15 ก.ค.2559
สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ตำรวจกองบังคับการปราบปราม จับกุม ภาคิน จักรกาบาตร์ ได้ที่คอนโดหรูย่านสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี พร้อมกับยึดของกลางเครื่องแบบทหาร เข็มติดยศ เอกสารข้าราชการ หลังสืบทราบว่า ภาคิน มีพฤติการณ์แอบอ้างเป็นนายทหารยศนายพันติดตามขบวนเสด็จ ก่อนตีสนิทหญิงสาวให้หลงรัก มีผู้เสียหายหลงเชื่อ 4 คนถูกหลอกเอาเงินและลักเอาทรัพย์สิน สอบสวนพบว่า ผู้ต้องหาเปลี่ยนชื่อมากว่า 5 ครั้งจาก คล้ายพงศ์ น้ำเพชร เป็นฐิติพงษ์ น้ำเพชร, พัทธนันท์ น้ำเพชร, ขุนพล จักรกาบาตร์ และภาคิน จักรกาบาตร์ นอกจากนี้ยังแต่งงานมีภรรยามาแล้ว 4 คน ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน
ภาคิน อ้างว่า ทำธุรกิจซื้อขายรถมือสอง ใฝ่ฝันอยากเป็นนายทหาร จึงหาซื้อเครื่องแบบและยศมาสวมใส่ ตั้งแต่ยศร้อยตรีจนถึงยศพันตรี โดยไม่มีใครสงสัย เพราะทุกวันจะแต่งเครื่องแบบทหารออกจากบ้านเหมือนไปทำงานตามปกติ ส่วนรูปถ่ายที่พบประดับในห้องพักเป็นภาพตัดต่อที่ทำขึ้นเอง
ภาคิน ยอมรับด้วยว่า ภรรยาคนแรกหลอกลวงจริง แต่ไม่เคยใส่เครื่องแบบออกไปหลอกลวงผู้ใด นอกจากภรรยาทั้ง 4 คน และรู้สึกดีที่ถูกจับเพราะอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ ปัจจุบันยังไม่เลิกราภรรยาคนใด และเคยคิดจะสารภาพกับภรรยาว่าไม่ได้เป็นทหารก่อนถูกจับกุม
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ มีผู้เสียหายซึ่งเป็นพ่อตาของภาคิน ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจในข้อหาลักทรัพย์ด้วย โดยทราบข้อเท็จจริง เนื่องจากก่อนหน้านี้ ภาคิณ เคยหลอกเอาเงินครอบครัวไป 7,000,000 บาท อ้างนำไปทำธุรกิจ ตำรวจตั้งข้อหลักทรัพย์, แต่งกายเลียนแบบทหาร, ปลอมแปลงเอกสารทางราชการ และหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกำหมายอาญา มาตรา 112
อีกคดีเป็นการจับกุม วรพล มาวิมล หรือ ชยพล พัสวีวรโชติ ผู้ต้องหาแอบอ้างเบื้องสูง มีพฤติการณ์แอบอ้างเป็นนายทหารระดับสูงโดยเรียกตัวเองว่า “เสธ.พล” อ้างสามารถวิ่งเต้นตำแหน่งทหารได้ นอกจากนี้ยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับอีกหลายคดี ทั้งลักทรัพย์ผู้อื่น, ร่วมกันฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ จากการสืบสวนพบว่า วรพล อ้างเป็นทหารเรียกรับเงินจากผู้เสียหายเพื่อแลกกับการวิ่งเต้นตำแหน่งให้ แต่ผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความเนื่องจากเกรงเสื่อมเสียชื่อเสียง ก่อคดีลักษณะนี้มาตั้งแต่ปี 2557 เจ้าตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อ้างว่า ไม่ได้ทำแต่โดนสามีภรรยาคู่หนึ่งกลั่นแกล้ง หลังซื้อบ้านที่หัวหิน 5,000,000 บาท และขัดแย้งเรื่องเงินค่านายหน้า แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานที่จะเอาผิดกับผู้ต้องหา