วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Exiled Thai minister forms anti-coup group


Soldiers patrol around the Royal Thai Army Headquarters as members of the Radio and Satellite Broadcasters gather in Bangkok on 18 June 2014.


An exiled Thai minister has formed a group to lead a campaign against the military government, which seized power in last month's coup.
Charupong Reuangsuwan is the only minister to have escaped into exile.
He called the coup, which followed months of anti-government protests, "an outrageous act" and "grand larceny".
The Organisation of Free Thais for Human Rights and Democracy (Seri Thai) aims to "restore and strengthen" Thai democracy.
In a statement addressed to Thai citizens and e-mailed to journalists, he said: "It is now tragically evident that Thailand has returned, once again, to a vicious cycle of absolute dictatorial governance."
He accused the junta of stealing the people's sovereignty by seizing power from the elected civilian government, which was run by Mr Charupong's Puea Thai party.
The military leadership has pledged to return to democracy, but only after it has carried out sweeping reforms of the political system.
Mr Charupong, however, accused the military of intending to create "a new puppet structure" for "anti-democratic elements".
His group has set up a YouTube channel and posted videos of the statement read out in Thai by Mr Charupong, and read out in Englishby activist Jakrapob Penkair.

Thai policemen arrest an anti-coup protester (C) during a demonstration at a shopping mall in Bangkok on 22 June 2014.

A demonstration in Bangkok on 22 June saw anti-coup protesters arrested

Thai Army chief General Prayuth Chan-ocha speaks at a meeting to discuss the 2015 national budget, at the Army Club in Bangkok on 13 June 2014.

Army chief General Prayuth Chan-ocha has promised to return Thailand to democratic rule eventually
It is not yet clear from which country the new organisation will operate.
In response, Acting Thai Foreign Minister Sihasak Phuangketkeow told journalists there was "only one legitimate government".
'Credible roadmap'
The military seized power on 22 May, after six months of anti-government protests that left at least 28 dead and hundreds hurt. It said its aim was to restore stability to Thailand.
The protesters alleged that the ousted government of Yingluck Shinawatra was controlled by her brother, Thaksin Shinawatra. He was Thai prime minister until his removal by the military in 2006.
The current political turmoil dates from then. There is strong support for the Shinawatra family in rural and northern areas, propelling them to successive election wins.
However, many in the middle class and urban elite oppose them bitterly, alleging they have corrupted Thai democracy with money politics.

Jonathan Head, BBC News, Bangkok
After the last coup in 2006 some supporters of the deposed Prime Minister Thaksin Shinawatra felt he should have established a government-in-exile, to challenge the legitimacy of the coup leaders. This time, they just do not have enough people.
General Prayuth had many important political leaders locked inside an army building when he launched his putsch, and quickly sealed the borders.
So the Seri Thai organisation - a self-conscious echo of the group that fought against Japanese occupation during World War Two - was launched today, the 82nd anniversary of the end of absolute monarchy in Thailand, by Charupong Ruangsuwan, the only minister from the ousted government to escape into exile.
He is supported by Jakrapob Penkair, an outspoken red-shirt activist and former minister who fled from lese majeste charges in 2009.
Both men are thought to be in neighbouring Cambodia, but are not stating where the Seri Thai movement will be based. The Cambodian government is nervous about hosting opponents of military rule in Thailand.
The sudden exodus of more than 200,000 Cambodian workers earlier this month is seen by some as a warning of Thai military displeasure with its neighbour.
Seri Thai's effectiveness will depend largely on whether opposition to the coup grows inside Thailand. So far the military has snuffed out even the smallest expressions of dissent, threatening long prison sentences for those who remain defiant.
Seri Thai will also need funding - that raises the question over what, it any role Thaksin Shinawatra will play. He was accused of directing and funding the last administration, but has said little since the coup.

Meanwhile, the European Union's foreign affairs council on Monday said it would suspend official visits to and from Thailand.
It said EU states would not sign a partnership and co-operation agreement with Thailand until a democratically-elected government was in place. Military co-operation with Thailand will also be reviewed.
"Only an early and credible roadmap for a return to constitutional rule and the holding of credible and inclusive elections will allow for the EU's continued support," said the council, adding that the military's current plan for reform "falls short".
It also urged the military to restore democratic institutions and processes, free political detainees, refrain from further arrests for political reasons, and remove censorship.

วางดอกไม้รำลึก 24 มิถุนาปีที่ 82 - จนท.ล้อมรั้วหมุดคณะราษฎร


ประชาชนวางดอกไม้รำลึกวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 ปีที่ 82 "วาด รวี" เตรียมอ่านกวีและจัดกิจกรรม "ส่งความปรารถนาไปหาคณะราษฎร" ด้าน จนท.ล้อมบริเวณรอบ "หมุดคณะราษฎร" ด้วยแผงกั้นและใช้ยูโรเทปทำรั้ว เข้าพื้นที่ทำกิจกรรมต้องลงชื่อ
24 มิ.ย. 2557 - ตามที่ในวันที่ 24 มิ.ย. ของทุกปีประชาชนจะจัดกิจกรรมที่ "หมุดคณะราษฎร" ลานพระบรมรูปทรงม้า ตรงข้ามสนามเสือป่า เพื่อจัดกิจกรรมรำลึกการเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎร โดยจะมีการวางดอกไม้ ทำความสะอาดหมุดคณะราษฎร อ่านกวี อ่านสุนทรพจน์ และการแสดงต่างๆ ในช่วงย่ำรุ่งของวันที่ 24 มิ.ย. บริเวณดังกล่าวนั้น
สำหรับปีนี้ซึ่งครบรอบปีที่ 82 ของเหตุการณ์วันที่ 24 มิ.ย. 2475 ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. นายรวี สิริอิสสระนันท์ หรือ "วาด รวี" นักกวีและประมุขพรรคมันสูญคนที่ 1 ได้เผยแพร่ประกาศ "ลอยฝันขึ้นฟ้า ส่งความปรารถนาไปหาคณะราษฎร" จัดกิจกรรมวางดอกไม้ที่หมุดคณะราษฎรเพื่อแสดงความระลึกถึงคุณูปการวันเปลี่ยนแปลงการ โดยกำชับไม่ให้แสดงสัญลักษณ์ต่อต้านนั้น (อ่านข่าวก่อนหน้านี้)
ขณะที่เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. พล.ต.อ.สมยศ พันธุ์พุ่มม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรอบการทำกิจกรรมรำลึกการเปลี่ยนแปลงการปกครองว่า หากเป็นการรวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรมรำลึก สามารถทำได้ แต่หากตรวจสอบพบว่ามีนัยยะทางการเมืองจะถือว่าผิดกฎหมายและเจ้าหน้าที่จะ เข้าดำเนินการทันที (อ่านข่าวก่อนหน้านี้)
ล่าสุดเมื่อเวลา 05.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากลานพระบรมรูปทรงม้าว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบไม่ระบุฝ่าย ได้เข้ามาวางกำลังโดยรอบลานพระบรมรูปทรงม้า และมีการล้อมบริเวณรอบหมุดคณะราษฎรด้วยแผงกั้น และใช้ยูโรเทปทำรั้วชั่วคราว
ต่อมาประชาชนจำนวนหนึ่ง รวมทั้ง "วาด รวี" เดินทางมาถึงบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อเตรียมทำกิจกรรมวางดอกไม้และอ่านบทกวี ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่มารอทำข่าว
06.00 น. ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ให้ประชาชนที่จะเข้าไปทำกิจกรรมที่หมุดคณะราษฎร ลงชื่อไว้ในสมุดบันทึกเพื่อเป็นหลักฐาน
06.10 น. ประชาชนเริ่มทยอยวางดอกไม้ที่หมุดคณะราษฎร บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ
กฤช เหลือลมัย อ่านบทกวีในงาน "ลอยฝันขึ้นฟ้า ส่งความปรารถนาไปหาคณะราษฎร"
ซะการีย์ยา อมตยา อ่านบทกวีในงาน "ลอยฝันขึ้นฟ้า ส่งความปรารถนาไปหาคณะราษฎร"
06.50 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการศึกษา ช่วยราชการ บชน. ซึ่งมาดูแลสถานการณ์กำชับเจ้าหน้าที่ไม่ให้ผู้ร่วมรำลึกวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทำกิจกรรมปล่อยลูกโป่ง โดยให้เหตุว่า เกรงว่าลูกโป่งจะลอยเข้าเขตพระราชฐาน
07.00 กลุ่มผู้ทำกิจกรรมรำลึกวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้ออกจากบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อไปปล่อยลูกโป่ง และผูกข้อความบันทึกถึงคณะราษฎร ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแทน
07.15 น. ผู้ทำกิจกรรมรำลึกวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้ปล่อยลูกโป่งและผูกข้อความบันทึกถึงคณะราษฎรที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ทหารควบคุมตัวกลุ่มหนุนเชียงใหม่จัดการตนเอง-ก่อนปล่อยตัว



กลุ่มหนุน พ.ร.บ.เชียงใหม่จัดการตนเองแถลงข่าวที่เชียงใหม่ ยืนยันหลักการ “ลดการรวมศูนย์อำนาจตรงกลาง”และ “เพิ่มอำนาจให้ ปชช.ดูแลจัดการตนเอง” ให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายในท้องถิ่นปรึกษาหารือกันจะได้เกิดปรองดองสมานฉันท์กันจริงๆ ระบุพร้อมจับตา กม.ปฏิรูป 16 ฉบับรวมทั้งการปฏิรูปที่ดิน ด้าน จนท.ทหารเข้ามาสั่งเบรคและเชิญไปพูดคุย ล่าสุดปล่อยตัวแล้ว
ภาพระหว่าง ภาคีขับเคลื่อนเชียงใหม่จัดการตนเอง นำโดยนายชัชวาลย์ ทองดีเลิศอ่านแถลงการณ์ที่หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ช่วงเช้าวันนี้ (24 มิ.ย.) ก่อนถูกทหารเข้ามาขอให้ยุติกิจกรรมและเชิญไปสอบถามที่ มทบ.33 ล่าสุดได้รับการปล่อยตัวแล้ว (ที่มาของภาพ: คลิปนักข่าวเมือง TPBS)

24 มิ.ย. 2557 - ที่หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ หลังอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่ เครือข่ายบ้านชุ่มเมืองเย็นและภาคีขับเคลื่อนเชียงใหม่จัดการตนเอง ได้เตรียมออกแถลงการณ์และประกาศจุดยืนกระจายอำนาจเพื่อการปรองดองและสนับสนุนการขับเคลื่อนเชียงใหม่จัดการตนเอง และสนับสนุนกฎหมาย พ.ร.บ.การบริหารราชการเชียงใหม่มหานคร หรือ พ.ร.บ.เชียงใหม่จัดการตนเอง ซึ่งที่ผ่านมาทางกลุ่มได้ล่ารายชื่อเสนอกฎหมายเข้าสู่รัฐสภาแล้วตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. 2556 และอยู่ที่เลขานุการรัฐสภา
ขณะเดียวกันมีรายงานด้วยว่า เครือข่ายองค์กรชุมชนและประชาสังคมเพื่อการปฏิรูป (คชสป.) 15 จังหวัดภาคเหนือ ก็เตรียมที่จะออกแถลงการณ์ปักหมุด 24 มิถุนายน “หนึ่งล้านรายชื่อเปลี่ยนประเทศไทย” สนับสนุนจังหวัดจัดการตนเองเช่นกัน
อย่างไรก็ตามในเวลา 10.00 น. ระหว่างการอ่านแถลงการณ์เกี่ยวกับแนวคิดเชียงใหม่จัดการตนเองโดย นายชัชวาล ทองดีเลิศ เลขาธิการสภาการศึกษาทางเลือก เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจได้ขอให้ยุติการอ่านแถลงการณ์ และควบคุมตัวผู้อ่านแถลงการณ์ทั้งหมดประมาณ 10 คน ไปสอบถามที่มณฑลทหารบกที่ 33 (มทบ.33) ค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่
ต่อมา นายชำนาญ จันทร์เรือง ผู้ยกร่าง พ.ร.บ.การบริหารราชการเชียงใหม่มหานคร ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวไปสอบถามด้วยให้สัมภาษณ์ว่าทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวแล้ว การสอบถามใช้เวลา 1 ชั่วโมง โดยมีนายทหารยศพันเอกมาพูดคุยด้วย ทั้งนี้ฝ่ายทหารขอร้องไม่ให้มีการเคลื่อนไหวในห้วงเวลานี้ ทั้งนี้นายชำนาญระบุว่าทางกลุ่มประกอบด้วยองค์กรประชาสังคมทุกสีเสื้อในเชียงใหม่ ข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปและการกระจายอำนาจเป็นจุดยืนร่วมกันของทุกกลุ่มทุกฝ่าย ที่ผ่านมามีการล่ารายชื่อเพื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.การบริหารราชการเชียงใหม่มหานคร และยื่นเสนอต่อรัฐสภาแล้วตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. 2556 และอยู่ที่ขั้นตอนของเลขานุการรัฐสภา อย่างไรก็ตามเกิดสถานการณ์ทางการเมืองขึ้นเสียก่อน
ทั้งนี้ เว็บไซต์นักข่าวพลเมือง TPBS เผยแพร่คลิปอ่านแถลงการณ์ และแถลงการณ์ฉบับเต็มดังกล่าว มีเนื้อหาดังนี้
"สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งของคนในสังคม สะท้อนถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม อันเกิดจาก “โครงสร้างการรวมศูนย์อำนาจ” การบริหารประเทศไว้ที่ส่วนกลางมายาวนาน
แม้จะพยายามคลี่คลาย ด้วยการ “การจายอำนาจการปกครอง” มาให้ท้องถิ่นโดยลำดับ ผ่านรูปแบบต่างๆ เช่น กรุงเทพมหานคร อบจ. เทศบาล อบต. แต่ยังพบอุปสรรคและข้อจำกัดมากมาย ประชาชนไม่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น พัฒนาสังคมได้อย่างที่ควรจะเป็น
ในปัจจุบันประชาชนมีการรับรู้ มีการเรียนรู้มากขึ้น มีความตื่นตัวมากขึ้นในทุกๆ ด้าน และมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมพัฒนาสร้างท้องถิ่น พัฒนาสังคมได้อย่างที่ควรจะเป็น
“ภาคีขับเคลื่อนเชียงใหม่จัดการตนเอง” ซึ่งประกอบด้วยประชาชนทุกภาคส่วน หลากหลายกลุ่ม หลากหลายสีเสื้อ ได้ร่วมรณรงค์ขับเคลื่อน “แนวคิดเชียงใหม่จัดการตนเอง” มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ให้ทุกคนทุกกลุ่มลุกขึ้นมาจัดการตนเอง ตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชนท้อง ลุ่มน้ำ และจังหวัด สนับสนุนรูปธรรมการจัดการตนเองทั้งเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ทั้งในชุมชนชนบทและในเมือง การผลิตและการตลาดเกษตรอินทรีย์ กองทุนและการจัดสวัสดิการสังคม การศึกษาทางเลือก การสืบสารวัฒนธรรมภูมิปัญหา การจัดการไฟป่าหมอกควัน ฯลฯ
ขณะเดียวกันได้ร่วมจัดเวทีประชาชนหลากหลายกลุ่ม “เพื่อสร้างวิสัยทัศน์เมืงเชียงใหม่ร่วมกัน” พร้อมทั้งเสนอร่าง พ.ร.บ.การบริหารราชการเชียงใหม่มหานคร พ.ศ.ต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556
วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันดี ที่ทุกคนได้ร่วมกันเปลี่ยนแปลงด้วยแนวคิดจัดการตนเอง จากระดับฐานราก ครอบครัว ชุมชน จังหวัด และประเทศ ซึ่งสามารถลงมือทำทันทีด้วยพลังพลเมืองในระดับชุมชน ทั้งการดูแลธรรมชาติสิ่งแวดล้อม การจัดการขยะ การผลิตและสนับสนุนเกษตรอินทรีย์ การจัดตั้งกองทุนสุขภาพและสวัสดิการ การจัดการศึกษาที่เหมาะสมกับท้องถิ่น การอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมภูมิปัญญา และมีการสื่อสารกับสาธารณะ ถึงรูปธรรมหรือตัวอย่างการจัดการตนเองที่ประสบความสำเร็จ ตลอดจนสร้างการเชื่อมโยงขยายพลความสำเร็จอย่างกว้างขวาง
นอกจากนั้น เราจะร่วมกันติดตามขับเคลื่อนกฏหมายภาคประชาชน อาทิ
ร่าง พ .ร. บ. การบริหารราชการเชียงใหม่มหานคร
ร่าง พ .ร. บ. จังหวัดปกครองตนเอง
ร่าง พ.ร.บ. ปฏิรูปที่ดิน 4 ฉบับ
รวมถึง ร่างกฏหมายภาคประชาชนอีกประมาณ 10 ฉบับ ต่อไปอย่างใกล้ชิด
ภาคีขับเคลื่อนเชียงใหม่จัดการตนเองเชื่อมั่นว่า แนวติดจังหวัดจัดการตนเองที่ “ลดการรวมศูนย์อำนาจตรงกลาง”และ “เพิ่มอำนาจให้ประชาชนดูแลจัดการตนเอง” จะสร้างความเข้มแข็มของการเป็นพลเมือง สร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นฐานที่เข้มแข็งให้ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมในอนาคต

และจากการทำงานที่ผ่านมา ภาคีขับเคลื่อนเชียงใหม่จัดการตนเองพบว่า การร่วมกันจัดการตนเองของประชาชนในจังหวัดเป็นการสร้างโอกาสสร้างเวทีให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายได้มาพูดปรึกษาหารือกัน เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ถิ่นฐานบ้านเมืองที่อยู่อาศัย ให้เจริญรุ่งเรืองและสงบสุข ได้ทำให้เกิดความ “ปรองดอง สมานฉันท์” ได้อย่างแท้จริงในฐานะคนท้องถิ่นเดียวกัน

ด้วยความสมานฉันท์

ภาคีขับเคลื่อนเชียงใหม่จัดการตนเอง

24 มิถุนายน 2557

ศาลอียิปต์สั่งจำคุกนักข่าวอัลจาซีรา 7-10 ปี อ้างเสนอข่าวเท็จ-หนุนภราดรภาพมุสลิม




นักข่าวอัลจาซีราซึ่งถูกทางการจับตัวเมื่อ ธ.ค. ปีที่แล้ว ถูกตัดสินให้มีความผิดข้อหาสนับสนุนกลุ่มภราดรภาพมุสลิมและรายงานข่าวเท็จ โดยไม่มีหลักฐานที่อ้างได้ชัดเจนตามข้อกล่าวหา ท่ามกลางการประณามจากองค์กรสื่อและองค์กรเสรีภาพสื่อทั่วโลก
ภาพประกอบจากเพจ Freedom for Peter Greste

23 มิ.ย. 2557 ศาลอียิปต์ตัดสินให้นักข่าวของอัลจาซีราได้แก่ ปีเตอร์ เกรสต์, โมฮัมเหม็ด ฟาห์มี และบาเฮอร์ โมฮัมเหม็ด มีความผิดในข้อหาสนับสนุนกลุ่มภราดรภาพมุสลิมและรายงานข่าวเท็จ
ศาลอียิปต์ได้สั่งจำคุกเกรสต์และฟาห์มีเป็นเวลา 7 ปี ส่วนบาเฮอร์ โมฮัมเหม็ดถูกสั่งจำคุกเพิ่มอีก 3 ปีรวมเป็น 10 ปี ข้อหามีกระสุนปืนในครอบครอง โดยที่กระสุนดังกล่าวเป็นเพียงปลอกกระสุนใช้แล้วซึ่งโมฮัมเหม็ดเก็บมาจากพื้นที่ชุมนุม นอกจากนี้ยังมีนักข่าวอัลจาซีราคนอื่นๆ ที่ถูกดำเนินคดีโดยไม่ปรากฏตัวในศาล พวกเขาต่างถูกสั่งจำคุก 10 ปีเช่นกัน
สำนักข่าวอัลจาซีราระบุว่าพวกเขาปฏิเสธข้อกล่าวหาของทางการอียิปต์มาโดยตลอดและยืนยันว่านักข่าวของตนบริสุทธิ์ โดยเกรสต์, ฟาห์มี และโมฮัมเหม็ดถูกจับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2556 ในกรุงไคโรขณะที่พวกเขากำลังทำข่าวเกี่ยวกับสภาพที่เกิดขึ้นหลังจากการรัฐประหารโค่นล้มประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง
อัลจาซีราระบุอีกว่าอัยการได้นำเสนอหลักฐานต่อศาลเป็นรายงานข่าวในช่วงที่จำเลยไม่ได้อยู่ในประเทศอียิปต์ พอดแคสต์ของสำนักข่าวบีบีซี วิดีโอยอดนิยมของนักร้องชาวออสเตรเลียที่ชื่อกอทเย และบันทึกจำนวนมากที่เป็นประเด็นซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับอียิปต์ ทางทนายฝ่ายจำเลยยืนยันว่านักข่าวเหล่านี้ถูกจับกุมอย่างไม่มีเหตุผลและการดำเนินคดีกับพวกเขาก็ไม่สามารถพิสูจน์ความผิดตามข้อกล่าวหาได้
อัล แอนสตี กรรมการผู้จัดการฝ่ายภาษาอังกฤษของอัลจาซีรากล่าวว่าผลการตัดสินของศาลเป็นสิ่งที่ขัดต่อการใช้ตรรกะ ขัดต่อสามัญสำนึก และไม่มีลักษณะของความยุติธรรม
แอนสตี ระบุในแถลงการณ์อีกว่า เพื่อนร่วมงานของเขาถูกตัดสินโทษเพียงเพราะทำงานข่าวด้วยทักษะและความซื่อตรง พวกเขาถูกตัดสินให้มีความผิดเพียงเพราะต้องการปกป้องสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารว่ามีอะไรเกิดขึ้นในโลกของพวกเขา
"ปีเตอร์, โมฮัมเหม็ด และบาเฮอร์ รวมถึงเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ อีก 6 คนถูกตัดสินโทษแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานสนับสนุนความผิดของพวกเขาตามที่ถูกกล่าวอ้างอย่างผิดๆ เลยแม้แต่น้อย ช่วงเวลา 'การดำเนินคดี' ที่ยาวนานด้วยข้อหาไร้เหตุผลเช่นนี้ ไม่มีครั้งใดเลยที่มีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน" แอนสตีระบุในแถลงการณ์
ทางด้านองค์กรสื่อและองค์กรข่าวต่างก็เตือนว่าการกักขังนักข่าวของอัลจาซีราถือเป็นความพยายามข่มขู่ไม่ให้มีคนรายงานข่าวได้อย่างอิสระในอียิปต์ นักข่าวหลายคนก็มีปฏิกิริยากับการตัดสินในครั้งนี้
เจเรมี โบเวน บรรณาธิการส่วนตะวันออกกลางของบีบีซีกล่าวว่าคำตัดสินในครั้งนี้ขัดต่อหลักเสรีภาพสื่อและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ส่วนหนึ่งเป็นการพยายามคุกคามนักข่าว ขณะเดียวกันก็สกัดกั้นไม่ให้กลุ่มภราดรภาพมุสลิมมีพื้นที่ในสื่อ
ทางด้านเบน เดอ เพียร์ บรรณาธิการสำนักข่าวแชนแนลโฟร์ในอังกฤษกล่าวว่าเขารู้สึกเป็นห่วงอย่างมากต่อการตัดสินของศาลอียิปต์ซึ่งแสดงให้เห็นสภาวการณ์ของเสรีภาพสื่อในอียิปต์ และคิดว่าเสรีภาพที่ชาวอียิปต์ต่อสู้เพื่อให้ได้มาในช่วงการประท้วง 'อาหรับสปริง' ถูกทำลายย่อยยับในการตัดสินครั้งนี้ เดอ เพียร์ ยังได้เรียกร้องให้ทางการสหรัฐฯ และอังกฤษตอบโต้ต่อการตัดสินของทางการอียิปต์ในครั้งนี้
"ในฐานะที่เป็นบรรณาธิการขององค์กรที่ส่งตัวนักข่าวเข้าไปในอียิปต์ตลอดช่วงการประท้วง 'อาหรับสปริง' พวกเราต้องคิดหนักมากว่าจะทำข่าวเหตุการณ์เหล่านี้อย่างไร พวกเราจะไม่หยุดทำข่าว แต่ว่าเรื่องนี้ก็ทำให้เกิดความเสี่ยงใหม่" เบน เดอ เพียร์กล่าว
ยังมีนักข่าวหลายคนและสำนักข่าวบางแห่งที่แสดงความไม่พอใจและมีท่าทีประท้วงคำตัดสินของศาลอียิปต์ และเรียกร้องให้ทางการอียิปต์และรัฐบาลประเทศอื่นช่วยกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงคำตัดสินครั้งนี้
"ไม่มีความยุติธรรมในการตัดสินครั้งนี้ ทางการอียิปต์มีความบาดหมางกับประเทศกาตาร์ซึ่งสนับสนุนกลุ่มภราดรภาพมุสลิมจึงเห็นว่านักข่าวอัลจาซีรามีความผิดฐานมีส่วนร่วม แต่เพื่อนร่วมงานของพวกเราไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเขาแค่รายงานข่าวอย่างนักข่าวที่ซื่อสัตย์คนอื่นๆ ทำ" ลินด์เซย์ ฮิลซัม นักข่าวแชนแนลโฟร์กล่าว
ทางด้านสหภาพผู้สื่อข่าวแห่งชาติของอังกฤษได้เรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงคำตัดสิน จากสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็น "ปาหี่ระบบยุติธรรมที่มาจากศาลเถื่อน"
ขณะที่องค์กรคณะกรรมการคุ้มครองผู้สื่อข่าว (CPJ) ระบุว่า การตัดสินคดีความในครั้งนี้ได้รับอิทธิพลทางการเมืองอย่างชัดเจน และไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
โจดี กินส์เบิร์ก ประธานผู้บริหารองค์กรอินเด็กซ์ออนเซนเซอร์ชิปซึ่งเป็นองค์กรสนับสนุนเสรีภาพสื่อกล่าวว่า คำตัดสินของศาลอียิปต์เป็นเรื่องน่าอับอายเมื่อนักข่าวถูกหาว่าก่ออาชญากรรมเพียงเพราะพวกเขาทำงานของตัวเอง เขายังเรียกร้องให้นานาชาติประณามและกดดัน รวมถึงเรียกร้องให้ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัลซีซี บริหารประเทศภายใต้แนวคิดที่เป็นประชาธิปไตย เลิกปิดกั้นสื่อและเสียงของฝ่ายต่อต้าน

เรียบเรียงจาก
Egypt 'declaring journalism a crime' by jailing al-Jazeera correspondents, The Guardian, 23-06-2014
http://www.theguardian.com/world/2014/jun/23/egypt-declaring-journalism-crime-jailing-al-jazeera-correspondents
Egypt's Shame, CPJ, 23-06-3014
http://cpj.org/blog/2014/06/egypts-shame.php

คสช.ปล่อยตัว 'กริชสุดา' แล้ว ส่งตัว 'แฟนหนุ่ม' ไปดำเนินคดีกองปราบ


24 มิ.ย.2557 เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 มิถุนายน ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีการปล่อยตัว น.ส.กริชสุดา คุณะเสน หรือ เปิ้ล สหายสุดซอย นักกิจกรรมเสื้อแดง ที่มีรายชื่อตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 68/2557 และถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม ขณะอยู่ในจ.ชลบุรี จนเกิดกระแสข่าวว่า ถูกทหารทารุณกรรมถึงขั้นเสียชีวิต จนคสช. ต้องให้ น.ส.กริชสุดา ออกมายืนยันว่าไม่ได้ถูกทำร้าย ผ่านการให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ของททบ. 5 ในวันที่ 23 มิถุนายน
โดย น.ส.กริชสุดา ได้นั่งรถกระบะของราชการ เดินทางออกจากหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์
ขณะที่นายอภิรัตน์ ศรีปัศเมษ แฟนหนุ่ม ที่ถูกควบคุมตัวด้วยเช่นกัน ถูกนำตัวขึ้นรถฮัมวี่ เดินทางออกจากหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในเวลาเดียวกัน โดยมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารจะนำตัวนายอภิรัตน์ ส่งต่อไปยังกองบังคับการปราบปราม เนื่องจากมีคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนด้วย
ล่าสุด น.ส.กริชสุดา ได้เดินทางไปยังกองปราบปรามเพื่อขอประกันตัวแฟนหนุ่มแล้ว

ตั้ง 'เสรีไทย' 2557 ต้านรัฐประหารฟื้นประชาธิปไตย – จารุพงศ์นั่งเลขาธิการ


จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ -จักรภพ เพ็ญแข อ่านแถลงการณ์ตั้งกลุ่ม “องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย” ประณาม คสช.ทำรัฐประหาร ทำให้ไทยกลับสู่ “ระบอบเผด็จการสุดขั้ว” พร้อมประกาศปฏิเสธอำนาจและผลพวงของการทำรัฐประหาร ชูแนวทางสิทธิมนุษยชน-ประชาธิปไตย โค่นระบอบเผด็จการ
ภาพจากวิดีโอคลิปที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและอดีต รมว.มหาดไทย อ่านแถลงการณ์ "องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย" เผยแพร่เมื่อเวลา 05.50 น. วันที่ 24 มิ.ย. ประณามการรัฐประหาร คสช. และตั้งองค์กรต้านรัฐประหาร (ที่มา: เพจองค์กรเสรีไทย)

24 มิ.ย. 2557 - เวลาประมาณ 05.50 น. ในเพจ “องค์กรเสรีไทย” มีการเผยแพร่ วิดีโอคลิป อ่านแถลงการณ์ของ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในนามเลขาธิการ “องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิไตย” (The Organization of Free Thais for Human Rights and Democracy – FT-HD) โดยเป็นการได้อ่านแถลงการณ์ “องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย” ทั้งนี้ไม่มีการระบุสถานที่อ่านแถลงการณ์ดังกล่าว
ตอนหนึ่งของแถลงการณ์ซึ่งนายจารุพงศ์ใช้เวลาอ่าน 8 นาทีเศษ ได้ประณามการทำรัฐประหารของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. นำโดย พล.อ.ประยุทธร์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. โดยระบุว่าประเทศไทยได้กลับคืนสู่ “ระบอบเผด็จการสุดขั้ว”
โดยตอนหนึ่งของแถลงการณ์ยังกล่าวว่า “การกระทำของคณะรัฐประหารและเครือข่ายดังกล่าวนี้จึงถือเป็นอาชญากรรมที่ได้สร้างความแปดเปื้อนในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย เราขอประณามการละเมิดสิทธิและเสรีภาพประชาชนไทยและชาวต่างประเทศที่กำลังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง จนประเทศไทยขณะนี้ได้กลายเป็นอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว แม้ในอนาคตอันใกล้คณะทหารจะถ่ายโอนอำนาจไปสู่หุ่นเชิดในรูปแบบใดๆ ก็ตาม แต่กลไกที่ทำลายความก้าวหน้าของประเทศชาติและวงจรอุบาทว์นี้ก็ยังคงกดทับย่ำยีอำนาจอธิปไตยของประชาชนอยู่ต่อไป เราจึงต้องดำเนินการทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งความเลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้เพื่อทวงคืนสิทธิเสรีภาพ และระบอบประชาธิปไตยให้กลับมาเป็นรากฐานของสังคมไทยต่อไป”
/div>
ทั้งนี้มีการระบุวัตถุประสงค์ของการตั้งกลุ่มขึ้นมา 6 ข้อได้แก่ หนึ่ง ต่อต้านระบอบเผด็จการทหารและเครือข่ายอำมาตย์ เพื่อให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน สอง ฟื้นฟูและเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยให้มีความถาวรและเป็นเสาหลักของสังคมไทย สาม เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค เสรีภาพและสันติภาพ สี่ ส่งเสริมระบอบเศรษฐกิจเสรีและเป็นธรรม ห้า ปฏิรูปวัฒนธรรมไทยให้สอดรับกับระบอบประชาธิปไตย และ หก พัฒนาคุณภาพประชาชนไทยสู่ความเป็นสากล
ตอนท้ายของแถลงการณ์ระบุว่า “นับแต่นี้ไป ให้ถือว่า "องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย" ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว เพื่อเป็นศูนย์กลางการต่อสู้ของประชาชนทุกฝ่ายที่ยึดมั่นในอุดมการณ์สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และโค่นล้มระบอบเผด็จการ” โดยรายละเอียดของแถลงการณ์อยู่แนบท้ายข่าว
นอกจากนี้ในเพจ “องค์กรเสรีไทย” ยังมีการเผยแพร่คลิปอ่านแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษของ จักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตแกนนำ นปช.
สำหรับความเคลื่อนไหวของนายจารุพงศ์ก่อนหน้านี้นั้น เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. เว็บไซต์พรรคเพื่อไทย รายงานว่า ชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายจารุพงศ์ ได้ส่งจดหมายยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 แต่พรรคได้รับหนังสือในวันที่ 16 มิ.ย. 2557 พรรคจึงได้ทำหนังสือแจ้ง การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค กรณีหัวหน้าพรรคลาออกจากตำแหน่ง ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2557 โดยเมื่อหัวหน้าพรรคได้ลาออกจากตำแหน่งตามข้อบังคับพรรคได้กำหนดให้มีผู้รักษาการ ซึ่งคณะกรรมการบริหารได้เคยให้ความเห็นชอบไว้ตามข้อบังคับพรรคข้อที่ 50 คือ รองหัวหน้าพรรค เป็นผู้รักษาการแทน ได้แก่ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ และนายปลอดประสพ สุรัสวดี ตามลำดับ
ในวันที่ 21 มิ.ย. เช่นเดียวกัน นายจารุพงศ์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ค CharupongOfficial ว่า “เรียน พี่น้องชาวไทยที่เคารพ ผมลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อไปเรียกร้องประชาธิปไตย และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ “อย่างอิสระเสรี”
ต่อมาในวันที่ 22 มิ.ย. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ผมขอเชิญทุกท่านร่วมติดตามความเคลื่อนไหว และข่าวสารสำคัญของเครือข่ายประชาธิปไตย ได้ที่เพจใหม่ของผม ผมจะไม่สยบยอมต่ออำนาจเผด็จการทหาร และจะยืนหยัดสู้เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย และจนกว่าเผด็จการทหารจะคืนอำนาจที่แท้จริงให้แก่ประชาชนไทยทุกคน”
อนึ่งนายจารุพงศ์ ถูกศาลทหารออกหมายจับเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ภายหลังไม่ยอมมารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 1/2557 ลงวันที่ 22 พ.ค. 2557 และ คำสั่ง คสช. 57/2557 วันที่ 10 มิ.ย. 2557
000
แถลงการณ์องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
พี่น้องชาวไทยที่เคารพรักทุกท่าน
ขณะนี้ประเทศไทยของเราได้คืนสู่ระบอบเผด็จการสุดขั้วอีกครั้ง ระบอบทหารที่เรียกตนเองว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.นำโดย พลเอกประยุทธร์ จันทร์โอชา ได้ใช้กำลังอย่างผิดกฎหมายไทยและกฎหมายสากลเข้ายึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน จากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนอย่างอุกอาจ โดยปฏิบัติไม่ต่างจากโจรที่เข้ามาปล้นทรัยพ์ ต่างแต่ว่าทรัพย์นั้นคืออำนาจอธิปไตยและสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย อันเป็นทรัพย์ที่มีค่าสูงสุดของความเป็นมนุษย์ การกระทำครั้งนี้จึงถือว่าละเมิดหลักนิติรัฐ-นิติธรรม หลักประชาธิปไตย และยังทำลายย่ำยีสิทธิเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นับเป็นอาชญากรรมอันใหญ่หลวงต่อประชาชนชาวไทย
การโฆษณาว่า พวกเขาต้องกระทำการยึดอำนาจโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคำสัญญาว่าจะคืนความเป็นปกติสุขให้กัสังคมไทย แท้จริงแล้วก็คือ การโกหกหลอกลวงขนานใหญ่เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ เห็นผิดเป็นชอบ เห็นปีศาจอสุรกายเป็นเทวดาอารักษ์จนท้ายที่สุดก็หวังให้เห็นว่า ระบอบเผด็จการดีกว่าระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผู้นำเผด็จการของโลกและของไทยพยายามปลูกฝังแต่ประสบความล้มเหลวเรื่อยมา
ประชาชนไทยได้ตาสว่างและยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนตามหลักสากล และยอมรับในวิวัฒนาการทางสังคม จึงต้องประกาศปฏิเสธอำนาจของคณะรัฐประหารตลอดจนผลพวงใดๆ ของการรัฐประหารในครั้งนี้โดยสิ้นเชิง คณะ คสช.ที่ร่วมมือกับเผด็จการซ่อนรูปอื่นๆ ในประเทศไทยขณะนี้ ไม่มีความชอบธรมใดๆ ทั้งในทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่จะนำพาประเทศไปสู่สันติสุขและความปรองดองได้เลย เพราะพวกเขานั่นเองที่ได้ร่วมกันสมคบคิด  วางแผนก่อความวุ่นวายไปทั่วประเทศ และลักลอบสนับสนุนขบวนการโค่นล้มทำลายรัฐบาลที่มาจากประชาชนตั้งแต่ต้น เพื่อให้ประเทศไทยอยู่ในสภาพรัฐล้มเหลว วงจรประชาธิปไตยหยุดชะงัก และใช้ผลพวงที่พวกเขาได้วางแผนกระทำมาตลอด เป็นเงื่อนไขประกาศการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน การกระทำของคณะรัฐประหารและเครือข่ายดังกล่าวนี้จึงถือเป็นอาชญากรรมที่ได้สร้างความแปดเปื้อนในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย เราขอประณามการละเมิดสิทธิและเสรีภาพประชาชนไทยและชาวต่างประเทศที่กำลังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง จนประเทศไทยขณะนี้ได้กลายเป็นอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว แม้ในอนาคตอันใกล้คณะทหารจะถ่ายโอนอำนาจไปสู่หุ่นเชิดในรูปแบบใดๆ ก็ตาม แต่กลไกที่ทำลายความก้าวหน้าของประเทศชาติและวงจรอุบาทว์นี้ก็ยังคงกดทับย่ำยีอำนาจอธิปไตยของประชาชนอยู่ต่อไป เราจึงต้องดำเนินการทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งความเลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้เพื่อทวงคืนสิทธิเสรีภาพ และระบอบประชาธิปไตยให้กลับมาเป็นรากฐานของสังคมไทยต่อไป
เพื่อให้เจตนารมณ์ของประชาชนไทยที่จะล้มล้างอำนาจอันชั่วร้ายให้หมดสิ้น แล้วสถาปนาระบอบการปกครองที่ประชาชนเป็นเจ้าของ เป็นผู้ใช้ และเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างสมบูรณ์ให้เป็นจริงให้จงได้ ดังนั้นเราจึงขอปฏิเสธอำนาจเผด็จการของคณะ คสช.และผลพวงทั้งปวงที่จะตามมา และขอประกาศจัดตั้ง "องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย" "The Organization of Free Thais for Human Rights and Democracy (FT-HD)" ขึ้นในเวลาย่ำรุ่งของวันอังคารที่ 24 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
เพื่อให้องค์กรนี้รองรับแนวความคิดและปฏิบัติการทุกชนิดของผู้ที่มีความมุ่งมั่นในเจตนารมณ์ประชาธิปไตยจากทั่วทุกมุมโลกร่วมกันโดยที่แนวความคิดและการปฏิบัติการนั้นๆ ต้องไม่ขัดต่อหลักประชาธิปไตย หลักสิทธิมนุษยชน หลักกฎหมายสากล และหลักการไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ
"เสรีไทย" เป็นคำที่มีความหมายลึกซึ้งในสำนึกทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนความใฝ่เสรีภาพ การรักศักดิ์ศรีของสามัญชนไทยได้เป็นอย่างดี จึงถือเป็นชื่อมงคล เหมาะแก่การทำหน้าที่ประสานการต่อสู้เพื่อทวงคืนสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของประชาชนไทยจากทุกมุมโลก ดังที่บรรพบุรุษของไทยได้เคยกระทำการมาแล้ว
ข้าพเจ้าและเพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์ทั้งในประเทศและทั่วโลก จึงได้มีมติร่วมกันในการจัดตั้งองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย โดยมีวัตถุประสงค์เบื้องต้นในการก่อตั้ง ดังต่อไปนี้
1. ต่อต้านระบอบเผด็จการทหารและเครือข่ายอำมาตย์ เพื่อให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
2. ฟื้นฟูและเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยให้มีความถาวรและเป็นเสาหลักของสังคมไทย
3. เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค เสรีภาพและสันติภาพ
4. ส่งเสริมระบอบเศรษฐกิจเสรีและเป็นธรรม
5. ปฏิรูปวัฒนธรรมไทยให้สอดรับกับระบอบประชาธิปไตย
6. พัฒนาคุณภาพประชาชนไทยสู่ความเป็นสากล
นับแต่นี้ไป ให้ถือว่า "องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย" ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว เพื่อเป็นศูนย์กลางการต่อสู้ของประชาชนทุกฝ่ายที่ยึดมั่นในอุดมการณ์สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และโค่นล้มระบอบเผด็จการ
ประกาศ ณ ย่ำรุ่ง วันอังคารที่ 24 เดือนมิถุนายน พุทธศักราช 2557
นายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ
เลขาธิการ

ททบ.5 สัมภาษณ์ 'กริชสุดา' ระบุสบายดี-ขออยู่ต่อเองหลังคุมตัวครบ 7 วัน





23 มิ.ย.2557 รายการ "จับประเด็นข่าวร้อน" ของสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ซึ่งออกอากาศเวลา 22.00 น. รายงานว่า จากกรณีผู้อำนวยการองค์การฮิวแมนไรท์วอชท์เอเชียขอให้กองทัพเปิดเผยข้อมูลความเป็นอยู่ของ กริชสุดา คุณะเสน ซึ่งถูกเรียกรายงานตัวและถูกควบคุมตัวไว้ และต่อมามีกระแสข่าวว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายจนเสียชีวิต ผู้สื่อข่าวได้ไปสัมภาษณ์กริชสุดาถึงความเป็นอยู่ อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวไม่ได้ระบุสถานที่ควบคุมตัวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กริชสุดายืนยันว่า ไม่ได้ถูกทารุณกรรมตามข่าวลือ มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงดูแลอำนวยความสะดวกตลอดเวลา ได้รับข้อมูลภายนอกจากสื่อทีวีและอินเทอร์เน็ต และไม่มีการจำกัดสิทธิเสรีภาพแต่อย่างใด พร้อมฝากถึงครอบครัวว่าอยู่สุขสบายดี ไม่ได้มีความเดือดร้อน ไม่อยากให้ครอบครัวต้องเป็นห่วง โดยการถูกควบคุมตัวครั้งนี้ทำให้รู้สึกสงบ มีความคิดอยู่กับตัวเองมากขึ้น รวมถึงอยากให้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเริ่มต้นใหม่ด้วยการพูดคุยกัน และทุกคนต้องมีเหตุผลให้มากขึ้น
โดยในรายงานข่าว มีการนำเสนอคลิปสัมภาษณ์ กริชสุดา ซึ่งระบุว่าเป็นการสัมภาษณ์ในวันนี้ (23 มิ.ย.) ดังนี้
"เล่นแต่อินเทอร์เน็ต"
"ตอนแรกก็คือถูกเชิญตัวให้มาอยู่ในการควบคุมของหน่วยงานทหาร ตั้งแต่วันที่ 27 [พ.ค.] แล้ว หลังจากนั้นพอครบเจ็ดวันก็ทำเรื่องขออยู่ต่อ พอทำเรื่องขออยู่ต่อ หนึ่งก็คือในใจตัวเองก็คือนึกถึงความไม่ปลอดภัย ความเป็นอยู่ก็สุขสบายดี ก็มีเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้หญิงนะคะ พี่เขาก็อำนวยความสะดวกให้ อยากได้อะไรพี่เขาก็ไปซื้อให้ ก็ปกติทุกอย่างอะค่ะ อยู่ในห้องตามปกติ ดูหนัง อยากได้หนังสืออ่าน พี่เขาก็ไปซื้อให้ อยากกินอะไร พี่เขาก็ไปซื้อให้อะค่ะ ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น"
ผู้สื่อข่าว ททบ. 5 ถาม "ไม่ได้มีการทรมานหรืออะไร" กริชสุดาตอบ "ไม่มีค่ะ"
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังนำตัวอภิรัตน์ ศรีปัศเมษ แฟนของ กริชสุดา ซึ่งถูกควบคุมตัวเช่นกัน มาพูดคุยและรับประทานอาหาร โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า อภิรักษ์ระบุว่าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี โดยมีความสะดวกสบายเช่นกัน

ผู้สื่อข่าว ททบ. 5 รายงานด้วยว่าส่วนกรณีมีคลิปวิดีโอในโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยมีบุคคลอ้างตัวเป็นพี่ชายระบุว่า กริชสุดาถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตและกองทัพต้องออกมารับผิดชอบนั้น กริชสุดาชี้แจงว่าคลิปดังกล่าวไม่ใช่พี่ชายของตน และตนยังมีชีวิตอยู่ ขอขอบคุณที่หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วง แต่ก็อยากให้ทุกฝ่ายใช้วิจารญาณในการรับข้อมูล ระบุคลิปดังกล่าวอาจทำให้ญาติสนิทที่ได้รับข้อมูลสับสนได้
"หนูคิดว่าไม่มั่นใจ แล้วก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นพี่ของตัวเอง เพราะตัวของตัวเองก็ไม่เห็นคลิป แต่ว่ามั่นใจแน่นอนว่าไม่ใช่พี่ตัวเองที่เป็นคนอัดคลิปนี้ แต่ว่าใครก็ตามที่อัดคลิปนี้ ก็อยากจะแบบว่า ล้มเลิกในสิ่งที่ตัวเองคิดว่า ตัวเปิ้ลเองจะเป็นอันตราย แล้วก็ คือยังสุขสบายดี มันไม่รู้จะพูดยังไงว่าตัวเองก็ยังอยู่สุขสบาย เนี่ยก็กินข้าวกันกับแฟน ยังอยู่ในความดูแล แล้วก็ดีมาโดยตลอด แล้วก็ปกติ คือมันสุขสบายเกินที่จะพูดอะค่ะ ดีทุกอย่าง" กริชสุดากล่าว
ผู้สื่อข่าว ททบ. 5 รายงานด้วยว่า ทั้งสองฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเป็นอย่างดี ขอให้สังคมไทยกลับสู่ความสงบโดยเร็ว และเมื่อได้รับการปล่อยตัวออกไปก็จะใช้ชีวิตตามปกติต่อไป
สำหรับ กริชสุดา คุณะเสน หรือ "สหายสุดซอย" หรือเปิ้ล  เป็นอดีตนักศึกษาที่เคลื่อนไหวเรื่องประชาธิปไตย หลังจากปี 2553 ซึ่งมีผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงถูกจับกุมคุมขังเป็นจำนวนมาก กริชสุดาเป็นตัวหลักคนหนึ่งในการกระจายความช่วยเหลือแก่นักโทษการเมืองเหล่านั้น