|
"แป๊ะลิ้ม" แบไต๋ม็อบ แช่แข็งประเทศ 3 ปี !
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 (go6TV) – เมื่อเวลา 10.30 น. ที่บ้านพระอาทิตย์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนไม่รับอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศและพร้อมเคลื่อนไหวทันที พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลไม่รับคำตัดสินของศาลโลกในคดีเขาพระวิหาร เนื่องจากจะทำให้สูญเสียดินแดนที่เป็นของประเทศไทย
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับนายสนธิ แล้วว่าต้องออกแถลงการณ์แสดงจุดยืน เพื่อให้บ้านเมืองได้รับรู้สถานการณ์ในปัจจุบัน ดังนี้
- 1.ตนและนายสนธิ ต้องการให้กำลังใจประชาชนทุกหมู่เหล่าที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งการคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การคัดค้านการแก้ไขมาตรา 190 การคัดค้านการขึ้นราคาก๊าซ LPG ที่ถึงแม้จะมียุทธวิธีที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนเสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองเหมือนกัน
- 2. ตนและแกนนำกลุ่มพธม. คาดหวังว่าเมื่อยุติบทบาทจะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนออกมารับผิดชอบประเทศ ไม่ใช่กลุ่มพธม. ซึ่งทำให้รัฐบาลประมาท ลุแก่อำนาจ จึงเป็นที่มาของการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จนทำให้ประชาชนออกมาต่อต้านเป็นจำนวนมาก และนี่ถือว่ายุทธวิถีที่ทำให้เกิดมวลชนกลุ่มใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล
- 3.เงื่อนไขที่แกนนำพธม.จะกลับมาคือ เมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวย หรือพี่น้องประชาชนต้องการให้กลับมาเป็นแกนนำ และขอเรียกร้องให้ประชาชนที่ยังคัดค้านเพียงแค่พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ปรับเปลี่ยนกลยุทธวิถี เนื่องจากยังมีอีกหลายประเด็นที่รัฐบาลยังลุแก่อำนาจได้ ซึ่งการยุบสภาฯ หรือลาออก ยังไม่ใช้หนทางการแก้ปัญหา แต่ต้องใช้การปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อไปว่า ตนขอเรียกร้องให้ข้าราชการหยุดทำตามคำสั่งของทรราช และมาร่วมกับมวลชนจึงจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ วันนี้เป็นวันสำคัญที่ศาลโลกจะตัดสินคดีเขาพระวิหาร ซึ่งถ้าหากประเทศไทยสูญเสียดินแดนรัฐบาล นักการเมืองที่รู้เห็นเป็นใจ จะต้องรับผิดชอบกับการกระทำทั้งหมด และขอให้รัฐบาลไม่รับคำตัดสินของศาลโลก เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีประเทศใดรับอำนาจศาลโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เป็นต้น นอกจากประเทศไทย ตนจึงไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้ และจำเป็นต้องออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง พร้อมประกาศว่าไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็จะไม่รับคำตัดสินจากศาลโลก และขอเชิญชวนให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหว เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ
ก่อนหน้านี้นายสนธิ เคยรับปากกับตนไว้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ตนออกมาเคลื่อนไหว นายสนธิ ก็พร้อมออกมาเคลื่อนไหวด้วย แต่ตนได้ห้ามนายสนธิไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหวในตอนนี้ เนื่องจากหากตนทำไม่สำเร็จจะได้มีนายสนธิ เป็นตัวสำรอง
ด้านนายสนธิ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมองว่ากระบวนการของศาลโลกซึ่งเป็นประเทศของมหาอำนาจ ไม่มีเหตุผลใดที่จะมาพิจารณาคดีเขาพระวิหาร แต่เนื่องจากมีประเทศบางประเทศมีส่วนได้เสียจากพลังงาน ซึ่งถ้าหากเราย่อมแพ้ก็จะเสียพื้นที่ในอ่าวไทย และเป็นที่น่าผิดหวังที่รัฐบาลไทยจะยอมรับอำนาจของศาลโลก ทั้งยังสมรู้ร่วมคิดกับศาลโลก ด้วยการเร่งแก้ไขมาตรา 190 เนื่องจากมาตราดังกล่าวระบุ ให้สามารถไปคุยตกลงกันได้โดยไม่ต้องบอกให้ประชาชนรับรู้
นายสนธิ ได้ตั้งข้อสังเกตกรณีที่นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน ได้มาพูดในรัฐสภาไทย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ ยังไม่มีโอกาสได้พูด ดังนั้นจีนอาจมีส่วนได้ส่วนเสียกับการตัดสินในคดีเขาพระวิหาร เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกัมพูชา ส่วนกรณีการที่รัฐบาลเปิดฟรีวีซ่ากับประเทศจีน คนที่เดือดร้อนไม่ใช่คนจีนแต่เป็นคนไทย ที่ต้องตกงานเพราะคนจีนจะเข้ามาทำงานแทนที่ นี่คือผลงาน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีตามหมายศาล ซึ่งได้โอ้อวดเอาไว้
นายสนธิ กล่าวต่อไปว่า พธม.ชุมนุมมาร่วม 7 ปี มีทั้งคนรักและคนเกลียด ดังนั้นเราจึงยุติบทบาทเนื่องจากความรับผิดชอบของบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องของพธม. แต่เป็นเรื่องของประชาชน ดังนั้นการยุติบทบาทนั้นครั้งนั้นถือการรุกฆาต และให้ประชาชนที่แท้จริงออกมา และตอนนี้ก็มีหลากลายเวทีได้ถูกจัดตั้งขึ้นซึ่งล้วนแล้วแต่มีแกนนำเป็นของตนเอง ฉะนั้นการที่ตนตนจะออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่นั้นก็ไม่มีความหมาย แต่ทั้งนี้พล.ต.จำลอง ได้ขอร้องผมเอาไว้ อยากให้เป็นตัวสำรอง แต่ตนหวังอยากให้ทุกเวทีเกิดการตกผนึกทางความคิด และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ คงเห็นแล้วว่ามวลชนมักจะนำหน้าแกนนำเสมอ วันนี้การต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมอย่างเดียวคงไม่พอ เราไม่ได้ต้องการโค่นล้มรัฐบาล หรือโค่นล้มตระกูลทักษิณ แต่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ
"ตนมองว่าประเทศไทยต้องยุติอำนาจของนักการเมือง 2-3 ปี แล้วถวายอำนาจคืนในหลวง และให้พระองค์ท่านแต่งตั้งใครก็ได้มาบริหารประเทศชั่วคราว เพื่อให้ประเทศกลับสู่ภาวะปกติ หากล้มรัฐบาลชุดนี้ได้แล้ว ควรถวายอำนาจคืน" นายสนธิกล่าว |
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น