วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ภาพตัดต่อเหลี่ยมมาอีกแร๊ะ


ช็อตเด็ดวันนี้ : เร้วสลิ่ม !
ภาพตัดต่อเหลี่ยมมาอีกแร๊ะ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย วิ่งขึ้นเนินเขา ระหว่างเดินทางไปเยี่ยมรำลึกพื้นที่ประสบพิบัติภัยสึนามิ ที่นาโตริ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมนี้ (ภาพข่าว:AP)

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
26 สิงหาคม 2554

เชื่อได้ว่าอีกหน่อยภาพนี้อาจกลายเป็นฟอร์เวิร์ดเมล์(Fwm)ของสลิ่มว่า เป็นภาพตกแต่ง พร้อมความเห็นของกูรูผู้เชี่ยวชาญการถ่ายภาพและแสงเงาสารพัด พร้อมกับเออออกันไปว่า ความจริงทักษิณป่วยหนักใกล้ตายแล้วไม่เกินปลายปีนี้ อะไรทำนองนี้ เหมือนกับฟอร์เวิร์ดเมล์ของสลิ่มที่เราเห็นกันบ่อยๆในระยะ2-3ปีมานี้

การแช่งชักหักกระดูกให้ทักษิณตายๆไปซะทีของสลิ่ม และคนที่ต่อต้านเขา ในทางกลับกันก็คือเครื่องสะท้อนถึงความสิ้นหวังสุดขีดของพวกเขา โดยอยู่บนพื้นฐานความคิดตื้นๆว่าทักษิณตายซักคน พรรคเพื่อไทยก็จะล่มสลาย คนเสื้อแดงจะสูญหายไป ขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยจะอวสานลง

ประเทศไทยจะกลับไป"สงบสุขเหมือนเดิม"..

สำหรับขบวนการเคลื่อนไหวประชาธิปไตย นั่นเป็นวิธีคิดแบบยึดติดที่"คนๆเดียว ทำเพื่อคนๆเดียวอย่างแท้จริง"แบบที่พวกสลิ่มมีอุดมคติเพื่อคนๆเดียวครอบครัว ครอบครัวเดียว พวกเขาถูกฝังหัวให้คิดว่า"คนๆนั้นและครอบครัวที่ว่านั้น"คือทั้งหมดของประเทศชาติ

หากคนๆนั้นตายลงไป จะทำให้ประเทศชาติถึงแก่กาลสิ้นสลาย!

แต่สำหรับคนเสื้อแดงและขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย เราได้ก้าวข้ามคนๆเดียว และครอบครัวนั้นครอบครัวเดียวมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็น"ทักษิณ หรือใครก็ตาม" การดำรงอยู่ หรือการตายจากไปของคนๆนั้น ครอบครัวนั้น ไม่ได้มีความหมายใดสำหรับเราเลย

อาจมีความหมายในทางสัญญะอยู่บ้างก็คือ ความสาแก่ใจในการดำรงอยู่และรุ่งเรืองขึ้นของทักษิณ ขณะที่ใครบางคน บางครอบครัวสูญเสียความนับถือ ความรักความศรัทธาลงมา และพยายามดิ้นรนไขว่คว้าจะหมุนเข็มนาฬิกากลับไปสู่วันคืนเก่าๆแห่งการ"กดขี่อย่างปรานีและแนบเนียน"

ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมนับแต่รัฐประหาร 19 กันยา 49 เป็นต้นมา และความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำซากของ"ครอบครัวนั้น"โดยไร้สำนึกผิดชอบชั่วดีใดๆ และแน่นอน จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ไม่มีวันที่จะหมุนเข็มนาฬิกากลับไปที่เดิม

ไม่มีวัน!

*********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:นักข่าวกว่า 200 คนจากทั่วโลกเกาะติด
Thaksin in JAPAN 25-8-54 หรือติดตามแบบเกาะติด
 Thaksin in JAPAN(by Asia Update)
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น