สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ
ข่าวเรื่องเขื่อนแม่วงก์ ได้กลายเป็นกระแสใหญ่อีกครั้ง เมื่อ คุณศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้เป็นผู้นำในการรณรงค์ โดยใช้วิธีการเดินเท้าจากอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ นครสวรรค์ โดยมีปลายทางที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มาบุญครอง การเดินรณรงค์นี้ เป็นระยะทาง 338 กิโลเมตร เริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน ใช้เวลา 13 วัน โดยมาถึงกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 22 กันยายน เป้าหมายของการรณรงค์ครั้งนี้ ก็เพื่อสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชนและคัดค้านขบวนการอีเอชไอเอ.(รายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม)ของเขื่อนแม่วงก์ ประเด็นสำคัญของการคัดค้าน คือ การสร้างเขื่อนนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อผืนป่าอย่างมากมาย อีกทั้งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่อย่างใด เพราะเขื่อนที่สร้างแล้วก็ยังรับนำได้เป็นเปอร์เซ็นต์น้อยมากของน้ำที่ท่วม การสร้างเขื่อนจึงไม่มีความคุ้มค้าต่อการทำลายสภาพแวดล้อม
ข้อมูลจากคุณนณณ์ ผาณิตวงศ์ อธิบายว่าเขื่อนแม่วงก์เป็นเขื่อนที่มีปริมาณกักเก็บน้ำ 250 ล้านลูกบาศก์เมตร ค่าก่อสร้างปัจจุบัน อยู่ที่ 13,000 ล้านบาท จะก่อให้เกิดน้ำท่วม 2 % ของป่าแม่วงก์ แต่บริเวณนี้เป็นป่าที่ราบริมน้ำซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการหากินและ ขยายพันธุ์ของสัตว์ป่าในฤดูแล้ง ในปัจจุบันประเทศไทยเหลือป่าในพื้นที่ราบอยู่น้อยมาก การสร้างเขื่อนทำให้ป่าถูกทำลาย 13,000 ไร่ เป็นไม้ใหญ่ 500,000 ต้น เป็นไม้สัก 50,000 ต้น ป่าแม่วงก์เป็นแหล่งสัตว์อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าราว 549 ชนิด ปลา 64 ชนิด ที่จะได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน การต่อต้านการสร้างเขื่อน จึงเป็นการรักษาป่าไม้และสภาพธรรมชาติเอาไว้
ปรากฏว่า ในวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน เวลาราว 15.00 น. ที่บริเวณด้านหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ เสื้อแดงกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(กวป.) ได้จัดงาน“เปิดโปง สนับสนุน ผลักดัน” ในโอกาส 7 ปี รัฐประหาร เพื่อต่อต้านองค์กรอิสระและสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 และผลักดันจัดตั้งสภาประชาชนแห่งประเทศไทย” ซึ่งไม่ได้มีการเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคัดค้านเขื่อนแม่วงก์
แต่สำนักข่าวทีนิวส์ ได้รายงานว่า ขณะที่กลุ่มคัดค้านเขื่อนแม่วงก์เคลื่อนขบวนมานั้น “ได้มีกลุ่มเสื้อแดงชูป้ายสนันสนุนการสร้างเขื่อนแม่วงก์ หวังความปั่นป่วนขึ้น ที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ แต่ในเวลานี้ยังไม่มีเหตุการณ์ปะทะกันเกิดขึ้น” พร้อมกับเสนอภาพกลุ่ม กวป. ที่ชุมนุมหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ทั้งที่เส้นทางเคลื่อนขบวนของกลุ่มต่อต้านเขื่อนก็ไม่ได้ผ่านเซนทรัลเวิร์ด หมายถึงว่า สำนักข่าวทีนิวส์เสนอข่าวโดยไม่ต้องมีข้อเท็จจริง ต่อมา จึงลบข่าวนี้ออกไป แต่ยังลงอีกข่าวว่า "สมศักดิ์ เจียมเฮี้ยนไม่เลิกฉะพวกค้านเขื่อนแม่วงก์อีเดียด ขณะเพจแดง ไล่ไปค้านยึดภูเขา ยึดสปก. พร้อมเย้ยถ้าไม่สร้างเขื่อน จะรักษาป่าได้ไหม” ทั้งที่ในเนื้อข่าว ก็ไม่มีสาระที่จะชี้ได้ว่า สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลจะไปโจมตีพวกต่อต้านเขื่อนแต่อย่างใด เพียงแต่ยกเพจคนเสื้อแดงมาพียงกรณีเดียวมาอ้างว่าคนเสื้อแดงสนับสนุนการสร้างเขื่อน
ต่อมา สำนักข่าวไทยโพสต์ได้นำข่าวคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์ไปรายงานต่อโดยพาดหัวว่า
“สุดอุบาทว์ เสื้อแดงนำคนมาต้านพร้อมสนับสนุนให้สร้าง” นอกจากนี้ ยังลงอีกข่าวในพาดหัวว่า “ภาพชัดๆ!! เนติวิทย์ เด็กติ่งแดง ร่วมค้านเขื่อนแม่วงก์” โดยอธิบายในเนื้อข่าวว่า นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล บุคคลที่เคยสนับสนุนให้ปฎิรูปการศึกษา และข้อเสนอให้ยกเลิกความเป็นไทย ล่าสุด ได้สร้างความฮือฮาด้วยการเข้าร่วมกับกลุ่มคัดค้านเขื่อนแม่วงก์ของนาย ศศิน ซึ่งแนวคิดต่างจากพวกเสื้อแดงและรัฐบาล
สรุปแล้วสื่อมวลชนฝ่ายขวาเหล่านี้ พยายามสร้างภาพให้ได้ว่า คนเสื้อแดงจะต้องหนุนการสร้างเขื่อน ถ้าใครที่มีแนวโน้มทางเสื้อแดงมาต่อต้านเขื่อนหมายถึงแหกคอก และการเสนอข่าวเหล่านี้ก็ไม่ต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่รอบด้านอะไร แต่ใช้วิธีการสื่อสารมวลชนที่เรียกว่า”เต้าข่าว”เป็นหลัก
ก่อนอื่นผู้เขียนเองในฐานะคนเสื้อแดงระดับ “กระบือแดง” คนหนึ่ง ต้องขอเรียนให้ทราบว่า กลุ่มคนเสื้อแดงนั้นเป็นคนกลุ่มใหญ่ จึงมีความเห็นที่หลากหลายได้ ไม่มีความจำเป็นเลยที่คนเสื้อแดงทั้งหมดจะต้องเห็นด้วยกับเขื่อนแม่วงก์ ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ไม่เคยเอาเขื่อนเสมอมา สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล บก.ลายจุด หรือแม้กระทั่งแกนนำ นปช.ก็ยังไม่มีใครสักคนที่ออกมาแถลงสนับสนุนเขื่อนแม่วงก์ แต่แน่นอน มีคนเสื้อแดงและ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลบางส่วน สนับสนุนการสร้างเขื่อน ซึ่งคงไม่อาจสรุปเป็นระเบียบวาระอันชัดเจนได้ว่า คนเสื้อแดงจะต้องเอาเขื่อนแม่วงก์ ความเชื่อที่ว่า คนเสื้อแดงจะต้องสนับสนุนรัฐบาลทุกเรื่องทุกนโยบาย เป็นเรื่องเข้าใจเอาเองของพวกสื่อฝ่ายขวาและกลุ่มสลิ่มหลากสี เพราะพวกนี้ไม่เคยสนใจว่า คนเสื้อแดงจำนวนมากไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐบาลในเรื่องคุมขังนักโทษการเมือง วางเฉยต่อเรื่องมาตรา 112 และปฏิรูปการเมืองล่าช้า และเรื่องคนเสื้อแดงติดคุกจะกลายเป็นประเด็นแตกหักระหว่างรัฐบาลกับคนเสื้อแดงจำนวนมากเสียด้วยซ้ำ ที่เป็นดังนี้เพราะสื่อฝ่ายขวาและกลุ่มสลิ่มหลากสี ก็ไม่เคยจนในประเด็นสิทธิของประชาชนเช่นกัน
สำหรับเรื่องเขื่อนแม่วงก์ ขอให้ลองมาดูข้อมูลอีกด้านหนึ่ง จากรายงานข่าวเมื่อวันที่ 21 กันยายนว่า นายประสาท ตันประเสริฐ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคชาติพัฒนา ได้นำกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อ.ลาดยาว อ.แม่วงก์ อ.ชุมตาบง อ.แม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ ประมาณ 50 คน ยื่นหนังสือสนับสนุนการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ โดยนายประสาท กล่าวว่า จะมีการจัดการชุมนุมรวมพลคนรักเขื่อน บริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอแม่วงก์ ซึ่งตนคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมในหลักหมื่น และอยากเชิญให้นายปลอดประสพ สุรัสวดี ไปพบกับประชาชนผู้ชุมนุมด้วย
สำหรับ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย ได้อธิบายข้อมูลว่า เขื่อนแม่วงก์เคยเสนอเมื่อ 15 ปีก่อน ในฐานเขื่อนชลประทาน โดยกรมชลประทานประเมินไว้ว่าจะสามารถส่งน้ำไปในพื้นที่เกษตรได้สามแสนไร่ เวลานั้นก็ถูกคัดค้านเพราะทำให้สูญเสียป่าหมื่นกว่าไร่ สัตว์ป่าก็ต้องหนีน้ำท่วมจึงไม่คุ้มกับการสร้างเขื่อน ในขณะนั้น คุณปลอดประสพเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ก็ ไม่เชื่อว่าโครงการนี้จะเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้ เพราะพื้นที่ในจังหวัดอุทัยธานี นั้น เป็นพื้นที่ชัน ไม่มีพื้นที่ชลประทาน คุณปลอดประสพก็คัดค้านด้วย โครงการก็ล้มไป แต่มาวันนี้โครงการเขื่อนถูกรื้อฟื้น เพราะแม่น้ำแม่วงก์ไหลลงแม่น้ำสะแกกรัง และมาไหลลงเจ้าพระยา ในฤดูน้ำ จะมีน้ำทั้งจากแม่น้ำปิง แม่น้ำน่าน รวมทั้งแม่น้ำสะแกกรังมาลงแม่น้ำเจ้าพระยา จนแม่น้ำเจ้าพระยารับไม่ไหว การสร้างเขื่อนรับน้ำไว้ก่อน จะเป็นการช่วยภาระของเขื่อนชัยนาท เพื่อจะบรรเทาน้ำท่วมในที่ลุ่มแม่น้ำ คือ ปทุมธานี สิงห์บุรี อ่างทอง และ อยุธยา คุณปลอดประสพเห็นว่า การบรรเทาน้ำท่วมเป็นสิ่งที่คุ้มค่า เพราะความเสียหายจากน้ำท่วมเมื่อ พ.ศ.2554 เป็นจำนวน 1.4 ล้านล้าน เป็นเรื่องมโหฬารมาก รัฐบาลจึงต้องวางแผนในการแก้ไข ส่วนที่ผู้คัดค้านเห็นว่า เขื่อนแม่วงก์กักเก็บน้ำได้น้อย คุณปลอดประสพอธิบายว่า “ไปคิดแบบนั้นไม่ได้ เพราะเขื่อนเล็กเขื่อนใหญ่ มารวมกัน ก็จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ทุกเขื่อนเล็กใหญ่มีความสำคัญเท่ากัน” ในกรณีที่ทำให้ป่าเสียหาย ก็สามารถทำโครงการฟื้นฟูป่าโดยการปลูกทดแทน 3 เท่า ก็จะมีป่าที่สมบูรณ์ขึ้นได้
สรุปแล้ว เรื่องเขื่อนแม่วงก์คงจะเป็นประเด็นที่ถกเถียงและรณรงค์กันต่อไป แต่อยากจะเสนอให้รณรงค์โดยพิจารณาคนที่เห็นต่างกันในฐานะที่เป็นมนุษย์ การไม่เห็นด้วยกับคุณปลอดประสพคงไม่เป็นปัญหา แต่ไม่ควรใช้วิธีลดคุณค่าความเป็นมนุษย์(dehumanize)ทั้งคุณปลอดประสพและคนเสื้อแดง และต้องช่วยกันปฏิเสธสื่อเต้าข่าว สังคมไทยก็จะอุดมสติปัญญาขึ้นได้
ที่มา: โลกวันนี้วันสุข ฉบับที่ 431 28 กันยายน 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น