วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

อำนาจถึงขั้นเอกซเรย์ยีนส์?อาจมีคำตอบนึกไม่ถึง‘รัฐบาลใหม่’
อำนาจถึงขั้นเอกซเรย์ยีนส์?
อาจมีคำตอบนึกไม่ถึง‘รัฐบาลใหม่’


http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=51393

        จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
         ปีที่ 12 ฉบับที่ 3032 ประจำวัน อังคาร ที่ 12 เมษายน 2011
         โดย คุ้มฟ้า มานมาลี

วันนี้ก็เลยโซนเวลาประกาศศึกของกลุ่มการเมืองเสื้อเหลืองที่จะล้มรัฐบาลชุดนี้ ตลอดจนการเรียกร้องให้กองทัพออกมามีบทบาทปฏิวัติประชาธิปไตย ล้างการเมืองระบบรัฐสภาโดยข้ออ้างอิง อธิบายให้เป็นการสนับสนุนการปฏิวัติของประชาชน?

กล่าวถึงเช่นนี้ด้วยสมมุติฐานที่จะให้เครดิตกับเสียงเรียกร้องจากเวทีม็อบเสื้อเหลือง? ประการนี้เห็นจะไม่มีใครทราบเรื่องจริงได้กระจ่างไปกว่าใคร? เพราะทิศทางของอำนาจหรือ “ผู้คุมเกมอยู่เบื้องหลังตัวจริง” ยังไม่มีอะไรชัดเจนต่อการตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายว่าจะเลือกใช้ “วิธีการกับหมากตัวละครอย่างไรกันแน่?”

โดยสมมุติฐานเช่นนี้เหมือนกัน ผู้เขียนวิเคราะห์ข้อมูลบนความเชื่อของ “การเล่นเกมทางอำนาจหลายหน้าหรือหลายมิติ” ทุกอย่างจึงซับซ้อนแล้วไม่อาจพยากรณ์ออกมาได้อย่างง่ายๆ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นภายใต้ทฤษฎีตรีมูรติ!

แต่จากการประเมินสถานการณ์ทั่วไป บทบาทในขั้นเทพระดับพระศิวะ ซึ่งพระองค์แม้จะมีภารกิจหลายประการ ทรงอำนวยอวยพรให้กับผู้บูชาสักการะต่อพระองค์ สุดท้ายแล้วต้องระบุถึงการเป็นมหาเทพ ซึ่งทรงอิทธิฤทธิ์เป็น “เทพผู้ทำลาย” หากเราถือตามทฤษฎีอำนาจหลายหน้าแบบตรีมูรติ หนทางของการทำลายล้างระบบการเมืองแบบรัฐสภาอาจจะไม่เวิร์ค เมื่อเป็นไปเช่นนี้หน้าของอำนาจที่จะใช้แนวทางนี้ในลักษณะการปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งรัฐประหารโดยกองทัพหรือโดยประชาชน “หลังจากชั่งตรองอยู่หลายรอบภายหลังความอยากเกิดขึ้น ลงท้ายแล้วมันยังติดขัดเงื่อนไขอยู่หลายรายละเอียด ดังนั้น บทบาทของมหาเทพในฐานะเทพผู้ทำลายจึงไม่อาจแสดงฤทธิ์และบทบาทได้ในช่วงเวลาขณะนี้?”

เมื่อตรีมูรติไม่อาจออกหน้ากลายเป็น “พระศิวะ” ได้ หนทางที่ต้องยินยอมให้เปิดเกมเลือกตั้งจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีและเหมาะสมกว่า มีความสอดคล้องกับสภาวการณ์ของปัจจุบัน

บทบาทในมิติของพระพรหมอันเป็นผู้สร้างเห็นจะต้องดำเนินไปควบคู่กับพระวิษณุ อยู่ที่ว่าเป็นการเล่นบทรักษาของเก่า ซึ่งเป็นภารกิจสำหรับพระวิษณุ หรือคิดจะให้พระพรหมสร้างขึ้นมาใหม่ ทั้งสองแนวทางนี้น่าวิเคราะห์ถึงอยู่ไม่น้อยเลย...

ทางเลือกแบบพระวิษณุอันนั้นจะเป็นประโยชน์กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ชนิดเต็มๆ คือการเลือกตั้งคงเกิดขึ้น แล้วประชาธิปัตย์สอบผ่านด้วยอิทธิฤทธิ์ตามแรงเข็นแห่ง Supreme Being หรือ “ปรมาตมัน” ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุด

ถามว่านายอภิสิทธิ์จะกลับคืนมาหรือไม่? สำหรับข้อนี้เมื่อเรามิใช่ “ปรมาตมัน” ก็เห็นจะตอบได้ยาก มันทั้งเป็นได้และทั้งเป็นไปไม่ได้ เพราะมีกระแสข่าวที่ Supreme Being มีโอกาสไม่เลือกใช้บริการของพระวิษณุในขั้นตอนต่อไป หากเล็งไปที่อิทธิฤทธิ์แห่งพระพรหมโดยเฉพาะ...นั่นคือการสร้างใหม่?

ตรงนี้จึงเกิดคำถามว่า แล้วจะสร้างอะไรขึ้นมาให้วุ่นวายบ้านเมืองอีก? บทบาทของพระพรหมได้ถูกกล่าวถึงสืบเนื่องมาจากการวิเคราะห์ว่า จะเป็นระบอบมาร์คหรือระบอบแม้วหากกลับคืนมา มันทำให้อำนาจรอบเครือข่ายปรมาตมันต่างเล็งเห็นถึงความวุ่นวายระส่ำระสายอย่างไม่รู้จบ เป็นความปั่นป่วนที่เกิดจากพลังสีในฝ่ายต่างๆ

ซึ่งเราคงต้องวงเล็บเอาไว้ด้วยสำหรับการชอบเล่นเกมปั่นอำนาจจากการกำกับของ Supreme Being เพราะนี่เป็นตัวการแห่งความวุ่นวายและแทรกแซงของจริงแท้ๆ...เมื่อพิจารณาไปในอัตตาอันเกิดจากปรมาตมัน ทฤษฎีนี้จึงชี้ไปที่ความคาดหวัง “ปรารถนายกสะพานไฟ” อันเป็นความหมายที่กินความกว้างไปถึง “การเว้นวรรคประเทศไทยสัก 3-5 ปี” แต่ข้อนี้จำเป็นต้องใช้พระศิวะในภาคยักษ์สีเขียวก็เห็นจะไม่เหมาะสมตามที่กล่าวมา เพราะขืนเล่นบทพระศิวะมีความเสี่ยงสูงจัดในการพังเป็นแถบๆ!

ในการยกสะพานไฟถ้าไม่ใช้บทบาทของพระศิวะยังอาจกระทำได้ด้วยวิธีอื่นๆ เช่น การแหวกโผโดยใช้พระพรหมเจ้าเก่าเข้าตีตั๋วพิเศษเพื่อสร้าง “นายกรัฐมนตรีที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการเลือกตั้ง” เอาตรงนี้สร้างขึ้นมาเพื่อขัดตาทัพไปพลางก่อน...
วิธีการนี้คอลัมนิสต์บางคนเรียกให้เป็นวิธีการ “ริบอำนาจ” หาได้เป็นเรื่องปฏิวัติรัฐประหาร สำหรับวิธีริบอำนาจใครจะมองให้เป็นฤทธิ์แห่งมหาเทพองค์ใดระหว่างพระพรหมกับพระศิวะก็สามารถเข้าใจกันได้ หรืออาจถือเป็นความร่วมมือของทั้งสองมหาเทพ?

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ต้องถือเป็นระดับข้อมูลลึกในชั้นเทพเลยทีเดียว มนุษย์ธรรมดายากจะหยั่งไปรู้ได้

หากแต่กระบวนการยกสะพานไฟของ Supreme Being ไม่จำเป็นต้องเล่นด้วยบทพระศิวะในภาคยักษ์สีเขียวที่สมคบประสานงานกับพลวานรสีเหลือง หรือต้องใช้บริการร่วมของพระพรหม-พระวิษณุ ด้วยการสร้างตามแบบกระบวนการริบอำนาจ...คือเป็นบทร่วมระหว่างผู้สร้างแบบพระพรหมกับผู้รักษาแบบพระวิษณุ
ยังมีอีกวิธีการที่สามารถเล่นบทพระพรหมในโหมดของการเลือกตั้งได้ชนิดเต็มๆ อาจเป็นพรรคการเมืองในขั้วที่ 3 ที่จะเข้าจัดตั้งรัฐบาล เป็นพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งไม่ใช่พรรคการเมืองใหม่สีเหลืองขณะนี้?

...นี่อาจเป็นอีกความหวังแกะกล่องหรือไม่คงเป็นเหยื่อใหม่อีกตัว?
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น