วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ยิ่งตีความ ยิ่งจินตนาการ ยิ่งคิด ก็ยิ่งพัง



       เกิดเป็นคนไทยยุคนี้สมัยนี้ทำตัวลำบาก จะพูด จะแสดงกิริยาอะไร ต้องคิดให้ดีก่อนจะพูด ก่อนจะแสดงกิริยา

      เพราะทุกคำพูด ทุกการกระทำอาจถูกนำไปตีความ ตีความหมายไปไกลเกินกว่าที่ผู้พูดหรือผู้กระทำนั้นคิดไว้เสียอีก

      โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับน้ำ เกี่ยวกับฟ้า เกี่ยวกับดิน ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติธรรมดา แต่อาจกลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดาขึ้นมาได้เมื่อมีคนเอาไปตีความกันเลยเถิด เหมือนที่เขากำลังเล่นกันอยู่ในตอนนี้

      ขอยกตัวอย่างการตีความกันเลยเถิดจนทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหา ที่เห็นชัดๆก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ


      แค่อีกฝ่ายบอกว่าจะแก้ อีกฝ่ายก็ออกมาต่อต้าน โวยวาย ระดมสาดข้อกล่าวหาใส่เป็นชุดๆ เพราะตีความโดยใช้จินตนาการไปว่าจะแก้ไขเพื่อล้างผิดให้คนแดนไกลบ้าง แก้ไขเพื่อลดอำนาจการตรวจสอบขององค์กรอิสระบ้าง แก้เพื่อให้ฝ่ายตัวเองได้เปรียบทางการเมืองบ้าง

      แก้เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุขบ้าง ฯลฯ ทั้งที่ยังไม่เห็นเนื้อหาเลยสักนิดว่าจะแก้อะไร และแก้กันอย่างไร

     ที่สำคัญไม่ใช่ว่าฝ่ายที่ต้องการแก้ไข ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ออกมาแล้วจะประกาศใช้ได้ในทันที

     ต้องผ่านกระบวนการทำประชามติถามประชาชนทั้งประเทศอีกว่าจะเห็นด้วยกับสิ่งที่แก้ไขหรือไม่

     ก่อนจะไปถึงตอนนั้นก็ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบอีกหลายขั้นตอนระหว่างที่ทำการยกร่างเนื้อหารัฐธรรมนูญใหม่

     นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของปัญหาการตีความที่มาจากการใช้จินตนาการ หรือพูดง่ายๆคือคิดมากไปเองว่าจะเกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้
      วาดภาพความชั่วร้ายเสียจนกลัวต่อภาพที่สร้างหรือจินตนาการขึ้น

     ยังมีอีกหลายเรื่องที่ทำให้บ้านเมืองมีปัญหาจากการตีความ หรือจินตนาการสร้างเรื่อง

     บางทีหากเราหยุดตีความ หยุดจินตนาการ หยุดคิดมากลงได้บ้าง ปัญหาของบ้านเมืองอาจลดน้อยลงไปได้เยอะ

                 ยิ่งตีความ ยิ่งจินตนาการ ยิ่งคิด ก็ยิ่งพัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น