วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

"ม็อบสนามหลวง" ปกป้อง 2 ผู้ต้องหาทำร้ายตำรวจ


"ม็อบสนามหลวง" ปกป้อง 2 ผู้ต้องหาทำร้ายตำรวจ
อ้าง "เป็นแผนการเผด็จการรัฐสภา ที่ต้องการทำลายพลังประชาชน"




          วันที่ 24 กรกฏาคม 2556 (go6TV) นายสมาน ศรีงาม แกนนำสภาประชาชนแห่งชาติ ปลุกระดมคนในวันอาทิตย์นี้ ปกป้อง “ลูกน้องผู้ต้องหา” ที่ทำร้ายเจ้าพนักงาน

           นายสมาน ศรีงาม แกนนำสภาประชาชน ซึ่งตกที่นั่งลำบากจากกรณีที่มีลูกน้องของกลุ่มสภาประชาชน ได้ลงมือทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานตำรวจเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2556 ที่หน้าหอศิลป์ กรุงเทพมหานคร และตำรวจที่โดนทำร้ายร่างกาย ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีพร้อมประกาศให้ผู้ต้องสงสัย 2 คน(ตามภาพ) มามอบตัวแล้วนั้น

      ล่าสุด ในเพจเฟสบุ้คนายสมาน ศรีงาม ได้เขียนข้อความปลุกระดมว่าการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันอาทิต “เป็นแผนการเผ็ดการรัฐสภาที่ต้องการทำลายพลังบริสุทธิ์ของประชาชน” โดยมีข้อความทั้งหมดดังนี้

     “ระวัง...แผนทำลายพลังบริสุทธิ์ของประชาชนในรูปหน้ากากขาว...!!!

      ตำรวจได้ออกหมายเรียกการ์ด 2 ท่านนี้ให้ไปพบรับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.ปทุมวัน ในข้อหาทำร้ายร่างกายตำรวจในวันชุมนุมหน้ากากขาวที่หอศิลป์ กทม. วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา...ซึ่งน่าจะเป็นแผนการของเผด็จการรัฐสภาที่ต้องการทำลายพลังบริสุทธิ์ของประชาชนที่ต่อสู้อย่างสันติอหิงสาโดยสงบปราศจากอาวุธเพื่อยกเลิกระบอบเผด็จการรัฐสภา สร้างประชาธิปไตย ดังมีข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้...


  • 1. ตำรวจได้นำเอารถตู้มาปิดทางขึ้นลานหอศิลป์ กทม.ไว้ทุกๆด้าน เพื่อขัดขวางไม่ให้ประชาชนนำรถเครื่องเสียงขึ้นไปบนลานหอศิลป์ ซึ่งไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา 6 ครั้ง ที่ไม่เคยมีการกระทำเช่นนี้มาก่อนเลย ตำรวจทำเพื่ออะไร ?เพื่อขัดขวางการทำกิจกรรมของประชาชน หรือวางกับดักยั่วยุประชาชนให้เกิดการปะทะกัน ทำให้เห็นว่าเป็นความรุนแรง และกล่าวหาประชาชนว่าทำร้ายตำรวจ

  • 2. ประชาชนไปขอร้องให้ตำรวจขับรถออกไปเพื่อเปิดทางให้ประชาชนนำรถเครื่องเสียงขึ้นไปบนลานหอศิลป์ฯ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือใดๆทั้งสิ้น ประชาชนจึงช่วยกันยกรถด้วยมือเปล่าเพื่อย้ายออกจากทางขึ้นหอศิลป์ แต่ยกไม่ไหว...ประชาชนจึงนำเอากระสอบทรายมาวางที่ริมฟุตบาทเพื่อให้รถเครื่องเสียงขึ้นไปบนลานฯ...แต่ปรากฏว่าทางตำรวจก็เดินแถวเข้ามาขวางไม่ให้รถเครื่องเสียงขึ้นไปบนลานฯ...ตำรวจเข้ามาขวางทำไม่ ? ต้องการไม่ให้รถเครื่องเสียงขึ้นบนลานฯ หรือเป็นแผนการที่ต้องการให้มีการปะทะกัน เมื่อมีการเจรจาและผลักดันกันไปมาเกิดการกระทบกระทั่งกันนิดหน่อยตามธรรมดา แล้วตำรวจก็กล่าวหาว่าประชาชนกระทำความรุนแรงทำร้ายตำรวจ ซึ่งต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาในอดีตที่กระทบกระทั่งกันแรงกว่านี้ก็ไม่เห็นว่าอะไรกัน ไม่เห็นไปแจ้งความ ทั้งฝ่ายตำรวจและประชาชน นี่ทำไมจึงแจ้งความ...?

  • 3. ฝ่ายประชาชนก็ช่วยกันห้ามปรามการกระทบกระทั่งกันไม่ให้มีการปะทะกันรุนแรงใช้สันติวิธีอหิงสา และก็ห้ามปรามสำเร็จ มีการพูดคุยกันทั้ง 2 ฝ่ายเรียบร้อยดี...โดยทางคณะธรรมยาตราฯ ก็ช่วยกันห้ามปรามและเจรจาอย่างเต็มที่จนสถานการณ์เรียบร้อยดี โดยได้เข้าไปเจรจากับทั้งตำรวจชั้นผู้น้อยและผู้บังคับบัญชาต่อหน้าประชาชนและสื่อมวลชน แล้วก็จบกันลงด้วยดีด้วยความเข้าใจอันดีต่อกัน แต่ทำไมจึงมีการแจ้งความกล่าวหาประชาชนว่าเป็นฝ่ายทำร้ายตำรวจอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย...นอกจากเหตุผลทางการเมืองที่..."ต้องการจะทำลายพลังบริสุทธิ์ของประชาชนที่ต่อสู้เอาชนะเผด็จการรัฐสภา สร้างประชาธิปไตย"...???


           หมายเหตุ...มีการยืนยันว่า..."ตำรวจใช้โล่ห์กระแทกเท้าของการ์ดอย่างรุนแรงหลายครั้งจึงเกิดปากเสียงและการกระทบกระทั่งกันขึ้น"

          คณะธรรมยาตราฯ และสมาชิกของสภาประชาชนแห่งชาติ และประชาชนหน้ากากขาว และกลุ่มต่างๆ ก็เห็นความจริงของสถานการณ์ และบันทึกคลิปวีดีโอไว้ รวมทั้งกล้องของทีวีช่องต่างๆ เป็นหลักฐานประจักษพยานได้อย่างดีว่าประชาชนไม่ได้ไปหาเรื่องตำรวจแต่อย่างใดทั้งสิ้น และประชาชนไม่ได้เป็นผู้กระทำความรุนแรง แต่ประชาชนถูกกระทำต่างหาก

        ดังนั้น ประชาชนจะต้องออกมาร่วมกันแสดงพลังอันบริสุทธิ์ของประชาชนที่ยิ่งใหญ่เพื่อรุกกลับต่อสู้เอาชนะต่อระบอบเผด็จการรัฐสภา สร้างประชาธิปไตยอย่างสันติวิธีตามวิถีแห่งพุทธอหิสาธรรม...ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ในวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคมนี้ ณ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และหอศิลป์ อันเป็นการแสดงประชามติแบบประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะพลังประชาชนเป็นพลังที่บริสุทธิ์และยิ่งใหญ่ที่สุดไม่มีใครทำลายได้อย่างสิ้นเชิง...!!!

"ญาติวีรชน" ยื่นหนังสือสนับสนุน พ.ร.บ.ร่าง "วรชัย เหมะ"


"ญาติวีรชน" ยื่นหนังสือสนับสนุน พ.ร.บ.ร่าง "วรชัย เหมะ"

       วันที่ 24 กรกฏาคม 2556 (go6TV) กลุ่มญาติวีรชนเมษา-พฤษภาคม 53 เข้ายื่นหนังสือแสดงจุดยืนสนับสนุนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย เหมะ และทุกร่าง ที่เสนอโดย สส.พรรคเพื่อไทย และรัฐบาลทุกฉบับ

        เมื่อเวลา 11.00 น. กลุ่มญาติวีรชนปี 53 เข้ายื่นหนังสือต่อ ประธานสภาผู้แทนราษฏร ผ่าน ส.ส.นายแพทย์เหวง โตจิราการ โดยมีใจความว่า

       "เนื่องจาก แม่น้องเกด (นางพะเยาว์ อักฮาด) กับพวก ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่าจะยื่น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับประชาชน และอ้างว่าเป็นความเห็นร่วมกันของญาติวีรชนนั้น กลุ่มข้าพเจ้าทั้งหมดขอยืนยันสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนายวรชัย เหมะ และของพรรคเพื่อไทย"


ขณะที่  พะเยาว์ อัคฮาด ยังเดินหน้าต่อ


          ญาติฯ เม.ย.-พ.ค.53 ร้องนายกเร่งคดี ย้าย ‘ธาริต’ ไม่หนุน พรบ.นิรโทษกรรมฉบับวรชัย

Thu, 2013-06-13 00:01

          กลุ่มญาติผู้เสียชีวิตฯ เม.ย. – พ.ค. 53 ร้องนายก ย้าย ‘ธาริต’ จากดีเอสไอ เหตุเป็นผู้มีส่วนได้-เสีย เร่งคดีที่ผ่านการไต่สวนสู่การพิจารณาของศาลอาญา ตั้งคณะกรรมการเร่งรัดคดี วอน รบ.ไม่สนุน ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ที่ไม่เอาผิดผู้สั่งการและผู้ปฏิบัติการในการสังหารหมู่ประชาชน


กลุ่มญาติฯ ขณะรอเข้ายื่นหนังสือ / ภาพโดย นิธิวัต วรรณศิริ

         11 มิ.ย.56 เวลา 09.15 น. ที่ประตูฝั่งถนนราชดำเนิน ทำเนียบรัฐบาล นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา นางสาวกมลเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม 19 พฤษภาคม 2553 และนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ พ่อของน้อง “เฌอ” (สมาพันธ์ ศรีเทพ) พร้อมด้วยกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมือง เม.ย. – พ.ค. 53 เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้โยกย้ายนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ออกไปจากการทำหน้าที่ในดีเอสไอ เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่งตั้งคณะกรรมการเร่งรัดคดีโดยมีข้าราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ ดีเอสไอ อัยการ แพทย์ ฯลฯ เร่งรัดคดีที่ผ่านการไต่สวนขึ้นสู่การพิจารณาคดีของศาลอาญา และรัฐบาลต้องไม่สนับสนุน ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ที่มีเนื้อหาไม่เอาผิดผู้สั่งการและผู้ปฏิบัติการในการสังหารหมู่ประชาชน

         โดยมีนายสุพร อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เป็นผู้รับหนังสือ โดย มติชนออนไลน์รายงานด้วยว่า นายสุพร รับปากว่าจะนำข้อเรียกร้องดังกล่าวเสนอต่อนายกรัฐมนตรีให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ตนไม่อยากให้มีการออกมาชุมนุมปิดล้อมบริเวณทำเนียบรัฐบาล แต่หากนางพะเยาว์ต้องการมายื่นหนังสือขอให้ติดต่อมายังตนที่ห้องทำงานหรือห้องรับเรื่องร้องทุกข์ได้ตลอดเวลา

         ขณะที่นายพันธ์ศักดิ์ศรีเทพ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมษายน - พฤษภาคม 2553 มีแนวคิดว่าจะทำ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับประชาชน ที่จะล้างผิดให้กับประชาชนผู้ชุมนุมทุกกลุ่มทุกสี แต่จะไม่รวมผู้ปฏิบัติและสั่งการฆ่าประชาชน โดยร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ในเรื่องของเทคนิคด้านกฎหมายจะขอให้อาจารย์จากคณะนิติราษฎร์ เป็นที่ปรึกษา และจะประสานให้ ส.ส.เสื้อแดงของพรรคเพื่อไทย นำไปให้ ส.ส.ในพรรคลงชื่อให้การสนับสนุน นำส่งต่อรัฐสภาให้ทันก่อนเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญ ในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อให้สามารถพิจารณาร่วมกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับอื่น ๆ ได้ ส่วนพรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องของพรรค แต่เชื่อว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการแปรญัตติแล้วเนื้อหาก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ดี

        นางพะเยาว์ อัคฮาด กล่าวด้วยว่า ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ฉบับของ นายวรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย นั้น ในตอนแรกไม่ได้ดูร่างทั้งหมด แต่เมื่อได้มีการเปิดดูทั้งหมดแล้ว ถึงได้ทราบว่า ร่าง พรบ.ดังกล่าวมันมีการนิรโทษกรรมให้กับทหารด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการสอดไส้ ปกปิดประชาชน

หนังสือที่กลุ่มญาติฯ ยื่นต่อนายกฯ :

กลุ่มญาติวีรชน เมษายน - พฤษภาคม 2553

                                                            วันที่ 11 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556
เรื่อง      ขอให้เร่งรัดคดีสังหารหมู่ประชาชน ในการสลายการชุมนุม เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553
เรียน     ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
            ข้าพเจ้านางพะเยาว์ อัคฮาด ในฐานะตัวแทนกลุ่มญาติวีรชน เมษายน - พฤษภาคม 2553 ขอเรียนให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้ทราบว่ากลุ่มญาติวีรชนเมษายน - พฤษภาคม 2553 ได้มีการประชุมปรึกษาหารือถึงการดำเนินคดีสังหารหมู่ประชาชน ในการสลายการชุมนุม เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 พบว่าเป็นไปอย่างล่าช้า ทำให้หลักฐานทั้งวัตถุพยาน และ/หรือ พยานบุคคลได้สูญหายและไม่สามารถติดตามมาร่วมเป็นพยานในคดีจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มญาติฯเกรงว่าหากปล่อยให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างล่าช้าตามกระบวนการของทางราชการที่ไร้ประสิทธิภาพแล้วอาจจะทำให้คดีเหล่านี้ในหลายสำนวนมีปัญหาได้ในอนาคต
            กอปรกับผู้รับผิดชอบหลักคือนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในคดีดังกล่าวด้วย เนื่องจากดำรงตำแหน่งกรรมการในศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ความตามรายละเอียดซึ่งฯพณฯทราบดีอยู่แล้ว
            นอกจากนั้น การที่คดีเหล่านี้ไม่มีการเร่งรัดใดๆ จากรัฐบาล ก็อาจทำให้ รัฐบาลของ ฯพณฯ ถูกกล่าวหาจากนานาอารยะประเทศว่าไม่มีความจริงใจในการสะสางปัญหาที่เชื่อได้ว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในหลายสถาน มีประชาชนจำนวนมากกว่า 100 คนต้องเสียชีวิต บาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน รวมถึงผู้ต้องขังเพราะเหตุทางการเมืองนี้กว่า 200 คน ทั้งที่พ้นโทษเพราะถูกจำขังมาจนครบกำหนด รวมถึงผู้ที่ยังต้องขังตามคดีอยู่
          และที่สำคัญในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้มีการเสนอร่าง พรบ.นิรโทษกรรมจำนวนหลายฉบับ แต่ต่างมีเนื้อความคล้ายกันแทบทั้งสิ้น นั่นคือ การนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำผิดและผู้มีอำนาจสั่งการในการประกอบอาชญากรรมร้ายแรงในคดีสังหารหมู่ประชาชน ในการสลายการชุมนุม เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 ทางกลุ่มญาติฯจึงมีข้อเรียกร้องเพื่อให้ ฯพณฯ พิจารณาดำเนินการอย่างเร่งด่วน ดังต่อไปนี้
  • ออกคำสั่งโยกย้ายนายธาริต เพ็งดิษฐ์ จากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ไปดำรงตำแหน่งอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมในการพิจารณาคดีคดีสังหารหมู่ประชาชน ในการสลายการชุมนุม เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในคดีดังกล่าว ตามที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้
  • เร่งรัดคดีด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการที่มีการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ อัยการ แพทย์ ฯลฯ ที่จะทำหน้าที่เร่งรัด สืบสวน สอบสวน และนำคดีขึ้นไต่สวนการตาย รวมถึงเป็นโจทย์ร่วมกับผู้เสียหายในการฟ้องร้องเอาผิดผู้กระทำผิดและผู้มีอำนาจสั่งการในการประกอบอาชญากรรมร้ายแรงในคดีสังหารหมู่ประชาชน ในการสลายการชุมนุม เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 เพื่อให้การเร่งรัดคดีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลของ ฯพณฯ มิได้นิ่งนอนใจต่อการดำเนินคดีอาชญากรรมร้ายแรงดังกล่าว
  • เนื่องจากคดีจำนวนหนึ่งผ่านการไต่สวนและพิสูจน์การตายจากศาลอาญาแล้ว แม้จะไม่ระบุผู้กระทำความผิดแต่พบแนวโน้มว่าน่าจะมาจากปฏิบัติการทางทหาร จึงขอให้มีการเร่งรัดคดีที่ผ่านการไต่สวนแล้วให้มีผลในทางปฏิบัติด้วยการนำคดีขึ้นสู่การพิจารณาคดีของศาลโดยเร็วยิ่งขึ้น
  • ขอให้ ฯพณฯ และรัฐบาล ฯพณฯ ยืนยันต่อสาธารณะและนานาอารยะประเทศว่าจะไม่ให้การสนับสนุนใดๆ ต่อร่าง พรบ.ปรองดอง และ/หรือ ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ที่มีเนื้อหานิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำผิดและผู้มีอำนาจสั่งการในการประกอบอาชญากรรมร้ายแรงในคดีสังหารหมู่ประชาชน ในการสลายการชุมนุม เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 โดยเด็ดขาด
          ข้าพเจ้าในฐานะตัวแทนกลุ่มญาติฯ และกลุ่มญาติฯ ต่างหวังว่า ฯพณฯ จะเร่งรัดให้มีการดำเนินการตามข้อเรียกร้องนี้ เพื่อทำให้ปาฐกถาของ ฯพณฯ ที่กล่าวถึงความสำคัญของการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยได้เกิดการปฏิบัติตามสิ่งที่ ฯพณฯ เคยได้กล่าวไว้ในที่ต่างๆ เป็นจริง มากกว่าที่จะเป็นคำกล่าวลอยๆ ที่มิได้มีการปฏิบัติใดๆอย่างเป็นรูปธรรม

จึงเรียนมาเพื่อพิจารณา
ด้วยความเคารพอย่างสูง

นางพะเยาว์ อัคฮาด
ตัวแทนกลุ่มญาติวีรชน เมษายน - พฤษภาคม 255

แมลงสาบ ยังคงกะล่อนรายวัน

       ปชป.หนุน ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับ 'แม่พยาบาลเกด' ระบุ คดีม.112 ล้างผิดไม่ได้

         โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับฉบับ 'แม่พยาบาลเกด' สอดคล้องกับพรรคฯ ลหุโทษ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาได้รับการนิรโทษกรรม แต่กรณีผู้สั่งการ, มุ่งหมายต่อชีวิต การวางเพลิง, ประทุษร้ายต่อชีวิต รวมทั้งคดี ม.112 จะไม่ได้รับการนิรโทษกรรม

        17 ก.ค.56 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการที่มีกลุ่มภาคประชาชน นำโดยนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของน.ส.กมลเกด อัคฮาด ที่เสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับประชาชน เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ว่า พรรคประชาธิปัตย์เริ่มเห็นคำตอบให้กับประเทศ เพราะร่างดังกล่าวมีความสอดคล้องกับแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์ 
         เนื่องจากไม่นิรโทษกรรมให้กับผู้สั่งการ คนทำผิดกฎหมายอาญา มีการแบ่งแยกผู้กระทำผิดอย่างชัดเจนคือ เป็นเรื่องลหุโทษ การประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา จะได้รับการนิรโทษกรรม แต่คนที่มีพฤติกรรมหรือมีเหตุอันเชื่อว่า มุ่งหมายต่อชีวิต การวางเพลิงเผาทำลายทรัพย์สิน ประทุษร้ายต่อชีวิตประชาชน และทหาร จะไม่ได้รับการนิรโทษกรรม 
        ดังนั้นถ้ารัฐบาลยอมถอยถอนร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ทั้งหมดที่อยู่ในสภา ทั้งร่างของนายวรชัย เหมมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ร่างของวิปรัฐบาล และอีก 4ร่างที่ยังค้างอยู่ และเดินหน้าร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ภาคประชาชน 
        “ผมเชื่อว่าจะมีทางออก โดยอาจมีประเด็นปลีกย่อยบางประการที่ต้องระบุให้ชัด เช่น ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่ควรจะได้รับการนิรโทษกรรม กรณีผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง ซึ่งจะต้องมานั่งคุยกัน วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ จะยืนอยู่ข้างประชาชนที่เสนอร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยหลังจากที่เราตกลงระบุรายละเอียดให้ชัดแล้วขอให้กลุ่มประชาชน เดินไปบอกรัฐบาลให้ถอนร่างทั้งหมดในสภาออก แล้วเรามาร่วมกันพิจารณาร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อพาประเทศไทย เดินหน้าไปสู่ความปรองดอง ความสงบ และสันติ จึงถือว่าเป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นข้อเสนอให้กับรัฐบาลแล้ว หวังว่าจะมีคำตอบให้กับเรื่องนี้โดยเร็ว”นายชวนนท์ กล่าว
                      แต่ต่อมาสื่้อลงข่าวอีกอย่าง หน้ามือเป็นหลังตีนเลย


ลองอ่านเปรียบเทียบดูก่อน จะได้รู้ว่าร่างไหนเป็นไง อย่างไรครับ





หนังสือหนุนร่างฯ ฉบับวรชัย ของกลุ่มญาติฯ อีกกลุ่ม ภาพโดย   go6TV 




อ่านร่าง พ.ร.บ.

บ.นิรโทษกรรม โดยญาติวีรชน.pdf

บ.นิรโทษกรรม โดยวรชัย เหมะ.pdf

เอาภาพเก่ามาเล่าใหม่













ชายฉกรรจ์ลึกลับที่คุ้มกันโพธิรักษ์ระหว่างโดนแก๊สน้ำตา

ชายฉกรรจ์ลึกลับที่คุ้มกันโพธิรักษ์ระหว่างโดนแก๊สน้ำตา


[Image: 546929_467132623325607_658773018_n.jpg]


      ตำรวจเร่งตรวจสอบชายฉกรรจ์ลึกลับที่คุ้มกันโพธิรักษ์ระหว่างโดนแก๊สน้ำตาบริเวณสี่แย​กมิสกวัน ช่วงบ่ายวันที่ 24 พ.ย. 2555 มีลักษณะคล้ายกับชายถืออาวุธ M16 เข้าปะปนสร้างสถานการณ์ในกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงบริเวณราชประสงค์ แล้ววิ่งกลับมาเข้าแนวทหารที่เข้าสลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553



        วันที่ 26 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อจากสันติอโศก ได้รายงานว่า ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา สมณะโพธิรักษ์ ซึ่งเป็นแกนนำหลักของกลุ่มสันติอโศก กองทัพธรรม ต่างตื่นตกใจ
 
        เมื่อสมณะโพธิรักษ์ ได้รับบาดเจ็บการแก๊สน้ำตาเข้าอย่างจังดวงตาแดงกล่ำทั้ง 2 ข้าง
โดยมีกลิ่นแก๊สน้ำตาติดตัวคลุ้งไปด้วยกลิ่นแก๊สน้ำตาติดตามร่างกาย ของสมณะโพธิรักษ์
ทำให้ ผู้ที่เข้าไปปฐมพยาบาลต่างแสบตา น้ำตาไหลกันเป็นแถวๆ

        โดยล่าสุด สมณะโพธิรักษ์ ยังรักษาอาการเจ็บป่วยอยู่ในที่พัก โดยมีการดูแลความปลอดภัยขั้นสูงสุด และเรียกแพทย์เข้ารักษาอาการเจ็บป่วยโดยปิดเป็นความลับขั้นสูงสุด
โดยมีคำสั่งเด็ดขาด ห้ามไม่ให้เปิดเผยอาการป่วยใดๆทั้งสิ้น

        บุคคลไกล้ชิดระดับสูงแหล่งข่าวได้บอกว่า อาการยังน่าเป็นห่วง  เพราะตอนโดนแก๊สน้ำตานั้น กระป๋องแก๊สน้ำตาตกลงกลางวงอย่างจัง และท่านไม่ยอมใส่อุปกรณ์ป้องกัน
ด้วยเชื่อว่าตนเป็น “ผู้หลุดพ้น” มีอิทธิฤทธิ์ป้องกันอันตรายใดๆได้นานับประการ

        แหล่งข่าวยังกล่าวต่อว่า  ภายหลังพาตัวสมณะโพธิรักษ์กลับมายังสำนักทันทีหลังเลิกชุมนุม  ผู้ไกล้ชิดได้พูดคุยถึงแนวทางการต่อสู้ว่า จะไม่ถอยเด็ดขาด เป็นความแค้นฝังลึกที่ไม่อาจลืมได้แล้วจะรอโอกาสกลับมาแก้แค้นอีกครั้ง เมื่อมีจังหวะเหมาะสม

http://www.go6tv.com/2012/11/blog-post_26.html