วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554


ดูเมื่อไหร่ ก็ต้องหลั่งน้ำตาให้ท่านนายกเหมือนกัน





ไร้คำบรรยาย แต่ผมขึ้นเวปหน้านี้ ก็ต้องหลั่งน้ำตาให้ท่านนายกเหมือนกัน
สู้ ๆ เพื่อประชาชนครับ 


ลุงคำต๋า
http://redusala.blogspot.com


นายกฯสตาร์ทเรืออาสา 500 ลำ ดันน้ำเหนือสู่ทะเล

ที่มา thaifreenews
โดย Bozo

       นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการสตาร์ทเครื่องกองเรืออาสาสู้ศึกน้ำท่วม 500 ลำ เพื่อผลักดันน้ำเหนือไหลสู่ทะเล โดยเป็นที่ซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของ "ในหลวง"
ที่ทรงแนะหนทางระบายน้ำด้วยการดันน้ำลงสู่ทะเล จนประสบความสำเร็จเมื่อ 10 ปีที่แล้ว...


             เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 16 ต.ค.ที่สะพานพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการเรือประชาอาสาดันน้ำออกทะเล โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาตร์และเทคโนโลยี พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. และนายวิเชียร วุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี รอให้การต้อนรับ ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่นายปลอดประสพเป็นผู้เสนอแนวคิด ซึ่งได้รับมาจากแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการใช้เรือดันน้ำออกสู่ทะเล โดยครั้งนี้มีเรือจากภาครัฐและประชาชนที่มีจิตอาสาเข้าร่วมจำนวน 926 ลำ

           สำหรับการวางกองเรือเพื่อผลักดันน้ำ จะกระจายกันดันน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจุดๆ รวม 50 จุด เฉพาะที่สะพานพระนั่งเกล้า มีจำนวน 500 ลำ ซึ่งจะสามารถช่วยระบายน้ำได้เพิ่มจากปกติวันละ 500 ล้านลูกบาศก์เมตร อีก 50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน อย่างไรก็ตาม
นอกจากนี้ รัฐบาลได้จัดโครงการเรือประชาอาสาดันน้ำออกสู่ทะเลในแม่น้ำบางปะกง
โดยใช้เรือจำนวน 121 ลำ กระจายดันน้ำ 30 จุด และแม่น้ำท่าจีน 102 ลำ 15 จุด
 
            น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ ปริมาณน้ำฝนตกลงมาจำนวนมาก ทำให้ 56 จังหวัดน้ำท่วมเดือดร้อน รัฐบาลมีความเห็นใจ เข้าใจปัญหาความทุกข์ยาก ปัญหาอยู่ในใจ และระดมทุกสรรพกำลังในการช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ยากของประชาชน  การระบายสู่ทะเลเป็นโครงการที่รัฐบาลมุ่งมั่นเร่งระบายน้ำ ลง
                                   
ทะเล 3 เส้นทาง คือ การระบายสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ขุดคลองฝั่งตะวันออก และตะวันตกของกทม. นอกจากการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำตามจุดต่างๆ แล้ว โครงการเรือประชาอาสาดันน้ำออกทะเลเป็นอีกวิธีหนึ่ง  ที่จะผลักดันน้ำลงทะเลเร็วขึ้น ด้วยการน้อมนำพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเคยใช้เรือผลักดันน้ำลงทะเล ประสบความสำเร็จเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาแล้ว

           นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้ดำเนินการใช้แนวพระราชดำริ ที่คลองลัดโพธิ์ สามารถดันน้ำได้ 50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เราจึงขยายโครงการ โดยขออาสาสมัครทั้งหมดในโครงการนี้ วันนี้เป็นวันสำคัญที่เราได้มาร่วมมือร่วมใจแสดงความสามัคคี ความแข็งแกร่ง ร่วมมือร่วมใจของประชาชนชาวไทย และเชื่อว่าจะบรรเทาการท่วมขังของน้ำได้

           ตนและรัฐบาลรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาที่คุณ ที่ได้เคยพระราชทานแนวคิดผลักดันน้ำไว้ รัฐบาลขอยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทาง ในการที่จะแก้ไขอุทกภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่นี้ให้เร็วที่สุด

           เพื่อผ่อนคลายความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน ขอให้ทุกคนช่วยกันรวมพลังสามัคคีเพื่อก้าวข้ามผ่านวิกฤติอุทกภัยน้ำท่วมครั้งนี้ไปให้ได้

            จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ไปลงเรือของกองทัพเรือ จากท่าเทียบเรือวัดไทรม้าเหนือ เพื่อตรวจแนวเรืออาสา และให้กำลังใจที่มาช่วยผลักดันน้ำ ก่อนที่จะเดินทางเข้าไปยังศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง ทั้งนี้เมื่อไปถึง ได้ไปรับมอบสิ่งของจาก น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรสาวคนกลาง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มาช่วยบรรจุสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอยู่ที่ชั้น 1 ของอาคาร ท่าอากาศยานดอนเมืองในประเทศ
http://www.thairath.co.th/content/pol/209765
http://redusala.blogspot.com

น้ำท่วมไม่เท่าน้ำตา
น้ำท่วมไม่เท่าน้ำตา
โดย เพ็ญ พรหมแดง

             น้ำ ปีนี้มามากอย่างไม่เคยมีมาก่อน เท่าที่ชีวิตของดิฉันเคยประสบ สมัยก่อน อยู่บ้านนอกที่สภาพแวดล้อม ธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ มี ป่าไม้ ห้วย หนอง ลำคลอง น้ำไหลไปมาสะดวก แม้จะมีน้ำหลากมาบ้างในหน้าฝน แต่มันมาแล้วก็ไป ไม่มากพอที่จะพัดผ่านและขังเป็นเดือน ๆ ทำให้พืชผล ตลอด ชีวิต ของคนเสียหายล้มตายอย่างทุกวันนี้

           ปีนี้นับแต่ก่อนเข้าหน้าฝนด้วยซ้ำ ฝนตกติดต่อกัน ประกอบกับมีพายุฝนมาเป็นครั้งคราว ทำให้มืดฟ้ามัวดินเป็นเวลาหลายวัน จน ณ วันนี้ (15 ก.ย. 54 ) ฟ้ายังปิด ฝนยังตก น้ำยังท่วม ตั้งแต่ภาคเหนือลงไปผ่านทุกจังหวัดระหว่างทาง ตั้งแต่นครสวรรค์ สุโขทัย พิษณุโลก อ่างทอง ชัยนาท อยุธยา เข้าหากรุงเทพฯ เรียกว่า ท่วมกันไปหมดทุกหนทุกแห่ง
น้ำท่วมมากขนาดนี้ ก็ ยังไม่มากเท่าน้ำตาของคนที่ประสบภัยนี้ ซึ่งสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่า พืชผล สัตว์เลี้ยง หรือแม้กระทั่งชีวิตของคนในครอบครัวที่ถูกน้ำพัดพาคร่าไป มันกลายเป็น โศกนาฏกรรม ของชีวิตที่เศร้าใจสุดที่จะอดกลั้นน้ำตาไว้ได้ แม้คนที่ไม่เจอภัยน้ำท่วมนี้ แต่เห็นข่าวทาง ที.วี. ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน มันเป็นน้ำตาที่มากกว่าน้ำที่ท่วมเป็นไหน ๆ แม้การช่วยเหลือจากทุก ๆ ฝ่าย ไม่ว่า รัฐ เอกชน หรือประชาชนทั่วไป จะมีมากแค่ไหนก็คงทำได้เพียง แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ในระดับหนึ่ง คงไม่มีใครหรืออำนาจใด ๆ จะบันดาลให้ปัญหาหมดไปเป็นปกติได้ในปัจจุบันทันใจ ก็ได้แต่ภาวนาให้ภัยพิบัตินี้หมดไปเร็วไว ให้ ทุกคนมีกำลังใจ ที่จะต่อสู้เผชิญมันอย่างทรหด

           มาตรการ ต่าง ๆ ของรัฐที่จะจัดการกับภัยน้ำท่วมเท่าที่แล้ว ๆ มา ไม่ว่ารัฐบาลไหน ก็มีเฉพาะมาตรการสั้น ๆ เฉพาะหน้า น้ำท่วม ก็ แจกเงิน แจกข้าว แจกของออกที.วี.ระดมเงินและสิ่งของ แจก ๆ กันไป ถ่ายรูปไว้ ออกที.วี. เอาเป็นความดีความชอบ เป็นบุญเป็นกุศล....เรื่องก็เท่านั้น ก็จบกัน...ปีใหม่ ฟ้าใหม่ ฟ้าฝนมาใหม่ เหตุการณ์เดิม ๆ ก็กลับมา ท่วมทุกปี ๆ และแล้งทุกปี ๆ...

         เมื่อไหร่จะมีคน รู้ และ กล้า ทำการ ป้องกัน แก้ไข น้ำท่วม ฝนแล้ง ในระยะยาวเสียที เรามีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี ทำเพียง มาตรการสั้น ๆ พอจะได้คะแนนนิยม ได้รับเลือกเป็นรัฐบาลต่อไป เท่านั้น ส่วนมาตรการระยะยาวยังไม่มีรัฐบาลไทยหน้าไหน รู้ และ กล้า พอที่จะทำได้ อาจจะมีพูด/โม้ หน้าจอที.วี. เป็นบางครั้งเฉพาะเมื่อภัยมาเช่น ภัยน้ำมา ภัยหมอกควันมา ก็บอกว่าจะป้องกันระยะยาว ก็ไม่เห็นทำสักที ในชีวิตนี้จะได้เห็นหรือไม่ ยังสงสัย

         คราวนี้ก็เหมือนกัน พูดกันมาแต่ตอนหาเสียงเลือกตั้ง (ก่อน 3 ก.ค. 54) ด้วยซ้ำไปว่า มีนโยบาย จะจัดระบบน้ำ ในประเทศไทยทุกเส้นสาย เพื่อไม่ให้ แล้ง ไม่ให้ ท่วม ซ้ำ ๆ ซาก ๆ เหมือนที่แล้วมา

           เราไม่ต้องการรัฐบาล (หรือใครก็ตาม) ที่ ดีแต่พูด หรือ ดีแต่โม้ เราต้องการรัฐบาลที่ทำงานให้เกิด ผลประโยชน์ แก่ประชาชนจริง ๆ ทั้ง ระยะสั้น และ ระยะยาว เมื่อไหร่จะได้รัฐบาลเช่นนั้น ดิฉันเชียร์รัฐบาล คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาแต่ต้น อยากขอร้องและให้กำลังใจ ทำเรื่องมาตรการระยะยาว จริง ๆ เสียที ดิฉันคาดหวังมากจริง ๆ ว่า รัฐบาลนี้จะทำ เพราะเคยฟังอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร พูดผ่านเวทีคนเสื้อแดงว่า มี นโยบาย จัดการเรื่องน้ำให้ครบวงจร น้ำท่วมจะไม่มี ท่านใช้คำว่า “บ๊าย บาย น้ำท่วม” (อะไรประมาณนั้น) ใครจะว่าอย่างไร ว่าใครคิด ใครทำก็ช่างหัวมัน เถอะค่ะ ถ้าทำได้จริง ดีจริง เกิดประโยชน์จริง คนก็จะยอมรับเอง ฝ่ายต่อต้าน (พวกอิจฉา) ก็จะ ต๊อแต๊ อ่อนเปลี้ยลงไปเอง

           ถึงเวลา “นารีขี่ม้าขาว” จะได้พิสูจน์ ศักยภาพ แล้วละค่ะ ไหน ๆ ก็มาอย่าง สง่างาม(โดยเสียงประชาชน) ปรากฏต่อโลกอย่างสง่างาม (ต่อหน้าผู้นำหลาย ๆ ประเทศ) ดิฉัน เชื่อ และภาวนา เอาใจช่วยว่า การบริหารจัดการประเทศภายใต้ “นารีขี่ม้าขาว” จะต้องสำเร็จอย่างสง่างามแน่นอน


              ดิฉันอาจจะ อิน เกินไปในเรื่องอย่างนี้ เพื่อความแน่ใจ จึงไปวัดเพื่อถามพระที่ท่านมีความรู้ธรรมตามพระไตรปิฎกว่า สตรี ที่มี อำนาจ และ สง่างาม องอาจ นั้น ทางธรรมได้พูดถึงบ้างหรือไม่ ที่สามารถนำมาประยุกต์เทียบเคียงใช้ได้ ดิฉันได้รับคำตอบที่ประหลาดใจอย่างไม่น่าเชื่อว่า ในธรรมะจะมีเรื่องอย่างนี้ พระบอกดิฉันว่า สตรีที่ว่านี้ จะมี พลัง (ธรรมะ) 5 ประการ คือ

  • 1. รูปสมบัติ (งาม, สง่า, บุคลิกดี....)
  • 2. ทรัพย์ (มีฐานะดี)
  • 3. ญาติ (มีตระกูล พรรคพวก เพื่อนฝูง มาก)
  • 5. บุตร
  • 5. ศีล (คุณธรรม ความดี)
(จากพระไตรปิฎก เล่มที่ 18 สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค)
ดิฉันมั่นใจยิ่งขึ้นทันทีว่า คุณ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มี ธรรม (พลัง) ครบทั้ง 5 ประการ จึงย่อมมี พลัง ที่จะผลักดัน (ในฐานะผู้บริหาร) เรื่อง/นโยบาย ทั้งหลายให้ประสบผลสำเร็จแน่นอน ซึ่งเป็นไปตามหลัก ธรรม หรือ ธรรมชาติ ค่ะ.....
http://redusala.blogspot.com

จำไว้ สื้อเหี้ย กรุงเทพธุรกิจ
ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก เผยได้มีการส่งหนังสือถึงหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ให้แก้ไขข่าวกองทัพประเมิน นายกฯ สอบตก แก้น้ำท่วม

           ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก เปิดเผยกรณีได้ทำหนังสือถึง บก.กรุงเทพธุรกิจ แจงการรายงานข่าวโดยอ้าง "แหล่งข่าวระดับสูงจากกองทัพ" โดยมิได้ระบุชื่อทำให้ผู้อ่านข่าวเข้าใจผิด ยันกองทัพมิได้มีการหารือใดๆ และกองทัพบกเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล

          ทั้งนี้ ทางกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานวันนี้ (10 พ.ย. 54) ว่าศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก กองบัญชาการกองทัพบก ได้ส่งหนังสือเลขที่ กห.0407.24/545 ถึง บรรณาธิการหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เรื่อง ขอความร่วมมือในการนำเสนอข่าว หลังหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจฉบับวันที่ 7 พ.ย. 54 ตีพิมพ์ข่าวหัวข้อ "กองทัพประเมิน 12 เหตุผล ขาดภาวะผู้นำ การเมืองครอบงำ นายกฯ สอบตก แก้น้ำท่วม" โดยมีรายละเอียดดังนี้


ที่ กห 0407.24/545
ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก
กองบัญชาการกองทัพบก
เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
7 พฤศจิกายน 2554

อ้างถึง หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2554 หน้า 16 หัวข้อ    
             ข่าว "กองทัพประเมิน 12 เหตุผล ขาดภาวะผู้นำ

เรื่อง ขอความร่วมมือในการเสนอข่าว

เรียน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

อ้างถึง หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2554 หน้า 16 หัวข้อ
            ข่าว "กองทัพประเมิน 12 เหตุผล ขาดภาวะผู้นำ การเมืองครอบงำ นายกฯ สอบตก แก้น้ำท่วม"

            ตามที่หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ได้เสนอข่าว โดยอ้าง "แหล่งข่าวระดับสูงจากกองทัพ" วิเคราะห์ภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหาอุทกภัย รายละเอียดตามอ้างถึงนั้น

            กองทัพบก ขอเรียนว่า ข้อมูลที่ถูกนำเสนอในรายงานพิเศษดังกล่าวเป็นการอ้างว่ามาจากแหล่งข่าวระดับสูงของกองทัพ ซึ่งมิได้ระบุว่าเป็นบุคคลใด ขณะเดียวกันก็เป็นข้อมูลเชิงวิเคราะห์ที่พยายามเชื่อมโยงความคิดเห็นส่วน บุคคลกับการบริหารงานของรัฐบาลและกองทัพ อาจส่งผลให้ผู้รับข่าวสารเกิดความเข้าใจผิดว่ากองทัพมีการหารือในประเด็นดังกล่าว ซึ่งในความเป็นจริงกองทัพมิได้มีการดำเนินการใดๆ ในเรื่องดังกล่าวทั้งสิ้น

          ทั้งนี้ กองทัพเป็นกลไกหนึ่งของรัฐบาลที่ปฏิบัติตามนโยบายในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในขณะนี้ ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล กองทัพ ส่วนราชการ และภาคประชาชน มีความมุ่งมั่นตั้งใจ และได้ร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างเต็มที่ ดังนั้นในฐานะที่เป็นสื่อมวลชนการจะนำเสนอข้อมูลข่าวสารใดๆ ในสภาวการณ์ปัจจุบันที่ประเทศชาติต้องการความรักความสามัคคี และความเข้าใจเพื่อร่วมกันผ่านพ้นวิกฤติสถานการณ์น้ำในขณะนี้ จึงจำเป็นต้องมีความชัดเจน ถูกต้อง อ้างอิงได้ในที่มาของข่าวและแหล่งข่าว

          กองทัพบกในฐานะหน่วยงานด้านความมั่นคงที่มีบทบาทหน้าที่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งหมายรวมถึงภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากฝ่ายบริหารและรัฐบาล ทั้งนี้ในทุกภารกิจกองทัพบกจะดำเนินงานภายใต้กรอบกฎหมาย ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนและสังคมโดยรวมเป็นหลัก ควบคู่ไปกับความพยายามในการสร้างความเข้าใจกับสังคมถึงสิ่งที่ได้ดำเนินการ และยังคงยึดมั่นในจุดยืนดังกล่าวมาโดยตลอด เช่นเดียวกับการทำหน้าที่ของสื่อสารมวลชนในการนำเสนอหรือแสดงทัศนะใดๆ

           โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคงของประเทศควรอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง อ้างอิงได้ ไม่มีอคติหรือเจตนาแอบแฝง หรือเป็นการเชื่อมโยงข้อมูลจากการประมวลผลโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่มิได้มีข้อเท็จจริงครบถ้วน หรือไม่ได้เข้าไปรับรู้ในเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านั้นด้วยตนเอง เพราะอาจไม่เพียงสร้างความเสียหายให้กับองค์กรที่ถูกกล่าวถึง แต่จะรวมถึงประเทศชาติและสังคมไทยเป็นส่วนรวมด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทัพบกห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง จึงใคร่ขอความร่วมมือจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจได้แก้ไขข่าวพร้อมนำเสนอ ข่าวที่ถูกต้องที่ได้รับการแก้ไขแล้ว รวมถึงนำข้อมูลที่ได้ชี้แจงมาข้างต้นเผยแพร่ให้สาธารณชนได้รับทราบด้วย

ขอแสดงความนับถือ

พลภัทร วรรณภักตร์

หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก
http://redusala.blogspot.com