วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ไม่ช่วยกัน​หยุด ความสิ้นสุ​ดไม่มี

ไม่ช่วยกัน​หยุด ความสิ้นสุ​ดไม่มี


พิสูจน์มาห​ลายครั้งแล้​วว่า ไม่ช่วยกัน​หยุด ความสิ้นสุ​ดไม่มี

Photo: # ความทรงจำต่อ 6 ตุลา #

ด้วยความที่ผมเกิดไม่ทัน 6 ตุลา 2519 ผมจึงไม่อาจ “รำลึก” อะไรได้มากมายเหมือนผู้ใหญ่หลายท่านที่ผ่านเหตุการณ์นี้มาก่อน 

เท่าที่จำได้ลางๆ ผมรู้จักเหตุการณ์น่าเศร้านี้ช่วง ม.ปลาย จำได้ว่าวันหนึ่งหลังเลิกเรียน ผมข้ามรั้วโรงเรียนมาเดินเตร็ดเตร่แถวศาลาพระเกี้ยว แล้วตอนนั้นก็มีบอร์ดนิทรรศการเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลา อยู่พอดี ผมจำ “ความรู้สึก” ครั้งแรกที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์ได้แม่นยำมาก มันคือครั้งแรกที่ผมได้เห็นภาพเหตุการณ์โหดร้ายป่าเถื่อน โดยมีฉากประกอบเหตุการณ์เป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสนามหลวง

จำได้ว่า ... แทนที่จะเดินไปซื้อไอศครีมใต้ศาลาพระเกี้ยวตามแผนเดิม ผมกลับใช้เวลาอยู่กับบอร์ดนิทรรศการนั้นนานมาก อ่านทุกคำบรรยาย ดูทุกรูปทุกใบอย่างละเอียด ซึ่งแน่นอน มันเป็นนิทรรศการแบบ descriptive ที่เพียง “บอกเล่า” เหตุการณ์เท่านั้น มันไม่ได้อธิบายลึกซึ้งถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์

สุดท้าย ผมเดินออกจากบริเวณนั้นด้วยสองคำถามในหัว  “นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไทยจริงๆเหรอวะ” และ “เรื่องการเมืองมันทำให้มนุษย์ทำเรื่องโหดเหี้ย(ม)ต่อกันได้ขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย”

(ตอนนั้นเป็นเด็ก ม.ปลาย ขาสั้น ชีวิตรู้จักแต่ โคทาโร่ และ ดราก้อนบอล ไม่มีความรู้ประวัติศาสตร์ใดๆสักนิด เชื่อว่าเมืองไทยคือ “เมืองยิ้ม” คนที่เลวมีแต่พวกทหารเผด็จการ --- หัวสมองตอนเด็กๆก็คิดสงสัยได้แค่นั้นจริงๆ)

“ความรู้สึกผะอืดผะอม” จากวันที่ได้ดูนิทรรศการในวันนั้นคือสิ่งที่ shape ความคิดความเชื่อในตัวผมมาจนถึงวันนี้ มันทำให้ผมยึดมั่นในความคิดที่ว่าไม่ว่าข้อขัดแย้งทางการเมืองจะรุนแรงเพียงใด มนุษย์ไม่พึงใช้มันเป็นข้ออ้างในการใช้ความรุนแรงต่อกัน เพราะการเมืองเป็นเรื่องสมมติของมนุษย์กันเอง แต่เลือด เนื้อ นำ้ตา มันเป็นของจริงที่สัมผัสได้

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราใช้ความรุนแรงในทางการเมือง เมื่อนั้นเราได้ “ยกระดับ” การเมืองให้กลายเป็น “การสงคราม” ซึ่งหากจะทำเช่นนั้น ก็พึงคิดหาหนทางเอาชนะ “สงคราม” ไว้ด้วยก็แล้วกัน

หลายปีผ่านไป 

อีกหนึ่งความทรงจำที่ประทับใจที่สุดเกิดขึ้นเมื่อได้อ่านหนังสือเล่มเล็กๆที่ชื่อ “ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง” เป็นหนังสือที่ผมอ่านรวดเดียวจบแบบวางไม่ลง และอ่านจบด้วยความรู้สึกปั่นป่วนในท้องมากถึงมากที่สุด


---------


ผมกับ 6 ตุลา ไม่มีอะไรสัมพันธ์กันมากไปกว่านี้ แต่เรื่องจริงที่น่าเศร้าคือผมเกิดทัน “19 พฤษภา 53” 

ผมไม่แน่ใจว่าระหว่างคนที่เอาเก้าอี้ไปฟาดศพที่ถูกแขวนคออยู่ใต้ต้นมะขาม 

กับคนที่ “เงียบ” เมื่อเห็นคนถูกยิงกลางหัวสมองแตกตายข้างถนน 

..... ใครมันน่ารังเกียจขยะแขยงในความเป็นมนุษย์มากกว่ากัน


//ภาพประกอบโดยคุณ เก้อ น่ะ
ที่สิ้นสุด หยุดไม่ได้ เพราะใครเล่า
ถ้ามวลเรา ไม่ช่วยหยุด ไม่รุดต่อ
ยอมให้เขา หยุดเรา เท่านั้นพอ
แล้วที่ก่อ มากัน คงฝันไป
เขาจะหยุด เรายอมหยุด ทรุดลงหรือ
ต้องลุกฮือ อย่าให้หยุด ทรุดเราได้
ประชาชน พลังมหา ประชา....ไท
ต้องช่วยกัน หยุดให้ได้ ในวันนี้....
       
  • ตื่นมา..เป็นกิจวัตรประจำที่จะต้องเช็คอีเมล์...
  • เจออีเมล์พี่สงค์...ที่ส่งให้พี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ ตั้งแต่เช้า
  • ทำให้ไม่ต้องนึกเหมือนทุกครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมาว่า 
  • วันนี้เป็นวันอะไร ต้องไปทำงานไหม..อิอิ
  • ทำให้ไม่ต้องกระโดดจากที่นอน แล้ววิ่งผ่านน้ำ
  • แต่งตัว..บึ่งรถ..หวืด..ไปทำงาน...
  • ตั้งแต่เช้า..จรดเย็น...จรดค่ำ เหมือนทุกวัน จ-ศ
  • ซึ่งเป็นภาระกิจ หน้าที่ สำหรับงานประจำ..เลี้ยงตัว..
  • เพื่อความอยู่รอด (ของตัวเอง..555)
  • ขอบคุณพี่สงค์..ที่เริ่มแรงบันดาลใจให้ ..สำหรับวลี...นี้ 
  • (ขอยืมคำ..วลี..จากพี่เชาว์..หน่อยค่ะ)

         " พิสูจน์มาห​ลายครั้งแล้​วว่า ไม่ช่วยกัน​หยุด ความสิ้นสุ​ดไม่มี"
แรงบันดาลใจ...สำหรับ.."กลอน"..ในวันนี้ค่ะ
Tiffy
ฟังเพลงด้วยกันค่ะ..
เพลงของประชาชน เพื่อประชาชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น