28 มิ.ย. 2559 เวลา15.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ หรือ NDM เข้ายื่นหนังสือให้ กกต. เพื่อขอให้ยืนยันว่าการแจกเอกสารอธิบายความเห็นที่แตกต่างจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ตามหลักประชามติในสากลโลก และขอเรียกร้องให้กกต.ปฏิบัติหน้าที่ในการจัดออกเสียงประชามติอย่างเป็นกลาง ไม่ใช่ทำตัวกระบอกเสียงของรัฐบาลหรือคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ โดยนายอำนวย น้อยโสภา รอง ผอ.สำนักเลขาธิการ กกต. ได้มาเป็นผู้รับยื่นหนังสือพร้อมกล่าวว่าจะนำเรื่องเรียนคณะกรรมการการเลือกตั้งต่อไป โดยกระบวนการจะมีการตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งเพื่อพิจารณาข้อเรียกร้อง และจะรีบตอบกลับให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ได้ยื่นหนังสือ พร้อมทั้งเอกสารเนียบประกอบด้วย 1.เอกสารความเห็นแย้ง 2.เอกสาร 7 เหตุผลไม่รีบร่างรัฐธรรมนูญ 3.สติ๊กโหวตโน และ4.ลูกโป่งรณรงค์ไม่ผิด
แมน ปกรณ์ อารีกุล หนึ่งในสมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ชี้แจงว่าให้ กกต. ทราบด้วยว่า เพื่อนตนเองทั้ง 7 คนต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเพียงเพราะไปแจกเอกสารรณรงค์เรื่องประชามติ และถูกแจ้งข้อกล่าวหาฐานขัดคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 และความผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 วรรคสอง ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 10 ปี ซึ่งมาตราดังกล่าวกำลังอยู่ในการพิจารณาขอศาลรัฐธรรมนูญ โดยจะมีการลงมติในวันที่ 29 มิ.ย. นี้ว่ามาตราดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยถ้าศาลลงมติว่ามาตราดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญ นั่นหมายความว่า เพื่อนของตนทั้ง 7 คน ต้องติดคุกฟรีโดยไม่สามารถเรียกร้องความเป็นธรรมได้จากใคร
เรียน ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ด้วยสถานการณ์ในประเทศไทยใน ที่ใกล้จะถึงวันออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 เข้ามาทุกขณะ ได้ปรากฏเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจภายใต้รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กระทำการคุกคามประชาชนผู้รณรงค์คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ โดยการเข้าจับกุมและแจ้งข้อหาแก่ผู้จัดและผู้เข้าร่วมกิจกรรมแจกเอกสารรณรงค์ประชามติร่างรัฐธรรมนูญและเอกสารลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงประชามตินอกเขตจังหวัด ในวันที่ 23 มิถุนายน 2559 ณ ตลาดเคหะบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 13 คน และการจับกุมและพยายามแจ้งข้อหาแก่ผู้จัดกิจกรรมทำความสะอาดอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ในวันที่ 24 มิถุนายน 2559 ณ วงเวียนหลักสี เขตบางเขน กรุงเทพฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาโดยมีรายละเอียดดังนี้
1. เจ้าหน้าที่ใช้กำลังไม่เหมาะสมในการเข้าจับกุม โดยใช้ความรุนแรง เช่นการบีบคอและอุ้มตัวผู้จัดและผู้เข้าร่วมกิจกรรมในลักษณะที่เกินกว่าเหตุ
2.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาชุมนุมทางการเมืองเป็นจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 แก่ผู้จัดและผู้เข้าร่วมในวันที่ 23 มิถุนายน 2559 ทั้ง 13 คน ทั้งที่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 แล้ว ในทางปฏิบัติผู้รณรงค์จึงยังคงไม่มีหลักประกันเสรีภาพในการรณรงค์ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เพราะแม้ว่าการรณรงค์จะไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 แต่ผู้รณรงค์ก็อาจถูกแจ้งข้อหาตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ได้อยู่ดี
3. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มาตรา 61(1) วรรคสอง และวรรคสาม ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี ปรับสูงสุดถึง 2 แสนบาทแก่ผู้จัดกิจกรรมในวันที่ 23 มิถุนายน 2559 ทั้ง 13 คนโดยปราศจากอำนาจ เนื่องจากในมาตรา 5 ของ พ.ร.บ. ดังกล่าวกำหนดให้ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.บ. นี้
4. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามแจ้งข้อหาก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มาตรา 61(1) วรรคสอง และวรรคสามแก่นางสาวชนกนันท์ รวมทรัพย์ หนึ่งในผู้จัดกิจกรรมในวันที่ 24 มิถุนายน 2559 จากการที่ตรวจค้นรถยนต์ของนางสาวชนกนันท์แล้วพบว่ามีเอกสารรณรงค์ประชามติร่างรัฐธรรมนูญอยู่ ทั้งที่ไม่ปรากฏพฤติการณ์อื่นใดที่ชี้ว่านางสาวชนกนันท์จะนำเอกสารเหล่านั้นออกมาแจกในกิจกรรมที่จัดขึ้น
5. จากข้อเท็จจริงแล้ว นายรักษ์ชาติ วงศ์อธิชาติ หนึ่งใน 13 ผู้ที่ถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2559 มีฐานะเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์กิจกรรมเท่านั้น มิได้ร่วมแจกเอกสาร ปราศรัย หรือแสดงสัญลักษณ์รณรงค์ประชามติร่างรัฐธรรมนูญใดๆ เลย แต่กลับถูกจับกุมตัวและแจ้งข้อหาเช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ
6. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือตามประกาศคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่ 25/2549 แก่ผู้จัดกิจกรรมในวันที่ 23 มิถุนายน 2559 ที่ไม่ยอมยื่นขอประกันตัว จำนวน 7 คนอีกด้วย
7. ในท้ายสุด ศาลทหารมีคำสั่งให้ฝากขังผู้จัดและผู้เข้าร่วมกิจกรรมในวันที่ 23 มิถุนายน 2559 ผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพฯ โดยมีผู้ยื่นขอประกันตัว 6 คน และผู้ไม่ยื่นขอประกันตัว 7 คน และมีคำสั่งยกคำร้องขอฝากขังผู้จัดกิจกรรมในวันที่ 24 มิถุนายน 2559 ทั้ง 7 คน
ขบวนการประชาธิปไตยใหม่มีความเห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ทั้งโดยการใช้กำลังและการใช้กระบวนการทางกฎหมาย ทั้งยังมีการนำคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 มาใช้กับการรณรงค์ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และการแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 โดยปราศจากอำนาจ ซึ่งการจับกุมและแจ้งข้อหาแก่ผู้รณรงค์อย่างไม่เป็นธรรมนี้อาจส่งผลให้การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนได้
ขบวนการประชาธิปไตยใหม่จึงขอเรียกร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญดังนี้
1. การรณรงค์ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ การแจกเอกสารอธิบายความเห็นที่แตกต่างจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนที่พึงทำได้ตามหลักการลงประชามติในสากลโลก ขบวนการประชาธิปไตยใหม่จึงขอยืนยันกับ กกต. ว่าจะยังคงรณรงค์ต่อไป และขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่พิทักษ์เสรีภาพในการรณรงค์ประชามติร่างรัฐธรรมนูญของขบวนการประชาธิปไตยใหม่และประชาชนกลุ่มอื่นๆ ด้วย
2. ขอเรียกร้องให้ กกต. ปฏิบัติหน้าที่จัดการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญอย่างเป็นกลาง ไม่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลหรือคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ
ขบวนการประชาธิปไตยใหม่เชื่อมั่นว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลางและเปิดกว้างในเสรีภาพของคณะกรรมการการเลือกตั้ง จะสามารถทำให้การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นที่ยอมรับและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริงได้
ขอแสดงความนับถือ
ขบวนการประชาธิปไตยใหม่
28 มิถุนายน 2559
|