วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เปรมไม่อยากให้มี ′ทหารแตงโม-ตำรวจมะเขือเทศ′ ชี้มีแต่เหล่าทหารม้า "รวดเร็ว รุนแรง เด็ดขาด"


30 ธ.ค. 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรี เข้าอวยพรปีใหม่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ณ บ้านสี่เสาเทเวศร์ ถนนศรีอยุธยา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร สำนักข่าวไทย รายงานด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้แทนกล่าวอวยพรว่า ทุกคนตระหนักว่าพล.อ.เปรมเป็นผู้ที่มีคุณูปการต่อประเทศชาติในความเป็นผู้นำ ด้วยความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ รวมทั้งการถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยิ่งยวดมาโดยตลอดถึงทุกวันนี้ เกียรติประวัติอันดีงามและผลงานถือเป็นแบบอย่างต่อทุกคน โดยจะยึดถือเป็นแนวทางในการบริหารราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีความรักความสามัคคี เพื่อนำพาประเทศชาติ ให้มีความก้าวหน้าและมั่นคงอย่างยั่งยืน
ที่มาภาพ ศูนย์สื่อทำเนียบฯ
เปรมยกประยุทธ์แบบอย่างของการเสียสละส่วนตัวเพื่อส่วนรวม
พล.อ.เปรม ได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่นำคณะรัฐมนตรีและผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าอวยพร แม้จะพบกันไม่กี่ครั้งในรอบ 1 ปี ก็รู้สึกภูมิใจ พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ยังไม่ลืมกัน ยังมีความเป็นเพื่อนพี่น้องกัน สิ่งที่นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องความรักความสามัคคีเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะหากไม่เข้าใจความรักและสามัคคีแล้ว การนำไปใช้ก็จะเสียเปล่า การบริหารประเทศต้องมีความรักความสามัคคี ทุกคนต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องการสร้างความรักความสามัคคี โดยเริ่มจากตนเองในเหล่าทัพ รวมถึงการนำไปใช้ในการบริหารประเทศ
ที่มาภาพ ศูนย์สื่อทำเนียบฯ
 
“รู้ว่าพวกเราเหนื่อย แต่เหนื่อยแล้วประชาชนมีความสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา นายกรัฐมนตรีเป็นคนเข้มแข็ง สู้ไม่ถอย และเป็นแบบอย่างของการเสียสละส่วนตัวเพื่อส่วนรวมอยู่แล้ว จึงขอให้ร่วมกันรักและสามัคคีเพื่อเป็นต้นแบบต่อไปให้ประชาชนได้เห็น เพราะประชาชนฝากความหวังไว้กับทุกคน และให้ฝ่ายที่ไม่เข้าใจได้เข้าใจ การเข้ามาบริหารประเทศของคสช.และรัฐบาล ไม่ได้มาเพื่ออำนาจ แต่เพื่อความสุขของประชาชน และให้เกิดความสามัคคี ขณะนี้แม้ผมไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก แต่ก็ช่วยคิดและเป็นกำลังใจได้  ความดีจะเป็นเกราะกำบัง ไม่ให้ใครทำอันตรายใด ๆ ได้ จึงขอให้ทุกคนทำดี และขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่ให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจ” พล.อ.เปรม กล่าว
ที่มาภาพ ศูนย์สื่อทำเนียบฯ
 
เชื่ออุดมเดชเป็นคนดี 
 
สำนักข่าวไทยยังรายงานด้วยว่า พล.อ.เปรม เดินทักทาย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และกล่าวให้กำลังใจว่า ขอให้ยึดมั่นในความดี และขอให้ความดี ปกป้องรักษาให้พ้นภัย และว่า “เราไม่เชื่อว่าโด่งจะเป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา โด่งเป็นคนดี  อย่าท้อ ให้ยึดในความดี เราเอาใจช่วย” พล.อ.เปรม
 
หวังเหล่า ′ม้า′ เติบโตในเหล่าทัพ ไม่อยากให้มี ′ทหารแตงโม-ตำรวจมะเขือเทศ′
 
นอกจากนี้ มติชนออนไลน์ ยังรายงานด้วยว่า พล.อ.เปรมกล่าวต่อว่า ทั้งนี้พวกเราต้องคิดว่า ควรทำอย่างไรกับเหล่าทหารม้าของเราให้เจริญ มั่นคง ไม่อยากให้มีคำว่าทหารแตงโม ตำรวจมะเขือเทศ เพราะเรามีแต่เหล่าทหารม้า "รวดเร็ว รุนแรง เด็ดขาด"  ซึ่งคนเริ่มรู้จักกันมาก เช่นเรื่องการปราบคอร์รัปชั่น หรือแม้แต่เรื่องที่ตนไปพูดเรื่องปล้นชาติ ซึ่งบางคนบอกว่าคิดทำได้ดี บางคนอาจไม่ชอบใจ แต่คุณลักษณะทหารม้า เราสามารถทำอะไรก็ได้ แต่สิ่งที่อยากเน้นหนักให้มากคือ การสามัคคี ซึ่งเหล่าทหารม้าคงไม่มีทหารแตงโม ใช่หรือไม่ 
 
อย่างไรก็ตาม พล.อ.เปรมยังกล่าวว่า ทั้งนี้ขอชื่นชม พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขานายกรัฐมนตรี เป็นคนดี และนายกรัฐมนตรี ยังชมกับตนว่าท่านทำงานเก่ง 
 
'ประยุทธ์' อวยพรปีใหม่ 'ประวิตร' ให้แข็งแรง-มีกำลังใจทำงาน
 
ก่อนหน้านั้น ในวันเดียวกัน สำนักข่าวไทย รายงานด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าอวยพรปีใหม่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ โดยเข้าพูดคุยภายในห้องส่วนตัว พร้อมด้วย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
 
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้อวยพรให้ พล.อ.ประวิตร มีสุขภาพแข็งแรง มีกำลังใจทำงาน อย่าท้อแท้ต่อคำต่อว่าของคนที่ไม่เข้าใจ เพราะได้ทำดีที่สุดแล้ว ส่วนตนเองได้กำลังใจอยู่แล้ว มากบ้างน้อยบ้างก็ไม่เป็นไร ขอฝากด้วยว่าประเทศชาติอยู่ในกำมือทุกคน และสื่อต้องช่วยดูแล สมาคมสื่อก็ต้องรับผิดชอบมากขึ้น

สปสช.แจ้งผู้ถือบัตรทองเดินทางหยุดยาวปีใหม่-เจ็บป่วยฉุกเฉินรักษาได้ทุกที่ทุก รพ.


รักษาการเลขาธิการ สปสช. แจ้งประชาชนสิทธิบัตรทองเดินทางช่วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ หากประสบอุบัติเหตุฉุกเฉิน-เจ็บป่วยฉุกเฉินที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล สามารถเข้ารักษาที่โรงพยาบาลได้ทุกแห่ง แนะนำให้เข้าโรงพยาบาลรัฐที่อยู่ใกล้สุดไว้ก่อน ไม่ใช่มุ่งเจาะจงเข้าโรงพยาบาลเอกชนเท่านั้น - สงสัยสอบถามสายด่วน สปสช. 1330 หรือ 1669
30 ธ.ค. 2558 - นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รักษาการเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวปีใหม่ ซึ่งมีการเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก สำหรับประชาชนสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือสิทธิบัตรทองนั้น หากในระหว่างที่เดินทางไปต่างจังหวัดและมีความจำเป็นต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ที่สถานพยาบาลทุกแห่งที่อยู่ใกล้สุด และให้สถานพยาบาลที่ให้การรักษาเบิกค่าใช้จ่ายจาก สปสช.ตามอัตราที่กำหนด แต่ไม่ใช่ว่ามุ่งเจาะจงไปเข้าสถานพยาบาลเอกชน ขณะที่มีสถานพยาบาลรัฐอยู่ใกล้ หากเป็นแบบนี้ก็ไม่เข้าเกณฑ์การใช้สิทธิ ดังนั้นจึงขอแนะนำว่าเบื้องต้นให้เข้ารักษาที่สถานพยาบาลรัฐไว้ก่อน
รักษาการเลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า ซึ่งกรณีนี้ เป็นไปตามข้อบังคับ สปสช.ว่าด้วยการใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุข กรณีที่มีเหตุสมควร กรณีอุบัติเหตุหรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2558 ซึ่งระบุว่า ผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทอง หากมีเหตุสมควร หรือกรณีอุบัติเหตุฉุกเฉิน หรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลอื่นได้ ซึ่งสถานพยาบาลอื่นนั้น หมายถึงสถานพยาบาลที่ไม่ได้ลงทะเบียนประจำไว้ และสถานพยาบาลที่ไม่ได้เข้าร่วมให้บริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 7 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545
"ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วน สปสช. โทร. 1330 หรือ สายด่วน 1669 ได้ทั่วประเทศ” นพ.ประทีป กล่าว

'พลเมืองโต้กลับ' ตั้งฉายาบุคคลทางการเมืองแทนสื่อ สะท้อนการเมืองใต้ระบอบรัฐประหาร


กลุ่มพลเมืองโต้กลับตั้งฉายาบุคคลทางการเมือง หลังสื่อทำเนียบงดตั้งฉายารัฐบาลต่อเนื่องเป็นปีที่สองเนื่องจากเป็นรัฐบาลที่มาจากวิธีพิเศษ 
30 ธ.ค. 2558 กลุ่มพลเมืองโต้กลับ ตั้งฉายา 10 บุคคลการเมืองแห่งปี 2558 โดยเผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ๊กของกลุ่ม พร้อมระบุว่า พลเมืองโต้กลับเห็นว่าข้ออ้างของสื่อมวลชนในการงดตั้งฉายารัฐบาลนั้นเป็นการละเลยการทำหน้าที่สะท้อนภาพลักษณ์ของรัฐบาลคณะรัฐประหาร ขณะที่้การให้เหตุผลว่าเพราะเป็น "รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจหรือรัฐประหาร และอยู่ในสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติ" เพราะกลัวว่าจะ "ถูกนำไปใช้ขยายความขัดแย้งที่ยังดำรงอยู่ในสังคมไทย หรือถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มบุคคล ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด" ก็เป็นการให้เหตุผลที่ผิดฝาผิดตัว เพราะสื่อมวลชนต้องทำหน้าที่แทนประชาชนในการสะท้อนสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าไม่ชอบมาพากล ให้สังคมร่วมตรวจสอบ และยิ่งเป็นรัฐบาลรัฐประหาร ที่กลไกต่างๆ ถูกปิดกั้นก็ยิ่งเป็นหน้าที่ของสื่อมวลชนต้องทำหน้าที่ตัวเองออกมาให้สุดความสามารถ ซึ่งการตั้งฉายารัฐบาลนั้นก็เป็นรูปแบบหนึ่ง
"แต่เมื่อสื่อมวลชนไม่ทำหน้าที่ เรา พลเมืองโต้กลับ จึงขอทำหน้าที่ดังกล่าว ทั้งนี้ฉายาที่ตั้งให้ไม่เพียงแต่ฉายารัฐบาลเท่านั้น เพราะเราอยู่ในระบอบรัฐประหาร ฉายาที่ตั้งให้จึงครอบคลุมทั้งรัฐบาลคณะรัฐประหาร และผู้สนับสนุนอื่นๆ ด้วย" กลุ่มพลเมืองโต้กลับระบุ
ทั้งนี้ มีการตั้งฉายาให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์, พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ, พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา, พลเอก อุดมเดช สีตบุตร, พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา, ดอน ปรมัตถ์วินัย, บวรศักดิ์ อุวรรณโณ-มีชัย ฤชุพันธุ์, สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, ตลอดจนสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมมอบให้วาทะ "โกงอย่างจงรัก หักหัวคิวอย่างภักดี" ของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ (NDM) เป็นวาทะแห่งปี โดยระบุว่า ข้ออ้างสำคัญของรัฐประหาร 2557 คือการมาแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน และการมีการล่วงละเมิดสถาบันฯ ตามมาตรา 112 แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับกลายเป็นทหารเองที่ถูกตั้งคำถามเรื่องคอร์รัปชัน โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) เผยแพร่ “รายงานดัชนีป้องกันคอร์รัปชั่นในกองทัพ (Government defence Anti – Corruption Index - GI) ปรากฏว่ากองทัพไทยอยู่ในระดับ E ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงสูงมากต่อการเกิดคอร์รัปชัน (ต่ำสุดคือ G) ดังนั้น กรณีเกิดการตั้งข้อสังเกตเรื่องคอร์รัปชันในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์และมีผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนมากโดน มาตรา 112 เล่นงานจึงสะท้อนให้เห็นว่าข้ออ้างต่างๆ ของการรัฐประหารนั้นไร้สาระเพียงใด วาทะ "โกงอย่างจงรัก หักหัวคิวอย่างภักดี " โดยขบวนการประชาธิปไตยใหม่ จึงสะท้อนการเมืองภายใต้ระบอบรัฐประหารได้ชัดเจน

รองปลัดกลาโหมชี้ผลสอบ'ราชภักดิ์'เป็นไปตามระเบียบใช้งบฯ 'อุดมเดช' ซัดสื่อต้องมีคนชดใช้


30 ธ.ค. 2558 ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 14.00 น. คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่มี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ได้แถลงผลการตรวจสอบการทุจริตโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ระบุว่า คณะกรรมการฯ มีอำนาจเพียงแค่ตรวจสอบงบประมาณ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบการใช้งบประมาณ ขณะนี้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กำลังตรวจสอบอยู่       
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ มีอำนาจเพียงแค่ตรวจสอบงบประมาณเท่านั้น ในส่วนของบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งโรงหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์ ไม่มีอำนาจตรวจสอบเหมือน สตง. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยจะได้ส่งข้อสังเกตไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกองทัพบก
พล.อ.ชัยชาญ แถลงด้วยว่า คณะกรรมการฯ ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย เป็นเพียงคณะกรรมการฯ ที่ตั้งขึ้นโดย พล.อ.ประวิตร เพื่อการรวบรวมข้อเท็จจริง โดยมีผู้มาชี้แจงจำนวน 23 คน มีเอกสารหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะหลักฐานบัญชีทางการเงินจำนวนมาก เป็นหลักฐานทางการรับจ่าย ถึงวันที่ 30 พ.ย.2558 เพื่อสรุปสำนวนข้อเท็จจริง โดยสรุปรายรับ-รายจ่ายโครงการอุทยานราชภักดิ์ มีรายรับเป็นงบกลางและงบบริจาค 866 ล้านบาท รายจ่าย 816 ล้านบาท ส่วนงบบริจาคเข้ามูลนิธิราชภักดิ์ ที่ภาครัฐและเอกชน ประชาชน บริจาคจำนวน 106 ล้านบาทเศษ ปัจจุบันยังไมมีการใช้งบนีทั้งนี้ด้านงบประมาณคณะกรรมการฯเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และระเบียบคำสั่งของกองทัพบกที่เกี่ยวข้อง สำหรับการใช้จ่ายงบบริจาค หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบติตามระเบียบคณะกรรมการสวัสดิการกองทัพบกว่าด้วยอุทยานราชภักดิ์ พ.ศ.2558 และระเบียบคณะกรรมการบริหารอุทยานราชภักดิ์ว่าด้วยการสั่งซื้อสั่งจ้าง พ.ศ.2558
 
พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์ เราได้ทำข้อสังเกตไปว่ากรณีการเรียกบุคคลมาสอบถามนั้น ไม่ครบถ้วน บางคนไม่มา บางคนตามตัวไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ถือว่าอยู่นอกเหนืออำนาจของคณะกรรมการฯ สำหรับกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ราชภักดิ์ไบค์แอนคอนเสิร์ตแทนคุณแผ่นดิน หรือกิจกรรมปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน ที่มีข่าวว่าใช้ต้นปาล์ม 72 ต้น ต้นละ 3 แสนบาทนั้น ในข้อเท็จจริงสอบแล้วไม่ใช่การใช้ต้นไม้มาปลูกในอุทยาน แต่เป็นลักษณะให้ภาคเอกชนสนับสนุน คือถ้าใครมาบริจาคก็จะมีชื่อติดตามต้นไม้ ซึ่งคณะกรรมการฯเห็นว่าทั้ง 2 กิจกรรมดังกล่าวได้ดำเนินการตามแผนงาน มีการเปิดเผยบัญชีรายรับรายจ่ายชัดเจน ส่วนนี้ไม่มีข้อสังเกตใด ๆ 
 
ต่อกรณีคำถามว่าการพิจารณาไม่ได้พิจารณาตัวบุคคลอย่าง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า การตรวจสอบของคณะกรรมการฯไม่ใช่การชี้มูลความผิด หรือบอกใครถูกใครผิด ซึ่งจะเป็นเพียงการให้ข้อสังเกตเท่านั้น ส่วนจะหาว่ามีประเด็นอะไรทุจริต ต้องให้หน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายเป็นผู้ดำเนินการ ถ้าหาก สตง.อยากได้ข้อมูล เราก็พร้อมที่จะให้
 
นายเรืองไกร  ลีกิจวัฒนะ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ซึ่งเข้าร่วมรับฟังด้วย กล่าวภายหลังรับฟังการแถลงว่า ส่วนตัวรู้สึกพอใจในเรื่องการชี้แจงข้อมูล ทั้งการใช้งบกลางบบริจาคและงบมูลนิธิ ซึ่งจะชัดเจนกว่าที่ผ่านมามาก ทำให้สังคมหายสงสัยได้ระดับหนึ่ง เนื่องจากตนเข้าใจดีว่าการสอบของคณะกรรมการฯไม่สามารถชี้มูลความผิดเหมือน ป.ป.ช. หรือ สตง. เพราะเป็นเพียงการแสวงหาข้อเท็จจริง ส่วนตนจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไปอย่างไรนั้น ขอเอกสารหลักฐานจากคณะกรรมการฯก่อน
 
 
'อุดมเดช' ซัดสื่อ ต้องมีคนชดใช้ เหตุทำความเสียหายต่อชื่อเสียงอุทยานราชภักดิ์ 
 
ไทยรัฐฉบับพิมพ์ รายงานว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนี้ก่อนมีการแถลงผลสอบว่า ขอบคุณคนไทยทุกคนที่ร่วมบริจาคเงินไม่ว่าจำนวนเท่าใด ผู้ที่บริจาคเหล่านี้ไม่เคยเอ่ยสักครั้งว่าโครงการนี้มีอะไรเกิดขึ้น เชื่อว่าคนเหล่านี้มั่นใจว่ากองทัพบกทำด้วยความตั้งใจ เราสุขใจที่จะทำและภูมิใจในสิ่งที่เกิดขึ้นมานี้ด้วย แม้โครงการจะไม่เสร็จสมบูรณ์ ก็ต้องทำให้สมบูรณ์ต่อไป เพราะคนเหล่านี้เขารอคอย เมื่ออุทยานราชภักดิ์สมบูรณ์แล้วจะเป็นอย่างไร อยากให้สื่อลงในแง่มุมที่ดีได้แล้ว เลิกไปลงในทางที่เสียหาย เพราะมันไม่มีอะไรเสียหาย บางคนที่ไม่ปรารถนาดี อาจขุดหลุมพรางอะไรไว้ เราควรขึ้นจากหลุมพรางเหล่านั้นได้แล้ว
 
“ใครก็ตามที่ทำและพยายามกลบเกลื่อนเรื่องต่างๆที่มันไม่ดีไม่งาม โดยเอาเรื่องนี้มากลบเกลื่อน ถือว่าไม่เหมาะสม บาปกรรมมาก อุทยานราชภักดิ์เป็นสิ่งที่ต้องเคารพ เห็นบางสื่อซึ่งผมให้ลูกน้องบันทึกไว้ คิดว่าอีกระยะหนึ่ง คงต้องมีคนต้องชดใช้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ที่เขาได้ทำความเสียหายต่อชื่อเสียงของอุทยานราชภักดิ์ สื่อบางสื่อ พอเปิดหนังสือพิมพ์ดูก็ไปเขียนภาพองค์พระบูรพกษัตริย์ รู้หรือไม่ ขณะนี้คุณกำลังไม่เคารพอะไร พวกเราที่เป็นทหาร เป็นข้าราชการ เห็นภาพสิ่งที่เคารพรักไม่ว่าที่ใดก็ตาม เรายกมือไหว้ พวกเราถูกสั่งสอน แม้กระทั่งภาพสิ่งที่เราเคารพรักที่ถูกนำเสนอผ่านทางโทรทัศน์ ถ้าเห็นสิ่งที่เราเคารพรักสูงสุดเราจะยกมือไหว้โทรทัศน์ด้วยซ้ำ ผมพูดจากใจจริง เพราะทำมาตลอด แต่คนที่เอามาเขียนข่าวเล่น เขียนภาพเล่นๆ รู้หรือไม่คุณกำลังถูกกฎหมายข้อใด ขอให้ระมัดระวัง เพราะผมเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้ แล้ววันหนึ่งคิดว่าจะเอามาดูอีกครั้งหนึ่ง” พล.อ.อุดมเดช กล่าว 
 
พล.อ.อุดมเดชกล่าวต่อว่า ยืนยันว่าสิ่งที่ไม่มีอะไรมันคงไม่มีอะไร มันไม่ทุจริตก็อยากให้ทุจริต เห็นบางคนเป็นตัวหลักที่จะเอ่ยหยอดถามประเด็นนั้นประเด็นนี้ คิดว่าหลายคนถ้าได้เห็นชื่อแล้ว ไม่มีคุณค่าทางสังคม ไม่มีคุณค่าต่อประเทศชาติอย่างไร เคยบริจาคสิ่งดีๆเหล่านี้แม้สักบาทเดียวหรือไม่ แล้วเที่ยวมากล่าวหากล่าวร้ายกัน คนที่เขามั่นใจเขาไม่เคยพูดสักคำ เมื่อถามว่า ยังยืนยันจะทำหน้าที่ในตำแหน่ง รมช.กลาโหมต่อไปหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ขอไม่พูดถึง อย่าถามในสิ่งที่คิดว่าเขาคงไม่ให้คำตอบ เมื่อมีภาระหน้าที่เราต้องทำไป เป็นสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาความเหมาะความควรหลายอย่างประกอบกัน ทุกคนที่เข้ามาทำงานคิดว่าพวกเราไม่ใช่นักการเมือง แต่เรามาทำหน้าที่การเมืองให้ในระยะหนึ่ง ในสถานการณ์จำเป็น ต้องพยายามทำกันต่อไปให้ดีที่สุด