วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554



สำนัก(ข่าว)พระพยอม
         จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
         ปีที่ 12 ฉบับที่ 3032 ประจำวัน อังคาร ที่ 12 เมษายน 2011
         โดย พระพยอม กัลยาโณ


http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=51396

การที่คนเราจะพูดอะไรในที่สาธารณะ โดยเฉพาะที่ที่มีคนอยู่มากๆ บางทีก็ต้องเปรียบเปรยเทียบเคียงมาเป็นนิทาน นิทานบางเรื่องก็แต่งมาเพื่อสอนธรรมะ แต่งมาเพื่อให้ข้อคิดเตือนใจ หรือเพื่อความสนุกสนานบันเทิงก็ตาม แต่นิทานบนเวทีเสื้อแดงที่คุณพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขาฯส่วนตัวประธานศาลรัฐธรรมนูญ เล่านั้นเป็นนิทานที่นำมาเพื่อขย่มซ้ำมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรม นิทานเรื่องนี้จึงไม่ใช่นิทานสอนธรรมะดังนิทานทั่วๆไปที่ให้ข้อคิด แต่กรณีนี้ต้องการเปิดแผลลากไส้อะไรบางอย่าง

ทุกวันนี้มีการชุมนุมทางการเมืองหลายกลุ่ม บางครั้งได้ฟังการปราศรัยแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ อาตมาเปิดฟังเกือบทุกเวทีที่มีการถ่ายทอด ไม่ว่าจะช่องเหลือง ช่องแดง หรือช่องโทรทัศน์อื่นๆที่มีมวลชนหรือผู้สนับสนุนของแต่ละกลุ่มไปร่วมรายการ บางครั้งฟังแล้วต้องเปลี่ยนช่องหนี เพราะกลัวว่าจะติดความหยาบคาย กลัวจะติดความก้าวร้าว เพราะแต่ละช่องไม่มีการควบคุมภาษาและลักษณะการพูดเลย
ฉะนั้นข้อสำคัญของสิ่งเหล่านี้อยู่ที่ว่า ประชาชนที่กำลังรับฟังอาจซึมซับเอาความก้าวร้าวหยาบคายติดมาด้วย อาตมาเกิดมา 60 ปีไม่เคยได้ยินใครพูดผ่านหน้าจอโทรทัศน์ด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดัน กล้าด่าแม้กระทั่งศาล เคยได้ยินแต่ศาลเตี้ย ศาลพระภูมิ หรือศาลยุติธรรม แต่ที่ได้ยินกลับเป็นศาลวรนุส เรียกว่านำมาพูดกันได้อย่างไม่เกรงใจเด็กและเยาวชน

การด่าทอลักษณะนี้ฟังดูแล้วมันเกินไป แม้ว่าบุคคลหรือองค์กรที่ถูกด่าทอจะมีพฤติกรรมที่เป็นจริงหรือไม่จริงอย่างที่ถูกด่าก็ไม่น่าจะต้องนำมาพูดบนพื้นที่สาธารณะ เพราะฟังแล้วช่างหวาดเสียว ถึงแม้จะนำผัสสะที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้ามาใช้ ที่บอกว่าได้ยินแล้ว ได้ฟังแล้ว อย่าชอบ อย่าชัง อย่ามีอะไรที่ต้องโน้มเอียงความคิดไปแบบเขากระนั่นแล้ว ก็ยังอดที่จะอกสั่นขวัญเสียไม่ได้ คงทนดูต่อไปไม่ได้ เปลี่ยนไปดูหนังฟังเพลงท่าจะดีกว่า

อาตมายังคิดถึงพี่น้องประชาชนทั้งหลาย หากได้ฟังคนที่มีลักษณะแบบนี้มากๆ ไม่หลบไปดูหนังฟังเพลง ไปดูสารคดีสัตว์บ้าง อาจจะคล้อยตามติดเอามาเป็นนิสัย
เวลานี้คนเราสามารถฝึกสัตว์เดียรัจฉานให้ทำอะไรได้อย่างมนุษย์มากมาย แต่มนุษย์เองกลับกำลังพลิกผันทำพฤติกรรมเยี่ยงสัตว์ และที่รู้สึกหดหู่ใจคือ ทำกันอย่างไม่เกรงอกเกรงใจคนที่เป็นมนุษย์ด้วยกัน เหมือนกับต้องการจะทำให้ล้มตายจากกันไปข้างหนึ่ง

นอกจากการปราศรัยบนเวทีชุมนุม การพูดจาแบบเผ็ดร้อนในทีวี.แล้ว เรายังเห็นพฤติกรรมแบบนี้ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร บ่อยครั้งที่มีสัตย์เลื้อยคลานออกมาเต็มรัฐสภา นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยอารมณ์ร้าย หากเป็นละครต้องบอกว่าเป็นตลาดอารมณ์

สำหรับใครที่ปล่อยให้อารมณ์กระเจิดกระเจิงไปกับใครมากเกินไป โดยลืมนึกถึงเหตุผลคงไม่ได้แล้ว ฉะนั้นเราไม่ควรปล่อยใจให้เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงชักชวนของกลุ่มต่างๆ และอย่าทำอะไรแบบเอามันเป็นหลัก ถ้าเราสังเกตคนที่ถูกด่าว่าเลวมาก ชั่วมาก พฤติกรรมและการกระทำของเรามากเกินไปหรือเปล่า เราด่าเขาเกินไปหรือเปล่า สมมุติว่าคนถูกด่าทำผิดเล็กๆน้อยๆ แต่คนที่จะด่ากลับใช้วาจาด่าทอราวกับคนคนนั้นไปปล้นฆ่าใครมา ทำให้คนฟังคนอื่นๆอาจรับไม่ได้กับสภาพของคนด่า เพราะอาจจะแรงเกินไป เราทำมากเกินกว่าเหตุหรือเปล่า ภาษากฎหมายยังมีคำว่ารุนแรงเกินกว่าเหตุ เพราะหากทำอะไรรุนแรงเกินกว่าเหตุอาจติดคุกติดตะรางได้ ดังเช่นโจรเข้าบ้านแล้วเราบอกว่ายิงเพื่อป้องกันตัว แต่เล่นยิงซะหมดแม็กอย่างนี้คงไม่ใช่ จะกลายเป็นกระทำเกินกว่าเหตุ อาจต้องรับโทษตามกฎหมายได้

ในทางศีลธรรม ทางการเมือง หากไปกล่าวร้ายฝ่ายตรงข้ามด้วยถ้อยคำรุนแรงเกินกว่าเหตุ บางครั้งอาจจะเด้งกับมาถูกตัวเองได้ เหมือนกับเราปาลูกปิงปองใส่กำแพงด้วยความฉุนเฉียวมันก็เด้งกับมาหาเราอยู่ดี อาจทำให้คู่ต่อสู้ได้รับคะแนนสงสาร
สังเกตหรือไม่ว่าหากเราฟังคนที่พูดด้วยเหตุผล สามารถคุมอารมณ์ได้ดี แม้คนคนนั้นจะมีพฤติกรรมไม่ค่อยดีก็ตาม แต่เวลาพูดพูดดี พูดด้วยภาษาที่ดี คุมอารมณ์ได้ดี คนคนนั้นมักได้รับความร่วมมือเสมอ

ฉะนั้นหากยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมเรื่องการพูดจาอาตมากลัวว่ามันจะเละ ทุกวันนี้ด่ากันผ่านโทรทัศน์ ตรงเข้าถึงห้องนอนของแต่ละบ้าน แต่ละบ้านนั้นอาจมีลูกเด็กเล็กแดงนั่งฟังอยู่ด้วย เขาอาจจะซึมซับคำพวกนี้โดยไม่รู้ตัว อาจทำให้เขามีพฤติกรรมชอบใช้ความรุนแรงในอนาคต

อาตมาอยากวิงวอนว่าจะสื่ออะไรขอให้สื่อในแบบที่รู้สึกว่าเป็นห่วงสังคมด้วยวาจาที่ดี อยากฝากไปถึงทั้งผู้พูดและผู้ฟังพิจารณาด้วย

เจริญพร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น