16 ส.ค. 2559 ไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้ริเริ่มก่อตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป และ อดีตแกนนำ 40 ส.ว. เปิดเผยแนวทางผลักดันให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ภายหลังการเลือกตั้งว่า พรรคประชาชนปฏิรูป จะไม่มีการเสนอบัญชีรายเพื่อชูบุคคลใด ๆ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่จะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก ตามมาตรา 272 เพียงคนเดียว และเชื่อว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี 100 % หลังจากรัฐสภาที่ประกอบไปด้วย ส.ส.และ ส.ว.ไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีตามบัญชีของพรรคการเมืองในระบบปกติได้ ทั้งนี้ตนขอประเมินว่าภายหลังการเลือกตั้งปลายปี 2560 พรรคประชาชนปฏิรูปจะได้ ส.ส.เข้ามามากพอสมควร เนื่องจากประชาชนเบื่อหน่ายระบบการเมืองแบบเก่า ขณะที่พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ จะได้ ส.ส.ลดลง ร้อยละ 20 จากผลการเลือกตั้งปี 2554 จากเดิมที่พรรคเพื่อไทยได้ส.ส.ประมาณ 270 เสียง และพรรคประชาธิปัตย์ได้ประมาณ 160 เสียง
“ดังนั้นในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีตามบัญชีรายชื่อ จะมีเพียงพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ เสนอชื่อบุคคลตามบัญชีของพรรคการเมือง เสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น และเชื่อว่าสุดท้ายทั้ง 2 พรรคจะไม่มีใครได้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะร่วมกับพรรคการเมืองอื่น ๆ เนื่องจากคะแนนเสียงสนับสนุนไม่เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา หรือเกินจำนวน 375 เสียง เนื่องจากวุฒิสภา จำนวน 250 เสียง พรรคประชาชนปฏิรูป และพรรคการเมืองอื่น ๆ จะงดออกเสียง หรืออีกกรณีพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ จับมือร่วมกัน โดยมีพรรคขนาดกลางเป็นรัฐบาลเป็นส่วนประกอบ แม้เสียงของพรรคทั้งหมดก่อนโหวตนายกรัฐมนตรีจะเกิน 375 คนก็ตาม แต่สุดท้ายเชื่อว่าจะทำไม่สำเร็จ เพราะจะมี ส.ส. ที่โหวตสวนมติพรรคอย่างแน่นอน เพราะถือว่าเป็นการทำร้ายจิตใจประชาชนอย่างร้ายแรง หรืออาจประเมินว่าการทำงานในอนาคตก็ไม่สามารถไปกันรอด เพราะคนละอุดมการณ์” ไพบูลย์ กล่าว
ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า เมื่อเข้าเงื่อนไขตามที่ตนคาดการณ์เอาไว้ สุดท้ายจะมีการเจรจากันเองของส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร และรวบรวมเสียงของส.ส. จำนวนกึ่งหนึ่ง หรือไม่น้อยกว่า 250 คน ยื่นเรื่องให้ประธานรัฐสภาเพื่อเปิดประชุมรัฐสภา ของดเว้นรายชื่อจากบัญชีพรรคการเมือง เนื่องจาก ส.ส.ส่วนใหญ่ ต้องการให้มีรัฐบาลโดยเร็ว และไม่ต้องการให้สภาพการเมืองเป็นสุญญากาศ ที่คสช. ยังอยู่ในอำนาจต่อไปไม่มีที่สิ้นสุดหากยังไม่มีรัฐบาลชุดใหม่ จากนั้นเมื่อเปิดประชุมรัฐสภาได้แล้ว ส.ส. และส.ว.ก็จะใช้เสียง 2ใน 3 ของรัฐสภา เพื่อลงมติงดเว้นเลือกนายกรัฐมนตรีตามบัญชีพรรคการเมือง ตามข้อยกเว้นมาตรา 272 จากนั้นพรรคประชาชนปฏิรูป ก็จะกลับไปรวมลงชื่อกับ ส.ส.พรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และเชื่อว่ารัฐสภาก็จะให้ความเห็นชอบลงมติเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกในที่สุด
“สาเหตุที่พรรคประชาชนปฏิรูปเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีภายหลังเลือกตั้ง เนื่องจากมีความเหมาะสมที่สุด เพราะมีคุณสมบัติ 3 ประการ คือ 1.เป็นคนดี 2.ซื่อสัตย์ 3. มีความสามารถ ขณะที่นักการเมืองหรือคนอื่น ๆ ในช่วงเวลานี้ไม่มีคุณสมบัติครบ 3 ข้อแบบไม่เห็นฝุ่น” ไพบูลย์ กล่าว
สนช.ดัน ส.ว.แต่งตั้งร่วมเสนอนายกฯคนนอกได้เลย ไม่ต้องให้ส.ส.เสนอก่อน
ทวีศักดิ์ สูทกวาทิน รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็นเพื่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ของ สนช. กล่าวว่า ก่อนวันที่ 19 ส.ค. กมธ.สามัญพิจารณาศึกษาฯ จะประชุมเพื่อหาข้อสรุปในประเด็นการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับคำถามพ่วงว่า จะต้องแก้มาตราใดบ้าง โดยจะส่งตัวแทนจากคณะกรรมการฯไปชี้แจงต่อสมาชิก กรธ. ส่วนประเด็นในมาตรา 272 เรื่องการงดเว้นนายกฯนอกบัญชีนั้น ตนเห็นด้วยกับ สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่หนึ่งว่า ในเมื่อในการประชุมรัฐสภานัดแรกเพื่อร่วมกันลงมติเลือกนายกฯแล้ว หากเลือกไม่ได้ก็ให้ขอมติ 2 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภา เพื่อให้สามารถเสนอชื่อนายกฯนอกบัญชีเลย ไม่จำเป็นต้องใช้ 2 ขยัก ให้ ส.ส. เกินกึ่งหนึ่งมีมติก่อน จึงค่อยขอเสียง 2 ใน 3 รัฐสภา ส่วนกระแสข่าวว่า จะมีข้อเสนอให้ ส.ว. มีอำนาจอภิปรายไม่ไว้วางใจได้นั้น ตนไม่เคยได้ยิน ซึ่งในคำถามพ่วงที่ถามประชาชนก็ไม่มีเรื่องนี้
กรธ. ยันต้องให้ส.ส.เสนอชื่อก่อน
เธียรชัย ณ นคร คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงแนวทางแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับคำถามพ่วงของสนช.ว่า ยังตัองหารือกันอีกครั้ง แต่กรธ.ส่วนใหญ่เห็นตามหลักการว่า ขั้นตอนการลงมติและเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี จะต้องยึดไปตามมาตรา 88 มาตรา 159 และมาตรา 272 คือ ส.ส.จะต้องเป็นผู้เสนอชื่อนายกฯตามบัญชี หากเลือกกันไม่ได้ ส.ส. จำนวน 250 คน จาก 500 คน หรือเกินกึ่งหนึ่ง จะต้องมีมติเพื่อไปขอเสียงจากสมาชิกรัฐสภา 500 คน จาก 750 คนหรือ 2 ใน 3 สำหรับการงดเว้น ให้ส.ส.สามารถเสนอชื่อนายกฯนอกบัญชีได้ กรธ.เห็นว่า สเต็ปที่วางไว้เป็นตามหลักการ ที่จำเป็นต้องคงความสำคัญของส.ส.ที่ได้เสนอบัญชีนายกฯไว้กับประชาชนก่อนการเลือกตั้ง อีกทั้งในคำถามพ่วงเองก็มีถ้อยคำเพียงให้ส.ว.มีส่วนร่วมลงมติเลือกนายกฯเท่านั้น ไม่มีถ้อยคำให้ส.ว.มีสิทธิ์เสนอชื่อนายกฯ แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องรอสมาชิกสนช.ส่งตัวแทนมาร่วมหารือวันที่ 19 สิงหาคมนี้ จึงจะทราบว่า เจตนาของคำพ่วงคืออะไร และเมื่อปรับแก้แล้วยังก็ต้อรอดูคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
เพื่อไทยทำใจฝ่ายค้านสมัยหน้า
ขณะที่ สามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการประกาศตั้งพรรคของไพบูลย์ นิติตะวัน จะเป็นการเปิดทางให้พรรคทหารโดยเฉพาะหรือไม่นั้น ตนมองว่าไม่น่าใช่ เพราะทหารคงไม่น่าจะใช้ไพบูลย์ จากที่ผ่านมาทหารไม่จำเป็นต้องตั้งพรรคเอง แต่ใช้บริการจากพรรคการเมืองเดิมที่มีอยู่ อย่างสามัคคีธรรม ซึ่งไม่เห็นประสบผลสำเร็จ แต่ถ้ารัฐธรรมนูญแบบนี้เท่ากับทหารมีพรรคการเมืองใหญ่อยู่แล้วคือส.ว. 250 คน ซึ่งจะเป็นคนกำหนดตัวนายกรัฐมนตรี เพราะเสียงส.ส. 500 คนซึ่งจะต้องแตกไปอีก คงไม่มีเสียงข้างมากพอจะสู้ได้การรวมตัวของ 250 ส.ว. บวกเสียงต่างๆ อีกได้ มองว่าทหารไม่ต้องเดือดร้อนตั้งพรรคเพียงอาศัยแนวร่วมที่มีก็พอ
สามารถ กล่าวด้วยว่า การเกิดนายกฯ คนนอก รัฐธรรมนูญเขียนเงื่อนไขว่าหากไม่สามารถเลือกนายกฯ ได้ตามที่แต่ละพรรคเสนอก็ให้งดเว้นการใช้บทบัญญัตินั้นก็เข้าสู่เส้นทางการเกิดนายกฯ คนนอกได้ ส่วนนายกฯ คนนอกไม่ขอประเมินว่าเป็นใคร แต่ดูจาสถานการณ์นายกฯ คนปัจจุบันไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธกับเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าใครมาเป็นนายกฯ คนนอก แต่เสถียรภาพหลังเกิดการเลือกตั้งจะไม่มั่นคง ถูกกดดันจากพรรคต่างๆ วุ่นวายเหมือนสมัยก่อน เกิดการต่อรอง ขอนั่นนี่ ล้มลุกคลุกคลาน จะเกิดการโทษนักการเมืองไม่ดี ทั้งที่กติกามันห่วย เทียบไม่ได้กับรัฐธรรมนูญปี 40 ที่รัฐบาลอยู่ครบ 4 ปี รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เขียนกติกาไม่ให้รัฐบาลช่วยเหลือชาวบ้านได้ จะเกิดการร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่านโยบายผิด แต่ไม่เป็นไรในเมื่อประชาชนเลือกแบบนี้ก็ใช้ไป ต่อไปส.ส. กับส.ว.จะเป็นคู่กัดกันตลอดเวลา วันนี้พรรคเพื่อไทยทำใจแล้วว่าเราคงเป็นฝ่ายค้าน เพราะเขาเขียนมาเจตนาแบบนี้อยู่แล้ว แม้เราเป็นฝ่ายค้านก็จะใช้กลไก กติกาที่เขาเขียน ทำตามกติกาและดูว่าสุดท้ายแล้วท่านจะทำงานได้หรือไม่ อย่าหาว่าเราตีรวน เพราะท่านเขียนกติกาแบบนี้เอง อีกทั้งรัฐธรรมนูญก็แก้ยาก เมื่อถึงทางตันก็วุ่นวาย