วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ความลับสุดยอด’ที่ไม่เคยเปิดเผย!

บรรณานุกรม‘คอป.’ลืมตีพิมพ์‘ความลับสุดยอด’ที่ไม่เคยเปิดเผย!
         เรื่องของ “คนชุดดำ” ยังเป็นปุจฉา เป็นทั้งประวัติศาสตร์และปริศนาลึกลับที่มีผลกระทบทางการเมืองอย่างลึกซึ้ง และหลายฝ่ายต้องการคำตอบว่ามีอยู่จริงหรือไม่ และเป็นใครกันแน่?

        บทความชิ้นนี้เป็นการเฉลยคำตอบและที่มาของ “คนชุดดำ” อย่างตรงไปตรงมา และคาดว่าจะเป็นคำตอบที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในเอกสารใดๆมาก่อน แม้กระทั่งเอกสารของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดอง แห่งชาติ (คอป.) ที่ว่าสมบูรณ์ที่สุด


        ล่าสุดมีการถกเถียงและตอบโต้กันไปมาว่าคนชุดดำมาจาก ศอฉ. ในช่วงการชุมนุมเมื่อปี 2553 บางแหล่งข่าวอ้างว่าคนชุดดำเดินเข้าออกจากราบ 11 เข้ามาในม็อบการชุมนุม บางกระแสก็อ้างว่าคนชุดดำเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมา โดยตอนแรกให้ปรากฏในข่าวโทรทัศน์บางช่อง ซึ่งน่าจะถ่ายโดยช่างภาพชาวต่างประเทศบางคน จากจุดตรงนั้นก็มีการแพร่ภาพต่อๆกันไป ในที่สุดกลายเป็นข้ออ้างว่ามีคนชุดดำปรากฏอยู่จริงในการชุมนุม และจากการปรากฏในข่าวโทรทัศน์ได้ถูกทำให้สอดคล้องกับหลายกระแสข่าวถึงการ ปรากฏของคนชุดดำและการมีอยู่จริง รวมทั้งในเอกสารของ คอป. ยังช่วยยืนยันว่ามีคนชุดดำอยู่ในที่ชุมนุมจริง


       จึงน่าจะวิสัชนาว่าคนชุดดำคือใคร และมีอยู่จริงหรือไม่ บทความชิ้นนี้ถือเป็นการอ้างอิงเกี่ยวกับคนชุดดำอีกลักษณะหนึ่ง ซึ่งสรุปว่าคนชุดดำไม่มีตัวตนที่เป็นรูปธรรม แต่คนชุดดำเป็นผลที่เกิดขึ้นจากจินตกรรม!


       จินตกรรมหรือจิตนาการเกี่ยวกับลัทธิชาตินิยมเป็นแนวทางที่ถูกใช้เพื่อ สร้างจุดร่วมในสังคมขึ้นมาในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งดูจะใช้ได้ผลดีเสียด้วย จินตกรรมเกี่ยวกับลัทธิชาตินิยมเป็นการปลูกฝังความรักชาติที่ต้องอาศัย อุดมการณ์อันสูงส่ง


        อุดมการณ์ความรักชาติจึงต้องเกี่ยวข้องกับความศักดิ์สิทธิ์ของการรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เมื่ออุดมการณ์กลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์เสียแล้ว สมาชิกของสังคมยังยอมอุทิศชีวิตเพื่อปกป้องอุดมการณ์ดังกล่าวอย่างถึงที่สุด จึงกล่าวได้ว่าจินตกรรมที่เกี่ยวกับชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์อันเกี่ยวข้องกับลัทธิชาตินิยมและลัทธิรักชาติ หรือบางครั้งสุดโต่งกลายไปเป็น “ความคลั่งชาติ” ด้วยซ้ำไป


       จินตกรรมเกี่ยวกับลัทธิชาตินิยมไทยมักวนเวียนอยู่กับสิ่งเหล่านี้มาช้า นาน ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนทางอำนาจเป็นประจำ เมื่อต้องการให้สมาชิกในสังคมอุทิศตนเพื่อปกป้องอุดมการณ์ลัทธิรักชาติ จินตกรรมดังกล่าวจะถูกสร้างและนำมาใช้ปฏิบัติทุกครั้ง โดยเฉพาะการรัฐประหาร จนถึงการปราบปรามทางการเมืองก็ตาม


       ดังจะเห็นว่าในอดีตมีการสลายการชุมนุมทางการเมืองหลายครั้ง ฝ่ายอำนาจรัฐจะใช้ข้ออ้างว่าการชุมนุมทำลายความเป็นชาติและบั่นทอนทำลายความ มั่นคงของประเทศ
จินตกรรมชาตินิยมเหล่านี้จึงจำเป็นต้องอาศัยศัตรู เพราะการมีศัตรูจะกลายเป็นความชอบธรรมของการใช้อำนาจรัฐที่จะปกป้องรัฐด้วย ความรุนแรง และเกิดความชอบธรรมในการปราบปรามประชาชนได้


         อดีตเคยมีจินตกรรมเรื่องคอมมิวนิสต์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ครั้งที่รัฐบาลทำ
การปราบปรามนักศึกษาวันที่ 6 ตุลาคม 2519 หรือในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 กองกำลังเสือพรานของประเทศลาวในสังกัดของ “เทพ 333” กลายเป็น “แพะรับบาป” ไป เพราะภายหลังมีการปล่อยข่าวว่ากองกำลังเสือพรานดังกล่าวยิงนักศึกษาเสีย ชีวิตข้างวังจิตลดารโหฐาน จากจุดนั้นได้กลายเป็นชนวนบานปลายขยายใหญ่โต เกิดเป็นม็อบประชาชนจำนวนมากมาร่วมขับไล่จอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลประภาส จารุเสถียร
การปฏิวัติเมื่อปี 2516 ยังลึกซึ้งมากกว่านั้น เพราะมิใช่เพียงความสำเร็จของพลังประชาชนในการปฏิวัติประชาธิปไตยเท่านั้น หากมีเหตุผลมาจากความร้าวฉานในกลุ่มทหารด้วยกัน ตลอดจนความขัดแย้งระหว่างอำนาจเบื้องสูงที่ไม่เปิดเผยกับอำนาจของรัฐบาลขณะ นั้น แล้วอำนาจลึกลับเบื้องสูงได้ยืมมือ “เทพ 333” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ควบคุมกองกำลังไว้ในมือมากที่สุดเข้ามากดดันรัฐบาลให้ ยอมลาออกจากตำแหน่งและลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ ท้ายสุดแล้วรัฐบาลอยู่ไม่ได้ ชนชั้นสูงที่แอบแฝงอยู่เบื้องหลังสามารถควบคุมอำนาจไว้ได้ โดยใช้ขบวนการนักศึกษาเป็นเครื่องมือ พร้อมกับสร้างปริศนาการเปลี่ยนแปลงว่าฝ่ายอำนาจเบื้องสูงไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่อย่างใด กลายเป็นความจริงเทียมๆว่า “เทพ 333” คือผู้ที่หักโค่นรัฐบาลร่วมกับขบวนการนักศึกษา


         นี่คือความจริงที่ยังไม่มีใครเปิดเผยออกมาเกี่ยวกับเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 แต่พอจะสรุปให้เห็นความจริงอย่างหนึ่งได้ว่า ทุกครั้งที่เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย ไม่ใช่เรื่องที่ตรงไปตรงมา ข้อมูลในทางเปิดเผยนั้นจำกัดที่จะอธิบายทั้งหมดได้ แต่มีเบื้องหน้าและเบื้องหลังปะปนกันอยู่ ทั้งเรื่องจริงและเรื่องเสมือนจริงเกี่ยวข้องกัน ตลอดจนมีจินตกรรมและการจัดฉากหลายอย่างเข้ามาเป็นปัจจัยเกี่ยวเนื่องด้วย


        เช่นเดียวกับเรื่องของคนชุดดำเมื่อครั้งการสลายการชุมนุมปี 2553 เป็นสิ่งที่หาความจริงและหลักฐานไม่ได้แน่นอน ป่วยการที่จะตรวจสอบเพื่อสาวไปถึงตัวคนวางแผนและหาคนชุดดำมาเปิดเผยกับสังคม


       เมื่ออธิบายในบรรณานุกรมเช่นนี้ต้องบอกว่าเรื่องของคนชุดดำมีอยู่จริงแน่ นอน แต่เป็นสภาวะนามธรรมที่ถูกสร้างเป็นจินตกรรมขึ้นมา เพื่อเป็นเงื่อนไขให้เกิดความชอบธรรมของรัฐบาลขณะนั้นในการปราบปรามและสลาย การชุมนุมคนเสื้อแดง


       การกล่าวว่าคนชุดดำเข้าๆออกๆที่ราบ 11 จึงมีเหตุผลที่พอเป็นไปได้ ถ้าเราจะเข้าใจคนชุดดำในฐานะที่เกิดจากจินตกรรมของลัทธิคลั่งชาติที่ต้องการ สร้างศัตรูขึ้นมาเป็นเหยื่อ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมการในปราบปราม ในนิยามของจินตกรรมแล้ว ศอฉ. ที่ตั้งอยู่ในราบ 11 ขณะนั้นก็ได้รับประโยชน์จากความเชื่อเกี่ยวกับคนชุดดำ

       ในอีกมิติหนึ่งนั้น จินตกรรมของคนชุดดำถูกใช้ขับเคลื่อนทางการเมืองของฝ่ายอำนาจนิยม คนชุดดำจึงคงค้างอยู่ในมันสมองและความคิดของคนเหล่านี้ทั้งสิ้น ตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง จินตกรรมเกี่ยวกับคนชุดดำก็จะเป็นบริบทที่เกี่ยวข้องต่อไป เป็นเรื่องที่จะต้องขจัดให้หมดสิ้นต่อไปด้วย


ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 8 ฉบับ 384 วันที่ 3-9 พฤศจิกายน 2555 หน้า 11 คอลัมน์ กรีดกระบี่บนสายธาร โดย เรืองยศ จันทรคีรี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น