วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คุก "เจิมสาก" 4 เดือน รอลงอาญา 2 ปี คดีใส่ร้ายรับสินบน


คุก "เจิมสาก" 4 เดือน รอลงอาญา 2 ปี คดีใส่ร้ายรับสินบน





ศาลอาญาพิพากษาจำคุก “เจิมศักดิ์” 4 เดือนปรับ 1 แสนบาท ฐานหมิ่นประมาทในคดีภรรยาที่ปรึกษา“สนิท วรปัญญา” ประธานวุฒิสภา ฟ้องผู้ดำเนินรายการ “มุมมองเจิมศักดิ์” ชี้จำเลยพูดถึงนายอภิพล คงชนะกุล ผู้ตายว่าเป็นผู้ที่เรียกรับสินบนคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จนถึงกับถูกให้ออกหรือปลดออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา ไม่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี

วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่ศาลอาญา รัชดาฯ ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ที่ อ.237/2554 ที่ นางอภิวรรณ คงชนะกุล ภรรยานายอภิพล คงชนะกุล อดีตที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา ซึ่งเสียชีวิตแล้ว เป็นโจทก์ฟ้องนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภาและผู้ดำเนินรายการชื่อดัง เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยจำเลยให้การปฏิเสธ

โจทก์ฟ้องสรุปว่า จำเลยได้พูดในรายการ “มุมมองเจิมศักดิ์” และรายการพูดตรงใจกับ “ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง” ออกอากาศทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม ว่าในสมัยที่นายอภิพล คงชนะกุล ผู้ตายเป็นที่ปรึกษาของนายสนิท วรปัญญา ประธานวุฒิสภานั้นมีปัญหาเรื่องสินบนในการแต่งตั้งคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทช.) โดยจำเลยได้พูดเปิดเผยในที่ประชุมลับของวุฒิสภา ว่าผู้ตายเป็นคนเรียกรับสินบน ชอบอ้างว่ามีความสัมพันธ์ทางการเมืองกับบุคคลต่างๆ และชอบอ้างว่าจบดอกเตอร์ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ ต่อมาถูกนายสนิท วรปัญญาปลดออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง อันเป็นการกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91, 327 และ 328

ศาลพิเคราะห์หลักฐานโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่า ข้อความที่จำเลยพูดถึงนายอภิพล ผู้ตายว่า เป็นผู้ที่กระทำการเรียกรับสินบนคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จนถึงกับถูกให้ออกหรือปลดออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา และเป็นผู้ที่ไม่ได้จบการศึกษาระดับปริญญาเอก แต่แอบอ้างว่าจบการศึกษาดังกล่าว ไม่ใช่การแสดงความเห็นหรือข้อความโดยสุจริต หรือติชมด้วยความเป็นธรรม และยังรับฟังไม่ได้แน่ชัดว่าเป็นความจริง ข้อความที่พูดดังกล่าวเป็นการทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่าผู้ตายเป็นคนไม่ดีแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบโดยเรียกสินบนหากบุคคลอื่น อันมีลักษณะเป็นการกระทำผิดกฎหมายและแอบอ้างว่าจบการศึกษาระดับปริญญาเอก เป็นบุคคลที่ไม่สมควรคบหา เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงของผู้ตายและส่งผลกระทบต่อโจทก์และครอบครัว ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท และการที่จำเลยพูดข้อความผ่านทางวิทยุกระจายเสียง โดยเผยแพร่ออกอากาศไปทั่วประเทศ นั้นเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ให้จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 50,000 บาท รวมสองกระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 1 แสนบาท แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนค่าปรับและให้ลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวัน 2 ฉบับ เป็นเวลา 2 วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น