วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559

กกต.สั่งสอบเพจดังโพสต์เพลงหยาบจูงใจรับ-ไม่รับประชามติ ผู้แชร์ต่ออาจผิดด้วย


8 มิ.ย.2559 สำนักข่าวไทย และมติชนออนไลน์ รายงานตรงกันว่า สมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่า มีเพจดังเพจหนึ่งนำเพลงที่มีข้อความหยาบคาย เป็นเท็จและมีเนื้อหานำไปสู่การโน้มน้าวจูงใจประชาชนให้รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญออกเผยแพร่ทางหน้าเพจ โดยระบุว่า งานดีแบบนี้ต้องแชร์ จึงได้ส่งเรื่องไปให้คณะทำงานศึกษารายละเอียดว่า เพจดังกล่าวนำมาเผยแพร่เมื่อใด หากเผยแพร่หลังวันที่ 23 เม.ย. 2559 ซึ่งเป็นวันที่พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติมีผลบังคับใช้ อาจถือเป็นความผิด และคลิปเพลงที่ผลิต เผยแพร่ในยูทูบครั้งแรกเมื่อใด โดยกลุ่มใด หากเผยแพร่ก่อนวันดังกล่าว ไม่ถือว่าผู้เผยแพร่ครั้งแรกมีความผิด แต่ผู้แชร์ต่อหลังวันที่ 23 เม.ย. อาจมีความผิด
“ต้องไปดูว่าบุคคลที่แสดงในคลิปสามารถระบุชื่อหรือเป็นที่รู้จักของคนในสังคมเป็นใครบ้าง หากแสดงก่อนหน้า 23 เม.ย. 2559 ไม่มีความผิด แต่ควรใช้สิทธิไปลงบันทึกประจำวัน แสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่มีส่วนรู้เห็น สนับสนุน กับการเผยแพร่คลิปดังกล่าว ในช่วงที่พ.ร.บ.ประชามติฯ มีผลใช้บังคับแล้ว ซึ่งหาก กลุ่มคนที่ร่วมแสดงในคลิป และกลุ่มคนทำเพจเผยแพร่มีเกินกว่า 5 คนอาจมีความผิดตามพ.ร.บ.ประชามติมาตรา 61 วรรค 4 ด้วย กกต.ขอให้ประชาชน ระมัดระวังในการแชร์ต่อ ด้วยเจตนาในการเผยแพร่เพื่อนำไปสู่การปลุกระดมไปสู่การรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะเป็นความผิดตามกฎกมายได้” สมชัย กล่าว

ประยุทธ์ บอกต่อให้ กม.ประชามติขัด รธน. ก็ไม่ได้มีปัญหาทั้งฉบับ 

ขณะที่วานนี้ (7 มิ.ย.59) สำนักข่าวไทย รายงานด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มาตรา 61 วรรค 2  ของ พ.ร.บ.ประชามติ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า ไม่อยากให้คาดเดาว่าศาลจะตัดสินออกมาอย่างไร และขอให้ทุกฝ่ายรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน หากวินิจฉัยว่าขัดกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าพ.ร.บ.ประชามติ จะมีปัญหาทั้งฉบับ แต่มีปัญหาเพียงมาตราเดียวเท่านั้น ซึ่งสามารถแก้ได้ และตนไม่ได้ตั้งใจออกกฏหมายมาให้มีปัญหา
 
ส่วนกรณีที่ จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. ยื่นหนังสือเร่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จตุพร ไม่มีสิทธ์เร่งศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาได้ และหากเร่งได้ควรเร่งคดีความของตัวเอง ที่อยู่ในการพิจารณาของศาลด้วย
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ จตุพร ระบุรัฐบาลใช้งบในการทำประชามติถึงหมื่นล้านบาท ว่า เป็นเรื่องที่ไม่จริง ที่ผ่านมา ครม.อนุมัติงบประมาณ  3 พันล้านบาทเท่านั้น ยังไม่มีการอนุมัติเพิ่ม หากนายจตุพรมีหลักฐานก็ขอให้เปิดเผยออกมา ส่วนเรื่องการตั้งศูนย์ปราบโกงประชามตินั้น ตนไม่เห็นด้วย และไม่ให้ความสำคัญ มองเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น

ประยุทธ์ขอโทษทุกคนที่มีกิริยาที่ไม่เหมาะสม บอก "เพราะผมเป็นมนุษย์ เป็นคนร้อนใจ"

ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการบูรณาการการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายของรัฐบาล เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิ.ย. 2559 ภายใต้ชื่อ "70 ปี ครองราชย์ ประชารัฐรวมใจภักดิ์ รักษ์น้ำ ตามรอยพ่อ" (ที่มาภาพเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล)

8 มิ.ย. 2559 เมื่อเวลา 10.45 น. ณ บริเวณคลองบางสองร้อย ต.ธรรมเสน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เยี่ยมชมนิทรรศการการบริหารจัดการน้ำและสินค้าโอทอป ภายหลังการเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ "70 ปี ครองราชย์ ประชารัฐรวมใจภักดิ์ รักษ์น้ำ ตามรอยพ่อ" สำหรับนิทรรศการการบริหารจัดการน้ำและสินค้าโอทอป ประกอบด้วย 1. นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ โดยกระทรวงกลาโหม 2. การบริหารจัดการน้ำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการปลูกหญ้าแฝกตามแนวพระราชดำริ 3. โครงการฝนหลวง 4. ยุทธศาสตร์น้ำของประเทศ การบริหารจัดการน้ำที่สำคัญแต่ละภูมิภาคและชุมชนที่ประสบความสำเร็จ และการจัดการน้ำแบบประชารัฐ 5.การบรรเทาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดราชบุรีโดยพลังงานแสงอาทิตย์ “ธรรมเสน โมเดล” และ 6.การจัดแสดงสินค้าโอทอป
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับประชาชนที่มาร่วมพิธีเปิดโครงการบูรณาการการปรับปรุงและพัฒนาแห่งน้ำตามนโยบายของรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 ว่า ปัจจุบันโลกเดินเร็วมากกว่า 24 ชั่วโมงเกือบ 3 เท่า และโลกปัจจุบันมีหลายขั้ว หลายพันธะสัญญา เราไม่สามารถอยู่ประเทศเดียวบนโลกใบนี้ รัฐบาลจึงมีหน้าที่นอกเหนือจากการทำงานให้คนไทย 70 ล้านคน แต่ยังมีหน้าที่ต่ออาเซียน การเปิดตลาดค้าขาย ซึ่งทุกอย่างมีความเชื่อมโยงกันทั้งสิ้น
“สิ่งที่รัฐบาลทำในวันนี้คือทำเพื่อถวายองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สิ่งที่เราทำถือว่ามากขึ้นเป็น 2 เท่า และทำให้เราได้เห็นว่าการที่เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นทรงมีคุณอย่างไรต่อแผ่นดินนี้ เรามีประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์มายาวนาน ทุกรัฐบาลมีหน้าที่ที่จะก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและประเทศ แต่ต้องทำตามสัญญา ระเบียบและพันธะของโลกด้วย ถ้ามัวแต่มีแนวและวิสัยทัศน์แบบเดิมๆ ก็คงต้องยืนอยู่ที่เดิม รัฐบาลชุดนี้พยายามทำงานทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อส่งงานไปยังรัฐบาลที่เป็นธรรมต่อไป ซึ่งประชาชนต้องคอยติดตามว่าการบริหารจะต่อเนื่องเชื่อมโยงได้อย่างไร สิ่งที่ผมพูดวันนี้มาจากใจและมาจากทุกคนในรัฐบาล สิ่งใดที่มาบิดเบือนจากสิ่งที่ผมพูดถือว่าไม่ใช่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งมานานแล้ว วันนี้ทุกคนจะต้องแสวงหาความร่วมมือให้ได้ ทั้งเรื่องการแบ่งปันทรัพยากรและเรื่องต่าง ๆ หากรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศยังบริหารและแก้ปัญหาแบบเดิม ปัญหาจะตกอยู่ที่รัฐบาลและเกิดความล้มเหลว วันนี้รัฐบาลนอกจากจะดูแลผู้มีรายได้น้อยแล้วยังสร้างความเข้มแข็งควบคู่ไปด้วย แต่ถ้าเรามัวสร้างความขัดแย้งกันอยู่ ไม่สร้างความมีเสถียรภาพ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งนอกจากจะไม่กระตุ้นการใช้จ่ายทั้งในและต่างประเทศแล้ว จะเกิดปัญหาในแบบเดิม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องเดินหน้าสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นรัฐบาล วันนี้เราจะแบ่งแยกกันไม่ได้ ถือว่าเราเป็นพี่น้องกันทั้งประเทศ 76 จังหวัดบวกหนึ่ง เราต้องนึกถึงทุกคนนอกเหนือจากที่คิดถึงตัวเอง สำหรับผมยืนยันว่าไม่เคยคิดถึงตัวเอง คิดแต่เพียงว่าจะเดินหน้าประเทศได้อย่างไรในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งและสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งเพิ่ม ยืนยันว่าวันนี้หลายประเทศมีความเข้าใจ โดยเฉพาะมิตรประเทศว่าเราจำเป็นต้องปรับปรุงประเทศของเรา เพื่อเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง และความเป็นสากลในอนาคต
“อย่าให้ความไม่เข้าใจมาตัดสินคนและบิดเบือน ทำให้ประเทศไทยต้องถอยหลังกลับไปอีกเลย ขอให้ทุกคนเข้าใจ วันนี้อย่ามาถามผมว่าทำไมถึงทำอย่างนี้ ผมก็ทำตามในสิ่งที่ได้อธิบายมาตลอดเวลา แต่ก็มีไอ้พวกคนที่ไม่อธิบายแต่คอยค้าน คิดจะทำอะไรก็ทำ ยืนยันผมไม่ใช่คนแบบนั้น พร้อมรับฟังเสียงทุกคน ทั้งจากสื่อ กลุ่มองค์กรต่างๆ ผมฟังหมด แม้แต่คนที่คิดไม่ดีผมก็รับฟัง ผมจำเป็นต้องรับ เพราะผมต้องรับผิดชอบและดูแลคนทุกคน ถ้าเราไม่ฟังเราก็จะแก้ปัญหาไม่ได้และไม่ตรงจุด”  พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งสองพระองค์อยู่เคียงคู่กันมาตลอด วันนี้เราจะดำเนินรอยตามพระองค์ท่าน สิ่งที่จะทำให้พระองค์ท่านมีความสุขมากคือประชาชนต้องรักกันให้มาก ร่วมมือกับรัฐบาล ขออย่างเดียว และตนให้ประชาชนได้ทุกอย่าง ชีวิตก็ให้ได้ หัวใจตนทุกคนได้ แต่รัฐบาลมีหลายส่วน ซึ่งอาจะมีสิ่งที่บกพร่อง มีปัญหาก็แก้กันไป แต่ไม่ใช่เอาปัญหาเล็กๆ มาตีกัน ก็จะทำให้ไปไม่ได้ทั้งหมด
“ผมไม่ได้อยากทะเลาะเบาะแว้งกับใคร วันนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องขอโทษทุกคน ที่ผมอาจจะมีกิริยาที่ไม่เหมาะสมอยู่บ้าง เพราะผมเป็นมนุษย์ เป็นคนร้อนใจ ทุกเรื่องที่ทำ ที่สื่อสารออกไปแล้วทำให้เกิดความขัดแย้ง ผมทนไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องมีหลักการและเหตุผลที่จะเชื่อ ควรไตร่ตรองให้ดี อย่าให้ถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ใช่” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการถ่ายทอดให้ประชาชนได้รับรู้ ถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นใหม่ ในสงครามไซเบอร์ถือว่าเป็นว่าเรื่องสำคัญในการใช้ระบบไอที โซเชียลมีเดีย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มีทั้งคุณและโทษ ถ้าใช้ให้เกิดประโยชน์มันก็ดี จะไม่สร้างความขัดแย้ง สร้างความรักความสามัคคี แต่ถ้าใช้เพื่อสร้างความเกลียดชังก็จะเป็นปัญหา ทั้งโลกไม่เหมือนประเทศไทย ที่เขียนถึงขาว เขียนถึงแดง เขียนให้ประเทศเกิดความขัดแย้ง ทำอย่างนี้ก็เดินหน้าไม่ได้ ตีกันเรื่องประชามติ  แล้วจะเราจะทำอย่างไร จะต้องบังคับกันหรืออย่างไร เป็นเรื่องของทุกคนทั้งสิ้น ที่พูดมาทั้งหมดทุกคนต้องรู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ไม่ได้บังคับ บังคับไม่ได้ อย่าลืมว่าเราถูกมองจากโลกข้างนอกทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี ซึ่งหากทุกคนขยายสิ่งไม่ดีไปเรื่อย ๆ แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร
“ท่านไม่ต้องเชื่อมั่นผม แต่ท่านจะต้องเชื่อมั่นตัวของท่านเอง เพราะประชาธิปไตยจะต้องฟังความคิดเห็นของท่าน และจะต้องนำความคิดเห็นมาเรียบเรียงทั้งหมด ว่ากลุ่มไหนคิดอย่างไร ทั้งหมดคือสิ่งที่รัฐบาลจะต้องดูแล ทุกอย่างต้องตอบให้ได้ และจะต้องคิดถึงภาพรวมของประเทศ แต่ท่านไม่ฟังที่ผมพูดในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ทุกวันศุกร์เลยจะรู้เรื่องกันไหม และผมก็เป็นพูดเร็ว ให้ไปดูย้อนหลัง ถ้าไม่ฟังกันเลย ดูแต่พาดหัวข่าวก็มีแต่เรื่องความวุ่นวาย ส่วนเรื่องดี ๆ อยู่ข้างใน ท่านอยากเห็นประเทศเป็นแบบนั้นหรือ อยากเห็นความขัดแย้ง จะไปขยายในสิ่งที่ไม่ดีให้เขาทำไม ถ้าเอาสิ่งที่ไม่ดีมาพูดก็ทะเลาะกันอยู่แบบนี้ แล้วถามว่าจะให้ผมอดทนไปถึงไหน  วันนี้อย่าลืมว่า สิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่เบาที่สุดแล้วในการเดินหน้าประเทศเพื่อนำไปสู่ 20 ปี ผมไม่ได้มองแค่วันนี้ ไม่ใช่เพื่ออยู่ในอำนาจ สืบทอดอำนาจ ผมไม่เคยคิดเลย คิดแต่เพียงว่า จะทำอย่างไรในเวลาที่เรามีอยู่ ซึ่งผมทำคนเดียวไม่ได้ รัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้ ประเทศนี้อยู่ด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ ต้องอยู่ด้วยกันทั้งประเทศนั้นคือประชาธิปไตยที่ถูกต้อง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีใครอยากใช้อำนาจถ้าดีอยู่แล้ว และการบริจัดการน้ำในพื้นที่คลองสองร้อยต้องเชื่อมโยงกับรัฐบาลในแผนงานเดียวกันทั้งระบบ นอกจากนี้ขอฝากเรื่องการฟื้นฟูป่าไว้ด้วย ชาวบ้านทุกคนหาต้นไม้คนละต้นไปช่วยทหารปลูกริมคลอง อยากปลูกอะไรก็ได้กล้วย อ้อย จะได้ไว้กินและเป็นทรัพย์ส่วนรวมแบ่งปัน นอกจากนี้ฝากให้ประชาชนร่วมสร้างอนาคตตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่คาดหวังว่าประเทศจะสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ จำคุก ‘เจเจ’ 1 ปีรอลงอาญา 2 ปี กรณีพ่นสีป้ายศาลอาญา


8 มิ.ย.2559 ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่นายณัฐพล เข็มเงิน หรือ เจเจ ชายหนุ่มนักดนตรีตกเป็นจำเลยในความผิดฐานทำให้เสียหาย ทำลาย หรือทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ขูด ขีด เขียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดซึ่งความเสียหายแก่สาธารณประโยชน์ , พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 จากกรณีที่เขาใช้สีสเปรย์สีดำพ่นสัญลักษณ์อนาธิปไตย (anarchist) ลงบนป้ายชื่อ ศาลอาญาริมถนนรัชดาภิเษก และด้านหลังข้อความศาลอาญา 2 แห่งเมื่อ 24 พ.ค.2558
ภาวิณี ชุมศรี ทนายความจำเลย กล่าวว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้โทษจำคุก 1 ปี รอลงอาญา 2 ปี และเพิ่มโทษปรับ 9,000 บาท สารภาพลดกึ่งหนึ่ง เหลือปรับ 4,500 บาท และให้ทำกิจกรรมบริการสังคม 12 ชั่วโมง รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 3 ครั้ง จากเดิมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 1 ปีโดยไม่รอลงอาญาและไม่มีโทษปรับ และคดีนี้ถือเป็นที่สิ้นสุดเนื่องจากเป็นคดีที่โทษจำคุกน้อยไม่สามารถฎีกาได้

ทั้งนี้ เพจมติชนรายงานรายละเอียดคำพิพากษาว่า  ศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าที่จำเลยอุทธรณ์ว่า การพ่นสีสเปรย์ไม่ได้ทำให้ป้ายเสียหาย ไม่ได้ทำให้ไร้ประโยชน์และเสื่อมค่า ฟังไม่ขึ้นไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ในประเด็นนี้แต่ที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลรอการลงโทษ และจำเลยประกอบอาชีพสุจริต ต้องอุปการะบิดามารดา และไม่เคยกระทำผิดอาญามาก่อนนั้น อุทธรณ์ฟังขึ้น
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2558 ศาลอาญาก็ได้พิพากษาจำคุกเจเจฐานละเมิดอำนาจศาลจากการกระทำกรณีดังกล่าว เป็นเวลา 1 เดือน แต่ทางไต่สวนศาลเห็นว่า นายณัฐพล ได้สำนึกผิด ประกอบกับไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลจึงให้รอลงอาญาเป็นเวลา 1 ปี