|
เกิดเป็นคนไทยยุคนี้สมัยนี้ทำตัวลำบาก จะพูด จะแสดงกิริยาอะไร ต้องคิดให้ดีก่อนจะพูด ก่อนจะแสดงกิริยา
เพราะทุกคำพูด ทุกการกระทำอาจถูกนำไปตีความ ตีความหมายไปไกลเกินกว่าที่ผู้พูดหรือผู้กระทำนั้นคิดไว้เสียอีก
โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับน้ำ เกี่ยวกับฟ้า เกี่ยวกับดิน
ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติธรรมดา
แต่อาจกลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดาขึ้นมาได้เมื่อมีคนเอาไปตีความกันเลยเถิด
เหมือนที่เขากำลังเล่นกันอยู่ในตอนนี้
ขอยกตัวอย่างการตีความกันเลยเถิดจนทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหา ที่เห็นชัดๆก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แค่อีกฝ่ายบอกว่าจะแก้ อีกฝ่ายก็ออกมาต่อต้าน โวยวาย
ระดมสาดข้อกล่าวหาใส่เป็นชุดๆ
เพราะตีความโดยใช้จินตนาการไปว่าจะแก้ไขเพื่อล้างผิดให้คนแดนไกลบ้าง
แก้ไขเพื่อลดอำนาจการตรวจสอบขององค์กรอิสระบ้าง
แก้เพื่อให้ฝ่ายตัวเองได้เปรียบทางการเมืองบ้าง
แก้เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุขบ้าง ฯลฯ ทั้งที่ยังไม่เห็นเนื้อหาเลยสักนิดว่าจะแก้อะไร
และแก้กันอย่างไร
ที่สำคัญไม่ใช่ว่าฝ่ายที่ต้องการแก้ไข ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ออกมาแล้วจะประกาศใช้ได้ในทันที
ต้องผ่านกระบวนการทำประชามติถามประชาชนทั้งประเทศอีกว่าจะเห็นด้วยกับสิ่งที่แก้ไขหรือไม่
ก่อนจะไปถึงตอนนั้นก็ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบอีกหลายขั้นตอนระหว่างที่ทำการยกร่างเนื้อหารัฐธรรมนูญใหม่
นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของปัญหาการตีความที่มาจากการใช้จินตนาการ หรือพูดง่ายๆคือคิดมากไปเองว่าจะเกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้
วาดภาพความชั่วร้ายเสียจนกลัวต่อภาพที่สร้างหรือจินตนาการขึ้น
ยังมีอีกหลายเรื่องที่ทำให้บ้านเมืองมีปัญหาจากการตีความ หรือจินตนาการสร้างเรื่อง
บางทีหากเราหยุดตีความ หยุดจินตนาการ หยุดคิดมากลงได้บ้าง ปัญหาของบ้านเมืองอาจลดน้อยลงไปได้เยอะ
ยิ่งตีความ ยิ่งจินตนาการ ยิ่งคิด ก็ยิ่งพัง |
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น