วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

รวมความเลวร้ายของนายกทักษิณ


รวมความเลวร้ายของนายกทักษิณ 
  • ทั้ง สปก.4-01
  • ทั้ง ปรส. 8 แสนล้าน
  • ทั้งประกันราคาข้าว
  • ทั้งค่าโง่ไข่ไข่ชั่งกิโล
  • ทั้งปลากระป๋องเน่า
  • ทั้งงบ "ไทยเข้มแข็ง"
  • ทั้งจัดซื้อหัวรถจักร
  • ทั้งงบ "มิยาซาว่า"
  • ทั้งโครงการถนนปลอดฝุ่น
  • ทั้งโครงการนมโรงเรียน
  • ทั้งงบจัดซื้อเสาธงต้นละ 5 แสน
  • ทั้งการจัดซื้อรถประจำตำแหน่งกันกระสุน
  • ทั้งโรงพักที่สร้างไม่เสร็จ
  • ทั้ง GT200 และ Alpha 6
  • ทั้งโครงการ "ชุมชนพอเพียง"
  • ทั้งเรื่องงบระบายข้าวโพดกว่า 3 พันล้าน
  • ทั้งงบเรือเหาะและกล้องวงจรปิด 620 ล้าน
  • ทั้งงบจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์กระทรวงสาธารณสุข
  • ทั้ง "เช็คช่วยชาติ" ที่ออกเช็คผ่านธนาคารซึ่งเป็นลูกพรรคของแม้ว
  • โกงจนชาติย่อยยับ
  • แถมทักษิณยังทำลายระบอบประชาธิปไตย
  • ด้วยการบังอาจขอพระราชาานนายกฯมาตรา 7
  • และ ยังสร้างตำนานบอยคอตการเลือกตั้งที่เป็นหัวใจของประชาธิปไตยอีกต่างหาก


    เสื้อแดงตาสว่างได้แล้วครับ  เราเกิดมาครั้งหนึ่ง
    ถ้าคิดว่าคุณคือคนไทย อาศัยในแผ่นดินพ่อ
    และคุณอยาก "ทำดีเพ่ื่อพ่อ" แล้วละก็ ออกมาร่วมกับท่านสุเทพเยอะๆครับ


    เราจะได้ล้มระบอบทักษิณด้วยกันครับ
    ผมสนับสนุนท่านสุเทพ เทือกสุบรรณ
    ที่จะแช่แข็งประเทศและนำไทยไปสู่ "สมบูรณาญาสิทธิราช"
    โดยมีประธานาธิบดีชื่อ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" และมีนายกรัฐมนตรีชื่อ "สุริยะใส กตะศิลา" ครับ


    ปล.ผมรักในหลวงครับ

แกนนำม็อบจะมาบังคับให้ผมออกไปจากที่ทำงานไม่ได้ ผมเลือกมาเป็นข้าราชการของประชาชน


สุดยอดข้าราชการมหาดไทย ทำงานจนวินาทีสุดท้าย ม็อบกบฏไล่ก็ไม่ยอมไป "แกนนำม็อบจะมาบังคับให้ผมออกไปจากที่ทำงานไม่ได้ ผมเลือกมาเป็นข้าราชการของประชาชน"



             วันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 (go6TV) ผู้ที่ใช้ไอดี Wachira Chotirosseranee ซึ่งเป็นข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ได้เขียนข้อความและเผยแพร่ภาพลงเฟสบุ้คส่วนตัว ในวินาทีที่ม็อบกักขังปิดล้อมกระทรวงมหาดไทยไว้ตั้งแต่บ่ายจนถึงค่ำดึกดื่น ข้าราชการท่านนี้ได้แสดงถึงหัวใจอันเด็ดเดี่ยวในการต่อต้านม็อบกบฏประชาธิปัตย์โดยเขียนข้อความว่า แกนนำม็อบจะมาไล่ปิดกระทรวงได้ แต่ไม่สามารถห้ามผมไม่ให้ทำงานรับใช้ประชาชนไม่ได้ เพราะผมเป็นข้าราชการที่รับใช้ประชาชน

         “ที่ผมยังอยู่ในกระทรวงจนถึงเวลานี้ก็เพราะว่า ถ้าผมไม่ยอมล่ะก็ ใครก็จะมาบีบบังคับผมให้ทำอะไรไม่ได้ และผมอยากทำงานของผมต่อ เพราะพึ่งได้รับโอกาสให้จะจัดกระบวนการเพื่อออกสูติบัตรให้แก่ลูกของผู้หนีภัยการสู้รบที่แจ้งเกิดเกินกำหนด ดังนั้น แกนนำม็อบจะมาบังคับให้ผมออกไปจากที่ทำงานไม่ได้หรอกครับ...แต่บัดนี้ ผมจัดการคัดลอกไฟล์ และเอกสารทั้งหลายเสร็จสิ้นแล้ว...ท่านต้องการปิดล้อมตึกกะทรวงมหาดไทยไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ผมสามารถไปทำงานต่อที่ไหนก็ได้...ขอบอกว่า ท่านปิดล้อมได้ แต่ท่านบังคับให้ผมหยุดทำงานไม่ได้...และก่อนจะไป ผมขอเรียนท่านด้วยความจริงใจว่า ผมเลือกมาเป็นข้าราชการของประชาชน ผมยินดีทำงาน หรือหยุดทำงานตามที่ท่านสั่ง ขอเพียงแค่ท่านได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนแล้วมาเป็นผู้บังคับบัญชาของผมเท่านั้นเองครับ”

จับคาสนาม! จ้างเด็กหลังรามฯเป็นไส้ศึกป่วนเสื้อแดงสนามราชมังคลาฯ สารภาพรับค่าจ้างหัวละ 2 พัน


จับคาสนาม! จ้างเด็กหลังรามฯเป็นไส้ศึกป่วนเสื้อแดงสนามราชมังคลาฯ สารภาพรับค่าจ้างหัวละ 2 พัน

จับตัวได้ ทำท่าทางจะเป็นลม


เด็กรับสารภาพ ได้รับค่าจ้างจากหญิงกลางคนแค่ 300 บาท


คนคุมเด็ก


เด็กสารภาพ มาจากหลังรามฯ ได้ค่าจ้างแค่ 300 แต่คนรับงานบอกได้มา 2000 บาทต่อวัน


ต้องปิดตาทั้งหมดเพราะยังเด็ก


          หญิงวัยกลางคนสารภาพสิ้นใส้ รับงานจากพรรคฝ่ายตรงข้ามเข้ามาป่วนเวทีเสื้อแดง


           ด่วน! จับแก๊งไส้ศึกป่วนสนามราชมังคลากีฬาสถาน คนคุมยอมรับพรรคประชาธิปัตย์จ้างมาหัวละ 2 พัน คนจ้างนกรู้เผ่นแนบ
            เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 (go6TV) ทีมงานการ์ดเสื้อแดงได้จับตัวหญิงวัยกลางคน มีลักษณะคล้ายหัวหน้าทีม และลูกน้องซึ่งเป็นเด็ก-เยาวชน อายุต่ำกว่า 18 ทั้งหมดได้ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยเจ้าหน้าที่ได้แอบสะกดรอยติดตามพฤติกรรมอยู่หลายวัน ซึ่งมีพฤติกรรมผิดปกติหลายอย่างจนเจ้าหน้าที่มั่นใจว่าผิดปกติ จึงได้ขอเชิญตัวไปหลังเวทีเพื่อสอบถาม ปรากฏว่าหญิงวัยกลางคนยอมรับสารภาพว่า ได้รับค่าจ้างให้หาเด็กวัยรุ่นเข้ามาป่วนการชุมนุม คอยแอบถ่ายภาพ และส่งภาพออกไปให้คนว่าจ้าง ซึ่งเป็นคนอยู่หลังราม โดยได้รับค่าจ้างให้จัดหาเด็กมาป่วนคนละ 2000 บาท (แต่เด็กบอกว่า ได้รับแค่ 300 บาท) โดยมีเด็กร่วมขบวนการทั้งหมด 7 คน และคนว่าจ้างซึ่งจะเดินไปมาคอยดูแล ได้หลบหนีไป ตั้งแต่ที่การ์ดเสื้อแดงบุกเข้ารวบตัว จากนั้น การ์ดเสื้อแดงได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้รับตัวหญิงวัยกลางคนดังกล่าว พร้อมเด็กทั้งหมดไปสถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวัน และปล่อยตัวไป

หนุ่มใต้คลั่งแทงตัวเอง! โดนพามา "ม็อบเทือก" เครียดไม่มีเงินกลับบ้านอาละวาดกลางห้างดัง


หนุ่มใต้คลั่งแทงตัวเอง! โดนพามา "ม็อบเทือก" เครียดไม่มีเงินกลับบ้านอาละวาดกลางห้างดัง


           เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 27 พ.ย. ร.ต.ท.มนตรี คำขาว พงส.สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุชายพยายามใช้อาวุธมีดทำร้ายตนเอง บริเวณลานหน้าห้างมาบุญครอง (ฝั่งโตคิว) ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน พ.ต.ท.สัญชัย มาตรคำจันทร์ สว.สส. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุบริเวณลานห้างดังกล่าวพบนายพิเชษฐ์ ภักดีชน อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 4 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช ยืนไม่สวมเสื้อ นุ่งเพียงกางเกงยีน กำลังใช้มีดทำครัวยาวประมาณ 1 ฟุต ทำร้ายตนเองอยู่ โดยพบบาดแผลเล็กน้อยที่หน้าท้อง 2 แผล โดยพ.ต.ท.พนม ใช้ภาษาใต้ในการเกลี้ยกล่อม ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. จากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนที่ยืนซุ่มอยู่อาศัยจังหวะนายพิเชษฐ์เผลอเข้าชาร์จ ก่อนรีบนำตัวไปรักษาบาดแผล และคุมตัวมาสอบสวนที่สน.ปทุมวัน

           จากการสอบสวน นายพิเชษฐ์ ให้การว่า ก่อนหน้านี้เคยศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงแต่ไม่จบ ต้องกลับบ้านไปกรีดยาง ไม่นานมานี้เพื่อนๆที่อาศัยอยู่แถวบ้านได้ชักชวนขึ้นมากรุงเทพฯ เพื่อชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่ตนถูกให้ดูคลิปวิดีโอและรับฟังการปราศรัยจนเครียด จึงตัดสินใจขึ้นรถเมล์เพื่อหาทางหนีแต่ตนไม่รู้เส้นทางในกรุงเทพฯมากนัก อีกทั้งรู้สึกว่ามีการ์ดติดตามตนเองตลอดเวลา จนเกิดความหวาดกลัว รวมทั้งเครียดว่าไม่มีเงินเพียงพอที่จะกลับบ้านได้ จึงลงจากรถเมล์บริเวณห้างดังกล่าว แต่ก็ยังรู้สึกเครียดและหวาดกลัวว่ามีคนตามอยู่จึงตัดสินใจทำร้ายตัวเองเพื่อหนีปัญหา จนมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัว

         เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาพกพาอาวุธมีด มาในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณโดยเปิดเผย และไม่มีเหตุอันควร และทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือตกใจกลัวโดยการข่มขู่จะทำร้ายตัวเอง ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ก่อนจะเสียค่าปรับ 200 บาท และให้กลับบ้านได้.

มองบ้านเมืองวันนี้ อย่างเข้าใจ


มองบ้านเมืองวันนี้ อย่างเข้าใจ



มองบ้านเมืองวันนี้ อย่างเข้าใจ

           ผมจงใจรอให้ “ฝุ่นควันมายาทางข่าวสาร” ที่ฟุ้งมาตลอดทั้งวัน มันหยุดลงก่อน เพราะเมื่อเรามองผ่านม่านหมอกควัน เราจะงง และอาจจะมองผิดพลาดได้

มองตลอดวันนี้ และย้อนไปสามวัน เราจะเห็นกลุ่มม็อบประชาธิปัตย์ เที่ยวยึดโน่นนี่นั้น เฉพาะในกระทรวงในกรุงเทพ ก็ดูยึดไปเป็นสิบ ศาลากลางจังหวัดก็ดูยึดไปร่วมสามสิบแห่ง น่ากลัวจัง ทำไงดี

แต่หากรอฝุ่นความจางแล้วเราจะเห็นข้อเท็จจริงว่า

            ๑. ในกรุงเทพนั้น มีคนเข้าร่วมม็อบเวลากลางวัน และทำหน้าที่ไป “เที่ยวยึด” จริงๆแค่ประมาณไม่เกิน 5 พันคน และไม่ใช่ “ยึดแล้วปักหลัก” แต่เป็น “ยึดที่แรก แล้วก็ทิ้งไปยึดที่สอง แล้วไปยึดที่สาม” เอาเข้าจริงๆ สิบกว่ากระทรวงที่อ้างว่ายึดนั้น “แค่ไปยืนยึด และก็ถอยออกมา” หากจะใช้คำว่า “ยึด” ควรจะต้อง “เข้าครอบครองได้เบ็ดเสร็จจนไม่สามารถมาทำงานได้” แต่นี่ยึดไปวันเดียว วันรุ่งขึ้นข้าราชการก็กลับเข้าไปทำงานได้ เพราะอะไรหรือครับ เพราะหากเขาจะยึดจริงๆ ต้องใช้คนสักแสนสองแสนคน ถึงจะยึดทุกกระทรวงและปักหลักอยู่ได้เลย แต่เขาไม่มีจริงๆ มีมากสุด ห้าพัน จึงได้เพียงแค่สร้างภาพว่า “ยึด” ให้เป็นข่าวแล้วก็ถอยออกมา

            ๒. ในต่างจังหวัด เขาไม่ได้ “ยึด” เพราะหากยึดจริงๆ ต้องเข้าครอบครองตัวอาคารศาลากลาง แต่นี่เค้าไปอยู่ปักหลักตามสนามหญ้า และก็เรียกให้ข้าราชการออกไปทั้งหมด และที่สำคัญ เขาทำได้เฉพาะจังหวัดทางภาคใต้เท่านั้น เพราะเป็นฐานเสียงเขา ไม่มีจังหวัดอื่นใดในภาคอื่นเล่นด้วย ดังนั้น สรุปจังหวัดที่ “ยึดศาลากลาง” ได้จริงๆคือที่สุราษฏร์ธานีจังหวัดเดียว

           ดังนั้นสรุปนะครับว่า ในกรุงเทพที่บอกไปยึดโน่นนี่นั้น สรุปว่า ณ เวลานี้ ยึดได้แค่ที่ ถนนราชดำเนิน ก.คลัง และศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ(ล่าสุดถอยแล้ว เพราะคนไปยึดกลับบ้านกันหมด)

คำถามต่อมาคือ แล้วไงต่อ คงถามทั้งสองฝ่าย

           ณ เวลานี้ โมเมนตั้ม ไหลไปกดดันที่ฝ่ายม็อบประชาธิปัตย์ เพราะเวลาของตนเอง “งวดเข้าไปทุกที” งานนี้ต้องอาศัยลูกอึด ผมมองว่าทำไมเวลาเทพเทือกถึงน้อยลง


            เพราะว่า เขาต้องปิดจ็อบทุกอย่างให้ได้ ภายในเดือนพฤศจิกายน หากเข้าเดือนมหามงคล แล้วเค้ายังก่อม็อบ อาจถูกมองแง่ลบได้ แต่ ณ วันนี้ ถามหา “ปัจจัยหลัก” ที่จะทำให้ “เทพเทือก” ปิดจ็อบได้นั้น แทบไม่เหลืออะไรแล้ว


  • วันนี้ ทหารนิ่งในที่ตั้ง ไม่ก่อรัฐประหาร
  • วันนี้ รัฐบาลนิ่ง ไม่สลายการชุมนุม
  • วันนี้ รัฐสภาเดินหน้าทำงานอภิปรายไม่ไว้วางใจ เท่ากับสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ปฏิเสธการเคลื่อนไหวนอกสภา
  • วันนี้ รัฐวิสาหกิจทุกแห่งนิ่ง ไม่บ้าอารยะขัดขืนหยุดงาน
  • วันนี้ เอกชนทุกแห่งนิ่ง เพราะเขาต้องการให้เศรษฐกิจเดินหน้า ต้องการให้โครงการของรัฐบาลเดินหน้า
  • วันนี้ ต่างประเทศทุกแห่ง 6 ประเทศใหญ่ และองค์การสิทธิมนุษยชนโลก ต่างส่งสารและแถลงการณ์ให้กำลังใจรัฐบาล และประณามการใช้ความรุนแรงยึดสถานที่ราชการ-เอกชน และคุกคามสื่อมวลชนของพรรคประชาธิปัตย์
           ทุกองคาพยพ ที่จะสั่นสะเทือนอำนาจรัฐนั้น อยู่ในระบอบ กรอบกติกาเคร่งครัด และรัฐบาลก็พูดชัดว่า “ไม่สลายการชุมนุม” จึงทำให้ฝ่ายรัฐบาลกำความชอบธรรมไว้เต็มๆ อาศัยลูกอึด ความชอบธรรม และใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าดำเนินการอย่างชัดเจน โปร่งใส แค่นี้สุเทพก็กระอักแล้ว

มองดูฝ่ายค้าน

            วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ พล่านในสภา เปิดอภิปราย ก็ไม่สามารถล้มรัฐบาลได้
วันนี้ ม็อบประชาธิปัตย์ แผ่วลงทันทีหลังก่อความวุ่นวายยึดสถานที่ราชการทุกวัน
วันนี้ ม็อบประชาธิปัตย์ ถูกรุมประณามจากทุกประเทศ และองค์การสิทธิมนุษยชนโลก

         เงื่อนเวลาลดน้อยลงทุกที แต่ “สุเทพ” ซึ่งอยู่ในสถานะขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้ มีทางเลือกอย่างไร


  • ๑. ปลุกระดมมวลชนอีกครั้งในวันสุดสัปดาห์นี้ อีกครั้ง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กลับคืนมา
  • ๒. ต้องตอบสังคมจริงๆให้ได้ว่า ตกลงแล้ว “ระบอบทักษิณ” ที่สุเทพต้องการล้มนั้น มันคืออะไรกันแน่ เพราะที่สุเทพไปทำนั้น มันไปล้มระบบการบริหารราชการแผ่นดินทั้งนั้น ต้องตอบให้ได้ว่าที่ไปไล่ยึดกระทรวงฯ ต่างๆนั้น มัน “ล้มระบอบทักษิณ” ตรงไหน?
  • ๓. ต้องมีคำตอบที่ชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรมว่า หากล้ม “ระบอบทักษิณ” ได้จริงๆ (สมมุตินะ) แล้ว จะนำเสนอ “ระบอบอะไร” ที่ดีกว่า ต้องเป็นรูปธรรมชนิดจับต้องได้ เข้าใจได้ ลำพังที่พูดมา 6 ข้อมันล้วนแต่จินตนาการอุดมคติ ที่คนไทย “ไม่เชื่อเลย” ลำพังที่บอกว่า ล้มเสร็จแล้วเราจะมาสร้างดรีมทีมคณะรัฐบาล มันคืออะไร ตลอดวันนี้ทั้งวัน คนไทยไม่เข้าใจประเด็นนี้ มองข้ามไปเห็นแต่บุกไล่ยึดสถานที่ราชการเท่านั้น แถมยึดศูนย์ราชการอีก มันเท่ากับตอกย้ำซ้ำรอย “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ”

           เอาลูกอึดและความชอบธรรมเข้าว่ากัน แค่นี้ ก็พอมองออกแล้วว่า ใครจะชนะ ใครจะพ่ายหมดรูป

         คนไทยคงตัดสินใจได้แล้วว่า ชั่วดีถี่ห่าง ทนอยู่กับ “ระบอบทักษิณ” แล้วได้รถไฟฟ้าความเร็วสูง ได้สนามบินสุวรรณภูมิ ได้อนาคตประเทศไทย 2020 แม้ฝ่ายต้านอาจจะอึดอัดขัดใจที่จะต้องทนเห็นนายกฯคนสวยไปอีกสมัย ก็น่าจะดีกว่าเลือก “ระบอบสุเทพ” นะ!