วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ไทย-โปแลนด์เปิดศักราชความสัมพันธ์

นายกรัฐมนตรีไทย-โปแลนด์เปิดศักราชความสัมพันธ์ ผลักดันความร่วมมือไทย-โปแลนด์ในทุกมิติ พร้อมส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันในภูมิภาคยุโรปและอาเซียน


          นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการหารือระหว่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายโดนัล ทุสค์ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐโปแลนด์  โดยทั้งสองฝ่ายพร้อมเปิดศักราชแห่งความร่วมมือไทย-โปแลนด์ในทุกมิติ สนับสนุนขยายการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศให้หลากหลาย



         วันนี้ (4 ก.ค. 2556) เวลา 11.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐโปแลนด์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการและพิธีตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ โดยมีนายโดนัล ทุสค์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ให้การต้อนรับ พร้อมหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีโปแลนด์และร่วมรับประทานอาหารกลางวัน (working lunch) โดยมีนายกรัฐมนตรีโปแลนด์เป็นเจ้าภาพ จากนั้น ทั้งสองร่วมเป็นประธานในพิธีลงนามความตกลงจำนวน 6 ฉบับ และร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือ ดังนี้

          นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เดินทางมาเยือนโปแลนด์อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ได้พบหารือกับนายโดนัล ทุสค์ ระหว่างการประชุม ASEM9 เมื่อปีที่ผ่านมา โดยในการพบกันครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้หารือกับนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ถึงการสานต่อแนวทางความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดตั้งกลไกความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ความร่วมมือด้านการทหาร และกลไกความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ซึ่งรัฐบาลไทยมีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-โปแลนด์ ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วน และขยายความร่วมมือกับโปแลนด์ในทุกมิติที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อประชาชนของทั้งสองประเทศจะได้รับประโยชน์สูงสุด

         ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ยังได้หารือกันในประเด็นต่างๆ ทั้งการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือมือในกรอบทวิภาคี ดังนี้

        ด้านความสัมพันธ์ ไทยและโปแลนด์มีค่านิยมด้านการปกครองแบบประชาธิปไตย และมีการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจเสรีที่สอดคล้องกัน รวมทั้งมีความมุ่งมั่นที่จะรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของโลก โดยทั้งสองเห็นพ้องที่จะยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยและร่วมกันพัฒนาระบบเศรษฐกิจเสรีให้มีความแข็งแกร่งและมั่นคงต่อไป และต่างตกลงที่จะสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูงและมีการพบหารือกันมากขึ้น เพื่อผลักดันความร่วมมือต่างๆให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ตอบรับเยือนประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้

          ด้านการค้าและการลงทุน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมใช้โอกาสนี้เน้นย้ำถึงเสถียรภาพและศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย และความพร้อมของไทยที่เปิดกว้างรับการลงทุนจากภาคเอกชนโปแลนด์ โดยเฉพาะการเป็นประตูสู่อาเซียนของไทย โดยที่ไทยได้ลงทุนในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เพื่อเชื่อมโยงไทยกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ และไทยสนใจการเชื่อมทางรถไฟระหว่างเอเชียกับโปแลนด์ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ให้ความสำคัญกับโปแลนด์ในฐานะประเทศที่เป็นประตูสู่ยุโรปกลางเช่นกัน  ซึ่งทั้งสองประเทศจะต่างเป็นศูนย์กลางหรือ Hub ในการกระจายสินค้าในภูมิภาคของตนเอง นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีเป็น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2561 จากปัจจุบัน 732.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจุบันไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 2 ของโปแลนด์ในอาเซียน ด้วยการสนับสนุนให้มีการค้าขายสินค้าที่มีความหลากหลายขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชื่อมั่นว่าการลงนามความตกลงด้านความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนในครั้งนี้ จะเป็นอีกกลไกหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนและพัฒนาความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนอย่างแน่นอน

          ด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวโปแลนด์เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยปีละ 47,113 คน  เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งโปแลนด์เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพอย่างมาก และเป็นตลาดท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไทยในกลุ่มประเทศยุโรปกลาง ในการหารือครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เชิญชวนให้ชาวโปแลนด์มาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมั่น ว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของนักท่องเที่ยวทุกประเทศ รวมถึงมาตรฐานและความพร้อมในการให้บริการของชาวไทยอย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะให้มีการศึกษาแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ

          ด้านวิชาการ  เนื่องด้วยโปแลนด์เป็นประเทศมีชื่อเสียงด้านอุตสาหกรรมและเหล็กกล้า เครื่องจักรและยานยนต์ การแพทย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลังงานทดแทน  ทั้งสองจึงยินดีที่สองประเทศ จะมีการแลกเปลี่ยนความรู้และระบบต่างๆที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทยและโปแลนด์ ซึ่งในวันนี้ได้มีการลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไทยกับกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทโปแลนด์ด้วย

           ภายหลังการหารือเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ได้ร่วมเป็นประธานในการลงนามความตกลงและบันทึกความเข้าใจ 3 ฉบับ ได้แก่

  • 1) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกสำหรับการหารือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์
  • 2) หนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไทยกับกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทโปแลนด์  
  • 3) บันทึกความเข้าใจระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและ Polish Agency for Enterprise Development (PAEP)


จากนั้น ทั้งสองร่วมแถลงข่าวถึงผลการหารือที่ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีและพึงพอใจกับทิศทางการพัฒนาการความสัมพันธ์และการส่งเสริมความร่วมมือต่างๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น