|
บรรณานุกรม‘คอป.’ลืมตีพิมพ์‘ความลับสุดยอด’ที่ไม่เคยเปิดเผย!
|
|
เรื่องของ
“คนชุดดำ” ยังเป็นปุจฉา
เป็นทั้งประวัติศาสตร์และปริศนาลึกลับที่มีผลกระทบทางการเมืองอย่างลึกซึ้ง
และหลายฝ่ายต้องการคำตอบว่ามีอยู่จริงหรือไม่ และเป็นใครกันแน่?
บทความชิ้นนี้เป็นการเฉลยคำตอบและที่มาของ “คนชุดดำ” อย่างตรงไปตรงมา
และคาดว่าจะเป็นคำตอบที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในเอกสารใดๆมาก่อน
แม้กระทั่งเอกสารของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดอง
แห่งชาติ (คอป.) ที่ว่าสมบูรณ์ที่สุด
ล่าสุดมีการถกเถียงและตอบโต้กันไปมาว่าคนชุดดำมาจาก ศอฉ.
ในช่วงการชุมนุมเมื่อปี 2553 บางแหล่งข่าวอ้างว่าคนชุดดำเดินเข้าออกจากราบ
11 เข้ามาในม็อบการชุมนุม
บางกระแสก็อ้างว่าคนชุดดำเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมา
โดยตอนแรกให้ปรากฏในข่าวโทรทัศน์บางช่อง
ซึ่งน่าจะถ่ายโดยช่างภาพชาวต่างประเทศบางคน
จากจุดตรงนั้นก็มีการแพร่ภาพต่อๆกันไป
ในที่สุดกลายเป็นข้ออ้างว่ามีคนชุดดำปรากฏอยู่จริงในการชุมนุม
และจากการปรากฏในข่าวโทรทัศน์ได้ถูกทำให้สอดคล้องกับหลายกระแสข่าวถึงการ
ปรากฏของคนชุดดำและการมีอยู่จริง รวมทั้งในเอกสารของ คอป.
ยังช่วยยืนยันว่ามีคนชุดดำอยู่ในที่ชุมนุมจริง
จึงน่าจะวิสัชนาว่าคนชุดดำคือใคร และมีอยู่จริงหรือไม่
บทความชิ้นนี้ถือเป็นการอ้างอิงเกี่ยวกับคนชุดดำอีกลักษณะหนึ่ง
ซึ่งสรุปว่าคนชุดดำไม่มีตัวตนที่เป็นรูปธรรม
แต่คนชุดดำเป็นผลที่เกิดขึ้นจากจินตกรรม!
จินตกรรมหรือจิตนาการเกี่ยวกับลัทธิชาตินิยมเป็นแนวทางที่ถูกใช้เพื่อ
สร้างจุดร่วมในสังคมขึ้นมาในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งดูจะใช้ได้ผลดีเสียด้วย
จินตกรรมเกี่ยวกับลัทธิชาตินิยมเป็นการปลูกฝังความรักชาติที่ต้องอาศัย
อุดมการณ์อันสูงส่ง
อุดมการณ์ความรักชาติจึงต้องเกี่ยวข้องกับความศักดิ์สิทธิ์ของการรักชาติ
ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เมื่ออุดมการณ์กลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์เสียแล้ว
สมาชิกของสังคมยังยอมอุทิศชีวิตเพื่อปกป้องอุดมการณ์ดังกล่าวอย่างถึงที่สุด
จึงกล่าวได้ว่าจินตกรรมที่เกี่ยวกับชาติ ศาสนา
และพระมหากษัตริย์อันเกี่ยวข้องกับลัทธิชาตินิยมและลัทธิรักชาติ
หรือบางครั้งสุดโต่งกลายไปเป็น “ความคลั่งชาติ” ด้วยซ้ำไป
จินตกรรมเกี่ยวกับลัทธิชาตินิยมไทยมักวนเวียนอยู่กับสิ่งเหล่านี้มาช้า
นาน ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนทางอำนาจเป็นประจำ
เมื่อต้องการให้สมาชิกในสังคมอุทิศตนเพื่อปกป้องอุดมการณ์ลัทธิรักชาติ
จินตกรรมดังกล่าวจะถูกสร้างและนำมาใช้ปฏิบัติทุกครั้ง โดยเฉพาะการรัฐประหาร
จนถึงการปราบปรามทางการเมืองก็ตาม
ดังจะเห็นว่าในอดีตมีการสลายการชุมนุมทางการเมืองหลายครั้ง
ฝ่ายอำนาจรัฐจะใช้ข้ออ้างว่าการชุมนุมทำลายความเป็นชาติและบั่นทอนทำลายความ
มั่นคงของประเทศ
จินตกรรมชาตินิยมเหล่านี้จึงจำเป็นต้องอาศัยศัตรู
เพราะการมีศัตรูจะกลายเป็นความชอบธรรมของการใช้อำนาจรัฐที่จะปกป้องรัฐด้วย
ความรุนแรง และเกิดความชอบธรรมในการปราบปรามประชาชนได้
อดีตเคยมีจินตกรรมเรื่องคอมมิวนิสต์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ครั้งที่รัฐบาลทำการปราบปรามนักศึกษาวันที่ 6 ตุลาคม 2519 หรือในเหตุการณ์
14 ตุลาคม 2516 กองกำลังเสือพรานของประเทศลาวในสังกัดของ “เทพ 333”
กลายเป็น “แพะรับบาป” ไป
เพราะภายหลังมีการปล่อยข่าวว่ากองกำลังเสือพรานดังกล่าวยิงนักศึกษาเสีย
ชีวิตข้างวังจิตลดารโหฐาน จากจุดนั้นได้กลายเป็นชนวนบานปลายขยายใหญ่โต
เกิดเป็นม็อบประชาชนจำนวนมากมาร่วมขับไล่จอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลประภาส
จารุเสถียร
การปฏิวัติเมื่อปี 2516 ยังลึกซึ้งมากกว่านั้น
เพราะมิใช่เพียงความสำเร็จของพลังประชาชนในการปฏิวัติประชาธิปไตยเท่านั้น
หากมีเหตุผลมาจากความร้าวฉานในกลุ่มทหารด้วยกัน
ตลอดจนความขัดแย้งระหว่างอำนาจเบื้องสูงที่ไม่เปิดเผยกับอำนาจของรัฐบาลขณะ
นั้น แล้วอำนาจลึกลับเบื้องสูงได้ยืมมือ “เทพ 333”
ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ควบคุมกองกำลังไว้ในมือมากที่สุดเข้ามากดดันรัฐบาลให้
ยอมลาออกจากตำแหน่งและลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ ท้ายสุดแล้วรัฐบาลอยู่ไม่ได้
ชนชั้นสูงที่แอบแฝงอยู่เบื้องหลังสามารถควบคุมอำนาจไว้ได้
โดยใช้ขบวนการนักศึกษาเป็นเครื่องมือ
พร้อมกับสร้างปริศนาการเปลี่ยนแปลงว่าฝ่ายอำนาจเบื้องสูงไม่ได้เกี่ยวข้อง
แต่อย่างใด กลายเป็นความจริงเทียมๆว่า “เทพ 333”
คือผู้ที่หักโค่นรัฐบาลร่วมกับขบวนการนักศึกษา
นี่คือความจริงที่ยังไม่มีใครเปิดเผยออกมาเกี่ยวกับเหตุการณ์ 14 ตุลาคม
2516 แต่พอจะสรุปให้เห็นความจริงอย่างหนึ่งได้ว่า
ทุกครั้งที่เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย ไม่ใช่เรื่องที่ตรงไปตรงมา
ข้อมูลในทางเปิดเผยนั้นจำกัดที่จะอธิบายทั้งหมดได้
แต่มีเบื้องหน้าและเบื้องหลังปะปนกันอยู่
ทั้งเรื่องจริงและเรื่องเสมือนจริงเกี่ยวข้องกัน
ตลอดจนมีจินตกรรมและการจัดฉากหลายอย่างเข้ามาเป็นปัจจัยเกี่ยวเนื่องด้วย
เช่นเดียวกับเรื่องของคนชุดดำเมื่อครั้งการสลายการชุมนุมปี 2553
เป็นสิ่งที่หาความจริงและหลักฐานไม่ได้แน่นอน
ป่วยการที่จะตรวจสอบเพื่อสาวไปถึงตัวคนวางแผนและหาคนชุดดำมาเปิดเผยกับสังคม
เมื่ออธิบายในบรรณานุกรมเช่นนี้ต้องบอกว่าเรื่องของคนชุดดำมีอยู่จริงแน่
นอน แต่เป็นสภาวะนามธรรมที่ถูกสร้างเป็นจินตกรรมขึ้นมา
เพื่อเป็นเงื่อนไขให้เกิดความชอบธรรมของรัฐบาลขณะนั้นในการปราบปรามและสลาย
การชุมนุมคนเสื้อแดง
การกล่าวว่าคนชุดดำเข้าๆออกๆที่ราบ 11 จึงมีเหตุผลที่พอเป็นไปได้
ถ้าเราจะเข้าใจคนชุดดำในฐานะที่เกิดจากจินตกรรมของลัทธิคลั่งชาติที่ต้องการ
สร้างศัตรูขึ้นมาเป็นเหยื่อ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมการในปราบปราม
ในนิยามของจินตกรรมแล้ว ศอฉ. ที่ตั้งอยู่ในราบ 11
ขณะนั้นก็ได้รับประโยชน์จากความเชื่อเกี่ยวกับคนชุดดำ
ในอีกมิติหนึ่งนั้น
จินตกรรมของคนชุดดำถูกใช้ขับเคลื่อนทางการเมืองของฝ่ายอำนาจนิยม
คนชุดดำจึงคงค้างอยู่ในมันสมองและความคิดของคนเหล่านี้ทั้งสิ้น
ตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
จินตกรรมเกี่ยวกับคนชุดดำก็จะเป็นบริบทที่เกี่ยวข้องต่อไป
เป็นเรื่องที่จะต้องขจัดให้หมดสิ้นต่อไปด้วย
ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 8 ฉบับ 384 วันที่ 3-9 พฤศจิกายน
2555 หน้า 11 คอลัมน์ กรีดกระบี่บนสายธาร โดย เรืองยศ จันทรคีรี |
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น