วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คนไทยในสหรัฐอเมริกา สนับสนุนแนวคิด คุณ คำผกา


Red LA USA ปล่อยอากง
คนไทยในสหรัฐอเมริกา สนับสนุนแนวคิด คุณ คำผกา

          ‘คำ ผกา’ เปลือย(หน้า)อก และ(หน้า)ใจ 
ส่งข้อความเรียกร้องปล่อยตัวอากง ชี้สังคมไทยต้องก้าวข้ามความกลัว 
ถอดทิ้งอคติ และสำรวจจิตใจตัวเองในฐานะเพื่อนมนุษย์

คนไทยในสหรัฐอเมริกา กลุ่ม Red LA USA ตอบสนองไอเดียทันทีจากสองภาพแรก
และตามมาด้วยเวปบล๊อก คนไทย LA 


คุณหมอพงษ์ศักดิ์ ป้า Tiffy ส่งเข้าประกวด



ผู้รักความยุติธรรมในประเทศไทยตอบสนองไอเดีย

     

หนุ่มสาวในโลกไซเบอร์ จากบล๊อก คนไทย LA


สาวไทยในแคนนาดาส่งลูกสาวชื่อ Angle เข้าร่วม

ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ 
นักรัฐศาสตร์ สถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาแห่งสิงคโปร์ 
เริ่มต้นรณรงค์ออนไลน์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา 

น่าจะสืบเนื่องจากหญิงเหล็กคนนี้

และสานต่อโดย คำผกา สาวไทยคนนี้  


และตามมาด้วยคนนี้  Kamphaka I Love You ....

ฝากรูป


Boonda Jiraanan

และทะยอยตามมาจากทุก ๆ เวปไซท์


หนู้น้อยจาก Facebook


คุณลุงจาก Facebook



หันหลังให้ระบอบเผด็จการ อำหมาด และผู้มีอำนาจ


Uncle เรียกร้องปล่อย Grandfar


ชมรมวิทยุเสรีชน



Yoko Ono ก็มาด้วย......หรือปล่าว ?


อกสามศอก เพื่ออากง



วัดสมองของคุณ ว่าคุณสนใจหน้าเอกเธอ 
หรือ สิ่งที่เธอแสดงผ่านข้อความบนหน้าอกและฝ่าของเธอ


ท่านนี้ต้องการจะบอกว่าอะไรอยู่เบื้องหลังหรือปล่าว


หมวกเผด็จการครอบหัวอากง ?


ข้างบนสี่นิ้ว ข้างล่างห้านิ้ว รวมกันเป็น 9 บอกอะไรสังคมไทย


ฝากรูป

ใครล้อมกรอบชื่ออากง







ฝากรูป

หกฝ่ามือ เพื่ออากง

ฝากรูป


http://pics.manager.co.th/Images/554000016381208.JPEG


หลานสาวตัวน้อยของอากง


หลานสาวคนใหญ่ในโลกไซเบอร์


จากเวปบล๊อกฟ้าแลบ








A question of law


ชื่อภาพ "ข้างหลังภาพ 1"




ชื่อภาพ "ข้างหลังภาพ 2"
ภาพจากชาวพุทธ


**********************************

ภาพจากงานเสวนา เครือข่ายประชาธิปไตย (คปต.)



คุณโกมล อ.วิภา















และสาว คำผกา ผู้จุดประกาย


        นักเขียนดังให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ประชาไท ถึงโครงการศิลปะชิ้นนี้ว่า อยากจะสื่อออกไปยังสังคมไทย ให้ถอดอคติส่วนตนออกไปจากจิตใจ และลองเปลือยใจเพื่อสำรวจถึงความมีมนุษยธรรมในฐานะเพื่อนมนุษย์ และตั้งคำถามดูว่าทำไมกรณีของอากงจึงเกิดขึ้นได้ มันเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ไหม และมันมากเกินไปหรือเปล่า

        "แทนที่จะหลบอยู่หลังตู้เย็น หลบอยู่หลังหน้าจอคอมพ์ อย่างน้อยเราก็ได้ทำอะไรซักอย่าง ที่จะก้าวข้ามความกลัวนั้นไป และส่งข้อความออกไปยังสังคม...ให้สังคมไทยนั้นก้าวพ้นความกลัวไปด้วยกัน" เธอกล่าว

         คำ ผกา กล่าวปิดท้ายว่า งานชิ้นนี้ เปรียบเสมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่ใช้ร่างกายประท้วงต่อความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งการกล้าเปิดกาย-ใจ และการกล้าเปิดเผยตัวตนนี่เอง ที่เป็นการเผชิญหน้าและเอาชนะความกลัวได้อย่างแท้จริง

----------

ตัวอย่างรูปถ่ายของผู้เข้าร่วมแคมเปญฝ่ามือ "อากง"




คุณหมอก็มา





งูงวงช้างส่งเข้าร่วม


จากสามอาจารย์สาว


[ภาพ: 8g4eK.jpg]

อากง เหยื่อ 112

[ภาพ: akong.jpg]

จากอากง กลายเป็นอากรง


Posted Image

คำผกา จัดหนัก

          ‘คำ ผกา’ เปลือย(หน้า)อก และ(หน้า)ใจ ส่งข้อความเรียกร้องปล่อยตัวอากง ชี้สังคมไทยต้องก้าวข้ามความกลัว ถอดทิ้งอคติ และสำรวจจิตใจตัวเองในฐานะเพื่อนมนุษย์

          เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลายคนอาจได้เห็นแคมเปญ ‘ฝ่ามืออากง’ กันไปบ้างแล้วในเฟซบุ๊ก การรณรงค์ดังกล่าวเริ่มต้นโดยปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิจัยจากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเรียกร้องอิสรภาพให้แก่นายอำพล (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ถูกตัดสินจำคุก 20 ปีด้วยการถูกกล่าวหาว่าส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือที่มีเนื้อหาหมิ่นเบื้อง สูงจำนวน 4 ข้อความไปยังเลขาส่วนตัวของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ(ขณะนั้น)

           แคม เปญดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ใช้เฟซบุ๊กในไทยและต่างประเทศอย่างรวดเร็ว โดยมีคนส่งภาพตัวเองที่มีข้อความ “อากง” เขียนบนฝ่ามือมาร่วมในการรณรงค์ดังกล่าว 150 คนในเวลาเพียง 2 วัน หนึ่งในนั้น มีรูปหญิงสาวเปลือยพร้อมข้อความ “No Hatre for Naked Heart” หราอยู่บนหน้าอกหน้าใจ พร้อมคำว่า “อากง” บนฝ่ามือ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากลักขณา ปันวิชัย หรือนักเขียนชื่อดังในนาม “คำ ผกา”…



          เธอ เล่าถึง “Art project” ชิ้นนี้ ซึ่งเป็นภาพเปลือยของเธอพร้อมข้อความ “No Hatre for Naked Heart” เขียนด้วยน้ำหมึกดำอยู่บนอกสองข้างของเธอว่า อยากจะสื่อออกไปยังสังคมไทย ให้ถอดอคติส่วนตนออกไปจากจิตใจ และลองเปลือยใจเพื่อสำรวจถึงความมีมนุษยธรรมในฐานะเพื่อนมนุษย์ และตั้งคำถามดูว่าทำไมกรณีของอากงจึงเกิดขึ้นได้ มันเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ไหม และมันมากเกินไปหรือเปล่า

        “แทนที่จะหลบ อยู่หลังตู้เย็น หลบอยู่หลังหน้าจอคอมพ์ อย่างน้อยเราก็ได้ทำอะไรซักอย่าง ที่จะก้าวข้ามความกลัวนั้นไป และส่งข้อความออกไปยังสังคม...ให้สังคมไทยนั้นก้าวพ้นความกลัวไปด้วยกัน” เธอกล่าว

         ‘คำ ผกา’ กล่าวว่า งานชิ้นนี้ เปรียบเสมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่ใช้ร่างกายประท้วงต่อความไม่เป็นธรรมใน สังคม ซึ่งการกล้าเปิดกาย-ใจ และการกล้าเปิดเผยตัวตนนี่เอง ที่เป็นการเผชิญหน้าและเอาชนะความกลัวได้อย่างแท้จริง

ที่มาประชาไท...








No More "อากง"-จากเฟซบุ๊คของ Jesiga NoMo


          แรง!แต่ไร้ผล-คำ ผกา(ภาพล่าง)กับสาวนิรนาม(ภาพบน)เปลือยอกเขียนข้อความให้ปลดปล่อยอากง ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล มองแรงกระตุกสังคมให้หันมาตระหนัก แต่มันเพียงพอที่จะมีผลให้ปลดปล่อยอากงกับนักโทษการเมืองแน่หรือ?



เอาด้วย-ภาพจากเฟซบุ๊คโหดสัส


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
3 ธันวาคม 2554

         ดร.สมศักดิ์เขียนในเฟซบุ๊คของเขาว่า ผมเห็นด้วยในแง่ที่ว่า การรณรงค์ทาง facebook การชุมนุม "เชิงสัญลักษณ์" (ที่เรียกกันว่า "จัดอีเว้นต์" อะไรแบบนั้น) เขียนชื่ออากง ฯลฯมีข้อจำกัด

        คืออาจจะ "ฮือฮา" กันอยู่สักระยะ (อาจจะเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน) 

        แต่ถ้าลำพังการเคลื่อนไหวแบบนี้ โดยตัวเอง ยากจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง ที่เป็นจริงได้

         ผมเน้นคำว่า "ลำพัง..." เพราะผมมองว่า จะว่าการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ "ไม่ได้ประโยชน์อะไร" ล้วนๆ ผมว่า ไม่ใช่นะ มันมีประโยชน์อยู่จริง ในแง่ของการทำให้คนที่ไม่มาสนใจ มาสนใจ หรือทำให้เป็นการแสดงความเห็น ความรู้สึกของคนจำนวนมาก ให้สื่อ ให้บรรดาคนในระดับการเมือง กลุ่มผลประโยชน์ผลักดัน (เช่น พวก นปช อย่างนี้แหละ) อะไรแบบนี้ มองเห็น ...

        ครับใช่ แต่ถ้าลำพังแค่นี้ เท่านั้น โอกาสที่มัน จะ frizzle out (แตกกระสานกันไป) หลังจากระยะหนึ่ง โดยไม่เกิดอะไรขึนตามมา (ยกเว้นทีบรรยายในย่อหน้าที่แล้่ว ที่อาจจะเรียกว่าทำให้ เกิด awareness ในระดับหนึ่ง)

        อย่างกรณี อากง ผมจึงเสนอว่า ต้อง "พ่วง" หรือพูดให้ถูก คือ เสนอ มาตราการอะไรที่จะมีผลในเชิง realistic ด้วย ซึง สำหรับโทษทีตัดสินแล้ว อย่าง อากง หรือ เผาจวน นั้น มีทางทำให้หลุดได้เพียง 2 ทางเท่าน้น ในทางกฎหมาย คือ อภัยโทษ (ซึ่ง ต้อง "ยอมรับสารภาพ" และขออภัยโทษ และต้องมีประวัติ มีความผิดตัดตัว ซึง โดยรวมแล้ว ไม่ดี) กับ นิรโทษกรรม

         ผมจึงเสนอว่า บรรดาท่านผุ้ร่วมรณรงค์ครั้งนี้ ควรต้อง ช่วยกันผลักดันเสนอ รบ. สส. ให้ออก นิรโทษกรรม กรณีอากง กรณีเผาจวน และอื่นๆ  ผมว่านะ เรื่องนี้ ถ้าจะทำจริงๆ ใช้เวลาไม่นานหรอก ร่างกฎหมาย เสนอสภา ผ่านสภา ทำได้ ภายในไม่กี่สัปดาห์

           อยากย้ำประเด็นเรื่อง เอาระดับล่างออกให้หมด คือ ในเมื่อเสื้อแดงเอง ก็ยังต้องการดำเนินคดีอภิสิทธิ์ สุเทพ และอาจจะผู้นำทหารด้วย ฝ่ายพันธมิตร เองก็ต้องยืนยัน ดำเนินคดีแกนนำเสื้อแดงด้วย ยิ่งกรณีคุณทักษิณ ยิ่งแล้วใหญ่ ถ้าคิดจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม คงต้อง สู้กันหลายยก ดังนั้น จะรอให้ชะตาของคนระดับล่างๆ ไปผูกอยู่กับคนระดับนำ ทั้งสองฝ่ายแบบนี้ โอกาสจะไปถึงไหน จะยาก และแต่ละวัน คนระดับล่างเหล่านี้ ก็ลำบาก (ระดับ ส่วนใหญ่ ทั้งสองฝ่าย ไม่ได้อยู่ในคุกอยู่แล้ว)

           ไม่รู่้นะ ผมมองไม่เห็นทางอื่นที่ realistic (เป็นจริงได้) มากกว่านี้ ไม่วา กรณีอากง หรือกรณี สมยศ สุรชัย หรือ พวกเผาจวน ฯลฯ  ผมนึกวิธีที่ realistic กว่านี้ไม่ออก - ยินดีรับฟังความเห็น หรือข้อเสนอ ว่า ท่านอื่นมีข้อเสนออะไรไหม แต่จุดสำคัญที่อยากย้ำ คือ เรื่อง realistic ที่ จะทำให้ปล่อย อากง และคนอื่นๆ ออกมาได้จริงๆ  ทั้งนี้มีทนายความจำเลยคดี112อยู่2รายที่แสดงความเห็นด้วยกับดร.สมศักดิ์คือทนายอานนท์ นำภา และทนายประเวศ ประภานุกูล

          โดยทนายอานนท์ ทนายความของอากงแสดงความเห็นว่า หากการใช้อำนาจนิติบัญญัติในการออกกฎหมายนิรโทษกรรมครั้งนี้จะพอคลีคลายสถานการณ์บ้าง ก็น่าจะชอบธรรมในฐานแห่งการถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายตุลาการ เพราะเราเล็งเห็นถึงความไม่เสถียรของระบบแล้ว เราควรใช้อำนาจที่มีฐานมาจากปวงชนชาวไทย ในการจัดการกับอำนาจที่มีฐานจากระบอบราชการแบบเก่า ๆ ผมเห็นดังนี้จริงๆ

           ทนายประเวศ ทนายความของดา ตอร์ปิโด แสดงความเห็นว่า เห็นด้วยกับ อ.สมศักดิ์ นะครับว่า ควรต้องมีการรณรงค์ แบบ เอาจริงเอาจัง กันเสียที กับข้อเสนอของอาจารย์ต่อการเรียกร้องให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม นักโทษการเมือง(ที่ไม่ใช่แกนนำของทั้ง 2 ฝ่าย) ผมไม่มีอะไรคัดค้านครับ

           อย่างไรก็ตามมีผู้แสดงความเห็นว่า การเรียกร้องให้มีพรบ.นิรโทษกรรมอาจกลายเป็นประเด็นการเมือง และจะไม่มีผลปฏิบัติจริง ควรเคลื่อนไหวเรียกร้องตามข้อเสนอของคอป.ที่เสนอต่อรัฐบาล จนมีการแต่งตั้ง ปคอป.มาดำเนิืนการตาม และมีมติครม.ออกมาแล้วเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ต่อมาได้มีการทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่นยวข้องคือปลัดกระทรวงยุติธรรม อัยการสูงสุด ผบ.ตร. อธิบดีดีเอสไอ กล่าวโดยสรุปคือเห็นว่าคดีที่เกิดขึ้นหลังรัฐปนระหาร 19 กันยายน เป็นคดีการเมืองทั้งหมด รวมทั้งคดี112 ศาลต้องตัดสินคดีด้วยบริบทนี้ไม่ใช่มองเป็นอาชญากรรมปกติ อัยการอย่าเพิ่งสั่งฟ้อง ให้ชลอคดีออกไปก่อน(คือเว้นวรรคไว้ก่อน)จนกว่าจะหาสูตรความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนยผ่านได้ ส่วนกรณีศาลได้ตัดตัดสินคดีในชั้นต้นไปแล้ว ก็ควรต้องไปต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ โดยขอให้ศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณาตัดสินโดยอิงตามข้อเสนอของคอป.นี้ คือให้เว้นวรรคชลอคดี ปล่อยตัวออกมาก่อน

         "นี่เป็นมติคอป. ปคอป. มติครม. และหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆhttp://issuu.com/thai_e-news/docs/trc_comments?mode=window&backgroundColor=%23222222 ดังนั้นก็ควรติดตามเร่งรัดรัฐบาล และหน่วนยงานที่เกี่ยวข้องคือ ปคอป. กระทรวงยุติธรรม ศาล อัยการ ดีเอสไอ ให้ทำตามก็พอแล้ว ทำไมจะไปเริ่มต้นใหม่ขอให้ออกพรบ.นิรโทษกรรมแบบเว้นวรรคไม่ให้นิรโทษกรรมแม้ว หรือแกนนำ มันจะกลายเป็นประเด็นปัญหาใหม่ทางการเมืองมากกว่ามังครับ"

       ดร.สมศักดิ์ได้โต้แย้งว่าข้อเสนอ คอป ตามเอกสารที่ ครม.นำมาสรุปนี้ ไม่สามารถใช้ในการครอบคลุมประเด็นทีผมเสนอเลย

- จะสังเกตว่า ข้อแรกสุดเรื่อง ให้ทบทวนว่า มีการตั้งข้อหาเกินจริงหรือไม่ ผมว่า อันนี้ ไม่ได้รวมถึงคดีทีขึ้นศาล ดำเนินไปจนจบ (ตัดสินแล้ว) เลยครับ เพราะรวมไม่ได้ เพราะพอถึงจุดนั้นแล้ว ไมได้อยู่ในอำนาจของฝ่ายบริหาร หรือแม้แต่ อัยการแล้ว (คือ ถ้ายังดำเนินอยู่ อาจจะบอกว่า ให้อัยการถอนฟ้อง หรือยุติการดำเนินคดีได้) ดังน้ัน คดีอย่าง อากง หรือ คดี เผาจวน และคดีอื่นๆที่ตัดสินไปแล้ว ตามข้อเสนอนี้ ไม่ครอบคลุมแล้วครับ (เช่น ต่อให้กรรมการของรัฐบาล สรุปว่า คดีเผาจวน เป็นการต้งข้อหาเกินไป จะให้ทำยังไงครับ ถ้ารบ. คิดจะแก้? ก็ต้องออกเป็น พรบ.นิรโทษกรรมอยู่ดี)

- การพูดถึง 112 ของเอกสารรัฐบาลนี้ อันที่จริง เป็นการพูดแบบรวมๆครับ ในข้อเสนอขอ คอป (ซึงไม่ได้อยู่ในเอกสารตาม link นี้ มีการพูดถึง 112 จริง แต่ก็พูดไว้น้อยมาก จริงว่า คดีอย่างสมยศ หรือ สุรชัย อาจจะสามารถทำเป็นข้อสรุป ตามนี้ว่า "ตั้งมากเกินจริง" และอาจจะหาทางทำให้ อัยการ ถอนฟ้อง หรือยุติคดีได้ แต่คดี ดา หนุ่ม และครับ คดี อากง ก็ไม่รวมอยู่นั่นเอง ตามที่กล่าวมาในย่อหน้าที่แล้ว

ดังนั้น ไม่มีทางอื่นครับ ทีจะทำให้คนที่ถูกตัดสินไปแล้ว อย่าง อากง เผาจวน ฯลฯ สามารถหลุดออกมาได้

        ความจริง เรืองนี้เป็น "เบสิค" อยู่แล้วครับ มันก็เหมือนกรณีคดีทักษิณนั่นแหละ ที่วิธี "หลุด" มี 2 วิธี เท่านั้น คือ อภัยโทษ หรือ นิรโทษกรรม ซึงแน่นอนวิธีแรกอยู่ในอำนาจ ครม.ระดับหนึง เช่นออกเป็น พรฎ (อย่างที่เพิ่งคิดจะทำ) แต่ก็มีข้อเสียตรงทีต้องยอมรับว่า มีโทษติดตัวอยู่ และ พรฎ น้ันเป็นกรณีพิเศษด้วย ถ้าเป็นอภัยโทษปกติ ก็ต้อง "สารภาพ" ซึง อากง หรือ คุณหนุ่ม หรือ ดา จนถึงตอนนี้ ไม่ได้คิดจะรับ หรืออีกทางคือ นิรโทษกรรม ซึ่งดีกว่าแน่ๆ เพราะคดีหลุดเลย ถือว่าเสมือนไม่มีคดี  สรุปแล้ว ถ้าต้องการช่วยคนเหล่านี้จริงๆ โดยเฉพาะกรณีอากง ไม่มีทางอื่นครับ อย่งน้อย ไม่มีทางอื่นที่ผมคิดอออก 

        ตามระบบกฎหมาย มี 2 ทางเท่านั้นจริงๆ สำหรับคดีที่ตัดสินแล้ว คือ อภัยโทษ (จากการสารภาพ) หรือ นิรโทษกรรม ครับ

ส่วนที่เสนอให้พูดถึงคดีที่ตัดสินศาลชันต้นไปแล้ว ให้ใช้ข้อเสนอ คอป ไปอ้างต่อศาลอุทธรณ์ ให้ "ชะลอคดี" นั้น ก็ยังไมใช่การปล่อยครับ ถ้า ไม่มีการประกันในระหว่างอุทธรณ์ จะยิ่งแย่ แต่ต่อให้มีการประกัน คดีก็ยังอยู่ครับ ซึง ดังที่ผมบอกว่า คดียังติดตัวอยู่ สำหรับคนธรรมดาๆ มันไมใช่เรื่องสบาย ... สรุปอีกทีว่า คดีทีตัดสินแล้ว อย่างอากง หรือ เผาจวน มี 2 ทาง คือ ไม่ "อภัยโทษ" ก็ "นิรโทษกรรม" ซึงถ้าไม่เอาอภัยโทษ (ต้องสารภาพ ต้องมีประวัติติด) ก็ต้อง นิรโทษ อย่างเดียวเท่านั้นครับ
เนวินก็เคยเสนอให้นิรโทษกรรมมวลชนยกเว้นแกนนำแต่ไม่สำเร็จ ขนาดไม่รวม112และกรณีผิดชัดเผาห้าง-ศาลากลาง

อย่างไรก็ตามข้อเสนอให้นิรโทษกรรมให้แก่แนวร่วมหรือมวลชน โดยไม่รวมแกนนำหรือตัวการสำคัญนั้น นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยเคยเคลื่อนไหวเมื่อปีที่แล้ว แต่เผชิญแรงต้าน จนเขากล่าวในเวทีสัมมนาหนหนึ่ง ว่า่
การนิรโทษกรรมเป็นการแก้ปัญหาแบบไทยสไตล์ คือ อโหสิแก่กัน วันนี้มีคนตกเป็นผู้ต้องหามากมาย ต่างฝ่ายก็ไม่ลดราวาศอก หากไม่เอาฟืนออกจากไฟ เอาคนบริสุทธิ์ออกมาก่อน ปัญหาก็จะลุกลาม แต่พอมีแนวคิดนี้ก็มีเสียงคัดค้านผมก็ประหลาดใจว่าในขณะที่มีความพยายามนิรโทษกรรมให้คนที่เคลื่อนไหวโดยบริสุทธิ์ใจกลับถูกคัดค้าน แต่การเรียกร้องให้อภัยโทษคนคนเดียวกับมีความสนับสนุน
ดูข้อเสนอของเนวินในรายงานข่าว "เนวิน"เดินหน้าล่ารายชื่อ "นิรโทษกรรม"ผู้บริสุทธิ์ ย้ำให้รู้จัก "อโหสิกรรม"
ขอเน้นย้ำว่า เฉพาะผู้ชุมนุมทางการเมืองโดยบริสุทธิ์ ไม่ได้สร้างปัญหาความรุนแรง หรือก่อการร้าย หรือเป็นแกนนำของการชุมนุม และ/หรือคนที่โดนตัดสิทธิ์ทางการเมืองจากการถูกยุบพรรค
           เนวิน กล่าวย้ำว่า การเดินหน้านิรโทษกรรมให้แก่ผู้บริสุทธิ์ เป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะเรายอมรับหรือไม่ว่าคนที่ไปยืนหน้าศาลากลางที่ถูกเผา ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ตกเป็นผู้ต้องหา วันนี้เรายอมรับหรือไม่ มีหลายคนไม่ได้เป็นผู้ก่อการ แต่มาด้วยจิตวิญญาณบริสุทธิ์ เขา ก็ตกเป็นผู้ต้องหา ทำไมเราไม่กันคนเหล่านั้นออกมาจากความแตกแยก ส่วนใครที่เป็นแกนนำ ใครเป็นผู้ก่อการ ผู้ต้องหาคดีอาญา ก็ดำเนินคดีไป คนที่มีหลักฐานมีคดีชัดเจนก็ดำเนินคดีอาญาไป แต่คนที่ไม่มีหลักฐาน แต่กลับต้องติดบ่วงก็นิรโทษกรรมให้เขาไป

           เนวินย้ำชัดว่า การนิรโทษกรรมครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับบ้านเลขที่ 111 และบ้านเลขที่ 109 เพราะประเด็นของตน คือการนิรโทษกรรมให้ผู้ที่ไม่ได้กระทำความผิดตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกรณีเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง ควรจะได้รับการเยียวยา โดยตนอยากให้แยกพี่น้องประชาชนที่มีเจตนาบริสุทธิ์ออกไปเสียจากวงนี้ ที่ทำให้เขาเป็นผู้ต้องหา เป็นผู้ถูกกล่าวหา ไม่ว่าเป็นข้าราชการหรือประชาชน ไม่ว่าราชประสงค์หรือสุวรรณภูมิที่มีเจตนาบริสุทธิ์ในการมาชุมนุมและการทำหน้าที่ ส่วนเรื่องจาบจ้วงสถาบันต้องดำเนินการอยู่แล้วจะนิรโทษกรรมไม่ได้

หมอเหวงเผยกระทรวงยุติธรรมจะนำคดีพิจารณาใหม่กรณีตั้งข้อหาแรงไป

           นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ กรณีวานนี้ (2 ธ.ค.) นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานกลุ่ม นปช. ได้เข้าเยี่ยมกลุ่มนปช.ที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ เพื่อหารือเรื่องการเตรียมขอประกันตัว และสอบถามความเป็นอยู่ว่า นางธิดาได้เดินทางเข้าไปแล้ว ดังนั้น จะเร่งทำเรื่องขอประกันตัวได้ในเร็วๆ นี้ เพราะนางธิดาได้มีการหารือกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรัฐบาลมีความยินดีจะดำเนินการเป็นเจ้าภาพในการเดินเรื่องขอประกันตัวจากศาล โดยจะจัดหาหลักทรัพย์ในการประกันตัวให้ผู้ที่ขาด แคลนทุนทรัพย์ รวมทั้งกระทรวงยุติธรรมพร้อมจะนำคดีความมาพิจารณาใหม่ คดีใดที่มีการตั้งข้อหารุนแรงเกินไป หรือมีหลักฐานไม่สมบูรณ์ จะได้พิจารณาใหม่ ซึ่งพล.ต.อ.ประชา ได้ตอบรับแล้วเช่นกัน


เมื่อเช้าวานนี้ อ.ธิดา, คุณหมอหวง และทีมทนายความมีนัดกับผู้ต้องขังเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมือง ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ก่อนเข้าไปภายในเรือนจำ อาจารย์ได้พบกับภรรยาของคุณอำพล(อากง) ที่มาดักรอพบและ เธอได้เข้ามาแนะนำตัวและฝากให้ช่วยอากงด้วย ซึ่งอาจารย์รับปากว่าจะช่วยอย่างเต็มกำลังเท่าที่สามารถทำได้ จึงได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน และหลังจากได้เข้าไปพบกับอากงแล้ว เห็นว่าอากงเป็นผู้สูงอายุธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ไม่รู้การใช้เทคโนโลยีเท่าไร ไม่ได้อยู่้ในขบวนของคนเสื้อแดง ไม่ได้ถูกจับกุมในการชุมนุม แต่การที่ได้รับการตัดสินคดีอย่างนี้ก็ คงต้องมีการอุทธรณ์กันต่อไปเพราะคดีของอากงนั้นมีบทบาทสูงมาก(ที่มา:facebook อ.ธิดา)

            หลังจากพบปะพูดคุยกับพี่น้องในเรือนจำแล้ว ออกมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว DNN และ Spring News ที่มารอทำข่าวอยู่ โดยในวันนี้ได้ข้อสรุปว่าพี่น้องในเรือนจำดีใจที่จะได้ย้ายไปที่ใหม่ที่มีศักดิ์ศรี ไม่ต้องอยู่ปะปนกับอาชญากรในคดีต่าง ๆ มีผู้ที่คาดว่าจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษจำนวน 11 คน อีก 5 คนกำลังรอลุ้นอยู่เนื่องจากโทษที่ได้รับยังเหลืออีกมากกว่า 1 ปี ผู้ที่ขอให้ทางรัฐบาลประกันตัวมี 17 คน และอีก 6 คนนั้นคดีเด็ดขาดไปแล้ว ไม่สามารถประกันตัวได้ แต่ก็ได้ย้ายไปอยู่ในที่แห่งใหม่แน่นอน

           ขณะที่ให้สัมภาษณ์อยู่นั้น ได้มีคุณอาทิตย์ เบ้าสุวรรณ และคุณพรชัย โลหิตดี สองคนนี้ได้รับการปล่อยตัวเมื่อค่ำวันที่ 1-12-54 มาคอยพบอาจารย์ ทักทายและพูดคุยกันอยู่พอสมควร ซึ่งทั้งสองคนบอกว่าจะขอกลับบ้านที่ต่างจังหวัดก่อน หลังจากนั้นจะเข้ามาเดินเรื่องปรึกษาทนายและนปช.ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
           วานนี้นางธิดา ไปเยี่ยมนักโทษการเมืองและให้สัมภาษณ์สื่อว่า นปช. เราดำเนินการผลักดันและพยายามให้การช่วยเหลือคนเสื้อแดงที่ยังอยู่ในเรือนจำตลอดมาโดยตลอด และในวันนี้ก็ไปเยี่ยมและหารือกับผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มา เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องการย้ายไปควบคุมตัวไปที่โรงเรียนพลตำรวจบางเขนเพื่อแยกจากคดีทั่วไป โดยคาดว่าจะสามารถย้ายได้ไม่เกินกลางเดือน ธ.ค.นี้ รวมทั้งการเซ็นชื่อในการขอประกันตัวเพิ่มเติมอีก 18 รายด้วย 

           อย่างไรก็ตามในเรื่องการย้ายที่ควบคุมตัวบางคนอาจจะว่าตนหน่อมแน้ม แต่ก็ต้องขอทำความเข้าใจว่าบางเรื่องที่เกี่ยวกับศาลเราไม่สามารถก้าวล่วงได้ ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการแต่ยืนยันว่าหลังจากย้ายที่คุมขังแล้ว เรื่องการประกันตัวก็ยังดำเนินการต่อไปรวมทั้งประเด็นอากงที่ส่งเอสเอ็มเอสที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากซึ่งอยู่จำนวน 102 คน ที่เรากำลังดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้วย 

           “นอกจากนั้นเบื้องต้นทราบมาว่า จะมีนักโทษการเมืองที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ โดยเป็นคนเสื้อแดงที่อยู่ในเรือนจำพิเศษ 10 กว่าราย ต่างจังหวัดอีก 20-30 ราย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี ส่วนผู้ต้องขังที่ยังไม่สามารถประกันตัวได้ ในส่วนกลาง นปช. จะเป็นฝ่ายดำเนินการ และในต่างจังหวัด ส.ส. แต่ละพื้นที่ก็กำลังเร่งดำเนินการอยู่เช่นกัน ทั้งนี้ในเรื่องความล่าช้าของการช่วยเหลือคนที่เสื้อนั้นต้องยอมรับว่ารัฐบาลนี้ล่าช้า แต่ความล่าช้าและติดขัดก็เกิดจากรัฐบาลที่แล้วเช่นกัน เพราะเราดำเนินการในเรื่องขอย้ายจากนักโทษอาญามาเป็นนักโทษการเมืองแล้วแต่เขาก็ไม่ยอม ขอให้ลองมาติดคุกบ้างแล้วจะได้รู้ แล้ววันนั้นอย่ามาขออยู่โรงเรียนพลตำรวจบางเขนที่พวกเราพยายามเคลี่อนไหวให้ย้ายมาก็แล้วกัน ”นางธิดา กล่าว

            เมื่อถามว่าเวลานี้มีนักวิชาการที่เคยเป็นแนวร่วมของนปช. ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของพรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช.ว่ามัวแต่แก้ปัญหาทางการเมืองของตัวเอง โดยไม่สนใจคนเสื้อแดงที่ถูกดำเนินคดีเช่น กรณีเอสเอ็มเอสอากงและคนเสื้อแดงที่ยังอยู่ในคุกจำนวนมากนั้น จะทำให้เสียแนวร่วมหรือไม่ นางธิดา กล่าวว่า ในเรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลนั้นก็แล้วแต่จะคิด แต่ตนก็ยอมรับว่ารัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้ล่าช้าจริง 

            นายแพทย์สลักธรรม โตจิราการ บุตรชายนางธิดา กล่าวทางเฟซบุ๊คว่า คุณแม่ไปประชุมในเรือนจำ เจอทั้ง อากง คุณสุรชัย คุณธันย์ฐวุฒิ และคนอื่นๆทั้งหมด รวมถึงเมียอากงด้วย เมียอากงมาฝากฝังอากงกับคุณแม่ด้วยน้ำตาคลอเบ้า ซึ่งคุณแม่รับปากว่าจะช่วยเหลือให้ถึงที่สุดทั้งเรื่องการดูแลสภาพที่คุมขัง การประกันตัวและการสู้คดี และก็พูดคุยกันถึงเรีื่องย้ายเรือนจำ คุณแม่ก็เลยเล่าว่ามีบางคนบอกว่าการย้ายเรือนจำเป็นเรื่องหน่อมแน้ม หลายคนในนั้นเลยฝากมาบอกว่า "ให้ลองมาติดคุกดูเองดูครับ" เดี๋ยวคุณแม่คงจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมครับ

ดร.สมศักดิ์ได้วิจารณ์ด้วยการขึ้นภาพนี้ในเฟซบุ๊คของเขา




เรื่องนี้เคยรณรงค์ในพม่า

(คลิ๊กที่ภาพ เพื่อชมภาพผู้เข้าร่วมอีกหลายราย)

          อภัยมุทรา (มุทราแห่งศานติ) เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงการปกป้องคุ้มครอง ศานติ และการขจัดความกลัว ในปี 1962 คณะรัฐประหาร นำโดยนายพลเนวิน ได้ยึดอำนาจปกครองประเทศพม่า ทำให้ดินแดนแห่งพุทธศาสนาในเอเชียอาคเนย์แห่งนี้ตกอยู่ใต้ความเลวร้าย ตลอดเวลาห้าสิบปีที่ผ่านมา ประชาชนหลายพันคนถูกจับกุม ทรมาน และถูกจำคุกเป็นเวลาหลายปี เพียงเพราะแสดงความคิดความเชื่อของตนอย่างเปิดเผย และกล้าที่จะแข็งข้อต่อต้านเผด็จการทหาร ผู้ไม่ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างหรือตรงข้ามใดๆ ทั้งสิ้น

         ทุกวันนี้ นักโทษการเมืองมากกว่า 2,000 คน ซึ่งมีทั้งพระสงฆ์ นักศึกษา ผู้สื่อข่าว ทนายความ สมาชิกสภาพผู้แทนราษฎร และสมาชิกพรรคสันนิบาตชาติเพื่อประชาธิปไตย พรรคฝ่ายค้านของนางอองซาน ซูจีอีกมากกว่า 300 คน ถูกคุมขังในเรือนจำที่แสนหฤโหดในพม่า ไม่ต่างอะไรกับ “นรกบนดิน” ดังที่อู วิน ทิน อดีตนักโทษการเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของพม่าซึ่งถูกจำคุกอยู่ 20 ปีได้กล่าวไว้ หลังจากถูกจับกุม นักโทษการเมืองจะถูกทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งเริ่มต้นในห้องสอบสวน และจะถูกนำตัวไปทรมานต่อในที่ใดที่หนึ่งในเรือนจำ 42 แห่ง หรือค่ายแรงงาน 109 แห่ง สภาพความเป็นอยู่ภายในสถานที่คุมขังและกักกันเหล่านั้นเลวร้ายมาก ไม่มีการดูแลสุขอนามัยใดๆ ทั้งสิ้น นักโทษ 146 คนได้เสียชีวิตไปแล้วในเรือนจำจากการถูกโบยตี ทรมาน และไม่ได้รับการดูแลรักษาทางการแพทย์

พระพุทธรูปปาง อภัยมุทรา 


อันนี้ไม่รู้มือใครในประเทศไหน


        ในพม่า และทั่วโลก อดีตนักโทษการเมืองหลายร้อยคนได้มารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ชาวโลกเกิดความตื่นตัวและให้ความสนใจสภาพการณ์อันเลวร้ายของเพื่อนนักโทษการเมืองของพวกเขา ซึ่งยังคงอยู่ในเรือนจำ อภัย – ศานติชัยในพม่า เป็นส่วนหนึ่งของการเรียกร้องในระดับนานาชาติเพื่ออิสรภาพของนักโทษเหล่านี้


       ทุกคนในภาพจะอยู่ในท่ายืน โดยยกมือขวาขึ้น และหันฝ่ามือมาที่กล้อง ชื่อของนักโทษการเมืองจะเขียนอยู่บนฝ่ามือของพวกเขา การทำท่า “อภัยมุทรา” (อภัย – ปราศจากความกลัว, ศานติ) ที่พบเห็นคุ้นเคยในพระพุทธรูปปางประทานอภัยที่เราเคารพบูชานั้น ไม่เพียงแต่จะเป็นการประท้วงโดยสันติวิธีเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องหมายสื่อถึงศานติธรรมอีกด้วย

อภัย: ศานติชัยในพม่า-2   อภัย: ศานติชัยในพม่า-3   อภัย: ศานติชัยในพม่า-4   อภัย: ศานติชัยในพม่า-5   อภัย: ศานติชัยในพม่า-6  อภัย: ศานติชัยในพม่า-7   อภัย: ศานติชัยในพม่า-8   อภัย: ศานติชัยในพม่า-9   อภัย: ศานติชัยในพม่า-10   อภัย: ศานติชัยในพม่า-11  

       “ทุกคนที่มีภาพอยู่ในหนังสือเล่มนี้ได้เรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับความกลัวมาแล้วอย่างกล้าหาญโดยไม่หลบลี้ ในช่วงหลายสิบปีแห่งการต่อสู้เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในพม่า การอุทิศตัวของพวกเขานั้นคือความกล้าหาญ สิ่งสำคัญยิ่งคือ เราต้องไม่มีวันลืมเลือนพวกเขาเหล่านี้ หรือลืมสิ่งที่พวกเขายืนหยัดต่อสู้เรียกร้องเป็นอันขาด เราต้องระลึกและจดจำความทุกข์ยากและปณิธานของพวกเขาในใจเราเสมอ”

        “ฉันหวังว่าผู้ที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จะได้รับแรงพลัง ที่จะทำทุกสิ่งเท่าที่จะทำได้เพื่ออิสรภาพของนักโทษการเมืองในพม่า และร่วมกันสร้างโลกที่ปราศจากนักโทษการเมืองอีกต่อไป”
อองซาน ซูจี (ตุลาคม 2554)

        การปล่อยตัวนักโทษการเมืองเป็นเรื่องสำคัญพื้นฐานในการสร้างอนาคตของประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกชาติ ทุกรัฐบาล รวมทั้งองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนทั่วโลกเรียกร้อง หากไร้ความพยายามของทุกประเทศและองค์กรเหล่านี้ ความมืดมนอนธกาลก็จะยังดำรงอยู่ต่อไป ความปรองดองในชาติจะไม่มีวันเป็นจริงได้ในประเทศพม่า ตราบใดที่ยังมีนักโทษการเมืองอยู่ ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร หากคนที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นผู้นำบริหารประเทศ และผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการสร้างสรรค์อนาคตของชาติ เช่น แพทย์ ทนายความ และครูอาจารย์ ยังถูกขังอยู่ในเรือนจำ?

หนังสือใหม่ชื่อ Abhaya: Burma's Fearlessness 
โดย เจมส์ แมคคาย 
โดยสำนักพิมพ์ริเวอร์ บุ๊คส์ 
มีภาพถ่ายทั้งหมด 244 ภาพ 
จะเปิดตัวและมีจำหน่ายเป็นครั้งแรกในงานนี้

     "อภัย: ศานติชัยในพม่า" ได้รับการสนับสนุนจาก สถานเอกอัครราชทูตประเทศแคนาดาประจำประเทศไทย

Burma’s fearlessness

NextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnail NextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnailNextGen ScrollGallery thumbnail
Nine Nine, an elected MP in the 1990 general elections who spent more than 18 years
in prison, has on his hand the name of Aung Thein, a senior member of the NLD who is
serving a 20-year jail sentence (James Mackay / Enigma Images)
Nine Nine, an elected MP in the 1990 general elections who spent more than 18 years<br> in prison, has on his hand the name of Aung Thein, a senior member of the NLD who is<br> serving a 20-year jail sentence (James Mackay / Enigma Images)
Tun Lin Kyaw, a former bodyguard of Aung San Suu Kyi who spent three years in prison,
has on his hand the name of Aung Aung Oo, who is serving a 14-year sentence
(James Mackay / Enigma Images)
Tun Lin Kyaw, a former bodyguard of Aung San Suu Kyi who spent three years in prison,<br> has on his hand the name of Aung Aung Oo, who is serving a 14-year sentence<br> (James Mackay / Enigma Images)
Moe Maung Maung, who spent five years in prison for his role in student protests in
1995, has on his hand the name of Min Zeya, a leading member of the 88 Generation
Students currently serving a 65 year sentence (James Mackay / Enigma Images)
Moe Maung Maung, who spent five years in prison for his role in student protests in<br> 1995, has on his hand the name of Min Zeya, a leading member of the 88 Generation<br> Students currently serving a 65 year sentence (James Mackay / Enigma Images)
U Sandawbartha, who spent 16 years in Insein and Tharawaddy prisons, has on his
hand the name of Thu Mana, arrested in 1988 during the mass uprising, and who
remains in jail (James Mackay / Enigma Images)
U Sandawbartha, who spent 16 years in Insein and Tharawaddy prisons, has on his<br> hand the name of Thu Mana, arrested in 1988 during the mass uprising, and who<br> remains in jail (James Mackay / Enigma Images)
Thandar Oo, jailed for six years for her involvement in a student uprising in 1996, has on
her hand the name of Nilar Thein, a leading member of the 88 Generation Students
currently serving a 65-year sentence (James Mackay / Enigma Images)
Thandar Oo, jailed for six years for her involvement in a student uprising in 1996, has on<br> her hand the name of Nilar Thein, a leading member of the 88 Generation Students<br> currently serving a 65-year sentence (James Mackay / Enigma Images)
Phyu Phyu Thin, a member of the NLD who runs an HIV clinic in Rangoon, has on her
hand the name of Honney Oo, a law student who was charged with re-forming the
ABFSU in 2007 and sentenced to nine years in prison (James Mackay / Enigma Images)
Phyu Phyu Thin, a member of the NLD who runs an HIV clinic in Rangoon, has on her<br> hand the name of Honney Oo, a law student who was charged with re-forming the<br> ABFSU in 2007 and sentenced to nine years in prison (James Mackay / Enigma Images)
Kaythi Aye, sentenced to 12 years for her role in student-led protests 1991, has
on her hand the name of Myo Min Zaw, a leading member of the ABFSU was
arrested in 1998 and is serving a 52 year sentence (James Mackay / Enigma Images)
Kaythi Aye, sentenced to 12 years for her role in student-led protests 1991, has<br> on her hand the name of Myo Min Zaw, a leading member of the ABFSU was<br> arrested in 1998 and is serving a 52 year sentence (James Mackay / Enigma Images)
Thet Hmu, who spent seven years in prison for his involvement in the mass uprising of
1988, has on his hand the name of Yan Naing, who was arrested in 2004 for demanding
political dialogue, and is serving a 22 years sentence (James Mackay / Enigma Images)
Thet Hmu, who spent seven years in prison for his involvement in the mass uprising of<br> 1988, has on his hand the name of Yan Naing, who was arrested in 2004 for demanding<br> political dialogue, and is serving a 22 years sentence (James Mackay / Enigma Images)
Aung San Suu Kyi, who spent a total of 15 years under house arrest, has on her hand
the name of Soe Min Min, a member of the NLD arrested whilst praying for the release
of Suu Kyi. He is serving an eight-year sentence (James Mackay / Enigma Images)
Aung San Suu Kyi, who spent a total of 15 years under house arrest, has on her hand<br> the name of Soe Min Min, a member of the NLD arrested whilst praying for the release<br> of Suu Kyi. He is serving an eight-year sentence (James Mackay / Enigma Images)
Award-winning photographer James Mackay will this month release a book of images documenting the ongoing plight of Burma’s political prisoners.  Abhaya: Burma’s Fearlessness is comprised of photographs of former political prisoners holding their hands up to display the name of friends and colleagues still behind bars.

http://redusala.blogspot.com

10 ความคิดเห็น:

  1. แสดงให้เห็นว่า "จำเลยกระทำความผิดจริง อย่างมีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อกลบเกลื่อนความผิดด้วยการซื้อ SIM DTAC แบบใช้แล้วทิ้ง มาก่อการ"

    หน่ำซ้ำ จำเลยยังไม่สำนึกผิด ยังพยายามกลบเกลื่อนต่อในชั้นศาล เพื่อให้ตนพ้นข้อกล่าวหาว่า โดย

    1) ตอนแรกพยายามจะบอกว่า เดือนพฤษภาคมนั้นตนเอามือถือไปซ่อม (จะโบ้ยว่าร้านมือถือเป็นคนส่ง) แต่หลักฐาน log มีสถานที่กำกับ จำเลยจึงเปลี่ยนคำให้การ อ้างว่าจำผิด อาจส่งซ่อมเดือนเมษายน

    2) จากนั้นจึงอ้างว่า IMEI นั้นสามารถปลอมแปลงได้ ดังนั้น อากงอาจถูกปลอมแปลงตอนไปซ่อมมือถือ แต่คำให้การก็มีพิรุธ อ้างว่าจำร้านซ่อมมือถือไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ ถ้าส่งซ่อมจริงต้องจำได้เพื่อไปเอามือถือคืน นอกจากนี้ log ก็ ชี้ชัดอยู่แล้วว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

    3)อากงจึงดิ้นรนเฮือกสุดท้ายว่า อากงลืมมือถือไว้ที่บ้านบ่อย ๆ โดยให้คนใกล้ชิดมาเป็นพยาน (จะโบ้ยว่ามีใครบุกเข้ามาในบ้านเปลี่ยน SIM แล้วส่ง??) ซึ่งไม่ make sense เลยคือ ถ้าบุกถึงในบ้านจะมาเปลี่ยน SIM ทำอาแป๊ะอะไร??

    ศาลจึง จัดเต็ม ไป 4x5 = 20 ปี คุก 20 ปีของอากง จึงไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย!!
    -----
    4) ข้อน่าสังเกตอันนึงคือ หลังจากจนต่อหลักฐานโจทก์ อากงยังเลือกที่จะสู้ต่อ ด้วยดราม่าน่าสงสาร ว่าตนจงรักภักดี, แก่แล้วหลงๆลืมๆ, ส่ง SMS ไม่เป็น ฯลฯ และ ยังเอาหลานมาเป็นพยาน เพื่อให้บันทึกในศาลอีกด้วย ซึ่งตรงนี้ถ้าใครรู้เรื่องนิติศาสตร์ จะรู้ว่าการต่อสู้แบบนี้จะไม่มีผลต่อคดีในศาลเลย เหมาะกับจัดตั้งมวลชนนอกศาลมากกว่า เพราะคนปกติ มักจะคิดว่า คนใกล้ชิดให้การ ศาลควรให้น้ำหนัก เพราะน่าเชื่อถือ แต่จริงๆแล้ว ตามหลักนิติศาสตร์ คนใกล้ชิดฝ่ายใดฝ่ายนึง จะมีน้ำหนักน้อยมาก ในศาล เพราะมีแนวโน้มสูงว่าจะให้การช่วยเหลือ โจทก์/จำเลย (ดูความหมาย ผู้หญิงปิดตา ถือตาชั่งและดาบ) ยิ่งอากงให้การขัดกับหลักฐานมาก่อนหลายครั้งยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่าจะเหลือน้ำหนักเท่าไหร่

    พูดง่าย ๆ คือ การสู้แบบนี้ มันไม่ได้คิดชนะในศาลแต่แรกแล้ว
    แต่จะใช้การดึงอารมณ์ร่วมจากประชาชนปกติที่ไม่รู้ตรงนี้ เพื่อจัดตั้งมวลชนนอกศาลมากกว่า!!!

    อากงเป็นใคร... "อำพล ตั้งนพกุล" เฒ่าเสื้อแดง อายุ 60 ปี ชาวสมุทรปราการ
    "ผู้ต้องหาไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง จึงไม่เชื่อว่าจะทราบเบอร์โทรศัพท์มือถือของบุคคลสำคัญของประเทศและส่งข้อความที่ไม่เหมาะสมได้ **จึงเชื่อว่าจะมีผู้สนับสนุนหรืออยู่เบื้องหลัง** นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่า นายอำพล เป็นฮาร์ดคอร์กลุ่มคนเสื้อแดง จ.สมุทรปราการ ที่ กอ.รมน. ขึ้นบัญชีดำไว้ด้วย"
    http://www.facebook.com/l.php?u=http%3A%2F%2Fwww.isarapost.net%2Foverview.php%3Fc%3D3%26id%3D16962&h=pAQFkhFAtAQHn8YmpWdpca8rNAUf6oi_y9jy1pcCl1mCRZA

    อากงซวยโคตร...ทนายที่ว่าความให้เป็นแดงเต็มตัวชื่อ อานนท์ นำภา มีฉายาว่า "ทนายดราม่า"
    ไม่รู้ว่าอากงรู้ว่าโดนหลอกหรือเปล่า แต่ทนายคนนี้กะสังเวยอากงเพื่อเอาไปปลุกกระแสเหยื่อ ม.112 แน่
    เพราะถ้าอากงรับสารภาพ
    1. จะมีโทษ 4 วาระ ๆ ละ 3 ปี = 12 ปี
    2. สารภาพรับโทษกึ่งนึงเหลือ 6 ปี
    3. ไม่มีประวัติต้องโทษมาก่อนเหลือ 3 ปี
    4. มีผู้เยาว์ในความดูแลและมีปัญหาสุขภาพ...ศาลอาจสั่งให้รอลงอาญา กลับบ้านไปเลี้ยงหลาน....

    ตอบลบ
  2. ข้อเท็จจริง กรณีอากง SMS

    จากการที่มีการพูดถึงกันมาก เกี่ยวกับอากงSMS
    ผมขอแชร์ความรู้คราวๆ เกี่ยวกับระบบมือถือเท่าที่ผมรู้เพื่อเป็นข้อมูลอีกด้าน นอกจาก ดราม่า
    "อากงผู้น่าสงสารที่นั่งอยู่ดี ๆ ที่บ้าน ก็โดน ตร. บุกมารวบเข้าซังเต 20 ปี ด้วยข้อหาหมิ่น และ ศาลก็มีหลักฐานที่อ่อนอย่าง IMEI ที่สามารถปลอมแปลงได้"

    ปกติแล้ว โทรศัพท์ที่พร้อมใช้งาน จะมีข้อมูลสำคัญ 2 อย่างคือ
    1) IMEI ซึ่งเป็น รหัสที่ระบุ ตัวตนของโทรศัพท์ซึ่งตามหลัก โทรศัพท์แต่ละเครื่องควรจะมี IMEI ไม่ซ้ำกันถึงแม้จะเป็น ยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกันก็ตาม

    2) IMSI ซึ่งเป็น รหัสที่ระบุใน SIM

    หลังจากที่ เปิดโทรศัพท์แล้ว โทรศัพท์ จะรอคลื่นจาก Cell Site ที่มีรหัส SID(รหัสค่ายมือถือ) ตรงกับที่ระบุใน SIM

    หากพบคลื่นจาก Cell Site โทรศัพท์มือถือจะทำการ "ลงทะเบียน" กับ Cell Site นั้น
    โดยส่ง IMEI/IMSI ไปให้ Cell Site

    Cell Site ก็จะจดจำ IMEI/IMSI เข้าในเครือข่าย เพื่อว่า ใครโทรมาหาเรา เครือข่ายจะได้รู้ว่า เราสังกัดอยู่ Cell Site ไหน
    แล้วทำให้โทรศัพท์เราดัง ได้ถูก ซึ่ง Cell Site นี้ มีระยะทำการตั้งแต่หลัก ไม่กี่ร้อยเมตร จนถึงหลายกิโลเมตร
    ทำให้ข้อมูล Cell Site สามารถบ่งชี้ สถานที่ของผู้ใช้โทรศัพท์แบบคราว ๆ ได้ (ถ้าใครใช้ GoogleMap บน Smart Phone คงจะเคยเห็น วงฟ้าๆของระยะ Cell Site เวลา GPS ยังรับคลื่นไม่ได้)

    ดังนั้น log จาก โอเปอเรเตอร์ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในชั้นศาล จะมีข้อมูลสำคัญถึง 4 ด้าน คือ
    1) IMEI (รหัสที่ระบุ โทรศัพท์)
    2) IMSI (รหัสที่ระบุ SIM)
    3) Cell Site ที่เชื่อมต่อ ซึ่งจะบ่งชี้ถึงสถานที่
    4) ช่วงเวลา ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย

    ซึ่งข้อมูล log จาก โอเปอเรเตอร์ บ่งชี้ว่า ช่วงเวลา เชื่อมต่อกับ True หยุดไป ไปเชื่อมต่อกับ DTAC แล้วส่งข้อความหมิ่นฯ ก่อนจะกลับมา เชื่อมต่อกับ True อีกครั้ง ใน cell site สถานที่เดียวกันคือ บ้านลุง

    นั่นคือ โทรศัพท์อากง มีการเปลี่ยน SIM เพื่อหมิ่นฯ ก่อนจะเปลี่ยน SIM กลับ นั่นเอง!!!!

    ถึงแม้จะมีข้อเท็จจริงว่า "มีโปรแกรมเฉพาะที่สามารถเข้าไปแก้ไขเลข IMEI ได้อย่างอิสระ" แต่ log จะไม่มีทางที่จะหน้าตาแบบนี้ อย่างน้อย cell site และ เวลาควรจะแตกต่างกันมากกว่านี้ ไม่ใช่สถานที่เดียวกัน แล้วช่วงเวลาสลับการเชื่อมต่อ SIM กันแบบนี้

    สรุปง่ายๆคือ
    1) โทรศัพท์มือถือสามารถปลอมแปลง IMEI หรือไม่?
    คำตอบคือ "ใช่"
    .
    แต่
    .
    2) อากงถูกปลอมแปลง IMEI ไปหมิ่น หรือไม่?
    คำตอบกลับเด่นชัดว่า "ไม่"
    เพราะ ข้อเท็จจริงของ log จาก โอเปอเรเตอร์ นั้นครอบคลุมชัดเจนกว่า เพียงด้าน IMEI

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ4 ธันวาคม 2554 เวลา 03:19

    จำนนด้วยหลักฐานด้วยประการทั้งปวง

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ4 ธันวาคม 2554 เวลา 03:33

    อยากกด like เม้นท์ LoongChoo ซักล้านครั้งหง่ะ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ4 ธันวาคม 2554 เวลา 03:37

    ข้าแต่ศาลที่เคารพ

    อาม่าอุตส่าห์ลงทุนเปลือยอกเหี่ยวๆช่วยแล้ว ได้โปรดปล่อยอากงของแกด้วยเถอะ

    วิช.

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ4 ธันวาคม 2554 เวลา 07:46

    Hatred เค้าอ่านออกเสียงว่า "เฮ้ท-เทร็ด" นะอาม่า ไม่ใช่ "แฮ้ท-เทร็ด"

    อยากจะ go inter ก็หัดเรียนรู้ภาษอังกฤษคำละวันหน่อยนะ

    ไม่อายหน้าอกเหี่ยวๆ ก็อายภาษาเด็กๆมันมั่ง!

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ5 ธันวาคม 2554 เวลา 17:31

    ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน

    เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง

    เราผิดท่านประหาร เราชอบ

    เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้คืนสนอง

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ19 ธันวาคม 2554 เวลา 05:34

    ทีตอนทำทำไมพวกมึงไม่คิด ผิดก็ต้องยอมรับผิด ไม่มีผืนแผ่นดินไหนให้พวกมึงสบายเท่าประเทศไทยแล้ว อย่าทำตัวเหนือกฏหมาย และนักโทษชายทักษิณ ถ้ามึงแน่จริงก็ให้มาต่อสู้กันทางกฎหมายไม่ต้องแอบอยู่ข้างหลังคนอื่น

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ1 มกราคม 2555 เวลา 20:36

    ไอ้พวกล้มเจ้า พวกมึงคิดว่าประเทศไทยอยู่ไม่ได้เเล้วเพราะ112ก็ขอให้พวกมึงไปอยู่กับพ่อมึงที่เขมรโน้น

    ตอบลบ
  10. อิอิ ปลาเต็มลอบแย๊ว เอาไปต้มยำก่อนนะ

    ตอบลบ