ศาสวัต บุญศรี: 6 ตุลา 2519 อย่าลืมฉัน
Posted: 04 Oct 2012 03:51 AM PDT (อ้างอิงจากเวบไซท์ประชาไท)
ในแวดวงภาพยนตร์ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นกระแสหลัก
นอกกระแสหรือสายภาพยนตร์สั้น ประเด็นเหตุการณ์ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519
นั้นก็ไม่ได้ต่างออกไปจากความสนใจของมนุษย์ชาวไทยคนอื่น ๆ
ที่ต่างหลงลืมและไม่เห็นความสำคัญ แถมยังจับไปผสมปนเปกับเหตุการณ์วันที่
14 ตุลาคม 2516 ชนิดแยกไม่ออกว่าวันไหนเป็นอย่างไร มีเหตุการณ์อะไรกันแน่
หลังจากเหตุการณ์ 6 ตุลาไม่นานนัก
กระแสหนังแนวขวาจัดถูกผลิตขึ้นต่อต้านอุดมการณ์คอมมิวนิสต์อย่างหนักหน่วง
อาทิ ภาพยนตร์บู๊ล้างผลาญเรื่อง “3 นัด” ผลงานของเสนีย์ โกมารชุน
ที่เผยแพร่ในปี 2520 มีคำโปรยหนังว่า “มันเกิดมาไม่มีชาติ ศาสน์ กษัตริย์
มันต้องตายด้วยมือกู!”
(ดูโปสเตอร์ได้ที่
http://www.thaifilm.com/imgUpload/reply265101_01.jpg)
แต่ไม่ถึงสามปีหลังจากนั้น เหตุการณ์ 6 ตุลา
ก็กลายเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากพูดถึง
ไม่มีใครกล้าออกหน้าเป็นผู้รับผิดชอบสั่งการ
ไม่มีใครกล้าแสดงตัวรับความดีความชอบ
บรรดาผู้อยู่เบื้องหลังพยายามทำให้เหตุการณ์ 6
ตุลาถูกลืมเลือนเพราะแนวโน้มดูท่าจะออกมาว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะ
ตำรวจตระเวนชายแดนเหล่านั้นผิดจริง พวกเขาทำกับว่าเหตุการณ์เหล่านั้นควรลืม
ๆ กันได้ไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ควรมารื้อฝอยหาตะเข็บ
เราไม่เคยฆ่ากันที่ธรรมศาสตร์และมีวัดพระแก้วเป็นฉากหลัง คนไทยเรารักกัน
ไม่นานนักเราก็แทบไม่เห็นหนังที่พูดถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ 6
ตุลาคม 2519 เลย
จนปัจจุบันหนังที่พูดถึงประวัติศาสตร์ไทยก็แทบไม่เคยแตะต้อง 6 ตุลาคม 19
อาจจะมีบ้างเรื่องสองเรื่องแต่ก็ทำออกมาแง่ตลกขบขันและไม่ได้ให้รายละเอียด
ที่สมจริงเท่าใดนัก
อย่างไรก็ดีใช่ว่าคนทำหนังไทยจะเพิกเฉยต่อประเด็น 6 ตุลา
กันไปเสียหมด หนึ่งในผลงานคลาสสิคสายภาพยนตร์สั้นไทยเรื่อง “อย่าลืมฉัน”
ถูกผลิตขึ้นมาด้วยต้องการประกาศก้องต่อชาวโลกว่า เหตุการณ์ 6
ตุลานั้นเคยเกิดขึ้นจริง มันเป็นเหตุการณ์รุนแรงอันแสนน่ากลัว
เป็นเหตุการณ์ที่มนุษย์กระทำร้ายต่อกันโดยมีรอยยิ้มอย่างมีความสุขเปรอะ
เปื้อนเต็มใบหน้า ทว่ามันกลับเป็นเหตุการณ์ที่มีแต่คนอยากลืม
และทำเสมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น จงลืม จงลืม จงลืม!!!
มานัสศักดิ์ ดอกไม้
ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ตะโกนบอกผ่านหนังของเขาว่าอย่าลืมความโหดร้ายนี้
อย่าลืมการกระทำอันป่าเถื่อนนี้
แม้ในเรื่องจะไม่มีการเรียกร้องให้รัฐออกมาชำระความจริงให้ถูกต้อง
แต่ก็เชื่อเถอะว่าแท้ที่จริง
เขาก็ปรารถนาเฉกเช่นเดียวกันให้ความจริงกระจ่าง
ผลงานของมานัสศักดิ์เรื่องนี้ผลิตขึ้นด้วยต้นทุนและเทคโนโลยีที่มีอยู่อย่าง
จำกัด
(และหนังทุกเรื่องของเขาจะเป็นในเชิงทดลองที่ใช้ต้นทุนในการผลิตน้อยมาก ๆ
บางเรื่องอยู่ในระดับหลักสิบ) โชคดีที่มานัสศักดิ์ทำงานที่หอภาพยนตร์
เขาจึงมีโอกาสได้พบเจอกับฟุตเตจในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519
จำนวนมากที่ถูกบันทึกไว้
เขาจึงได้นำภาพฟุตเตจเหล่านั้นมารื้อสร้างโครงเรื่องแล้วประกอบสร้างใหม่
โดยใช้เสียงบรรยายในสารคดีการไปเจอผีตองเหลืองของสยามสมาคม
ใน"อย่าลืมฉัน"
เราจึงเห็นภาพตลอดทั้งเรื่องเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในธรรมศาสตร์
แต่เสียงบรรยายและซับไตเติลกลับกลายเป็นเรื่องราวของผีตองเหลืองที่สยาม
สมาคมไปพบเจอ ดูเริ่มแรกแล้วย่อมรู้สึกว่ามันคนละเรื่องเดียวกัน
ทว่าแท้จริงแล้วมานัสศักดิ์ใช้เทคนิคทางภาพยนตร์ประเภทยั่วล้อ
แม้เสียงและภาพทางตรงจะไม่ตรงกัน
แต่ความหมายโดยนัยแล้วมันแทบจะหลอมรวมเป็นเรื่องเดียว อาทิ
บทคำบรรยายกล่าวถึงความงดงามของป่าเขาลำเนาไพร
มานัสศักดิ์ก็จัดเรียงภาพอาคารที่กระจกแตก เก้าอี้พัง
ให้ตรงกับคำบรรยายช่วงนั้น หรือคำบรรยาย
“ทางสยามสมาคมได้นำสิ่งของที่คิดว่าพวกผีตองเหลืองต้องการได้”
เมื่อหันมาดูภาพก็พบตำรวจตระเวนชายแดนกำลังยิงปืนต้านอากาศยานเข้าไปในธรรม
ศาสตร์พอดี
เทคนิคเฉกเช่นนี้มิใช่ของใหม่ในโลกภาพยนตร์
แต่มานัสศักดิ์ใช้และทำได้อย่างทรงประสิทธิภาพ
การยั่วล้อนั้นมักส่งผลให้คนดูเกิดการถอยห่างออกมาจากหน้าจอและฉุกคิดต่อ
เหตุการณ์ที่เห็นในเฟรมภาพมากขึ้น
คนดูย่อมตั้งคำถามเบื้องแรกในเชิงเทคนิคว่าเล่าเรื่องอย่างไรกันแน่
และเมื่อภาพที่เห็นในหนังยังคงวนเวียนในหัว คนดูจะพยายามปะติดปะต่อเรื่อง
รวมถึงตั้งคำถามกับสิ่งที่ได้พบเห็นว่านี่คือภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนที่อ้างว่าเป็นเมืองพุทธจริงหรือ
และก็มีคนดูไม่น้อยที่ไม่เคยรู้จักเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519
มาก่อนได้ออกไปหาคำตอบเพิ่มเติมว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
อย่าลืมฉัน ได้รับรางวัลรัตน์ เปสตันยี
(รางวัลภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยมสายบุคคลทั่วไป) จากมูลนิธิหนังไทยเมื่อปี
2546 และเป็นหนังที่จริงจัง (น่าจะ)
เพียงเรื่องเดียวที่ออกมาเรียกร้องให้ชาวไทยอย่างเรา ๆ
อย่าได้ลืมเหตุการณ์โศกนาฎกรรมครั้งนี้ เรียกร้องให้อย่าลืม อย่าลืม
อย่าลืม!!!
และนับแต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายก็ได้ทำให้คนไทยไม่น้อยไม่เคยลืมเหตุการณ์
6 ตุลาคม 2519 อีกเลย
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น