลายเป็นเหยื่อตอนดอกเบี้ยขาขึ้น เพราะพุ่งขึ้นไปถึง 7% อย่างนี้ไม่ทราบว่า ควรจะเรียกเรื่อง ดอกเบี้ยต่ำอย่างที่คุยไว้กับเอกอัครราชทูตจอห์นหรือเปล่า

         ส่วนเรื่องศิลปวัฒนธรรมนั้น ท่านก็คงทราบแล้วว่า ผลงานเป็นอย่างไรในรอบหลายปีที่ผ่านมา ดิฉันไม่ขอวิจารณ์ใดๆ

          วิกิลีกค์ฉบับนี้ ก็แสดงให้เห็นถึงการ "บ่น" ของ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ว่า คนอื่นที่เป็นผู้บริหารงานมาก่อน เป็นตัวปัญหาที่เขาจะต้องรับผิดชอบทุกอย่างตามหน้าที่ เราจะเห็นได้ว่า ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ทำการคร่ำครวญต่อเอกอัครราชฑูตจอห์นหลายครั้งทีเดียว

         โลกดิจิตอล มีการบันทึกไว้หมดว่า ท่านทำหรือเคยทำอะไรมาก่อน จะดีหรือเลว ประชาชนสามารถตรวจสอบได้โดยการอ้างอิงข้อมูลเท่านั้นเอง สมัยนี้ จะโกหกอะไร ก็คงจะยากมากๆ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่สามารถหว่านล้อมเจรจากับผู้คนเขาได้

         ดิฉันหวังว่า งานที่ท่านจะรับผิดชอบต่อไปในโอกาสหน้า คงจะไม่ไปตำหนิว่า คนเก่าเขาทำอะไรทิ้งไว้นะคะ เพราะการเป็นนักการเมืองคือ การแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในอดีต, ปัจจุบัน หรือในอนาคตก็ตาม...


Doungchampa Spencer


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น