วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554


ศาลโลกให้ใช้มาตรการคุ้มครองชั่วคราว
โดย...ดร. พิทยา พุกกะมาน
ศาลโลก : www.pchannel.org       การตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกให้ใช้มาตรการคุ้มครองชั่วคราวโดยให้ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาถอนทหารออกจากพื้นที่รอบตัวปราสาทพระวิหารนั้น ได้ทำให้กลุ่มการเมืองและนักวิชาการออกมาวิพากย์ วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งรวมถึงผู้ที่รู้เรื่องฯ จริง ผู้ที่รู้เรื่องไม่จริงแต่ทำเป็นรู้ และผู้ที่รู้แล้วแต่ทำเป็นไม่รู้เพราะต้องการสร้างกระแสคลั่งชาติเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง จนทำให้ประชาชนรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจว่าประเทศไทยควรจะปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลโลกหรือไม่ หากปฏิบัติตามแล้วไทยจะเสียดินแดนหรือเสียสิทธิหรือไม่และแค่ไหน ผู้ที่ออกมาอ้างว่าคำตัดสินของศาลโลกทำให้ไทยเสียเปรียบนั้นมักจะอ้างว่าพื้นที่ซึ่งไทยจะต้องถอนทหารออกไปนั้นเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญต่อไทยและการตีกรอบพื้นที่ปลอดทหารของศาลโลกนั้น เป็นการล้ำดินแดนของไทยมากเกินไปซึ่งจะมีผลให้ไทยเสียดินแดนในที่สุด
          การกำหนดท่าทีของไทยต่อข้อตัดสินฯ ของศาลโลกนั้น จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและภาพพจน์ของไทยในสายตาของประชาคมโลก จริงอยู่ เราต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยเพราะคนไทยทุกคนรักชาติทั้งนั้น ไม่มีใครที่ไม่รักชาติ  แต่เรื่องการต่างประเทศนั้นไม่ไช่เรื่องของชาตินิยมเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ของชาติ ความถูกต้อง การดำรงอยู่กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสันติ การปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบในฐานะที่เราเป็นสมาชิกสหประชาชาติ การเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ และการทำตนให้เป็นที่ยกย่องและเชื่อถือในประชาคมโลก การปฏิบัติตามมติของศาลโลกนั้นเป็นสิ่งที่ควรกระทำในฐานะที่ไทยเป็นภาคีสหประชาชาติ เพราะมาตรา 94 ของกฎบัตรสหประชาชาติบัญญัติว่า ประเทศภาคีสหประชาชาติมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามมติของศาลโลก และในวรรค 2 ของมาตรา 94 ก็ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า หากประเทศภาคีที่เป็นคู่กรณีไม่ปฏิบัติตามมติฯ คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งสามารถร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่งคงสหประชาชาติเพื่อให้มีมติบังคับให้ประเทศภาคีอีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติตาม ซึ่งหมายความว่า หากไทยไม่ยอมปฏิบัติตามมติของศาลโลกโดยอ้างว่า จะไม่ทำเสียอย่างใครจะมาว่าอะไร” แล้ว ผลที่จะตามมาก็คือ ไทยจะถูกบีบคับคับให้ปฏิบัติตามมติฯ จากสหประชาชาติและจะถูกสังคมโลกประณาม ซึ่งจะส่งผลในทางลบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย ในขณะที่กัมพูชาก็จะพูดอย่างภาคภูมิใจว่าเขาเคารพกฎหมายระหว่างประเทศแต่ยังถูกฝ่ายไทยรังแกและเอาเปรียบ 
หากจะพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้ว มติของศาลโลกมิได้ทำให้ไทยเสียเปรียบเลยเพราะศาลโลกให้ทั้งสองฝ่ายถอนทหารออกจากเขตปลอดทหาร ไม่ใช่ให้ไทยถอนฝ่ายเดียวดังที่กัมพูชาร้องขอ แต่ก่อนที่จะมีการถอนทหารไทยออกจากพื้นที่รอบนอกตัวปราสาทที่ศาลโลกกำหนดนั้น จำเป็นต้องมีการพูดคุยกับกัมพูชาในเรื่องรายละเอียดในระดับรัฐบาลของทั้งสองฝ่ายก่อน ซึ่งก็จะมีประเด็นเรื่องพลเรือนชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดทหาร เรื่องที่กัมพูชาเสนอให้กองกำลังตำรวจเข้ามาแทนที่ทหาร เรื่องกลไกที่จะดูแลการถอนทหาร เรื่องการให้ผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียเข้ามาในพื้นที่ฯ และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย นับตั้งแต่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง บรรยากาศทางการเมืองระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านได้ผ่อนคลายไปในทางที่ดี จึงเป็นที่คาดหวังว่ารัฐบาลใหม่ซึ่งนำโดยพรรคเพื่อไทยคงจะสามารถทำการเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาได้เป็นผลสำเร็จบนพื้นฐานของความเป็นมิตรฉันท์เพื่อนบ้านและผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเป็นที่เข้าใจว่ามาตรการคุ้มครองนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้นไม่ไช่มาตรการถาวร จนกว่าจะมีการตีความในเรื่องขอบเขตของพื้นที่รอบนอกปราสาทพระวิหารโดยศาลโลกในขั้นต่อไป
                    
                                          เขียนโดย ดร.พิทยา พุกกะมาน
                                                           อดีตเอกอัครราชทูต
http://redusala.blogspot.com

สบายใจ หายเครียด แต่กูเกลียดมึง......

คนเสื้อแดงทั่วประเทศหายเครียด

     กกต.ตัดสินใจประกาศ 4 ต่อ 1 เมื่อเวลา 18.35 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2554 รับรองผลเลือกตั้งให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ให้ได้เป็น ส.ส. (แกนนำ นปช.) คนสุดท้าย ในขณะกำลังเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งมี ส .ส. เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 496 คน ร่วมทั้ง น.ส. ยิ่งลักษณ์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีด้วย (ในท่ามกลาง ทูตานุทูตของประเทศต่าง ๆ มาเป็นสักขีพยาน)


      มวลชนคนเสื้อแดงจำนวนมากแห่ไปที่เรือนจำกลางคลองเปรม ตั้งแต่ 10. 00 น. จนกระทั่งเย็น เพื่อจะรอรับนายจตุพร ออกจากเรือนจำ รอจนแล้วจนรอด กกต.ก็ยังไม่ประกาศรับรองและเรือนจำก็ยังไม่ยอมปล่อย ให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ออกจากเรือนจำ มวลชนจึงแยกย้ายพากันเดินทางกลับบ้านด้วยความเศร้าใจ โดยไม่มีใครส่งเสียงโห่ และไม่มีใครส่งเสียงความไม่พอใจ ทั้ง ๆ ที่ในใจผิดหวังหย่างหนัก

      มวลชนบางกลุ่ม เดินทางมาจาก จังหวัดอุดรฯ ขอนแก่น ยังไม่เดินทางกลับอิสาน เพราะเชื่อวา นายจตุพร พรหมพันธุ์ จะได้รับการปลอ่ยตัวในวันต่อไป จึงพากันไปพักค้างคืนที่สถานีวิทยุชุมชนลำลูกกา ของนายสมชาติ นาคบรรจง ต่อมาก็ได้ข่าวว่า กกต.ประกาศรับรองแล้ว ทำให้มวลชนตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างยิ่ง

     ดังนั้น มวลชนจำนวนมากคงจะแห่ไปรอรับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ในวันที่ 2 สิงหาคม แต่มีข้อน่าสังเกตว่า ข่าวว่าเรือนจำจะยังไม่สามารถปล่อยตัวได้ทันที เพราะการรับรองการเป็น ส.ส. กับการถูกจับกุมเอามาคุมขังเป็นคนละเรื่อง แกนนำคนเสื้อแดงจึงสอบถามกับทนายความของพรรคเพื่อไทยได้ความว่า ฝ่ายทนายความจะรีบยื่นขอประกันตัวด่วนที่สุด ซึ่งเชื่อว่า คราวนี้จะไม่มีเหตุผลใดเอามากักขังตัวไม่ยอมปล่อย ต่อไปได้

      ทีมข่าวพีเพิ่ลออนไลน์และมวลชนคนเสื้อแดง ได้แสดงความสมหวังและขอบคุณ กกต. ที่ลงมติ 4 ต่อ 1 แม้ว่าจะชักช้าน่าหวาดเสียว ก็ยังเป็นเรื่องที่ขอบใจได้ จึงขอให้ กกต. จงมีจุดยืนที่ดี อย่าฝืนมติประชาชนต่อไปเลย

ทีมข่าวพีเพิ่ลออนไลน์



            ขอฝากกลอนให้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ดังนี้

          ขอให้จตุพร พรหมพันธุ์ จงมั่นใจ          
          การต่อสู้ อันยิ่งใหญ่ ยังต้องสู้
          จงรับเอา สิ่งที่พบสิ่งที่เห็น มาเป็นครู          
          เราจะสู้ เพื่อประชาธิปไตย ให้ได้มา

          ชัยโย ขอสดุดี นายจตุพร พรหมพันธุ์ 

http://redusala.blogspot.com

๗ คำถาม ถึง สันติอโศก ?!
อ. สอาด จันทร์ดี
อังคาร ที่ 2 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2554

 ๗ คำถาม ถึง  สันติอโศก ?!
      
ในที่สุด ประชาชนทั้งประเทศก็ได้เห็นพิธีการทำรัฐพิธีเปิดประชุม ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๗.๐๐ น. เพื่อเป็นการ “ยืนยัน” ว่าประเทศ ไทยได้ยอมรับผลเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นผลให้นานาประเทศได้เห็นแนวโน้มว่าต่อจากนี้ไป ประเทศไทยคงจะได้ใช้พรรคการเมืองที่ได้ชัยชนะเสียงข้างมากเข้ามาบริหารประเทศชาติต่อไป ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีหลังจากการเมืองไทยล้มลุกคลุกคลานติดต่อกันเนิ่นนานถึง ๕ ปีเต็ม

ในวันเดียวกันนั้น ยังได้พบกับการตัดสินใจของ กกต. ที่ได้ประกาศรับรองนายจตุพร พรหมพันธุ์ ด้วยคะแนน ๔ ต่อ ๑ ทำให้หัวใจของประชาชนสดชื่นแจ่มใสขึ้นมาทันตาเห็น

            ในบรรยากาศอันแสนดีกำลังจะเกิดขึ้น  แต่กับอีกฝ่ายหนึ่ง คือสันติอโศกกับพันธมิตรจะเป็นจะตายเอาให้ได้ โดยเฉพาะคือ “สันติอโศก” นำโดยนายรัก รักษ์พงศ์ หรือ “โพธิรักษ์” กับพลตรี จำลอง ศรีเมือง ยังคงปล่อยให้สาวกออกมาแสดงอาการไม่เห็นด้วยกับชัยชนะของพรรคเพื่อไทยด้วยการส่งเสียงโวยวายผ่านสถานีวิทยุชุมชน FM ๙๒.๒๕ รับฟังได้ไกลถึง จ.ระยอง ซึ่งเมื่อใครได้ฟังก็จะรู้ทันทีว่าคนสองกลุ่มนี้ (สันติอโศกกับพันธมิตร) รวมหัวกันต่อต้านพรรคเพื่อไทยสุดใจขาดดิ้น

            จะต่อต้านอย่างไรก็ว่าไป เพราะคนมันรักกันไม่ได้ก็ไม่ต้องรัก

            แต่ที่ไม่เอาไหนเลย..? ก็เพราะการทำงานของพรรคเพื่อไทยเป็นงานการเมือง เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติทั้งประเทศ ไม่ใช่งานบริษัท และเป็นงานที่คนทั้งแผ่นดินร่วมได้เสีย มิใช่เป็นงานที่พรรคเพื่อไทยจะเสกให้เป็นไปตามใจชอบของคนเสื้อแดง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง งานการเมืองที่พรรคเพื่อไทยกำลังทำอยู่ในขณะนี้เป็นงานที่ชนะมาจากการเลือกตั้ง ๒๖๕ ต่อ ๑๕๙ อันมิใช่งานที่ได้มาจากการปล้นอำนาจแต่ประการใด

 เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเหตุไรเล่าสันติอโศกกับพันธมิตรจึงแห่ออกมาต่อต้านอยู่ได้

            ต่อต้านแบบไม่มีมันสมองเลยนี่หว่า ?

            ตรงนี้ อยากเขียนคำถามถึง “โพธิรักษ์” เป็นกรณีพิเศษ และอยากให้โพธิรักษ์ได้อ่านบันทึกนี้ เพื่อจะได้พิจารณาดูการกระทำของตังเองว่ามันออกนอกลู่นอกทาง-ไปทางไหนบ้าง ? และหวังว่าโพธิรักษ์ที่ประเกาศอยู่เสมอว่าเป็นผู้ “ถึงพร้อมด้วยเหตุผล” เอาเข้าจริง มีความถึงพร้อมจริงหรือไม่

            ข้อที่หนึ่ง :ว่าด้วยจุดยืนทางการเมืองของโพธิรักษ์ที่กำลังปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน มีเหตุผลชี้ชัดว่าไม่สนับสนุนแนวทางเลือกตั้ง ซึ่งเป็นจุดยืนที่สวนทางกับชาวโลก ?  เราทราบว่าพวกท่านเสนอให้ Vote NO ในทุกกรณีเพื่อจะอาศัย โหวต โน เอาไปเสนอให้ถวายคืนพระราชอำนาจ แล้วปิดประเทศ ๕ ปี ? ทำให้ขอม ดำดิน สงสัยความคิดแบบนี้มาก จึงอยากถามว่าเหตุไรจึงมีจุดยืนอย่างนี้ไปได้

ขอให้ตอบคำถามนี้ผ่าน อีเมล์ :peoplechannelnews@gmail.com

            ข้อที่สอง :พลตรีจำลอง ศรีเมืองกับสนธิ ลิ้มทองกุล โจมตี พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทย ยกพวกออกมาต่อต้านและบ่อนทำลายอย่างหนักหน่วง ซึ่งต่อมาได้ยึดทำเนียบรัฐบาลเบ็ดเสร็จ จนรัฐบาล คณะรัฐมนตรีไม่อาจจัดประชุมได้ ต้องหนีไปใช้สนามบินดอนเมืองเป็นที่ทำการ) แล้วพวกท่านก็ตามไปยึดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิในที่สุด

            การยึดสถานที่สำคัญระดับชาติในคราวนั้น โพธิรัก์คือหัวหน้าใหญ่คอยให้การสนับสนุนทั้งกองทัพธรรมและอาหารการกิน อยากทราบว่าแนวคิดของสันติอโศกแบบนี้เป็นของตัวเอง หรือว่ามีใครหนุนให้ทำ
อันนี้ก็อยากให้ตอบอย่างเปิดเผยแบบลูกผู้ชาย?

            ข้อที่สาม : เรื่องเก่าของโพธิรักษ์ที่ออกบวชเพื่อแสวงหาโมกธรรม โดยได้บวชที่วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ (ธรรมยุตินิกาย) แล้วหนีออกจากวัดอโศการาม ไปอยู่จังหวัดนครปฐม เปลี่ยนเป็นมหานิกาย แล้วประกาศไม่ขึ้นกับคณะสงฆ์ด้วยการเปิดสำนักสันติอโศก ตั้งแต่บัดนั้นก็ได้ดำเนินการสั่งสอนญาติโยมแบบผิด ๆ ถึงขั้นสั่งสอนว่าอย่ากราบพระพุทธรูป ?  เพราะเป็นเพียงพระอิฐพระปูน แล้วก็ให้ทุบพระพุทธรูปทิ้ง   ทำให้สาวกและบริวารหลงเชื่อโพธิรักษ์ ไปบังคับพ่อแม่ (ลูกๆของ ดร. วิฑูรย์ ขอสงวนนามสกุล) ให้พ่อโยนพระพุทธรูปทิ้ง ไม่เช่นนั้นจะไม่ให้อยู่ในบ้าน ดร. วิฑูรย์ เสียใจจนตรอมใจตาย เพราะไม่กล้าตอบโต้กับลูกที่เป็นเลือดในอก

            ขอถามว่าเอาเหตุผลอะไรมาสอนพุทธบริษัทแบบนั้น ?

            ข้อที่สี่ :ต่อมา ชื่อเสียงของโพธิรักษ์โด่งดังไปในหลายวงการ บารมีแก่กล้ามากขึ้น โพธิรักษ์ได้ประกาศจัดตั้งพรรคการเมือง “พรรคพลังธรรม” ทำให้ชาวพุทธเกิดความเห็นแตกแยก สุดท้ายโพธิรักษ์ถูกจับสึกในข้อหาปาราชิก ขาดจากความเป็นพระ แต่ก็ยังดำรงตนเป็นพระในนามของ “สมณะ” อย่างเปิดเผย มิได้เกรงกลัวต่อบาปกรรมที่ได้ทำกับประเทศชาติ หลังจากนั้นก็ได้ขยายการเผยแพร่อย่างใหญ่หลวงทั้งโดยทางทีวีผ่านดาวเทียม และสถานีวิทยุชุมชน จากบึงกุ่ม กทม.

อันสะท้อนให้เห็นว่าโพธิรักษ์กำลังแสดงบทบาทมนุษย์สองหน้า กล่าวคือใบหน้าที่ ๑ เป็นการแสดงตนว่าเป็นพระอริยะผู้สูงส่งของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกันก็มีใบหน้าที่ ๒ อันเป็นการแสวงหาอำนาจทางการเมืองด้วยการพยายามผลักดันสาวกให้เป็นผู้ดำเนินการแทน

            ขอม ดำดิน สงสัยว่าทำไมจึงกล้าเป็นคนสองหน้าอย่างไม่เกรงกลัวบาปกรรมเช่นนี้?
            ข้อที่ห้า : เป็นที่แน่ชัดว่า หลังจากการเลือกตั้งผ่านไป พรรคเพื่อไทยได้ชัยชนะ ๒๖๕ ท่วมทับพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้เพียง ๑๕๙ เท่านั้น ส่วนพรรคเพื่อฟ้าดินของสันติอโศก ที่เอารูปหัวสัตว์ต่างๆไปติดประกาศทั่วประเทศ ซึ่งทั้งป้ายหัวหมา ลิง ควาย ตะกวด และอื่นๆ ดังกล่าวนั้น มีคำบอกเล่าว่าเป็นไอเดียของท่านพ่อโพธิรักษ์กับ “ท่านจันทร์” ใช่หรือไม่ ?
หรือว่าเป็นทัศนะส่วนตัวของพลตรีจำลอง ศรีเมือง คนเดียว ..?

            ข้อที่หก : โพธิรักษ์ได้ยินข่าวหรือไม่ว่า ท่านจันทร์ (สาวกมือหนึ่ง)ถูกนินทาไปทั่วว่าเป็นยันตระ ๒ มีสนมปรนเปรออย่างอบอุ่นถึง ๓ คน จนเป็นเหตุให้ตัวของท่านจันทร์ได้รับความเสียหาย ต้องออกมาพูดออกอากาศในคืนวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ (FM๑๐๗.๗๕) ว่าอย่าไปสนใจกับข่าวร้ายแบบนั้น แล้วร้องขอญาติธรรมให้ไปสอบถามด้วยตนเอง อย่าฟังข่าวลือ พร้อมเสมอที่พบปะญาติธรรมตลอดเวลา แล้วขอร้องว่าอย่าหูเบา จะไม่มีทางเป็นยันตระ ๒ อย่างแน่นอน

          ขอม ดำดิน มีอาการงง...งง...แสนจะงงว่าข่าวลือที่ลือว่าท่านจันทรีมีเมีย..เอ๊ะ ? เอ๊ะ ?!

            ข้อที่เจ็ด :ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของสันติอโศกที่พาญาติธรรมเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต โดยยอกเอาตัวเอง อ้างตนว่าเป็นสมณะคล้ายกับพระ เที่ยวเทศน์สั่งสอนประชาชนโดยไม่ขึ้นกับคณะสงฆ์ ทำตัวเป็นศัตรูกับคณะสงฆ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้ “ขอม ดำดิน” อยากได้คำตอบว่าคิดได้อย่างไร ? ทั้งนี้ก็เพราะเราได้เห็นการแต่งเนื้อแต่งตัวของพวกสันติอโศกมีความแตกต่างจากพระภิกษุในพระธรรมวินัย มีแนวปฏิบัตินอกแถวแตกต่างคณะสงฆ์อย่างสิ้นเชิง โดยอ้างว่าทำตามสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของการเป็นมนุษย์ แล้วก็อาศัย “สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน” ดังกล่าวเล่นบทเป็นผู้มีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติอย่างหาที่เปรียบมิได้ มีความเมตตาสูงส่ง แม้แต่แมลงตัวเล็กๆก็ยังรักเท่ามนุษย์

            แต่เหตุไร ไม่สงสารต่อชีวิตของคนเสื้อแดงที่ถูกทหารฆ่าตาย ?!

          จุดยืนของโพธิรักษ์ในข้อที่ ๗ นับว่าเป็นคำถามที่อัดแน่นอยู่ในหัวอกของคนเสื้อแดงที่คับแค้นใจสุดจะบรรยาย ยิ่งมาได้ข่าวว่า “สันติอโศกกับพันธมิตร” กำลังเตรียมการจะยึดถนนต่อต้านพรรคเพื่อไทยอีกแล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะเล่นงานให้มีการ “ยุบพรรค” เพื่อไทยและพรรคการเมืองอื่นๆ รวมกันประมาณ ๕ พรรค (มีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ด้วย) ? เมื่อพรรคเพื่อไทยถูกยุบ ก็จะทำให้รัฐบาลต้องว่างลง พร้อมกับพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ก์จะหมดไปด้วย

ตามข่าวกล่าวว่า ถึงจุดนั้น พลตรีจำลอง ศรีเมือง กับโพธิรักษ์ และกลุ่มพันธมิตร จะรวบรวมนักการเมืองเอาไปไว้ที่พรรคเพื่อฟ้าดิน หรือพรรคใดพรรคหนึ่ง ตามแนวทางของ “งูเห่าภาค ๓” ก็จะได้ผู้แทนราษฎรคณะใหม่ขึ้นมา หลังจากนั้นก็ประกาศจัดตั้งรัฐบาลใหม่ดังที่พรรคประชาธิปัตย์เคยจับมือกับเนวิน ภายใต้การอำนวยการของทหาร จัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ขึ้นมา...นั้นแล

ดังนี้ จึงจำเป็นต้องเขียนถามโพธิรักษ์ว่าจริงหรือเปล่า รวม ๗ คำถาม ?!
                                              “ขอม ดำดิน”

http://redusala.blogspot.com

ทหาร ปกปิดเรื่องจริงอะไร ? เกี่ยวกับ ฮ. ตก...
ช่วยกันพิจารณาหน่อยครับ...
มีอะไรอยู่ในภาพ... (คลิ๊กที่ภาพ เพื่อดูภาพขนาดใหญ่)

เจอกลุ่ม"บ้านลึกลับ" ใกล้จุดฮ.ตก
        กล้องดาวเทียม พบบนยอดเขา ปลูกสร้างถาวร โดดๆน่าพิศวง! ไม่ไกลที่ 2ลำตก
        ลึกลับ - ภาพถ่ายดาวเทียม จุดที่ฮ.ฮิวอี้-แบล็กฮอว์กตกในเขตพม่าติดป่าแก่งกระจานของไทย เมื่อใช้กล้องดาวเทียมที่มีความละเอียดสูงตรวจสอบ พบสิ่งปลูกสร้างลึกลับอยู่ห่างจากจุดที่ฮ.ฮิวอี้ตกแค่ 500 เมตรเท่านั้น

         เปิดภาพถ่ายดาวเทียมจุด ฮ.ฮิวอี้-แบล็กฮอว์กตกบริเวณชายแดนไทย-พม่า ติดป่าแก่งกระจาน พบจุดน่าสงสัยมีสิ่งปลูกสร้างอยู่บนยอดเขาสูงนับพันเมตร ซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบ ห่างจากจุด ฮ.ฮิวอี้ตกแค่ 500 เมตร เป็นอาคารถาวรหลังคามุงกระเบื้อง สีส้ม 8-9 หลัง และการถางป่าเป็นที่โล่งวงใหญ่ใกล้กันอีก 2 จุด ตัดถนนเชื่อมต่อด้วย กมธ. ทหารวุฒิสภาเตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบสาเหตุ ฮ.ทั้ง 3 ลำตก ด้านโฆษกทบ.อ้างผบ.ทบ.ไม่ได้ยัวะสื่อ แค่ต้องการให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริง ชาวบ้านนบพิตำจัดพิธีทำบุญรำลึกนายทหารเหยื่อแบล็กฮอว์ก หลังเคยช่วยเมื่อเหตุดินโคลนถล่ม

         
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบภาพถ่ายผ่านดาวเทียม ซึ่งมีความละเอียดชัดเจนมาก เป็นภาพบริเวณพื้นที่ป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จุดที่เฮลิคอปเตอร์ฮิวอี้และแบล็กฮอว์กตก เป็นพื้นที่ของประเทศพม่าที่อยู่ติดกับชายแดนประเทศไทย เมื่อกล้องดาวเทียมซูมเข้าไปดูในระยะใกล้พบสิ่งผิดปกติ 3 แห่ง

         โดยจุดแรกเป็นพื้นที่ป่าไม้ถูกถางเป็นที่ว่าง อยู่บนสันเขาลูกเดียวกับจุดที่เฮลิคอปเตอร์ฮิวอี้ตก ไปทางทิศใต้ ห่างจากจุดที่เฮลิคอปเตอร์ฮิวอี้ตกประมาณ 500-600 เมตร บริเวณรอบของพื้นที่ว่างดังกล่าวได้ถูกล้อมรอบด้วยป่าไม้รกทึบ ซึ่งประชาชนหรือชาวบ้านทั่วไปยากที่จะเดินทางเข้าถึงได้ ภายในพื้นที่ว่างดังกล่าวพบเป็นสิ่งปลูกสร้างประมาณ 8-9 หลังคาเรือน ต่างจากบ้านพักของชนกลุ่มน้อยที่ส่วนใหญ่จะมีลักษณะหลังคามุงใบจากหรือใบหญ้า แต่ที่น่าสังเกตคือบ้านพักบางหลังมีลักษณะเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ดูมั่นคง มุงหลังคาด้วยกระเบื้องสีส้ม ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะหากเป็นบ้านพักของชนกลุ่มน้อยจะต้องเป็นหลังคาที่ทำจากใบไม้หรือหญ้าเท่านั้น

         ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จุดที่สองเป็นพื้นที่ว่างถูกตัดถางป่าไม้เป็นลักษณะวงกลมขนาดเล็กกว่าจุดแรก ห่างไปทางทิศตะวันตกประมาณ 200 เมตร เมื่อกล้องดาวเทียมซูมเข้าไปดูในระยะใกล้จะพบเป็นเพียงพื้นที่ว่างเปล่าเท่านั้น ไม่มีสิ่งปลูกสร้างหรืออะไรที่ผิดปกติ โดยพื้นที่ว่างจุดแรกมาถึงจุดที่สองมีการสร้างถนนตัดผ่านและเชื่อมต่อกัน ส่วนจุดที่สามเป็นจุดที่น่าสังเกต เนื่องจากมีพื้นที่ป่าถูกโคนเป็นบริเวณกว้างมาก มีถนนตัดเชื่อมกับจุดที่สองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือไม่ถึง 100 เมตร จุดนี้อยู่บนสันเขาเดียวกันกับจุดแรกที่พบการสร้างสิ่งปลูกสร้าง

         นอกจากนี้บริเวณจุดที่สามยังอยู่ใกล้เคียงกับจุดที่เฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กตก รวมทั้งบริเวณทิศใต้ของพื้นที่ว่างจุดที่สามยังพบการตัดถนน 2 เส้นทาง โดยเส้นทางแรกจะเชื่อมต่อมายังจุดพื้นที่ว่างที่สอง และอีกเส้นทางจะถูกตัดเป็นถนนที่ใช้ลงจากภูเขา

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากพิจารณาจากภาพผ่านดาวเทียมจะพบว่าพื้นที่รอบๆ ของจุดต้องสงสัยทั้ง 3 ไม่พบร่องรอยผู้คนอยู่อาศัยเลย ดังนั้น สิ่งปลูกสร้างซึ่งมาอยู่บนสันเขาป่าทึบ โดยมีความสูงไม่ต่ำกว่า 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล จึงเป็นเรื่องผิดปกติอย่างแน่นอน โดยภาพถ่ายดังกล่าวมีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) แต่มีความละเอียดของภาพน้อย เห็นแค่จุดขาวๆ 3 จุดบนสันเขาดังกล่าว แต่เมื่อดูผ่านกล้องดาวเทียมจริงที่มีความละเอียดของภาพสูง จะเห็นสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวอย่างชัดเจน

         วันเดียวกัน พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์ ส.ว.ชุมพร ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร วุฒิสภา เปิดเผยว่า วันที่ 2 ส.ค.นี้ทาง กมธ.ทหาร วุฒิสภา จะเตรียมลงพื้นที่ เพื่อเยี่ยมนายทหารที่บริเวณหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ จ.กาญจนบุรี เพื่อสอบถามถึงข้อมูลและข้อเท็จจริง ภายหลังเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกตกที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานถึง 3 ลำติดต่อกัน เบื้องต้นได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่แล้ว โดยจะนำเงินช่วยเหลือไปมอบให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

         ด้านพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีการมองว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. แสดงอารมณ์ไม่พอใจสื่อมวลชนในการชี้แจงเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่เชื่อมโยงกับการทุจริตจัดซื้ออาวุธยุทโธ ปกรณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มีอารมณ์ในการชี้แจงข้อเท็จจริง แต่จะให้ความสำคัญกับประชาชนในเรื่องของข้อเท็จจริงต่างๆ ปกติ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนรับฟังข้อมูลข่าวสารจากทุกฝ่ายและในฐานะที่ ผบ.ทบ.เป็นหัวหน้าหน่วย ของกองทัพบก เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นที่อาจส่งผลเสียต่อกองทัพจึงจำเป็นต้องออกมาชี้แจง เพื่อให้เกิดความถูกต้องและชัดเจน หากประชาชนได้รับข้อมูลที่เป็นเท็จอาจทำให้กองทัพได้รับความเสียหาย แม้บุคลิกของพล.อ.ประยุทธ์อาจดูเหมือนเป็นคนเด็ดเดี่ยวและเฉียบขาด แต่ทหารทุกคนรู้ว่า โดยพื้นฐานเป็นคนที่จิตใจโอบอ้อมอารี รับฟังความคิดเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชา และเป็นห่วงลูกน้องทุกคนอย่างที่สุด

         พ.อ.สรรเสริญกล่าวอีกว่า ขณะนี้พล.อ. ประยุทธ์แสดงความเป็นห่วง 2 เรื่อง คือ 1.เรื่อง การรับรู้ข้อมูลข่าวสารและความจริงต่างๆ ต่อประชาชน รวมทั้งเป็นห่วงต่อข้อคิดเห็น โดยเฉพาะที่มองว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ยอมรับข้อมูลหรือข้อเท็จจริง แต่ความจริงพล.อ.ประยุทธ์ให้ความสำคัญเกี่ยวกับข้อเท็จจริงทั้งหมด และต้องการสื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลและข้อเท็จจริงด้วย เพราะห่วงว่าข่าวสารที่ออกมาอาจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ซึ่งสื่อจะสังเกตได้ว่าพล.อ.ประยุทธ์พยายามตอบคำถามสื่อมวลชนทุกคำถาม 2.ตอนนี้พล.อ.ประยุทธ์สั่งการไปยังหน่วยแพทย์ในสังกัดกองทัพบก และค่ายทหารต่างๆ ในพื้นที่ ให้ดูแลขวัญกำลังใจและสุขภาพของผู้บาดเจ็บ รวมถึงญาติผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก นอกจากนี้ต้องดูแลนักบินของ กองทัพบกและศูนย์การบิน เพื่อให้นักบินเกิดความมั่นใจว่าร่างกายของนักบินมีความพร้อมปฏิบัติภารกิจได้

         จ.กาญจนบุรี เวลา 10.00 น. ที่วัดทุ่งลาดหญ้า ต.ลาดหญ้า อ.เมือง ญาติและกองกำลังพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์จำนวนมาก ร่วมกันทำบุญเลี้ยงพระ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับพล.ต. ตะวัน เรืองศรี ผบ.พล.ร.9 กกล.สุรสีห์ และร.อ.เจตน์ สุดใจ รองผบ.ร้อยลาดตระเวนระยะไกล 9 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ แบล็กฮอว์กตก โดยจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 1 ส.ค.นี้ เวลา 16.00 น.

         นอกจากนี้ ที่วัดเบญจพาด ต.พังตรุ อ.พนม ทวน ญาติและเพื่อนทหาร ร่วมกันจัดงานทำบุญเลี้ยงพระเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ส.ต.อิทธิศักดิ์ หิณะสุทธิ์ พนักงานวิทยุโทรเลข สังกัดร้อย. ลว.ไกล 9 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เดียวกัน และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 30 ก.ค.นี้ เวลา 16.00 น.

         ต่อมาเวลา 17.18 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) มีช่วงข่าวพิเศษที่ใช้ชื่อว่า "เทปจากแบล็กฮอว์ก งานสุดท้ายของ ศรวิชัย คงตันนิกุล" โดยมีการนำภาพถ่ายที่นายศรวิชัยบันทึกไว้ก่อนที่ แบล็กฮอว์กจะขึ้น จนถึงช่วงเวลาที่เฮลิคอปเตอร์ ตกลงมา ซึ่งช่วงแรกของรายการเป็นการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านกล้องวิดีโอ ที่นำกล้องวิดีโอของนายศรวิชัยที่บันทึกภาพไว้มาซ่อมแซม

         สำหรับภาพสุดท้ายที่นายศรวิชัยบันทึกไว้ เริ่มตั้งแต่เวลา 09.20 น. วันที่ 19 ก.ค. เป็นภาพพล.ต.ตะวันนั่งแถลงข่าวอยู่ในห้องประชุม เพื่อชี้แจงถึงการนำศพทหารที่เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ฮิวอี้ตกออกจากป่าแก่งกระจาน ซึ่งภาพกระตุกเป็นระยะๆ ก่อนจะตัดมาเป็นภาพเจ้าหน้าที่ป่าไม้กำลังรับฟังข่าวจากวิทยุสื่อสารภายในห้อง จากนั้นเวลา 10.15 น. พล.ต.ตะวันพูดคุยกับนายทหารที่เกี่ยวข้องถึงการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ เวลา 11.00 น. ทหารที่จะขึ้นไปปฏิบัติการรับแจ้งว่าอากาศปิด และเวลา 11.15 น. พล.ต.ตะวันกำลังพูดคุยกับนายทหารคนหนึ่งถึงการปฏิบัติการครั้งนี้

         จากนั้นตัดภาพเป็นบรรยากาศภายใน แบล็กฮอว์กขณะกำลังนำเครื่องขึ้นบิน ก่อนจะตัดภาพขณะที่แบล็กฮอว์กกำลังบินผ่านป่าและภูเขา โดยยังมีฝนตกลงมาเป็นระยะๆ จากนั้นแบล็กฮอว์กบินเหนือป่าแก่งกระจาน ซึ่งสภาพอากาศเปิดอยู่ ต่อมาขณะแบล็กฮอว์กกำลังบินหาจุดเป้าหมายก็เริ่มมีเมฆลอยปกคลุมบนเขามากขึ้น และได้จับภาพมาในเครื่องขณะพล.ต. ตะวันกำลังชะโงกออกมาหาเป้าหมายด้านล่าง ก่อนเป็นภาพของสภาพอากาศที่เลวร้ายมากยิ่งขึ้น และแบล็กฮอว์กกำลังพยายามบินวนหาจุดเป้าหมายอีกครั้ง โดยสภาพภายนอกยังมีเมฆ มากเช่นเดิม จากนั้นเป็นภาพนักบินหาพิกัดของเป้าไม่พบและมีเมฆลอยอยู่จำนวนมาก ก่อนที่ภาพจะตัดหายไป

         ที่จ.นครศรีธรรมราช เวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุมโรงเรียนนบพิตำวิทยา อ.นบพิตำ ชาวบ้านในพื้นที่ประมาณ 1,000 คน จัดพิธีทำบุญและบริจาคเงินอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตและช่วยเหลือครอบครัวทหารที่เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในอ.แก่งกระจาน เนื่องจาก หนึ่งนายทหารที่เสียชีวิตคือ พ.ต.ประพันธ์ เจียมสูงเนิน นักบินที่ 1 เฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก เคยมาช่วยเหลือชาวบ้านในอ.นบพิตำ เมื่อครั้งประสบภัยดินโคลนถล่มในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีพล.ต.เดชา กิ่งวงษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในงาน

         พระครูภัทรธรรมาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดถ้ำเขาเหล็ก ม.2 ต.นบพิตำ ในฐานะตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า ในนามของวัดถ้ำเขาเหล็กและชาวนบพิตำ ขอร่วมไว้อาลัยสดุดีกับทหารทุกนายที่พลีชีพเพื่อหน้าที่และประเทศ โดยอยากให้ทุกคนนึกภาพในวันที่ทหารเหล่านี้ออกมาช่วยประชาชน อย่างไม่เหน็ดเหนื่อยจนประชาชนมีชีวิตรอดปลอดภัย แต่อีกวันหนึ่งทหารคนเดิมกลับกลายเป็นศพที่อยู่ในสภาพเน่าเปื่อยไปแล้ว ดังนั้น อาตมาเชื่อว่า ชาวนบพิตำคงจะไม่ลืมความกล้าและไม่ลืมทหารเหล่านี้ ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับทหารไม่มีใครจะมาแยกออกได้

         พระครูภัทรธรรมาภรณ์ กล่าวต่อว่า ช่วงที่เฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กมาปฏิบัติหน้าที่ในอ.นบพิตำ อาตมาและชาวบ้านหลายคนถูกนำมาส่งที่ลานเฮลิคอปเตอร์แห่งนี้ โดยช่วงนั้นเกิดสภาพอากาศแปรปรวนอย่างรุนแรง ทำให้เฮลิคอปเตอร์เสียการทรงตัวและตกระดับลงไปกว่าร้อยเมตร แต่นักบินสามารถประคองเครื่องไว้ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ถือเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของชาวนบพิตำ แม้ทหารทั้งหมดจะไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่ก็เสมือนเป็นญาติพี่น้องในครอบครัวของเรา

         ด้านนางเพียร เมฆใหม่ อายุ 60 ปี ชาวบ้านหมู่ 6 ต.นบพิตำ กล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ที่ตกคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเครื่องที่เคยมาช่วยชาวบ้าน หลังจากทราบข่าวและเห็นภาพพ.ต.ประพันธ์ปักธูปลงพื้นไม่ได้ ชาวบ้านนบพิตำถือว่าเป็นลางร้ายและควรห้ามไม่ให้บินต่อไป ในที่สุดก็เกิดความสูญเสียขึ้น โดยตอนยังหาเฮลิคอปเตอร์ที่ตกไม่พบ ชาวบ้านทุกคนช่วยกันภาวนาให้ทหารและช่างภาพปลอดภัย แต่เมื่อพบแล้วทุกคนก็เสียใจและภาวนาให้ทุกคนบนเครื่องไปสู่สัมปรายภพ 
http://redusala.blogspot.com

พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ไม่เกี่ยวข้องกับการสังหารผู้ชุมนุมเสื้อแดง
ผบ.ฮ.ตกเกี่ยวไหมกับการสังหารผู้ชุมนุมเสื้อแดง?
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
20 กรกฎาคม 2554



       เหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ค ที่บินเข้าไปรับศพเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งเสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ได้เกิดอุบัติเหตุตกในพื้นที่ป่าในฝั่งประเทศพม่า มีชื่อ พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ผบ.พล.ร.9 นำคณะไปนั้น จุดประกายความสนใจในหมู่คนเสื้อแดงครั้งใหญ่

        เนื่องจาก พล.ร.9กาญจนบุรี ถือเป็นหน่วยทหารหลักหน่วยหนึ่งที่มีบทบาทปราบปรามสลายการชุมนุมอย่างนองเลือดในช่วงวันที่ 10 เมษายน -19 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา

เกี่ยวไหม? -(ในภาพวงกลม) พล.ต.อุทิศ สุนทร ผบ.กองพลทหารราบที่ 9 ผู้รับผิดชอบในช่วงสลายการชุมนุม 10 เม.ย.-19พ.ค.53 แถลงร่วมกับผู้นำกองทัพที่มีบทบาทสลายการชุมนุม





(ในภาพ) พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ผบ.พล.ร.9 คนปัจจุบัน ช่วงเหตุการณ์สลายชุมนุมมีตำแหน่งเป็นเพียงผู้บังคับการจังหวัดทหารบกกาญจนบุรี ขณะร่วมแถลงข่าวว่าไม่มีเสื้อแดงถูกคุมขังในค่ายทหารกาญจนบุรี(ซ้ายสุดในภาพ)




        อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบแล้วพบว่า พล.ต.ตะวันอาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรับผิดชอบต่อการสลายชุมนุมแต่อย่างใด เพราะเวลานั้นไม่ได้มีตำแหน่งเป็นผบ.พล.ร.9 แต่คนที่เป็นผบ.พล.ร.9ช่วงนั้นคือ พล.ต.อุทิศ สุนทร

         ส่วน พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ในช่วงนั้นยังคงดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.จทบ.กาญจนบุรี (ผู้บังคับการจังหวัดทหารบก)ไม่มีหน้าที่ และไม่มีกำลังพลรบอยู่ในมือ เพิ่งจะได้ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน พล.ต.อุทิศ ในช่วงหลังเหตุการณ์สลายการชุมนุม

         จากการตรวจสอบมีชื่อของพล.ต.ตะวันเข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ชุมนุมปีที่แล้วเพียงดังนี้คือ ภายหลังเหตุการณ์สงบลงแล้ว เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2553 นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผวจ.กาญจนบุรี พล.ต.ต.เรวัช กลิ่นเกษร ผบก.ภ. จ.กาญจนบุรี พ.ต.อ.มนต์ชัย เรืองจรัส ผกก.ตชด.13 ค่ายพระพุทธยอดฟ้า พล.ต.อุทิศ สุนทร ผบ.กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ผบ.จทบ.กาญจนบุรี ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่มีข่าวว่ากลุ่ม นปช. บางส่วนถูกคุมขังที่ฝ่ายทหารแห่งหนึ่งของ จ.กาญจนบุรี


         โดยพล.ต.อุทิศ แถลงว่า ข่าวการควบคุมตัว นปช. ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ขอยืนยันว่าไม่มีแต่อย่างใด ส่วนที่มีการอ้างถึงค่ายทหารไทรโยค หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ค่ายฝึกสิงคโปร์ ที่ตั้งอยู่ ต.ศรีมงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี มีการยืนยันว่ามี นปช. ถูกคุมขัง ขอย้ำว่าค่ายแห่งนี้เป็นค่ายฝึก ตนเองก็เคยฝึกสมัยเป็นนักเรียนเตรียมทหาร และยืนยันว่าไม่มีการควบคุม นปช. แต่อย่างใด

         ทั้งนี้เมื่อวันก่อน เฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ค ที่บินเข้าไปรับศพเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งเสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ได้เกิดอุบัติเหตุตกในพื้นที่ป่าในฝั่งประเทศพม่า ตรงข้าม บ้านเขาไม้แดง อ.แก่งกระจาน รวมทั้งมีรายงานว่า ได้เกิดเสียงระเบิดขึ้นก่อนที่เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวจะขาดการติดต่อไป ซึ่งจุดได้ยินเสียงระเบิดอบู่ห่างจากจุดเดิมที่เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกครั้งก่อนราว 2 ก.ม.

         ในเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวมีผู้โดยสารและนักบินรวมทั้งช่างเครื่องทั้งหมด 9 คนเป็น นักบิน 2 คน ช่างเครื่อง 2 คน ส่วนที่เหลือเป็นผู้โดยสาร ซึ่งมี พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ผบ.พล.ร.9 พร้อมคณะเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนจากสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง รวมอยู่ด้วย ขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมที่แน่ชัด
http://redusala.blogspot.com