วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

"มี 2 สัญชาติเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้":จาตุรนต์


http://www.internetfreedom.us/thread-15183.html

"การที่คุณอภิสิทธิ์บอกว่าจะสละสัญชาติอังกฤษก็ได้แต่ไม่สละนั้นมีความหมายว่า ไม่ว่าที่ผ่านมาคุณอภิสิทธิ์จะเคยใช้สิทธิของการมีสัญชาติอังกฤษหรือไม่ก็ตาม แต่วันหนึ่งข้างหน้าคุณอภิสิทธิ์อาจจะใช้สิทธิของการมีสัญชาติอังกฤษก็ได้ เช่นถ้าในอนาคตจะมีการดำเนินคดีกับคุณอภิสิทธิ์ในข้อหาสั่งการให้สังหารประชาชน แล้วคุณอภิสิทธิ์เกิดเดินทางไปอยู่เสียที่ประเทศอังกฤษแล้วก็ขอใช้สิทธิในฐานะที่มีส​ัญชาติอังกฤษคุณอภิสิทธิ์ก็ย่อมจะได้รับการคุ้มครองอย่างพลเมืองอังกฤษขึ้นมาทันที" 

โดย จาตุรนต์ ฉายแสง
27 กุมภาพันธ์ 2554

ในระยะหลังนี้ ดูเหมือนคุณอภิสิทธิ์จะอยู่ในสภาพโรคซ้ำกรรมซัด ต้องพบกับปัญหาใหญ่ๆที่ตนเองจัดการอะไรไม่ได้ และไม่สามารถใช้ความสามารถในการพูดเอาตัวรอดไปได้ง่ายๆเหมือนระยะก่อนๆ

คุณอภิสิทธิ์ถูกพันธมิตรโจมตีอย่างสาดเสียเทเสีย และในหลายเรื่องก็เป็นเรื่องที่แก้ตัวไม่ได้เสียด้วย

ขณะเดียวกันก็เดินแนวทางที่ผิดพลาดในกรณีความขัดแย้งกับกัมพูชาที่มีแต่จะนำไปสู่ควา​มล้มเหลวเสียหายมากยิ่งขึ้นทุกที

ส่วนปัญหาน้ำมันปาล์มที่ทำให้คนเดือดร้อนกันไปทั่วประเทศและใครที่ติดตามเรื่องพอสมค​วรก็คงจะรู้ว่าผลประโยชน์มหาศาลตกอยู่กับคนของพรรคประชาธิปัตย์เสียเป็นส่วนใหญ่นั้น​ คุณอภิสิทธิ์ก็กลับทำอะไรไม่ได้หรืออาจจะต้องใช้คำพูดว่าไม่คิดทำอะไรเลย

เรื่องเหล่านี้รวมทั้งกรณีทุจริตหรือความล้มเหลวในการบริหารของคุณอภิสิทธิ์อีกจำนวน​มาก ประชาชนทั่วประเทศคงจะรอฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้อย่างใจจดใจจ​่อมากกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลปัจจุบันในครั้งก่อนๆ

และน่าจะพอคาดการณ์ได้ว่าถ้าฝ่ายค้านเตรียมการได้ดีพอสมควรคุณอภิสิทธิ์และรัฐบาลนี้​คงอยู่ในสภาพย่ำแย่เต็มทีแน่ๆ

มีเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ของคุณอภิสิทธิ์และว่าไปแล้วก็ต้องถือว่าเป็​นเรื่องใหญ่ของประเทศไทยเราเสียมากกว่าที่ควรจะนำมาพูดกันให้เกิดความชัดเจนไปเสียโด​ยไม่ต้องรอจนถึงวันที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้ใจก็คือ เรื่องที่คุณอภิสิทธิ์มี 2 สัญชาติ

เรื่องนี้เริ่มมาจากมีคนนำเรื่องกรณีการสังหารประชาชนเมื่อเดือนเมษา-พฤษภา ปีที่แล้วไปฟ้องศาลคดีอาญาระหว่างประเทศซึ่งหลายคนเชื่อว่าศาลคงไม่รับฟ้อง เพราะรัฐบาลไทยไม่ได้ลงสัตยาบันรับรองอำนาจของศาล แต่ต่อมาก็มีการอธิบายว่าสามารถฟ้องคุณอภิสิทธิ์ได้เนื่องจากคุณอภิสิทธิ์ถือสัญชาติ​อังกฤษด้วย

เมื่อมีการไปถามคุณอภิสิทธิ์ในตอนแรกๆ คุณอภิสิทธิ์ตอบบ่ายเบี่ยงว่าเลือกที่เกิดไม่ได้และในระหว่างที่อยู่ในประเทศอังกฤษไ​ม่เคยใช้สิทธิของพลเมืองอังกฤษเช่นเวลาเรียนหนังสือก็จ่ายค่าเล่าเรียนอย่างชาวต่างป​ระเทศ แต่ไม่บอกว่ายังมีสัญชาติอังกฤษหรือไม่

ต่อมามีการยกประเด็นขึ้นว่าเนื่องจากคุณอภิสิทธิ์เกิดในประเทศอังกฤษ คุณอภิสิทธ์จึงได้สัญชาติโดยอัตโนมัติตามกฎหมายอังกฤษและตราบใดที่คุณอภิสิทธ์ยังไม่​สละสัญชาติอังกฤษ คุณอภิสิทธิ์ก็ยังคงมีสัญชาติอังกฤษด้วยซึ่งก็คือมี 2 สัญชาตินั่นเอง

คุณอภิสิทธิ์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบเรื่องนี้ให้กระจ่างอยู่นาน จนกระทั่งถูกจี้ถามในสภาฯซึ่งตอนแรกๆก็ยังใช้สำนวนโวหารบ่ายเบี่ยงประเด็นตามที่ถนัด​เช่น "อยากถามท่านว่าเป็นคนแจ้งเกิดตัวเองหรือไม่"

แต่ในที่สุดก็ยอมรับว่าไม่เคยทำเรื่องสละสัญชาติอังกฤษด้วยเหตุเพราะตนเข้าใจว่าถ้าเ​ป็นกฎหมายที่ขัดกันก็ให้ถือกฎหมายไทยเป็นหลักและตนได้แสดงเจตนามาตลอดว่าใช้สัญชาติไ​ทย

คุณอภิสิทธิ์บอกว่าจะให้สละสัญชาติอังกฤษ สละได้ แต่ถ้าสละตอนนี้ก็อาจถูกหาว่ากลัวจะไปขึ้นศาลโลก คุณอภิสิทธิ์ยังอธิบายต่อไปว่าไม่เคยคิดจะไปหาผลประโยชน์ในประเทศอื่น ที่ทำอยู่คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของประเทศไทย และยังบอกด้วยว่าจะให้สละให้เหลือสัญชาติไทยสัญชาติเดียวก็ได้ แต่ถามว่าให้ปฏิบัติอย่างเสมอกันทุกคนเอาไหม

ฟังคุณอภิสิทธิ์อธิบายมาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าคุณอภิสิทธิ์เสียศูนย์และผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งแล้ว ผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ จะเป็นเพราะกำลังมีเรื่องหนักๆประเดประดังเข้ามาหรือว่าถนัดแต่การใช้โวหารแบบฉาบฉวย​เป็นคราวๆไป พอมาเจอเรื่องยากจริงๆเข้าก็เลยหาคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผลไม่ได้หรืออย่างไรก็ไม่ท​ราบ

ผมไม่ได้ต้องการวิเคราะห์เรื่องคุณอภิสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีในศาลคดีอาญาระหว่างประเท​ศหรือไม่และก็ไม่ได้สนใจว่าคุณอภิสิทธิ์ควรสละสัญชาติอังกฤษหรือไม่ แต่ผมกำลังสนใจกลับเป็นประเด็นว่าเมื่อคุณอภิสิทธิ์เองก็ยอมรับแล้วว่าตนมี 2 สัญชาติและยังยอมรับด้วยว่าจะสละสัญชาติอังกฤษก็ได้แต่ต้องมีเงื่อนไขอย่างนั้นอย่าง​นี้อย่างที่คุณอภิสิทธิ์ชี้แจงไปนั้น คุณอภิสิทธิ์ยังควรเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยอยู่ต่อไปอีกหรือไม่ หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องยิ่งกว่านั้นก็คือคุณอภิสิทธิ์ควรเป็นนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่ต​้นหรือไม่

เข้าใจว่ามีประชาชนไทยจำนวนหนึ่งที่มี 2 สัญชาติอยู่เหมือนกัน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่โตอะไร การจะไปไล่หาทางบังคับให้คนเหล่านั้นสละสัญชาติให้เหลือสัญชาติไทยอย่างเดียวบางทีอา​จจะเป็นปัญหากับบ้านเมืองและทำให้ประชาชนเหล่านั้นเดือดร้อนกันเสียเปล่าๆ

แต่คุณอภิสิทธิ์ไม่ใช่ประชาชนทั่วไปแต่เป็นนายกรัฐมนตรี จะอ้างว่าที่คนอื่นถือสัญชาติ 2 สัญชาติได้ ทำไมจะมาให้ตนสละสัญชาติอยู่คนเดียวคงจะอ้างไม่ได้ ส่วนที่บอกว่าไม่ได้เคยคิดหรือทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ของประเทศอื่นนั้นก็ไม่ใช่ประเด​็นและไม่มีใครกล่าวหาคุณอภิสิทธิ์ในเรื่องนี้ อย่างน้อยก็ในตอนนี้

ประเด็นอยู่ที่ว่าคนจะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยต้องมีความรับผิดเท่ากับคนไทยทั่​วไป ไม่ใช่มีอภิสิทธิ์หรือมีภูมิคุ้มกันมากกว่าคนอื่นๆ มิฉะนั้นเวลาที่ทำหน้าที่นายกฯก็อาจจะคิดหรือทำอะไรให้เกิดความเสียหายแก่ประชานหรือ​แก่บ้านเมืองได้เนื่องจากในใจอาจคิดว่าตนเองมีภูมิต้านทานมากกว่าคนไทยทั่วไปก็ได้

การที่คุณอภิสิทธิ์บอกว่าจะสละสัญชาติอังกฤษก็ได้แต่ไม่สละนั้นมีความหมายว่า ไม่ว่าที่ผ่านมาคุณอภิสิทธิ์จะเคยใช้สิทธิของการมีสัญชาติอังกฤษหรือไม่ก็ตาม แต่วันหนึ่งข้างหน้าคุณอภิสิทธิ์อาจจะใช้สิทธิของการมีสัญชาติอังกฤษก็ได้ เช่นถ้าในอนาคตจะมีการดำเนินคดีกับคุณอภิสิทธิ์ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับรัฐมนตรีในรัฐ​บาลของตนทุจิตประพฤติมิชอบ หรือสั่งการให้สังหารประชาชนจำนวนมากเป็นต้น แล้วคุณอภิสิทธิ์เกิดเดินทางไปอยู่เสียที่ประเทศอังกฤษแล้วก็ขอใช้สิทธิในฐานะที่มีส​ัญชาติอังกฤษคุณอภิสิทธิ์ก็ย่อมจะได้รับการคุ้มครองอย่างพลเมืองอังกฤษขึ้นมาทันที

เมื่อถึงตอนนั้นข้อตกลงว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะใช้ได้กับคุณอภิสิทธิ์ผู้ถือสั​ญชาติอังกฤษหรือไม่ ถ้ารัฐบาลไทยหรือประชาชนไทยจะไปร้องต่อศาลอังกฤษเพื่อให้ส่งตัวคุณอภิสิทธิ์มาขึ้นศา​ลไทยจะทำได้หรือไม่และต้องรออีกเป็นสิบๆปีหรือไม่

กลายเป็นว่าคุณอภิสิทธิ์จะต้องไปขึ้นศาลคดีอาญาระหว่างประเทศหรือไม่ก็น่าสนใจ แต่ตอนนี้กลับมีประเด็นที่น่าเป็นห่วงไม่น้อยเหมือนกันก็คือถึงเวลาที่มีใครจะดำเนิน​คดีคุณอภิสิทธิ์ในประเทศไทย คุณอภิสิทธิ์อาจจะไม่ต้องขึ้นศาลไทยก็ได้

คุณอภิสิทธิ์อาจจะได้รับการคุ้มครองมากกว่าที่ยกมานี้อีกก็ได้ รายละเอียดคงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยกันศึกษาดู แต่ก็คงไม่ใช่ประเด็นสำคัญในเฉพาะหน้านี้

ประเด็นสำคัญก็คือ เชื่อได้แน่ว่าตลอดเวลาที่คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯมาจนถึงปัจจุบันรวมถึงในอนาคตข้างหน​้าไม่ว่าจะยังเป็นนายกฯอยู่หรือไม่ก็ตาม คุณอภิสิทธิ์มีภูมิคุ้มกันต่อกฎหมายไทยมากว่าคนอื่นๆ

ผมอธิบายมาถึงตรงนี้ อาจมีบางท่านแย้งว่าถึงแม้จะเป็นเหตุเป็นผล แต่ก็คงไม่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติได้ง่ายๆหรอก

กรณีทำนองนี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดมาก่อน เมื่อไม่นานมานี้มีกรณีของประเทศเปรูเป็นตัวอย่าง ประธานาธิบดีของเปรูชื่อนายอัลเบอร์โต ฟูจิมูริ ก็เป็นคนสองสัญชาติ คือสัญชาติเปรูและสัญชาติญี่ปุ่น นายฟูจิมูริถูกรัฐบาลเปรูในเวลาต่อมาดำเนินคดีทั้งเรื่องทุจริตและเรืองการใช้อำนาจโ​ดยมิชอบเป็นข้อหาร้ายแรง มีอยู่ช่วงหนึ่งนายฟูจิมูริได้หนีไปอยู่ในประเทศญี่ปุ่น และในระหว่างนั้นก็ได้รับการคุ้มครองในฐานะเป็นคนญี่ปุ่นจนรัฐบาลเปรูทำอะไรไม่ได้ ต้องรอจนกระทั่งนายฟูจิมูริ ไปวางแผนยึดอำนาจคืนอยู่ที่ชิลีจึงถูกจับในชิลีและถูกส่งตัวไปดำเนินคดีในเปรู นายฟูจิมูริกับรัฐบาลเปรูใครผิดใครถูกอย่างไรผมไม่ขอวิจารณ์

แต่เห็นว่ากรณีนี้เป็นตัวอย่างได้อย่างดีว่าการที่นายกรัฐมนตรีของไทยมีสองสัญชาตินั​้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นแน่ด้วยเหตุผลดังที่ได้กล่าวมาแล้ว มีคนไปถามกกต.ซึ่งเข้าใจว่ายังไม่ทันหาข้อมูลให้ชัดเจนและยังไม่ได้ประชุมหารือกันก็ด่วนออกมาชี้แ​จงเสียแล้วว่าการที่คุณอภิสิทธ์มีสองสัญชาติไม่ทำให้ขาดคุณสมบัติเพราะมีคุณสมบัติคร​บถ้วนตามรัฐธรรมนูญ

เรื่องการมีสองสัญชาตินี้ รัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุไว้ แต่โดยสามัญสำนึกก็น่าจะเข้าใจได้ไม่ยากว่าระบบกฎหมายของไทยเราไม่น่ายินยอมให้นายกร​ัฐมนตรีเป็นบุคคลสองสัญชาติไปได้ และถ้าเรื่องนี้ไปสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญด้วยวิธีใดก็ตาม หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่เป็นไรแล้วละก็ คงจะสนุกกันใหญ่ละประเทศไทย

แต่ในขั้นนี้ผมคิดว่ายังไม่น่าใส่ใจกับการไปร้องกับกกต.หรือศาลรัฐธรรมนูญให้มากนักเพราะอาจต้องใช้เวลาและไม่เกิดประโยชน์อะไรมากนัก

คงต้องใช้หลักว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาทางการเมืองของประเทศ และเมื่อเป็นเรื่องการเมือง ก็ต้องแก้ด้วยการเมือง ฟ้องประชาชนกันดีกว่า

ขอย้ำครับว่า ผมไม่ได้กำลังบอกว่าคุณอภิสิทธิ์ควรสละสัญชาติอังกฤษเสีย แต่กำลังบอกว่าคุณอภิสิทธิ์ซึ่งรู้อยู่แก่ใจมาตลอดว่าตนเองมี 2 สัญชาติ จะสละสัญชาติก็ได้แต่ไม่สละนั้น ไม่ควรเป็นนายกฯมาตั้งแต่ต้นและไม่ควรเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น