วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554


อำมาตย์ หยุดโง่ได้แล้ว?!
ปัญหาของประเทศไทยเกิดจากอำมาตย์ทำงานผิดพลาดทางเทคนิคอย่างมหันต์ และเป็นความผิดพลาดอันร้ายแรง ส่งผลให้ประเทศและประชาชนตกต่ำตลอด ๕ ปี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด แสดงว่าสติปัญญาของอำมาตย์ไม่ดี หรือโง่มากไปนั้นเอง

ประมาณดูอำมาตย์ใหญ่มีมากกว่า ๑๐๐ คน อำมาตย์ “หลายคน” ดำรงตำแหน่งสูงส่งและมีสิทธิถืออำนาจเหนือการเมืองโดยไม่มีใครทักท้วงได้ อำมาตย์พวกนี้สามารถชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้

ส่วนอำมาตย์ “อีกหมู่ใหญ่” แม้จะไม่มีอำนาจขนาดหนักก็จริงแต่ก็ “รวมหัว” เกาะกุมธุรกิจต่างๆอย่างได้ผล รวมทั้งได้ครอบครองสถาบันการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ การต่อสู้ทางการเมืองในประเทศไทย จึงเป็นการต่อสู้ของพวกอำมาตย์ด้วยกัน ซึ่งพรรคการเมืองส่วนใหญ่และนักการเมืองเกือบทั้งหมด เอาตัวไปขึ้นกับอำมาตย์ มอบตัวเป็นสาวกทำให้พวกอำมาตย์ได้ใจ ดังที่ทุกท่านทราบดีอยู่แล้วว่าประเทศไทยเป็นเช่นนี้มายาวนาน

พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักการเมืองที่ไม่เหมือนเขา แต่ได้หันหน้าเข้าหาประชาชนคนรากหญ้า ได้นำนโยบายที่จะก่อประโยชน์ให้แก่ผู้ยากไร้มาใช้ ผลก็คือประชาชนคนรากหญ้าได้รับอานิสงค์จากนโยบายต่างๆที่ค้นคิดได้ในยุคพรรคไทยรักไทย คนรากหญ้าจึงแสดงความชื่นชมด้วยการทุ่มเทความรักให้เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนักประชาชนชาวรากหญ้ายกย่องทักษิณว่าเป็นคนเก่ง

ความเก่งของ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ได้ก่อให้เกิดศัตรูทันตาเห็น กล่าวคือพวกอำมาตย์รุมอัดเละตุ้มเป๊ะด้วยการใส่ร้ายป้ายสี ยัดเรื่องอันไม่จริงให้ได้รับความเดือดร้อน พวกอำมาตย์รุมรังแกยังไม่พอ ยังได้เผยแพร่ข่าวสารข้อมูลอันเป็นเท็จไปยังหมู่ประชาชน หวังจะใช้พลังประชาชนเป็นผู้พิพากษาความผิดในที่สาธารณะ แต่ผลสุดท้ายก็ไม่อาจ “ดับรัศมี” พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ได้เลย

ตรงกันข้าม ฝ่ายอำมาตย์ต่างหากเล่า...ยิ่งพังเละ ! พังมหึมา – มโหฬาร เสียด้วย..?

ทว่า...แม้จะพังเละขนาดนี้ ก็ยังบอดตาใส มองอะไรไม่เห็น พวกอำมาตย์ยังคงคิดหามุขแบบใหม่หวังจะเอามาใช้ต่อ ดังจะเห็นได้จากข่าวสารข้อมูลต่างๆที่ทะลักออกมาแต่ละวัน ยังคงเต็มไปด้วยข่าวร้ายในทำนองว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะไปไม่รอด บางข่าวบอกออกมาว่าไม่นานพรรคเพื่อไทยก็จะถูกยุบบ้างละ จะอยู่ไม่ถึง ๖ เดือนบ้างละ

คนที่แสดงวาทะออกมา มีทั้งนักการเมือง เช่นนายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายเทพไท เสนพงศ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ดร. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นพ. ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ สนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงชัย นายเทิดภูมิ ใจดี ฯลฯ เป็นต้น

คนเหล่านี้คือสมุนบริวารของอำมาตย์ที่เคยแสดงบทบาทมาแล้วอย่างน่าระทึกใจได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติบ้านเมืองอย่างยาวถึง ๕ ปีดังที่ได้กล่าวมา

            มาถึงวันนี้ สถานการณ์ทางการเมืองได้เปลี่ยนไป อันเกิดจากความพ่ายแพ้ของอำมาตย์ที่มีต่อเพื่อนฝูงและตนเองที่ได้บริหารมันสมองด้วยมิจฉาทิฐิ จนทำให้ตนเองกลายเป็นคนปัญญาสั้นอ่านโลกไม่ออก อ่านวิสัยทัศน์ไม่ตก ทำให้มองเห็นคนดีและคนเก่งอย่างท่านทักษิณว่าเป็นคนเลว

            แล้วไปหลงรักคนชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแบบติดเสน่หา ?

            และไปหลงเชื่อพรรคประชาธิปัตย์ที่ประจบประแจงตลอดชาติ

            สุดท้ายก็ถลำลึก...ปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์ออกคำสั่งให้ทหารลงมือไล่ยิงประชาชนและฆ่าประชาชนอย่างเหี้ยมโหด จนกลายเป็นรอยด่างประทับอยู่บนหน้าผากติดตัวไปจนวันตายจนกลายเป็นว่าทางเดินของอำมาตย์เริ่มเจอกับทางตันและจะตันไปเสียทุกด้าน  ขนาดมีประตูมากมายถึง ๒๑ ประตูก็จะตันไปทุกประตู

            แท้ที่จริงแล้วประตูยังมีอยู่ ถ้าคิดเป็นจะมีทางออกอย่างสวยหรู นั้นก็คือต้องรีบวิเคราะห์ตัวเองแล้วให้รีบหันมาดูต้นเหตุมิจฉาทิฐิที่ทำกับทักษิณเอาไว้ ทำกลับกันเสียใหม่เปลี่ยนให้มันเป็น “สัมมาทิฐิ” โดยทันทีก็จะได้พบกับทางออกในทันทีอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน ?

          “สลักนิรนาม” อยากเสนอแนะแก่อำมาตย์ว่า   อย่าดื้อดึงอยู่กับมิจฉาทิฐิต่อไปเลย ขอให้รีบมีสัมมาทิฐกับ ๙๑ ศพ ไปหาคนที่ทำให้เขาตาย..เอาตัวมาลงโทษ ใครผิดว่าตามผิด ใครถูกว่าตามถูก ไม่ว่า นปช. หรือพรรคประชาธิปัตย์ หรือราบ ๑๑ รอ.? ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการ “สัมมาทิฐิ” อย่างเสมอหน้ากัน

            ใครจะขึ้นศาล ใครจะมีคดีความ ใครจะต้องขึ้นเขียงให้ท่านเปาประหาร ก็ต้องอยู่ที่สัมมาทิฐิที่ประชาชนมองเห็น ถ้าทำอย่างนี้ได้ จะทำให้ “อำมาตย์” ได้พบกับทางออกที่ดีกว่า แต่ถ้าอำมาตย์ไม่ยอมใช้เส้นทางสัมมาทิฐิตามที่สลักนิรนามเสนอ ก็จะไปเจอกับข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงอย่างไม่มีทางเลี่ยง

            เปล่า...คนเสื้อแดง ไม่แตะต้องอำมาตย์ดอกครับ

            คนเสื้อแดงเขาจะไปร้องขอพรรคเพื่อไทยให้ใช้อำนาจรัฐค้นหาตัวการว่าใครสั่งฆ่าประชาชน ใครเป็นคนยิงประชาชนและยิงทหารตายถึง ๙๑ ราย จนกลายเป็น ๙๑ ศพ ที่แสนวิปโยค ?! และยังมีศพนักข่าวต่างชาติอีกนะท่านที่ถูกฆ่าปิดป่ากในฐานถ่ายภาพต้องห้ามเอาไว้ได้ ไม่ทราบว่า อำมาตย์รู้หรือเปล่า ?

            เมื่อคนเสื้อแดงแห่ไปหาพรรคเพื่อไทย แล้วพรรคเพื่อไทยจะเงียบฉี่กระนั้นหรือ ?

            เปล่าเลย...เงียบไม่ได้พระคุณท่าน ในที่สุดเรื่องมันจะแดงเถือกจนได้นะแหละ และจะลามมาถึงอำมาตย์สุดที่จะห้ามปราม   ถ้าอำมาตย์เจอเข้ากับแบบนี้ อำมาตย์จะทำประการใดมิทราบครับ?

            วันนี้ สลักนิรนาม จะขอเป็น “สลักนิรภัย” ให้แก่พวกอำมาตย์ด้วยการเสนอให้รีบหันหน้าเข้าหาท่านทักษิณ ชินวัตร ด้วยท่าทีที่เป็นธรรม เปิดโอกาสให้ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ได้ใช้กระบวนการยุติธรรม ค้นหาความผิดที่เป็นจริงค้นในทุกมิติว่าเป็นคนขี้โกงจริงหรือเปล่า ?

            ถ้าทักษิณผิด เป็นคนขี้โกง ก็ให้เอาตัวไปขังเหมือนอดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้

            แต่ถ้าไม่ผิด...อำมาตย์ต้องหันมายกย่อง และช่วยกันชูให้ท่านผู้นี้ได้ใช้สติปัญญาเพื่อประเทศชาติ อย่าได้ขวางกั้นดังแต่เก่าก่อน

            ประการสำคัญอยากให้อำมาตย์ได้เรียนรู้ว่าเหตุไรคนเสื้อแดงจึงแห่ไปเทใจให้แก่พรรคเพื่อไทย คำตอบก็คือปัญหา ๒ มาตรฐาน ได้ทำให้คนเสื้อแดงเกิดความเกลียดชัง และแค้นเคืองอย่างยิ่ง จึงพากันแสดงออกด้วยการแห่ไปเลือกพรรคที่ยืนเคียงข้างประชาชน

            พรรคประชาธิปัตย์นะเหรอ มือยังเกรอะไปด้วยเลือดประชาชน

            แล้วจะให้เขาเลือกฆาตกรได้อย่างไร

            มาถึงวันนี้ อำมาตย์จงตัดสินใจเสียเถิด เลิกโง่ได้แล้ว หากขืนยังเกาะพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ว่าแม้จะเกาะพรรคภูมิใจไทยก็ไม่แตกต่างกัน ทั้งนี้เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยเป็น “งูเห่า” มีพิษแรงทั้งพ่องูลูกงู รวมทั้งเครือข่ายของอำมาตย์ ล้วนมีส่วนร่วมในการเข่นฆ่าประชาชน

            ไม่ทราบอีกนานไหม อำมาตย์จึงจะหยุดโง่ ?!

                                                 “สลักนิรนาม”
                                            ๘ สิงหาคม ๒๕๕๔

http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น