วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556

โปรดอย่าอวดรวย ช่วยอวดสำนึกประชาธิปไตย

โปรดอย่าอวดรวย ช่วยอวดสำนึกประชาธิปไตย

              ภาพมวลมหาประชาชนนำธนบัตรมากมายไปยื่นให้ สุเทพ เทือกสุบรรณ บนถนนกลางกรุงสร้างความตื่นตะลึงปนขุ่นเคืองใจให้แก่คนมีเงินไม่ค่อยพอใช้อย่างข้าพเจ้ายิ่งนัก นี่ยังไม่นับรวมกับเสียงของผู้เข้าร่วมชุมนุมกับม็อบนกหวีดที่ย้ำซ้ำ ๆ ผ่านสื่อต่าง ๆ ว่าพวกเขาเป็นชนชั้นกลางและชนชั้นสูงฐานะดีมีอันจะกิน 


            ข้าพเจ้าพอเข้าใจอยู่ว่ามวลมหาประชาชนของคุณสุเทพนั้นไม่ได้แค่อยากจะอวดร่ำอวดรวยตามประสาผู้ดีมีเงินเท่านั้น แต่พวกเขาอยากแสดงสัญลักษณ์เพื่อสื่อว่าพวกเขามาชุมนุมด้วยความสมัครใจไม่ได้มีใครจ้างวาน และยังต้องการเปรียบเทียบกับการชุมนุมเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายที่พวกเขาเชื่อว่ามาเพราะการ “ซื้อ” หรือจ้างวานโดยนักการเมือง หรือกล่าวอีกอย่างได้ว่าการเคลื่อนไหวของชาวม็อบนกหวีดนั้น “บริสุทธิ์” กว่าการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายหนึ่ง

            วาทกรรมซื้อสิทธิขายเสียงถูกตอกย้ำในสังคมไทยจนกระทั่งเรามักเข้าใจว่า เงิน กับ ประชาธิปไตย เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ทั้ง ๆ ที่สองเรื่องนี้อาจเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกันก็ได้

             เงินถูกใช้เป็นดัชนีชี้วัด “ความบริสุทธิ์” ของการต่อสู้ทางการเมืองเสมอมา หากพรรคการเมืองใดใช้เงินในการหาเสียงเลือกตั้งเป็นจำนวนมากก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อกันว่าชัยชนะที่ได้มานั้นไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม อย่างไรก็ตามมีผลการสำรวจที่เปิดเผยออกมาแล้วว่าการใช้เงินมากก็ใช่ว่าจะทำให้ได้ชัยชนะ ส่วนผู้ที่ได้รับชัยชนะก็ใช่ว่าจะเป็นเพราะเงิน

             ขณะที่คนชั้นล่างถูกประณามว่าซื้อได้ด้วยเงิน คนที่เรียกตนเองว่าชนชั้นกลางและชนชั้นสูงในม็อบนกหวีดกลับกำลังใช้เงินซื้อชัยชนะทางการเมืองแบบผิดครรลองด้วยเช่นกัน เพราะเงินของพวกเขาถูกใช้ไปกับการพยายามล้มล้างการต่อสู้ทางการเมืองที่ถูกต้องชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย กล่าวอย่างที่สุดก็คือพวกเขากำลังสนับสนุนการเคลื่อนไหวที่จะทำอย่างไรก็ได้เพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ เพราะอาจเดาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าหากสู้กันตามเกมคงไม่ชนะ

             มองไปข้างหน้า หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้ และบังเอิญว่าพรรคที่ชนชั้นกลางและชนชั้นสูงไม่นิยมได้คะแนนเสียงท่วมท้นขึ้นมาก็จะมีการสร้างคำอธิบายโดยใช้ฐานะทางเศรษฐกิจเป็นดัชนีชี้วัดระดับความเข้าใจเรื่องการเมืองการปกครองกันอีก ด้วยการบอกว่าคนชนบทลงคะแนนด้วยความหลงใหลหรือแม้กระทั่งเป็นเหยื่อของนโยบายประชานิยมที่ทำให้คนยากคนจนอย่างพวกเขามีเงินทองจับจ่ายใช้สอยคล่องมือมากขึ้น ต่างจากผู้ดีมีอันจะกินที่ตัดสินใจเลือกลงคะแนนโดยไม่หวังผลประโยชน์เฉพาะหน้า

            ข้าพเจ้าคิดว่าถ้าคนยากคนจนจะตัดสินใจลงคะแนนแบบนั้นหรือแบบไหนมันก็เป็น “สิทธิ” ของพวกเขา เพราะไม่เคยมีกติกาประชาธิปไตยข้อใดที่ระบุว่าเราควรลงคะแนนเสียงให้แก่พรรคที่ทำให้เรายากจนเท่าเดิมหรือย่ำแย่ลงกว่าเดิม และทั้งไม่มีใครจะมากำหนดได้ว่าเหตุผลในการลงคะแนนแบบไหนจึงจะเป็นเหตุผลที่ดีที่ชอบ

            กติกาประชาธิปไตยในเรื่องนี้มีเพียงอย่างเดียวคือประชาทุกคนมี “หนึ่งสิทธิเท่ากัน” ที่จะตัดสินใจทางการเมืองด้วยการเลือกผู้แทนที่เราพอใจให้ไปใช้อำนาจอธิปไตยแทนเรา

            การมีเงินหรือไม่มีเงินในที่นี้จึงไม่เกี่ยวอะไรกับความเข้าใจในเรื่องการเลือกตั้งและสำนึกประชาธิปไตย  และการอวดร่ำอวดรวยกลางถนน ก็เป็นคนละเรื่องกันแน่ ๆ กับการอวดสำนึกประชาธิปไตย

             การที่ใครมีเงินมากกว่าไม่ได้หมายความเลยว่าเขาจะมีสำนึกประชาธิปไตยเหนือกว่าคนอื่น เพราะพื้นฐานของสำนึกประชาธิปไตยคือการเคารพสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนอื่นเท่ากับที่เคารพสิทธิและศักดิ์ศรีของตนเอง

           ดังนั้น การที่ผู้ดีมีอันจะกินใช้เงินมาตบหน้าเย้ยหยันคนยากคนจนบนท้องถนนกลางเมืองแบบนั้น มันจึงตรงกันข้ามกับการแสดงสำนึกประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง

ถ้าอยากอวดสำนึกประชาธิปไตยกันจริง ๆ ละก็ ไปเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นี้เถอะค่ะ
- See more at: http://blogazine.in.th/blogs/noname/post/4515#sthash.U9PCqIE0.dpuf

ยุกติ มุกดาวิจิตร: 10 ข้อไม่ไว้วางใจ กปปส.

ยุกติ มุกดาวิจิตร: 10 ข้อไม่ไว้วางใจ กปปส.

            การปฏิรูปก่อนเลือกตั้งคือการยึดอำนาจของ กปปส. เพื่อจัดตั้งสภาประชาชน ไม่มีทางที่การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งจะเป็นการปฏิรูปที่ปวงชนชาวไทยจะมีส่วนร่วม เนื่องจาก...
  • 1) "กปปส. มองคนไม่เท่ากัน" ทั้งแกนนำและผู้นำความคิดของ กปปส. ดูถูกคนจน ดูถูกคนการศึกษาน้อย ดูถูกคนชนบท

  • 2) "กปปส. จะทำเพียงเพื่อประโยชน์สุขของคนบางกลุ่ม" ในเมื่อเริ่มต้น กปปส. ก็เริ่มคิดจากการเห็นคนไม่เท่ากัน ไม่ยอมรับอำนาจการตัดสินใจของคนเท่ากันแล้ว กปปส. จะสามารถคิดแทนคนที่ตนเองดูถูกหรือ กปปส. จะทำเพื่อประโยชน์สุขของคนทั้งประเทศ หรือเพื่อเอื้อประโยชน์พวกพ้องตนเองเท่านั้นกันแน่

  • 3) "กปปส. ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนส่วนใหญ่" เพียงแค่อ้างการลุกฮือของคนกลุ่มเดียว แต่กลับไม่ยอมรับการตัดสินใจของปวงชนชาวไทยด้วยการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แสดงว่า กปปส. เองก็ไม่มั่นใจว่าการกระทำของตนจะได้รับการยอมรับในวงกว้างแค่ไหน

  • 4) "ประเทศชาติจะไม่สงบสุขหลังการขึ้นสู่อำนาจของ กปปส." เนื่องจากประชาชนไม่ได้ให้ฉันทานุมัติ หากมีการลุกฮือของประชาชนอีกกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับ กปปส. กปปส. จะยอมรับโดยดีหรือไม่ หากมีการปะทะกันรุนแรงจะทำอย่างไร

  • 5) "กปปส. จะไม่มีประสิทธิภาพ จะใช้ความรุนแรงจัดการปัญหา และจะฉ้อฉลโกงกินอย่างขนานใหญ่" ข้อนี้ประเมินได้จากประสบการณ์ของการบริหารประเทศใต้อำนาจของผู้นำ กปปส. ในอดีต

  • 6) "กปปส. ไร้ประสิทธิภาพตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน" จนถึงทุกวันนี้ กปปส. ยังไม่มีแผนการปฏิบัติงานที่ชัดเจนเป็นรูปเป็นร่าง แม้แต่ที่มาของสภาประชาชนจะเป็นอย่างไรก็ยังไม่ชัดเจน ยังคิดไม่จบ แล้วจะมาทำงานใหญ่ได้อย่างไร ใครจะบริหารประเทศ ใครจะร่างกฎหมาย อย่างไร

  • 7) "ใครจะตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจของ กปปส. และสภาประชาชน" ในเมื่อ กปปส. จะมีอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว จะมีโครงสร้างอะไรมาตรวจสอบ แล้วการตรวจสอบนั้นยึดโยงกับประชาชนอย่างไร

  • 8) "ไม่มีหลักประกันอะไรว่าข้อเสนอการปฏิรูปของ กปปส. และสภาประชาชนจะแก้ปัญหาประเทศได้" เพราะคณะรัฐประหารที่ผ่านมาซึ่งมีอำนาจมากกว่า กปปส. ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ปัญหาการเมือง ปัญหาการซื้อเสียงได้ แต่การแก้ปัญหาเหล่านี้ต้องช่วยกันคิด ต้องใช้เวลา ต้องอดทน ลำพังอำนาจเบ็ดเสร็จไม่เคยสามารถทำได้

  • 9) "ไม่มีกระบวนการให้ประชาชนยอมรับข้อเสนอของ กปปส. และสภาประชาชน" หากใช้ประชามติ ทำไมไม่ขอประชามติผ่านการเลือกตั้ง เช่น พรรคการเมืองที่สนับสนุน กปปส. อย่างประชาธิปัตย์ควรเสนอนโยบายว่าจะทำตาม กปปส. และจะจัดตั้งสภาประชาชน ให้ปวงชนชาวไทยตัดสินว่าจะเอาด้วยไหม หากผลออกมาแล้วประชาชนไม่ยอมรับ กปปส. จะยอมรับประชาชนหรือไม่

  • 10) "ไม่มีหลักประกันอะไรว่า กปปส. และสภาประชาชน จะอยู่ไปนานแค่ไหน" เมื่อใดกันแน่ที่ กปปส. จะคืนอำนาจให้ประชาชน และเมื่อคืนอำนาจแล้ว หากระบบไม่เป็นไปตามที่ กปปส. คาดหวัง แกนนำ กปปส. จะนำมวลชนลุกฮือก่อความวุนวายหลังการคืนอำนาจอีกหรือไม่ เมื่อไหร่จะเกิดความสงบสุข
- See more at: http://blogazine.in.th/blogs/yukti-mukdawijitra/post/4512#sthash.yCq5OqB4.dpuf

"พานทองแท้" ติงประชาธิปัตย์ ขี้แพ้ชวนตี


"พานทองแท้" ติงประชาธิปัตย์ ขี้แพ้ชวนตี

               24 ธันวาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 11.30 น. ที่ผ่านมา นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatraโดยมีเนื้อหาดังนี้




"ขี้แพ้ชวนตี" 

คือคำนิยามการกระทำของ "พรรคประชาธิปัตย์" ที่ชัดตรงที่สุดในเวลานี้ครับ


คุณจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งก็ไม่มีใครว่า แต่การขัดขวางการเลือกตั้ง ถือเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายที่สุด ถือเป็นการปล้นอำนาจของประชาชน ที่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตยครับ..!!

ฟังข่าวตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน พรรคการเมืองเดินทางมาสมัครทั้งสิ้น 35 พรรคฯ สามารถสมัครได้ 9 พรรคฯ อีก 26 พรรคฯเดินทางไปแจ้งความไว้ที่สน.ดินแดง ว่าไม่สามารถสมัครรับเลือกตั้งได้เพราะถูกม็อบประชาธิปัตย์ขัดขวางไม่ให้ลงสมัคร ทำให้การจับเบอร์ไม่สามารถกระทำได้ กกต.ต้องประกาศเลื่อนการจับเบอร์ออกไปก่อน

35 พรรคฯต้องการลงสมัคร ได้ยินเพียงพรรคเดียวคือ พรรคประชาธิปัตย์ที่บอยคอตเลือกตั้ง อ้าววว...!! แล้วไหนบอกคนทั้งประเทศ ไม่อยากให้มีการเลือกตั้งไงครับ..??

แกนนำม็อบก็มาจากพรรคประชาธิปัตย์ล้วนๆ
สส.ที่ลาออกเป็นร้อยคนจนหมดพรรคก็ประชาธิปัตย์ล้วนๆ
พรรคฯที่บอยคอตเลือกตั้งก็พรรคฯประชาธิปัตย์ล้วนๆ
มีถึง 35 พรรคที่เขาต้องการให้มีการเลือกตั้ง มีประชาธิปัตย์พรรคเดียวที่ไม่ต้องการเลือกตั้ง
แบบนี้สรุปได้หรือไม่ครับว่า ผู้ที่มาชุมนุมต้องการให้ล้มการเลือกตั้งอยู่ในเวลานี้
ก็คือ สาวกของพรรคประชาธิปัตย์ล้วนๆ..!!

นี่ประเทศไทยต้องเปลี่ยนกฏกติกา ที่ทั้ง 35 พรรคการเมืองยอมรับ ให้ถูกใจพรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียวเสียก่อน บ้านเมืองจึงจะสงบ มีการเลือกตั้งได้งั้นหรือ ไม่เป็นอภิสิทธิ์ชนไปหน่อยหรือครับ..??

จริงๆแล้วพรรคประชาธิปัตย์ กลัวความจริงจะปรากฏอยู่ในหีบเลือกตั้ง ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 ว่าคนที่เห็นด้วยกับแนวทางเว้นวรรคหรือ "สูญญากาศ ประชาธิปไตย" ก็คือสาวกของพรรคประชาธิปัตย์ล้วนๆ ไม่ใช่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ตามที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวอ้างใช่หรือไม่??

ผมขอแนะนำ แนวทางของผู้กล้าในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งจะปราศจากความวุ่นวาย และไร้ซึ่งการสูญเสียว่า

วิธีการไล่ "ยิ่งลักษณ์" ที่ได้ผลชะงัดที่สุด คือพรรคประชาธิปัตย์และสาวกทั้งหลาย กลับตัวกลับใจเลิกม็อบซะ และรีบไปสมัครรับเลือกตั้งกันเสีย แล้ววันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 มวลมหาประชาชน ที่รักชาติรักแผ่นดินทั้งหลาย ก็จงออกไปเลือกตั้งกันให้มืดฟ้ามัวดิน ถ้าพี่น้องไทยไม่นิยมพรรคเพื่อไทย อย่างที่ม็อบอดีตสส.ประชาธิปัตย์กล่าวหาแล้ว "ยิ่งลักษณ์" ย่อมหมดสิทธิ์ที่จะเป็นนายกฯ โดยที่ไม่ต้องออกมาม็อบ ให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อนเช่นทุกวันนี้

"ระบอบเทพเทือก" ย่อมมาแทนที่ "ระบอบทักษิณ" แน่นอนครับ

ภาพโจร "ม็อบนกหวีด" กล้องวงจรปิด บุกขโมยเซิร์ฟเวอร์ศูนย์ราชการ นนทบุรี


ภาพโจร "ม็อบนกหวีด" กล้องวงจรปิด บุกขโมยเซิร์ฟเวอร์ศูนย์ราชการ นนทบุรี









           ที่เว็บไซต์ชื่อดัง พันทิพย์ ได้มีกระทู้เผยแพร่ภาพม็อบนกหวีด ที่เข้าไปขโมยเซฟเวอร์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ศูนย์ราชการ นนทบุรี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ม็อบกบฏสุเทพ ยึดอาคารไว้ ภายในภาพดังกล่าวปรากฏเวลาว่าเข้าไปในวันที่ 6 ธันวาคม เวลาประมาณ 12.18 น. คนร้ายงัดเอาเซิร์ฟเวอร์วงจนปิดไป แต่ไม่รู้จักว่าอุปกรณ์นี้คืออะไร จึงเอาไปทิ้ง และมีคนเก็บได้ส่งให้ตำรวจ พอเปิดดูจึงรู้ว่าเป็นเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดในห้องทำงานนั้นเอง

คนขับรถ สาธิต ปิตุเดชะ สมุนประชาธิปัตย์ ปาระเบิด สน.ดินแดง

ประมวลข่าว: กปปส. ล้อมสถานีตำรวจดินแดง-ไม่พอใจการรายงานข่าวของสื่อ
            ผู้ชุมนุมกปปส. ล้อมสนามกีฬาฯ ไทย-ญี่ปุ่นและสน.นครบาลดินแดง โดยเมื่อราว 11.30 น เกิดเหตุเสียงดังคล้ายระเบิดบริเวณใกล้เคียง ทำให้เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย ในขณะที่ผู้ชุมนุมปิดไม่ให้ผู้สมัครและสื่อมวลชนออกมาได้จนกระทั่งราว 16.00 น.

23 ธ.ค. 2556 เว็บไซต์มติชน รายงานที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง นายบุญส่ง น้อยโสภณ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองและออกเสียงประชามติ และนายประวิช รัตนเพียร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ร่วมกันแถลงข่าวการเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดงเป็นวันแรก

นายศุภชัยกล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ กกต.เปิดให้มีการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดยมีพรรคการเมือง 9 พรรค ที่เข้ายื่นเอกสารและหลักฐานการสมัครที่อาคารกีฬาเวศน์ 2 ส่วนอีก 25 พรรค ไม่สามารถเข้ายื่นเอกสารการสมัครที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ได้จึงได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สน.ดินแดงและกองบังคับการกองปราบปราม การส่งเจ้าหน้าที่ไปยัง สน.ดินแดงก็เพื่อตรวจสอบเบื้องต้นว่า ผู้ที่ไปลงบันทึกประจำวันเป็นผู้รับมอบอำนาจจากหัวหน้าพรรคการเมืองจริงหรือไม่เท่านั้น

นายสมชัยกล่าวว่า กกต.ยืนยันว่าจะดำเนินการรับสมัค รส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อไปตามกำหนดการเดิม ระหว่างวันที่ 23-27 ธันวาคม 2556 เวลา 08.30-16.30 น. จนถึงขณะนี้ กกต.ยังไม่มีมติเปลี่ยนแปลงสถานที่รับสมัครและยังไม่ขยายเวลารับสมัคร ดังนั้นผลของการยื่นเอกสารสมัครรวมถึงการลงบันทึกประจำวันของพรรคการเมืองต่างๆ ยังถือว่าไม่เป็นการรับสมัครที่สมบูรณ์เพราะยังไม่ได้ตรวจสอบเอกสาร ยังไม่มีการลงนามโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และพรรคการเมืองยังไม่ได้ชำระเงิน

นอกจากนี้ กกต.ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควรตรวจสอบเอกสารและคุณสมบัติต่างๆ ของผู้สมัคร จึงยืนยันได้ว่า กกต.จะยังไม่จับสลากหมายเลขในวัน 23 ธันวาคม ส่วนข้อกล่าวหาที่ระบุว่า กกต.ลักหลับ เปิดรับสมัครตั้งแต่ช่วงเวลา 03.00 น. นั้น ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการเข้ามายื่นแสดงความจำนงว่าพรรคการเมืองจะลงสมัครรับเลือกตั้งเท่านั้น ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า กกต.เปลี่ยนสถานที่ไปรับสมัครตามโรงพักนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะการเปิดรับสมัครทำได้ที่เดียวคืออาคารกีฬาเวสน์ 2 ซึ่งเป็นไปตามที่ประกาศไว้ในราชกิจานุเบกษา

“การที่แจ้งให้พรรคการเมืองไปโรงพักเพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันว่า มาถึงแล้วแต่เข้าไปสมัครไม่ได้ โดย กกต.จะถือเอาเวลาในการลงบันทึกประจำวันมาใช้ประกอบการจับสลาก โดยพรรคที่ลงบันทึกประจำวันหลังเวลา 08.30 น. จะได้เบอร์เรียงต่อจากพรรคที่มาก่อนเวลา 08.30 น. ถึงอย่างไรการรับสมัครก็ต้องทำภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 แม้จะต้องโรยตัวลงไปก็ตาม ส่วนที่มีข่าวว่า กกต.จะย้ายสถานที่รับสมัครและจับสลากที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นั้น ไม่เป็นความจริง ไม่สามารถทำได้จนกว่า กกต.จะมีมติ โดย กกต.จะประชุมกันทุกวันเพื่อประเมินสถานการณ์ ขณะนี้ยังต้องรอดูจนถึงวันที่ 27 ธันวาคม จึงจะตัดสินใจได้ว่าจะนัดให้แต่ละพรรคการเมืองมาจับสลากหมายเลขในวันเวลาใด ซึ่ง กกต.จะต้องประกาศและดำเนินการอย่างโปร่งใสและเปิดเผยต่อหน้าสักขีพยานและสื่อมวลชน โดยทุกพรรคการเมืองต้องเข้ามามีส่วนร่วม”
กกต. ยังไม่ฟันกปปส. ล้อมสนามกีฬาฯ ผิดกฎหมายหรือไม่

ถามว่าขณะนี้การปิดล้อมอาคารกีฬาเวสน์ถือว่าเข้าข่ายผิด มาตรา 43 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ระบุว่าผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ กกต.หรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า ประเด็นนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะต้องคำนึงถึงพอสมควร ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองพิจารณาว่าจะแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่ ตนคิดว่าเป็นประเด็นกฎหมายทั้งนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ยังไม่จำเป็นต้องตอบตอนนี้ ขอดูสถานการณ์ไปก่อน แต่หาก กกต.ไม่ดำเนินคดีอาจถูกตั้งข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เสียเอง

นายธีรวัฒน์กล่าวว่า แม้ในวันนี้จะเป็นเรื่องยากในการเปิดรับสมัคร กกต.เข้าใจในสถานการณ์ ยังยืนยันเปิดรับสมัครยังคงใช้ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 แต่หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย กกต.ก็ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

สำหรับพรรคการเมือง 9 พรรคที่เข้าไปยื่นเอกสารภายในอาคารกีฬาเวสน์ได้ ประกอบด้วย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคชาติพัฒนา พรรคเพื่อไทย พรรคดำรงไทย พรรคกสิกรไทย พรรคถิ่นกาขาว พรรคชาติประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย

ส่วนพรรคการเมืองอีก 25 พรรค ที่เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจ ประกอบด้วย พรรคพลังประเทศไทย พรรคเสรีนิยม พรรคชาติสามัคคี พรรครักไท พรรคไทยมหารัฐพัฒนา พรรคเสียงประชาชน พรรครักสันติ พรรคภราดรภาพ พรรคพลังสหกรณ์ พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย พรรคแทนคุณแผ่นดิน พรรคพลังประชาธิปไตย พรรคเมืองไทยของเรา พรรคประชาสันติ พรรคพลังไทยเครือข่าย พรรคไทยรักธรรม พรรคยางพาราไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคคนขอปลดหนี้ พรรคประชาสามัคคี พรรคเพื่อสันติ พรรคพลังเครือข่ายประชาชน พรรครักประเทศไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังไทยรักชาติ
เกิดเหตุเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นบริเวณสถานีตำรวจดินแดง




รู้ตัวแล้ว! 1 ใน 2 ปาระเบิดป่วนข้าง สน.ดินแดง




โดยเมื่อเวลา 14.30 ภายหลังจากที่ แกนนำ กปปส. นำโดย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายชุมพล จุลใส ได้มีการนำพากลุ่มผู้ชุมนุม มาชุมนุมหน้าสน.ดินแดง หลังจากที่ตัวแทนพรรคการเมืองซึ่งจะมารับสมัครเลือกตั้งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ไม่สามารถเข้าไปสมัครได้ที่ สถานที่รับสมัคร อาคารกีฬาเวสน์ 2   สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง  จึงเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 23 ธันวาคม ที่ผ่านมานั้น

ผู้ชุมนุมล้อมบริเวณหน้าสถานีตำรวจนครบาลดินแดง

หลังจากเหตุการณ์ได้เริ่มคลี่คลายลงบ้าง  แกนนำ กปปส.ได้เข้าหารือกับพ.ต.ท. สุภัทร ทองส้ม หัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง  เพื่อชี้แจงถึงเหตุที่มีการต้องนำกลุ่มผู้ชุมนุมมาบุกล้อม  และแกนนำ คือนายพุทธิพงษ์  และนายจุมพล ได้ขึ้นเวทีชี้แจงกับกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่นั้น เพื่อที่จะเตรียมตัวเดินทางกลับไปยังที่ชุมนุมหลังได้ข้อสรุปการเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ในเวลา ประมาณ 11.25 น. ได้เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดหรือปืน ดังขึ้น 4 ครั้ง มาจากทางด้านหลังสถานีตำรวจนครบาลดินแดง ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างมาก ซึ่งแกนนำยืนยัน อ้างว่า เป็นเสียงปืนอย่างแน่นอน และเหตุการณ์ดังกล่าว ได้สร้างความยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดต่อสถานการณ์รอบๆ สถานีตำรวจนครบาลดินแดงอย่างมาก โดยระบุ  ตำรวจไม่สามารถให้ความคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชนได้เลย
ต่อมา พ.ต.ท.สุภัทร ได้เรียก นายชุมพล และนายพุทธิพงษ์เข้าหารืออีกครั้ง
บริเวณอาคารใกล้เคียงสน. นครบาลดินแดงที่เกิดเหตุคล้ายเสียงระเบิดสี่นัด
กปปส. ยังกดดันสื่อมวลชน เหตุไม่พอใจการรายงานข่าว

ในขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวมติชนได้รายงานว่า ประมาณ 14.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ขึ้นมาล้อมพร้อมตะโกนขับไล่และใช้มือตบ แสดงความไม่พอใจในการเสนอข่าวของผู้ประกาศข่าวช่อง 7 ที่กำลังรายงานสด พร้อมกับดึงเสื้อของช่างภาพทำให้ผู้ประกาศช่อง 7 ได้ถอนการรายงานสด กลับสถานี ทั้งนี้ระหว่าง เก็บอุปกรณ์ผู้ชุมนุมได้ดึงสายเคเบิ้ลของกล้องไปมัดไว้ที่รั้วสนามกีฬา พร้อมบอกว่า" กลับไม่ได้ ไม่อนุญาตให้กลับ" ขณะที่แกนนำในเวทีดังกล่าวนั้นไม่ได้อยู่ในพื้นที่การชุมนุมด้านหน้าสนามกีฬา และการปราศรัยบนเวทียังมีการโจมตีการทำหน้าที่สื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนผู้สื่อข่าวหลายสำนักที่มาทำงานในพื้นที่นั้นโดนมวลชนกปปส.ขัดขวางการทำหน้าที่ เเละโจมตีการทำงานของสื่อมวลชน ทำให้สื่อมวลชนหลายสำนักทยอยกลับเพราะไม่มีเเกนนำกปปส.มาปรับความเข้าใจเเละดูเเลการทำงานของสื่อมวลชนที่ไม่สะดวกจากการกดดันของมวลชน ทั้งนี้ทราบว่ายังมีนักข่าวโทรทัศน์เเละช่างเทคนิคหลายสถานี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ กกต. 200 คนเเละตำรวจจำนวนหนึ่งที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ยังติดค้างอยู่ในอาคารกีฬาเวสน์ 2 ไทย-ญี่ปุ่น ดินเเดง เเละยังไม่สามารถออกมาได้ เเละล่าสุดตอนนี้สื่อมวลชนมารวมตัวที่ประตู 3 รอประสานเเกนนำกปปส.ผ่าน ร.ต.เเซมดิน เลิศบุศย์เเละนายวิทยา เเก้วภราดรัย เพื่อให้สื่อมวลชนออกไป เเต่ร.ต.เเซมดินอ้างว่า"ขอให้นับจำนวนให้เเน่นอน หากใครไม่ใช่สื่อมวลชนก็ไม่ให้ออกมา เพราะจากนี้ไปจะไม่ให้ใครเข้า-ออก" เเละยังไม่มีสัญญาณจากเเกนนำกปปส. โดยมวลชนนั่งปิดประตูทั้งหมด โดยมวลชนอ้างว่าไม่ต้องการให้เกิดการเลือกตั้ง
บริเวณภายในรั้วสน. นครบาลดินแดง มีผู้สื่อข่าวรอทำข่าวจำนวนมาก
ผู้ชุมนุมพยายามบุกเข้าไปในโรงแรมที่อยู่ติดกับสน.ดินแดง หลังจากสงสัยว่ามือปาระเบิดวิ่งหนีเข้าในอาคาร

พท.จวกม็อบสุเทพป่าเถื่อนหลังคุกคามผู้สมัคร – สื่อมวลชน จี้ กกต.เอาผิดตาม กม.

เว็บไซต์ข่าวสด รายงานเมื่อ 14.30 ว่าที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.และพวก เดินทางไปปิดล้อมศูนย์เยาวชนไทย – ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการกระทำที่ท้าทายกฎหมาย และท้าทายอำนาจของ กกต.เพราะมีการค้นตัวและยึดเอกสารผู้สมัคร คุกคามสื่อ คุกคามสมาชิกพรรคการเมือง และขณะนี้มีการกักเจ้าหน้าที่ของ กกต. รวมทั้งตรวจค้นบุคคลที่เข้า - ออก ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่นายสุเทพกับพวกระบุว่าไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ หรือไปแสดงตัวเพื่อคัดค้านโดยปราศจากอาวุธ ถือเป็นการเล่นลิ้น คุกคามสิทธิเสรีภาพของพรรคการเมืองและสื่อมวลชน เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน เป็นพวกกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว ดังนั้นขอให้ กกต.ดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายตามมาตรา 76 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ และความผิดตามมาตรา 43 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพรรคการเมืองฯ ซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับเช่นกัน และผิดประมวลกฎหมายอาญาเพราะเป็นการข่มขืนจิตใจสมาชิก บังคับสื่อและสมาชิกพรรคการเมือง ดังนั้นขอให้ กกต.บังคับใช้กฎหมายด้วย เอาผิดนายสุเทพไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า และขอให้ตรวจสอบว่าหากมีสมาชิกพรรคการเมืองรู้เห็นเป็นใจ สามารถเอาผิดโดยการยุบพรรคได้ เพื่อให้เกิดความสุจริตและเป็นธรรม ที่สำคัญยังมีความผิดข้อหากบฏในราชอาณาจักร ทั้งนี้ นายสุเทพมีเป้าหมายที่จะสร้างความรุนแรง ป่วนไม่ให้มีการเลือกตั้งเพื่อเปิดช่องให้เกิดการปฏิวัติ สอดคล้องกับสื่อต่างประเทศมองว่าการกระทำดังกล่าวไม่ได้ต้องการล้มรัฐบาล แต่ต้องการฉีกรัฐธรรมนูญ ทำลายระบอบประชาธิปไตย

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการคุกคามสื่อมวลชนตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งที่ผู้ชุมนุมบอกว่าชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ แต่จากการชุมนุมตลอด 2 เดือนที่ผ่านมามีการคุกคามสื่อโทรทัศน์ กระทั่งล่าสุดมีการกักไม่ให้สื่อมวลชนออกจากสถานที่รับสมัคร ซึ่งเหมือนการคุกคามประชาชน สิ่งที่นายสุเทพพยายามสร้างประเด็นว่าสื่อไม่เป็นกลาง ไม่รายงานข่าว แต่เมื่อสื่อเข้าไปทำหน้าที่กลับถูกคุกคามถือเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ดังนั้นขอให้หยุดทำร้ายสื่อและหยุดคุกคามประชาชนที่บริสุทธิ์ ทั้งนี้ อยากถามว่านายสุเทพเอาอำนาจมาจากไหน มีกฎหมายใดให้อำนาจไว้ เพราะวันนี้ไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบถือว่ามีความผิดข้อหากบฏชัดเจน ตนได้รวบรวมเอกสารหลักฐานโดยจะให้ฝ่ายกฎหมายพรรค ไปยื่นเอาผิดที่กองปราบฯ ในข้อหากบฏต่อไป รวมทั้งทราบว่ามีประชาชนจะยื่นเอาผิดนายสุเทพและพวกเช่นกัน คาดว่าจะมีประชาชนแจ้งความเอาผิดนายสุเทพกับพวกทั่วประเทศ

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์และสมาชิกพรรค แถลงข่าววิพากษ์วิจารณ์กรณีที่พรรคเพื่อไทยเสนอเสนอชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยกล่าวหาว่าขายไม่ได้ ไม่มีที่ยืนในสังคม ปล่อยให้มีการทุจริต ถูกบงการจากคนแดนไกลว่า ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง สิ่งที่นายชวนนท์ออกมากล่าวหานายกฯ นั้น มองอย่างอื่นไม่ได้ว่าเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้ตนอื่น การที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นการคัดเลือกของคณะกรรมการบริหารพรรคและคณะกรรมการคัดเลือก เห็นตรงกัน ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีคุณสมบัติที่จะทำให้ชนะการเลือกตั้ง และยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยโดยการลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ลอยตัวหรือหนีปัญหา ถือเป็นเรื่องปกติ หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่บอยคอตก็คงเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดังนั้นเมื่อไม่ลงเลือกตั้งเท่ากับไม่ทำตามจุดยืนของพรรคการเมืองในการเป็นตัวแทนประชาชน เมื่อได้เงินสนับสนุนจาก กกต.ต้องลงเลือกตั้ง แต่กลับโยนบาปให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดังนั้นอย่ากล่าวหาลักษณะยกตนข่มท่าน ขอให้เลิกกล่าวหาคนอื่น ทั้งนี้ มีคนถามว่าที่บอยคอตเลือกตั้งเป็นเพราะฟังนายสุเทพใช่หรือไม่ มีคนที่มีอำนาจเหนือนายอภิสิทธิ์ที่เป็นหัวหน้าพรรคจริงหรือไม่

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่ม กปปส.เดินทางไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยบุกเข้าไปในอาคารและไล่เจ้าหน้าที่ออกนอกพื้นที่ เป็นการกระทำลักษณะลุแก่อำนาจ เป็นการคุกคามเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ไม่ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ คุกคามกระบวนการยุติธรรม เชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะดำเนินการเอาผิดนายสุเทพและพวก ทั้งนี้ เป้าหมายไม่ใช่ปฏิรูปแต่ต้องการการปฏิวัติ  


รู้ตัวแล้ว! 1 ใน 2 ปาระเบิดป่วนข้าง สน.ดินแดง
รู้ตัวแล้ว! 1 ใน 2 ปาระเบิดป่วนข้าง สน.ดินแดง

View image on Twitter


             รู้ตัวแล้ว 1 ใน 2 มือปาระเบิดปิงปองป่วนข้าง สน.ดินแดง ขณะม็อบ กปปส.ปิดล้อม ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดลานจอดรถโรงแรมปริ้นส์ตัน พาร์ค สวีทฯ สวมเสื้อแจ็คเก็ตแขนยาวใส่แว่นตาดำอำพรางใบหน้าไว้หนวดเครา

           เว็บไซต์สยามรัฐ รายงานข่าวว่า ผู้ชุมนุม กปปส.ได้ไปปิดล้อม สน.ดินแดง ไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะที่เข้าปิดล้อมได้มีเสียงระเบิดคล้ายประทัดยักษ์ดังขึ้น 3 ครั้งซ้อน สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ชุมนุมเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันตำรวจยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เสียงประทัดยักษ์ดังกล่าวมาจากที่ใด

          ภายหลังเหตุการณ์สงบ จนท.ได้ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่บริเวณลานจอดรถ โรงแรมปริ้นส์ตัน พาร์ค สวีท กรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างใกล้กับ สน.ดินแดง สามารถจับภาพกลุ่มชายต้องสงสัยได้จำนวน 2 คน อยู่ในชุดแจ็คเก็ตแขนยาวสีดำ สวมกางเกงยีน คนหนึ่งสวมแว่นตาดำ ใส่หมวกไหมพรม ไว้หนวดเครา อีกคนมีผ้าคาดจมูกและปาก กำลังขว้างปาวัตถุระเปิดปิงปองมาทางด้านหลัง สน.ดินแดง หลายลูก เพื่อสร้างสถานการณ์ ระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ที่กำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ล่าสุด ตร.ทราบตัวคนร้าย 1 ราย ที่ก่อเหตุปาระเบิดปิงปองครั้งนี้แล้ว คือ นายอนุรักษ์ พูลทวีป หรือ"เม่น"อายุ 35 ปี ชาว ต.เชิงเนิน จ.ระยอง

นอกจากนี้ ทวิตเตอร์ของ Thai@News@thairedfreedom เปิดเผยว่า"ชายชุดดำ" มือปาระเบิดใส่ สน.ดินแดง "เม่น อนุรักษ์ พูลทวิป"
คนขับรถ ของ ส.ส.สาธิต ปิตุเตชะ พรรคประชาธิปัตย์


สุเทพลั่นหาก 'ยิ่งลักษณ์' ยังไม่ลาออกจะขอกระชับพื้นที่-ขับไล่ทุกหนแห่ง


สุเทพลั่นหาก 'ยิ่งลักษณ์' ยังไม่ลาออกจะขอกระชับพื้นที่-ขับไล่ทุกหนแห่ง
เลขาธิการ กปปส. ขอให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติต่อสื่อด้วยความรักความเข้าใจ ไม่ต้องว่านักข่าวสนาม มีอะไรขอให้บอกสุเทพจะไปด่า บก. ให้เอง - เชื่อมาสมัคร ส.ส. ตอนไก่โห่ต้องมีพิรุธ อัด กกต. ไม่ใช่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ไปรับสมัคร ส.ส. ถึงโรงพัก ส่วนยิ่งลักษณ์หากยังไม่ลาออก ทำตัวขวางมวลมหาประชาชน เมื่อถึงเวลาจะยกระดับขับไล่ทุกหนทุกแห่ง
สุเทพ เทิอกสุบรรณ ปราศรัยเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2556 (ที่มา: Blue Sky Channel)

สุเทพลั่นเมื่อวานชุมนุม 5 ล้าน 8 แสน นัดรอบหน้ามากกว่านี้อีก
23 ธ.ค. 2556 - เมื่อเวลา 21.00 น. สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน ตอนหนึ่งอ้างว่าเมื่อวานมีผู้ชุมนุม 5,800,000 คน และระบุว่าถ้ามีการนัดชุมนุมใหญ่อีก คนก็จะมากกว่าเมื่อวาน "จะเป็นเท่าไหร่ก็เป็นความจริง ไม่ต้องถกเถียงกัน ที่ผมภาคภูมิใจมากและได้กราบพี่น้องด้วยหัวใจเพราะว่า ทุกคนปรามาสว่าวันที่ 9 ธ.ค. นั้นประชาชนมามากที่สุดแล้ว ไม่มีมากกว่านั้นแล้ว แต่เมื่อวานพี่น้องได้แสดงออกว่า วันที่ 22 ธ.ค. มากกว่าวันที่ 9 ธ.ค. ทำให้ผมเชื่อว่าครั้งหน้าจะมากกว่าเมื่อวานนี้อีก"
"ผมจะรอสัญญาณพี่น้องว่าพร้อมเมื่อไหร่ ผมจะนัดเมื่อนั้น ผมทำตามเสียงเรียกร้องของพี่น้องทั้งหลาย ที่ผมกราบเรียนว่าเมื่อวานที่ต้องตระเวนไปตามเวทีต่างๆ ด้วยความยากลำบากเพราะพี่น้องแน่นขนัดทุกแห่ง ทุกถนน ผมวางแผนว่าจะนั่งรถไฟใต้ดินจากสีลมไปอโศก แล้วนั่งรถไฟฟ้าไปลงทีละแห่ง แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่มีทางจะเดินไปสถานีรถไฟใต้ดินได้ ต้องใช้มอเตอ์ไซต์จนถึงปทุมวัน ไปได้ครึ่งทางแค่ราชเทวี ต้องนั่งรถไฟฟ้าไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เหนื่อยพอๆ กับพี่น้อง จังหวะที่ได้คลุกคลีกับพี่้น้อง ผมได้รับรู้อารมณ์ ความคิด ความมุ่งมั่นของพี่น้อง ซึมซับมาในสมอง ในหัวใจผม ผมจึงพูดแทนพี่น้องได้ เมื่อคืนมาเหนื่อยๆ ผมเลยใส่ปราศรัยเต็มที่เลย"

ขออภัยหากพูดไม่สุภาพ เพราะเหนื่อยและโกรธยิ่งลักษณ์ที่กล้าอบรมสั่งสอนประชาชน
สุเทพปราศรัยว่า "เมื่อคืนพูดจากภาษากำนันมากไปหน่อย คนกรุงเทพฯ ฟังแล้วอาจไม่สบายใจ คนกรุงเทพฯ ภาคกลาง เขาพูดจาไพเราะนุ่มนวล พูดแบบกำนันมีมึงกูเยอะไปหน่อย ขอโทษนะครับ"
"จะพูดใหม่ก็ได้นะครับ เพราะใจเย็นลงเยอะแล้ว เมื่อวานเหนื่อยด้วยและโกรธด้วย โกรธแทนพี่น้อง ที่คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บังอาจเหิมเกริมมาสั่งสอนประชาชนว่าต้องรู้จักเคารพรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ตรงนี้ฟังแล้วมันโกรธทันที ยั้งไม่อยู่ ถ้าคนมาแนะนำสั่งสอนเป็นคนดีมีศีลธรรม เราก็ยินดีฟัง เราไม่ใช่คนดื้อด้านอะไร แต่คุณยิ่งลักษณ์ที่มาอบรมสั่งสอนประชาชน ไม่มีคุณสมบัติสั่งสอนประชาชน เพราะตัวเองทำชั่ว ทำเลวมาก่อน สอนใครไม่ได้"

ย้ำต้องการเลือกตั้ง แต่กติกาบกพร่องเปิดช่องให้ทุจริต จึงต้องการปฏิรูปก่อน
"พูดเรื่องเลือกตั้ง เราบอกแล้ว เราต้องการไปเลือกตั้ง เราประชาชนยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ต้องการให้ประเทศนี้เดินหน้าไปได้ด้วยประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ที่เป็นอยู่มันไม่สมบูรณ์ บกพร่อง มีช่องทางให้ทุจริต โกงการเลือกตั้ง มีช่องให้คนชั่วเอาเงินไปฟาดหัวประชาชน เป็น ส.ส. มาเป็นขี้ข้านายทุน ยกมือสนับสนุนนายทุนเป็นรัฐบาล เราไม่ต้องการเลือกตั้งแบบนี้ เพราะจะเป็นวงจรอุบาทว์ทำลายชาติ ทำลายประเทศ ประชาชนทนไม่ได้แล้ว เราต้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง พูดแค่นี้ ยิ่งลักษณ์มันฟังไม่รู้เรื่อง"
"เขาจะฟังไม่รู้เรื่อง หรือแกล้งไม่รู้ เรื่องของเขา แต่เรื่องของเราคือยืนยันเจตนารมณ์ ปฏิรูปประเทศไทยให้เสร็จสิ้นด้วยมือประชาชน และมีการเลือกตั้งตามครรลองประชาธิปไตยต่อไป จะไม่มาถกเถียงกับใครแล้วเรื่องข้อกฎหมาย รัฐธรรมนูญ เราเพียงประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน ว่าบ้านเมืองวิบัติเสียหาย เราต้องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ที่เรียกว่าปฏิรูป เพราะเราต้องการทำให้เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ มีระบบป้องกันคนชั่ว ไม่ให้มีอำนาจในบ้านเมือง ไม่ว่าใครจะอ้างว่าผิดกฎหมาย ถูกกฎหมาย เราไม่สนใจ เพราะเราคือประชาชน แล้วไม่ต้องมาด่าว่าเราปฏิเสธกฎหมายอีก เพราะเราคือประชาชน เราคือเจ้าของอำนาจอธิปไตย อำนาจสูงสุดในการปกครองบ้านเมือง นี่เขียนชัดในรัฐธรรมนูญมาตรา 3 อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย"
"เมื่อเรามอบอำนาจให้รัฐบาล ให้สภา แต่ทั้งสภาและรัฐบาลมันสมคบกันทรยศ หักหลังเจ้าของอำนาจคือประชาชน จึงเป็นสิทธิที่เราจะเอาอำนาจอธิปไตยคืนมาเป็นของประชาชน เมื่ออำนาจเป็นของประชาชน ประชาชนมีสิทธิชอบธรรม ที่จะดำเนินการใดๆ ให้บ้านเมืองเจริญขึ้น มีประชาธิปไตยสมบูรณ์ขึ้น นี่คือสิ่งที่เราจะทำและไม่ต้องการโต้เถียงกับใครอีกแล้ว"

ย้ำจะไม่เสียเวลาไปเถียงนักวิชาการ เพราะเวียนหัว เอาเป็นว่า กปปส. ทำดีเพื่อชาติ
สุเทพ กล่าวด้วยว่า จะไม่เถียงกับนักวิชาการเรื่องการเลือกตั้งแล้วเพราะเสียเวลา "เพราะพวกนี้ถือดีว่ารู้มากกว่าประชาชน ปริญญายาวเป็นวา นั่งเถียงกับมันทุกมัน เวียนหัวตาย ไม่ต้องไปเถียงกับมัน เอาเป็นว่าเราทำดีเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฉะนั้นไม่เถียงกับมึงให้เสียเวลา กูไปอย่างนี้"
"เห็นไหมครับ พออารมณ์ขึ้น มันขึ้นกูขึ้นมึงแล้ว ขอโทษๆ เอาเป็นว่า เราเดินของเราอย่างนี้ ด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง มีผลประโยชน์ของชาติ และแผ่นดินเป็นที่ตั้ง ไม่ทะเลาะกับท่านทรงภูมิ เอาภูมิไปรับใช้ระบอบทักษิณ เราไม่เอา เราเดินของเราอย่างนี้"

ชื่นชมผู้ชุมนุมเสียสละปักหลักหน้าสนามไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ขอให้ท่องคาถาสงบสันติ
"เพราะฉะนั้นตั้งแต่เมื่อคืนตอนดึก วันนี้ทั้งวัน ถึงมีกลุ่มพี่น้องประชาชนพวกเราได้ไปปักหลักแสดงเจตนารมณ์ที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดการเลือกตั้ง ต้องการเน้นย้ำให้เห็นชัดว่ามวลมหาประชาชนต้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง น่าเห็นใจมากพี่น้องเรา ไปทนทุกข์ทรมานกลางถนน หน้าสนามกีฬาดินแดง สถานที่เขารับสมัครเลือกตั้งวันแรก"
"ขอแสดงความชื่นชมของความเสียสละ และเห็นใจอย่างยิ่ง ผู้ชุมนุมมีความเครียดเขาส่งตำรวจไปเป็นพันคน ในสถานที่รับสมัคร มีการกระทำที่กดดันประชาชนมาก แต่ผมอยากกราบเรียนพี่้น้องประชาชนทั้งหลาย ถ้าท่านได้ยินเสียงนี้ เราต้องระลึกว่าเราเป็นพลเมืองดีคนมีคุณธรรม มีหลัก หลักของเราคือสู้อย่างสันติ สงบ ไม่รุนแรง ปราศจากอาวุธ ต้องท่องคาถานี้ให้มั่น"
"ผมต้องย้ำทุกคืน เพราะที่เราได้สู้ร่วมกันมาเกือบสองเดือนแล้ว ทุกข์ยากลำบากมาด้วยกัน เรามีความสำเร็จ ก้าวหน้าในการต่อสู้มาตามลำดับ สิ่งที่ประเสริฐสุดในการต่อสู้คราวนี้ คือหัวใจบริสุทธิ์ของประชาชน สันติ สงบ ไม่รุนแรง อย่างเคร่งครัด ตรงนี้จะทำให้เราชนะขาวสะอาด และโลกต้องยอมรับเรา"

หากโกรธ-ทนไม่ไหวขอให้กลับบ้านไปอาบน้ำพักผ่อน สดชื่นค่อยมาใหม่
"ผมต้องเอาเรื่องนี้มาย้ำบ่อยๆ ย้ำทุกวัน เพราะผมมาจากประชาชน เติบโตมากับพี่้น้องทั้งหลาย ผมรู้เวลาเหนื่อย เวลาหิว เวลาโกรธ บางที มันยับยั้งยาก แต่ต้องยับยั้งให้ได้ ต้องอดทน ถ้าเมื่อไหร่ทนไม่ไหวแล้ว กลับบ้าน อาบน้ำ พักผ่อน สดชื่นค่อยกลับมาใหม่ เพื่อรักษาภาพรวมการต่อสู้ของเราให้บริสุทธิ์ไว้ให้ได้ พี่น้องต้องท่องไว้ ถ้าพี่น้องยุแก่โทสะ ทนการยั่วยุไม่ไหว ทนการกดดันของสถานการณ์ไม่ได้ เราเกิดระเบิดอารมณ์ขึ้นมา ภาพความดีงามของการต่อสู้เรายับเยินหมด เราต้องช่วยกัน ช่วยกันดูแลพรรคพวกเรา ต้องอดทน อดกลั้น เดินแนวนี้ให้ได้ ประคองกันไปให้ได้ครับ ถ้าเห็นผมหลุด ต้องเตือนผมเหมือนกัน ต้องขออนุญาตว่าผมก็หลุดบ่อยครับ"

ขอโทษสื่อที่กระทบกระทั่ง วอนผู้ชุมนุมไม่ต้องด่านักข่าวสนาม ขอให้บอกสุเทพจะไปด่า บก. ข้างในเอง
"สิ่งที่ผมเป็นห่วงมากที่สุด คืออารมณ์พี่น้องกับสื่อมวลชน ผมก็ซัดกับสื่อบ่อยๆ เพราะสื่อมวลชนหลายรายไม่ให้ความเป็นธรรมในการเสนอข่าวกับกิจกรรมของมวลมหาประชาชน เพราะฉะนั้นผมต้องเล่นงานสื่อ แต่ผมเล่นงานเฉพาะปาก ว่าเขา ตำหนิเขา เรียกร้องให้เขาทำตัวให้เป็นกลาง เป็นสื่อมวลชนที่ดีของประเทศ แต่การที่ผมพูด ใส่อารมณ์ไปด้วย มันไปกระตุ้นอารมณ์พี่้น้องเข้าพอดี พอไปยืนฟังเขารายงานข่าว ทางทีวีช่องนั้น ช่องนี้ มันก็เลยพลุ่งพล่านขึ้นมา กลายเป็นปัญหา ผมก็ต้องขออภัย ขอโทษ"
สุเทพ อธิบายรูปแบบการทำงานของนักข่าวว่า "เวลาสื่อมวลชนส่งข่าวเข้าสำนักงานใหญ่ พวกข้างในถูกครอบงำโดยเจ้าของกิจกรรม เพราะฉะนั้นที่ส่งเข้าไปถูกปรับถูกปรุง ถูกบิด โดยคนข้างใน ไม่ใช่ผู้สื่อข่าวสนาม ถ้าไม่พอใจ ต้องโทรศัพท์ไปด่าพวกข้างใน หรือเขียนจดหมายไปด่าข้างใน หรือเขียนมาให้ผมด่า ไม่ต้องออกแรงเอง"

ต่อนี้ไปขอให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติกับผู้สื่อข่าวด้วยความรัก ความเข้าใจ เอื้ออารี
"เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้ ผมขอกราบขอร้องพี่น้องทุกคน โดยเฉพาะการ์ด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ขอให้ปฏิบัติต่อสื่อมวลชน โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวในพื้นที่ของเรา ด้วยความรัก ความเข้าใจ ด้วยความเอื้ออารีเป็นพิเศษ ผมกราบขอร้องและเชื่อว่าพี่น้องต้องทำได้"
"ผมไม่ต้องการให้พี่น้องเข้าใจใครผิด แยกมิตร แยกศัตรูให้ชัดเจน ไม่สร้างศัตรูเพิ่ม แค่ระบอบทักษิณก็รบกันทั้งปี จะสิ้นปีอยู่แล้ว เหลือกินเหลือใช้พี่น้อง"

ย้ำมาถูกทางแล้ว กปปส. ต้องการเห็นเลือกตั้งบริสุทธิ์ ปิดช่องทุจริตให้รัดกุม
"พี่น้องทั้งหลาย ผมยังยืนยันนะครับว่า สิ่งที่เราได้ทำมานี้ เรามาถูกทางและเป็นทางที่เดินต่อ การที่เรายืนยันว่าเราจะต้องปฏิรูปประเทศไทย ก่อนไปเลือกตั้ง ต้องเป็นเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จ นั่นหมายความว่า การเลือกตั้งที่เขากำลังจะจัดการมานี้ ไม่ว่าจะมีกระบวนการ ขั้นตอนอย่างไร เราต้องไปยืนประท้วงทุกหนแห่ง ทุกที่ จะดำเนินการอย่างนี้จนถึงวันสุดท้าย"
"เราต้องการเห็นการเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม มีกฎเกณฑ์รัดกุมป้องกันไม่ให้คนชั่วมีอำนาจทางการเมือง ในอดีตเราเห็นมาแล้ว นอกจากผู้สมัครทุจริตแล้ว พรรคการเมืองก็โกง ทุจริตรู้เห็นเป็นใจ จนถูกยุบพรรคมาสองครั้งสองหน ครั้งนี้ก็เตรียมโกงอีก เพราะสันดานเป็นอย่างนั้น ที่น่ากลัวที่สุด คือความที่มันมีอิทธิพล ทำให้เจ้าหน้าที่ ในสำนักงาน กกต. และตัว กกต. ใหญ่เอง ร่วมมือ รู้เห็น เป็นใจ สมคบทำการทุจริตเลือกตั้งด้วย นี่คือสิ่งที่เราเคยเห็นมาแล้ว"
"คุณถาวร เสนเนียมไปฟ้อง กกต. 1 คดี ผมก็ไปฟ้องอีก 1 คดี คดีคุณถาวร ศาลลงโทษจำคุก กกต. คนละ 4 ปี ถึงศาลฎีกาไอ้ กกต. พวกนั้นหลุดคุกฉิวเฉียด เพราะศาลฎีกาเห็นว่าคุณถาวรไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิฟ้อง ผมถึงให้แก้ไขตรงนี้ กฎหมายเลือกตั้งที่ต้องปฏิรูปนั้น ต่อไปนี้ ถ้าพวกเลวทั้งหมดโกงเลือกตั้ง ทุจริตผิดกฎหมาย ประชาชนผู้มีสิทธิทุกคนต้องเป็นผู้เสียหาย มีสิทธิฟ้องดำเนินคดี เราต้องเอาอย่างนี้"
"ส่วนคดีที่ผมฟ้อง กกต. ศาลชั้นต้น อุทธรณ์ลงโทษจำคุก ส่วนศาลฎีกายังไม่วินิจฉัย ผมเลยยังไม่ได้เล่าให้ฟัง แต่ผมชี้ว่าศาลยกฟ้องเพราะตีความตามตัวบทว่าคุณถาวร เสนเนียมไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย กกต. เราต้องแก้ว่าต่อไปนี้คนไทยทุกคนเป็นผู้เสียหาย มีสิทธิฟ้องคดีได้ มีหลักฐานชัดเจนว่า กกต. สมรู้ ร่วมคิด ทำชั่วกับนักการเมืองไทยรักไทย และพลังประชาชน ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นพรรคเพื่อไทย"

สุเทพเชื่อสมัคร ส.ส. ตี 3 ตี 4 ต้องมีพิรุธ อัด กกต. ไม่ใช่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ถึงต้องไปรับสมัคร ส.ส. ถึงโรงพัก
สุเทพกล่าวถึงการสมัครรับเลือกตั้งในวันแรกด้วยว่า "ในการเลือกตั้ง มันมาสมัครตีสาม ตีสี่ครึ่ง ตีห้าขึ้น เขาให้มาสมัครตั้งแต่แปดนาฬิกา นี่มันมาสมัครตั้งแต่ตีสาม ตีสี่ มันมีพิรุธไหมครับพี่น้อง สมัครไปได้ 7-8 พรรค ก่อนสว่างทั้งนั้น เดินไปคลำไปไปสมัครกัน พอเช้าขึ้นมาเห็นหน้าเห็นตา ประชาชนไปประท้วงอยู่หน้าสถานที่ เราไม่ได้เข้าไปข้างในนะครับ เราอยู่บนถนน เราประท้วงของเรา เราอนุญาตให้เดินผ่านตีนเราไปสมัครได้ แต่ใจมันไม่ถึง ไม่กล้าเข้า"
"มันทำยังไงครับ มันไป สน.ดินแดง ไปลงบันทึกประจำวัน เราไม่ว่า แต่ที่แปลกคือ เจ้าหน้าที่ของ กกต. ไปนั่งตรวจเอกสารของพรรคการเมืองที่ต้องการไปสมัครอยู่ที่สถานีตำรวจดินแดง นี่มันผิดสถานที่ นั่นไม่ใช่ที่สมัครรับเลือกตั้ง นั่นมันสถานีตำรวจ นี่ไม่ใช่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ แต่มันทำแล้ว"
"เสียดาย กกต.หลายท่าน ผมรู้จักเป็นผู้ทรงภูมิ ได้ชื่อว่าเป็นคนดีของบ้านเมือง ผมไม่อยากให้ท่านแปดเปื้อนกับความสกปรกนี้ ท่านต้องพิจารณาครับ ถ้าท่านเดินหน้า ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนจะดำเนินในวิถีประชาชน เพราะท่านเลือกเดินอีกข้างแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าท่านต้องถูกดำเนินคดีก็อย่ามาโกรธแล้วกัน นี่ผมเตือนไว้สำหรับท่าน กกต. ส่วนรัฐบาลจะตั้งข้อหาอะไรเพิ่มเติมไม่เดือดร้อนอะไร เพราะข้อหากบฎสูงสุดแล้ว ข้อหาอื่นจิ๊บจ๊อยน้อยนิดทั้งสิ้น"

ถามข้าราชการจะต้องให้ออกมาอีกกี่ล้าน ถึงจะเปลี่ยนข้าง ย้ำช้าหรือเร็วประชาชนชนะแน่นอน
ตอนท้ายสุเทพปราศรัยย้ำข้าราชการให้เลือข้างด้วยว่า "ถ้าเราแพ้เขา ไหนๆ ต้องเป็นขี้ข้า ทาสระบอบทักษิณ ก็ติดคุกดีกว่า ถ้าชนะเราก็ถือว่าเกิดมาชาตินี้ทำดีทดแทนคุณแผ่นดิน รักษาบ้านเมืองให้ลูกหลานเป็นเสรีชน คนแก่อย่างเราตายตาหลับมีความสุข ไม่ถูกใครสาบแช่ง แต่มวลมหาประชาชนมาขนาดนี้ ข้าราชการยังคิดอยู่อีก ช่วยบอกผมมาสักทีสิ ว่าจะได้บอกมวลมหาประชาชนเขาได้ว่าท่านต้องการคิดกี่วัน วันที่ 24 พ.ย. คนมาเป็นล้าน ท่านว่าเยอะ วันที่ 9 ธ.ค. ออกมาหลายล้าน ท่านว่าคนเยอะ แต่ไม่ตัดสินใจ พอ 22 ธ.ค. เรามาเยอะกว่าวันที่ 9 อีก ท่านไม่ตัดสินใจ ท่านต้องการกี่วัน ท่านต้องการกี่ล้าน บอกมา ผมจะทำให้ ถ้าท่านคิดว่าคนมา 5 ล้าน 8 แสน ไม่มากพอ ท่านบอกผมมาต้องการกี่ล้าน ผมจะได้ทำให้ดู บ้านเมืองจะได้สงบเรียบร้อย เดินหน้าเสียที ตราบใดที่พวกท่านไม่ตัดสินใจ รับใช้ระบอบทักษิณ ประชาชนต้องเหนื่อย ต้องลำบากมากขึ้น แต่บอกให้รู้ จะเหนื่อยจะยากลำบากอย่างไร ประชาชนอย่างเราออกมาแล้ว ไม่กลับบ้านมือเปล่าเด็ดขาด"
ทั้งนี้สุเทพ เรียกร้องให้ข้าราชการมาขึ้นเวทีประกาศยืนข้างประชาชน เพราะประชาชนมาแสดงตนแล้ว ก้าวพ้นความกลัวแล้ว เหลือพี่น้องข้าราชการเท่านั้น ผมเรียนยืนยันพี่้น้องข้าราชการทั้งหลาย ช้าหรือเร็วเท่านั้น ประชาชนชนะแน่นอน ออกมาห้าล้านแล้วไม่มีวันแพ้ เพราะไม่มีที่ไหนในโลกออกมาขนาดนี้ "และต้องเรียนตรงๆ ว่าถ้าท่านรอ ไม่ยอมตัดสินใจ รอจนประชาชนออกมาครั้งใหม่ แรงกดดันของมวลมหาประชาชนจะตรงไปหาพี่น้องข้าราชการ ถึงจุดที่ท่านทนทานไม่ไหวผมเตือนไว้ก่อน"

เผย กปปส. คิดหาวิธีการให้ชัยชนะมาถึงเร็วขึ้น และใครขวางหน้าการปฏิรูปเราสู้ทั้งนั้น
คณะกรรมการ กปปส. ก็พยายามคิดหาวิธีการ เพื่อที่จะทำให้ชัยชนะของประชาชนมาถึงเร็วขึ้น แต่อย่างที่ผมกราบเรียนกับพี่น้อง เพราะเราเลือกวิธีสันติ สู้แบบมือเปล่า สู้ด้วยหัวใจ แบบพลเมืองดี มันจึงทำให้คนบางพวก บางกลุ่มในประเทศไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ ผมถึงประกาศกับพี่น้องว่าถ้าเราให้โอกาสสังคมเต็มที่ ภาคส่วนทั้งหลายไม่ออกมาร่วมมือสนับสนุนประชาชนนั่นเท่ากับบังคับให้เราประชาชนเดินหน้าเต็มรูป ปฏิวัติด้วยกำลังประชาชนนั่นเป็นสิ่งที่เราไม่มีทางเลือก เพราะเราต้องการให้ประเทศอยู่รอด เราจะบอกให้ฟังว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การออกมาต่อสู้ของมวลมหาประชาชนคราวนี้ ต้องเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีขึ้นให้ได้ ปฏิรูปให้ได้ ใครขวางหน้าเรา เราสู้ทั้งนั้น

ลั่นถ้ายิ่งลักษณ์ยังไม่ลาออก ถึงเวลาจะยกระดับขับไล่ทุกหนทุกแห่ง
"คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นหัวขบวนใหญ่ที่ขวางทางมวลมหาประชาชน เราจึงออกมาชุมนุม แสดงพลัง เพื่อขับไล่คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตรให้พ้นตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี ที่ไม่มีความชอบธรรมอยู่แล้วทั้งทางกฎหมายและการเมือง แต่ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ไม่รู้สึกรู้สา ยังไปตรงโน้นตรงนี้ เราจะกระชับพื้นที่ให้ใกล้ตัวคุณยิ่งลักษณ์มากขึ้นในการขับไล่ เมื่อวานก็ไปเป็นตัวอย่าง ไม่ต้องมาสงสัยว่าเขาไปบ้านคุณทำไมในเมื่อคุณไม่อยู่ ไปเพื่อบอกว่าเขาไล่คุณ เขารู้ว่าอยู่ที่ไหน และบ้านที่คุณอยู่กับใคร เราก็ไปถูก บอกคุณไว้ด้วย"
"ประชาชนเป็นล้านๆ ตาเป็นสับปะรด นึกว่าจะพ้นหูตาเรอะ เราจะให้คุณตัดสินใจ ถ้าถึงขึ้นยกระดับ จะไล่คุณทุกแห่ง นุ่งผ้าไม่นุ่งผ้าก็จะไล่คุณ นี่ก็บอกให้ทราบ ถ้าบังคับให้ประชาชนทำมากกว่านี้ อย่ามาโทษเรา ตื่นเช้ามาต้องเจอเรา ไปไหนต้องเจอพวกเรา ทนได้ให้มันรู้ไป"

ย้ำ กปปส. เกิดขึ้นแล้วทุกหนแห่ง จะไม่มีวันแแพ้ มีแต่ชนะช้าหรือชนะเร็วเท่านั้น
"พี่น้องต่างจังหวัดที่มาสามวันห้าวัน ถ้าจำเป็นต้องกลับไปซักเสื้อผ้า กลับได้ แต่ว่าโปรดให้คนอื่นมาเข้าเวรแทน พี่น้อง กทม. เสร็จงานเสร็จการก็มาอยู่หน้าเวทีเหมือนเดิม เพราะเราหลอมหัวใจแล้ว อยู่ไกลก็คิดถึง ยังไงต้องมาให้เห็นหน้ากัน พวกผมแกนนำคงไปไหนไม่ได้ เพราะแต่ละคนมีหมายจับครบถ้วน อยู่ตรงนี้เฝ้าเวทีกับพี่น้องทุกวัน พอพี่น้องหายเหนื่อย มีเรี่ยวแรงแข็งขัน เราจะเดินหน้ากระชับวงล้อมเข้าไป ให้ยิ่งลักษณ์ออกให้ได้ เพื่อให้เราใช้อำนาจของประชาชนมาบริหารประเทศเพื่อคนไทยทุกคน วันนี้ขออนุญาตพูดจากับพี่น้องแค่นี้ เชื่อว่าบรรดาวิทยากรทั้งหลายที่จะมาบนเวทีปราศรัยก็จะเพิ่มพูนข้อมูลข่าวสารความรู้ให้พี่น้องได้บอกเล่าเก้าสิบต่อไป"
สุเทพระบุด้วยว่า กปปส. ขยายไปจังหวัดต่างๆ และประเทศต่างๆ แล้วในโลก "เป็นการพิสูจน์ว่าไม่มีใครอยากเห็นระบอบทักษิณในประเทศไทยอีกต่อไป จึงมี กปปส. ทุกหนทุกแห่ง และนั่นคือสัญญาณที่ดี ที่จะแสดงให้ทุกฝ่ายเห็นชัดว่า กำลังของมวลมหาประชาชนมีแต่เพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น ขอให้เชื่อมั่นครับ มาถึงขั้นนี้แล้ว เราไม่มีวันแพ้ มีแต่ว่าชนะช้า หรือชนะเร็วเท่านั้น ขอให้มั่นใจครับ ขอบคุณครับ"
ทั้งนี้สุเทพ จบการปราศรัยในเวลา 21.50 น.

รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (ไม่เป็นทางการ)


รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (ไม่เป็นทางการ)

               รายชื่อผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (ไม่เป็นทางการ) มีดังนี้
  • 1. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 3.นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ 4.นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล 5. นายชัยเกษม นิติสิริ 6.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง 7.นายเสนาะ เทียนทอง 8. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก 9. นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา 10.นายปลอดประสพ สุรัสวดี 11.นายโภคิน พลกุล 12.นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ 13.นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา 14.นายนพดล ปัทมะ 15.นายสันติ พร้อมพัฒน์ 16.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน 17.นายไชยา สะสมทรัพย์ 18.นายวราเทพ รัตนากร 19.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 20.นายจตุพร พรหมพันธุ์ 
  • 21.นายภูมิธรรม เวชชยชัย 22.ชูศักดิ์ ศิรินิล 23. พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย 24.สุรนันท์ เวชชาชีวะ 25.นายอุดมเดช รัตนเสถียร 26.นายวิรัตน์ รัตนเศรษฐ 27.นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ 28.นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ 29.นายคณิน บุญสุวรรณ 30.นายพนัศ ทัศนียานนท์ 31.นายสุชน ชาลีเครือ 32.พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ 33.นายสุนัย จุลพงศธร 34.นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ 35. นพ.เหวง โตจิราการ 36.นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ 37. นายพิชิต ชื่นบาน 38. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ 39. นายจาตุรนต์ ฉายแสง 40 นายอดิศร เพียงเกษ
  • 41 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ 42 นายเกรียง กัลปตินันท์ 43. นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ 44. น.พ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ 45. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย 46. นายพงศกร อรรณนพพร 47. นายก่อแก้ว พิกุลทอง 48.นางสุนทรีย์ ชัยวิรัตน์ 49.นายพายัพ ปั้นเกตุ 50. นส.ขัตติยา สวัสดิผล 51. นางดวงรัตน์ โล่ห์สุนทร 52. นายเกษม รัตนสุนทร 53.นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท 54. นางลดาวัลย์ วงศ์ศรีวงศ์ 55. รอ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า 56. นายประยุทธ์ ศิริพานิช 57.นายจรูญพงศ์ พันศรีนคร 58. นายวัฒนา เมืองสุข 59. นายสิทธิชัย กิตติธเนศวร 60. นายอัสนี เชิดชัย
  • 61. นายอรรถกร ศิริลัทธยากร 62. นางรังสิมา เจริญศิริ 63. นายมิติ ติยะไพรัช 64. นางกรรณิการ์ เจริญพันธุ์ 65. นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล 66. นายณัฏฐชัย โควสุรัตน์ 67.นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน 68.นายธนิก มาศรีพิทักษ์ 69.พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ 70.นายสนาม เลิศวรรัตน์ 71.นายกมล บันไดเพชร 72.นายพฤติชัย วิริยะโรจน์ 73.นางสุนีย์ เหลืองวิจิตร 74.นายสุภร อัตถาวงศ์ 75.นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง 76.นายทวีศักดิ์ อรรฆพันธ์ 77.นายนภินทร ศรีสรรพางค์ 78.นายประวัฒน์ อุตตโมท 79. นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล 80.นายสมเกียรติ ศรลัมภ์
  • 81.นายสมพล เกยุราพันธุ์ 82.นายกาย วิชัยดิษฐ 83.นายโสภณ เพชรสว่าง 84.นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ 85. นายดิสทัต คำประกอบ 86. นายเวียง วรเชษฐ์ 87.นายดนุพร ปุณณกัณต์ 88.นายนิยม วรปัญญา 89.นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ 90.นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ 91. นายธวัชชัย สุทธิบงกช 92. พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง 93.นายจรัล ดิษฐาอภิชัย 94.นายถาวร ตรีรัตน์ณรงค์ 95.นายอดิศักดิ์ โภคกุลลนานนท์ 96. นายต่อพงษ์ ไชยสาสน์ 97.นายรัชตะ ด่านกุล 98.นางพ่วงเพชร ชุณละเอียด 99.น.ส.นลินี ทวีสิน 100. นายธงทอง นิพัทธรุจิ 
  • 101.นายสุรชัย เบ้าจรรยา 102. นางมาลินี อินฉัตร 103.นายสรรพภัญญู ศิริไปล์ 104.นายอลงกรณ์ ทวีรักษา 105 นายกานต์ กัลปตินันท์ 106. นายพินิจ จันทรสมบูรณ์ 107.นายเรืองศักดิ์ งามสมภาค 108 นายฤทธิ์ลือชา คุ้มแพรวพรรณ 109.นายเกียรติชัย ติรณศักดิ์กุล 110. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด 111. นายอับดุลเราะห์มาน 112.นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช 113. รท.หญิง สุณิสา เลิศภควัตร 114.นายศุภมนต์ หงสกุล หุตะสิงห์ 115. นายวิสา คัญทัพ 116. นายวิสิทธิ์ ใสกระจ่าง 117.นายนัจมุดดิน อูมา 118. พล.ต.อ.วิรุฬ ฟื้นแสน 119. พล.ต.ท.วิโรจน์ เปา อินทร์ 120. นายวิม รุ่งวัฒนจินดา 21.นายอับดุลฮาฟิด พิเล 122.นายวิชัย เทียนถาวร 123.พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย 124.นายณัฐพงศ์ คีตวรรัตน์ 125. นายวิบูลย์ แช่มชื่น

ม็อบนกหวีดยึดรถไฟทั้งคันไล่ผู้โดยสารที่จองตั๋วไว้ ให้ไปคืนตั๋ว


ผู้โดยสารรถไฟโวย! จองตั๋วมาเป็นเดือน ถึงเวลาม็อบนกหวีดยึดรถไฟทั้งคันไล่ผู้โดยสารที่จองตั๋วไว้ ให้ไปคืนตั๋ว




             ผู้โดยสารรถไฟโวย จองตั๋วรถไฟนอนไว้ล่วงหน้าเดือนกว่า จากสถานีประทิว จังหวัดชุมพร เพื่อเดินทางเข้ามาสอบบรรจุเข้าทำงานในรัฐวิสาหกิจ ปรากฏว่าพอถึงเวลาเดินทาง กลับโดนม็อบยึดรถไฟไปทั้งขบวน ไปถามคนที่ยึดที่นอน บอกว่าก็ไปคืนตั๋วสิ

             ที่เว็บไซต์พันทิพย์ ได้เผยแพร่ภาพของผู้โดยสารรถไฟท่านหนึ่ง เล่าว่าได้จองตั๋วรถไฟเพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพ มาสอบเข้าทำงานในรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง โดยเป็นการจองล่วงหน้าเป็นเดือน แต่พอถึงกำหนดเดินทาง ปรากฏว่ารถไฟขบวนดังกล่าว ถูกม็อบนกหวีดยึดไปหมด พอไปคุยกับเจ้าหน้าที่ ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ไปคุยกับคนที่ยึดที่นอน ปรากฏว่าเค้าบอกว่าให้ไปคืนตั๋วสิ

            สอบถามจากสถานีรถไฟ ทราบว่าผู้โดยสารทั้งหมดนั้นขึ้นรถไฟมาพร้อมกันโดยไม่จ่ายค่าโดยสาร อ้างว่าเป็นรถไฟของประชาชนจึงสามารถขึ้นมาได้ และยึดทั้งขบวนเดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา และไม่ได้เกิดแค่ขบวนเดียว แต่เกิดขึ้นกับเกือบทุกขบวนสายใต้ที่ขึ้นกรุงเทพมหานคร

ลิ้งบทความในพันทิพย์

http://pantip.com/topic/31422048

สำนักข่าวเนชั่น โกหกรายวันอีกแล้ว กับข่าวสหอเมริกาขึ้นแบล็คลิสต์ "สุเทพ และ สส.ประชาธิปัตย" 14 คนห้ามเข้าประเทศสหรัฐฯ



              เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2556 สำนักข่าวเนชั่นได้เผยแพร่ข่าวทางการทูตของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้ทำรายงานเสนอไปยังกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อพิจารณาเป็นการภายใน และดำเนินการส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเสนอชื่อแกนนำ กปปส. รวม 14 ขึ้นบัญชีบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา (แบล็คลิสต์) ในข้อหาข่มขู่เจ้าหน้าที่การทูต ซึ่งถือเป็นตัวแทนระดับสูงของสหรัฐฯ จากที่เกิดเหตุการณ์ที่แกนนำ กปปส. ได้นำมวลชนเคลื่อนขบวนไปชุมนุมหน้า บริเวณด้านหน้าและแสดงท่าทีบุกรุกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ถ.วิทยุ โดยรายชื่อ ได้แก่
  • 1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. 
  • 2.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 
  • 3.นายชุมพล จุลใส 
  • 4.นายพุทธพงษ์ ปุณณกันต์ 
  • 5.นายอิสสระ สมชัย 
  • 6.นายวิทยา แก้วภราดัย 
  • 7.นายถาวร เสนเนียม 
  • 8.นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ 
  • 9.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 
  • 10.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 
  • 11.นายนิติธร ล้ำเหลือ 
  • 12.นายอุทัย ยอดมณี 
  • 13. ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ และ
  • 14.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ

            อย่างไรก็ตาม การดำเนินการแบล็คลิสต์ 14 แกนนำ กปปส. ซึ่งอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาว่า ขึ้นแบล็คลิสต์ประเภทใด จะเป็นผลให้ผู้ที่มีรายชื่อ จะไม่ได้รับอนุญาตเดินทางเข้าไปยังประเทศสหรัฐฯ ตามระยะเวลาที่ระบุตามประเภทแบล็คลิสต์นั้นๆ และอาจจะมีผลให้ไม่สามารถเดินทางไปยังประเทศอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ ก็ได้

            โฆษกสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยระบุข่าวลือแบล็กลิสต์แกนนำกปปส. ไม่เป็นความจริง
             23 ธ.ค.2556 ตามการนำเสนอข่าวของเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ ที่ระบุว่า  แหล่งข่าวทางการทูต เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้ทำรายงานเสนอไปยังกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อพิจารณาเป็นการภายใน และดำเนินการส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเสนอชื่อแกนนำ กปปส. รวม 14 ขึ้นบัญชีบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา จากการที่แกนนำ กปปส. ได้นำมวลชนเคลื่อนขบวนไปชุมนุมหน้า บริเวณด้านหน้าและแสดงท่าทีบุกรุกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น

            วอลเตอร์ บราวน์โนหเลอร์ โฆษกสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ประชาไทว่า ข่าวลือที่ว่าสถานทูตสหรัฐทำแบล็กลิสต์ และการไม่ให้เดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาของแกนนำผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลเป็นเรื่องที่ไม่จริงทั้งสิ้น

เขากล่าวว่า ไม่มีการใช้มาตรการใดๆ ต่อผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ที่เดินทางไปประท้วงที่หน้าสถานทูตสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยสหรัฐเคารพสิทธิในการชุมนุมที่สันติของประชาชน

"การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในตอนนี้ขึ้นอยู่กับประชาชนไทย สหรัฐอเมริกาสนับสนุนให้เกิดการเจรจาพูดคุยกันระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อจัดการกับความแตกต่าง แต่ที่สำคัญคือเป็นเรื่องของประชาชนไทยที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งนี้ด้วยตนเอง" บราวน์โนหเลอร์กล่าว

ม๊อบนกหวีด บิดเบือนสังคมอีกแล้ว


"โอเว่น วิลสัน" โวย! แจงภาพอุ้มลูกโดนหลอกจับคล้องนกหวีดแล้วถ่ายรูป นึกว่าเค้ามอบของที่ระลึกให้


               วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีเพื่อนเหล่านักแสดงของดาราต่างชาติชื่อดัง นายโอเว่น วิลสัน ได้ออกมาให้ข่าวกรณีในสังคมออนไลน์ของไทย ได้นำภาพของ โอเว่น วิลสัน สวมใส่นกหวีด สายธงชาติของกลุ่มม๊อบนายสุเทพ แล้วนำไปเผยแพร่ เขียนบิดเบือนว่า "ดาราชื่อดัง ก็สนับสนุนในการชุมนุมประท้วงของนายสุเทพ"


            โดยภาพดังกล่าว นายโอเว่น ซึ่งได้เห็นภาพถึงกับตกใจและได้ชี้แจงให้กับเพื่อนๆ ที่ยังอยู่ในประเทศไทย ได้ทำการแจ้งให้กับสื่อมวลชนไทยทราบว่า โอเว่น วิลสัน ช่วงที่ถ่ายทำหนังที่กรุงเทพ ได้มีกลุ่มม็อบนกหวีด มาขอถ่ายรูปด้วยและได้นำนกหวีดมีสายลายธงชาติไทย มาให้และให้นายโอเว่น แขวนคอ จากนั้นกลุ่มม็อบนกหวีดก็บันทึกภาพ ตอนแรก โอเว่น ไม่ได้คิดอะไร และเห็นสายห้อยคอเป็น สัญญาลักษณ์ธงชาติไทย จึงคิดว่าเป็นการมอบสิ่งของระลึกปกติ แล้วนำมาแขวนคอ

          ปรากฏว่ากลุ่มม็อบนกหวีด กับเอาไปเผยแพร่ในสังคมออนไลน์เผยแพร่ไปทั่วโลก และอ้างว่า โอเว่น นั้นให้การสนับสนุนม็อบขับไล่รัฐบาล โอเว่น เห็นภาพถึงกับตกใจและรีบชี้แจงเป็นการด่วนมายังเพื่อนๆ ให้ชี้แจงผ่านสื่อไทย ว่า โอเว่น ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือการชุมนุมของคนไทย การที่ม็อบนกหวีดทำแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง เป็นการกระทำที่บิดเบือน หาแนวร่วมอย่างไม่ถูกต้อง และเรียกร้องให้ นำภาพโอเว่น ห้อยนกหวีด สายธงชาติ ออกจากระบบสังคมออนไลน์ด้วย

เฉดหัวส่ง! "จุตินันท์" ขอโทษคนไทยทั้งประเทศ


เฉดหัวส่ง! "จุตินันท์" ขอโทษคนไทยทั้งประเทศ 

สั่งให้ลูกสาว "เปลี่ยนนามสกุล" ไม่ให้ใช้ ภิรมย์ภักดี

                 23 ธ.ค. 2556  มีการเผยแพร่จดหมายผ่านทางเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ระบุว่าเป็นจดหมายชี้แจงของนายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี บิดาของ "ตั๊น" น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี หนึ่งในแกนนำกลุ่มกปปส.  มีเนื้อหาดังต่อไปนี้


สันติ ภิรมย์ภักดี  

จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี

พ่อแม่ลูก ภิรมรย์ภักดี

รับบทสุึริโยทัย

รับบทนางมารร้ายดูหมิ่นประชาชน

เรียนท่านสื่อมวลชน

           ตามที่ น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ลูกสาวของผมได้แสดงความคิดเห็นผ่านทางหนังสือพิมพ์ต่างประเทศฉบับหนึ่ง และถูกแปลผ่านสื่อต่างๆ ว่า "คนชนบทไม่มีความรู้ความเข้าใจประชาธิปไตย" จนสร้างความไม่พอใจให้กับคนจำนวนมาก ผมตระหนักดีว่าคนไทยทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียม และควรเคารพความคิดเห็นของกันและกัน คำพูดดังกล่าวนั้นจึงถือว่าไม่เหมาะสม

           ผมนายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี บิดาของ น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี จึงขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่ง และขอโทษมา ณ โอกาสนี้

          ผมในฐานะพ่อได้พูดคุยกับลูกสาวหลายครั้งเรื่องการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองแต่ก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันหลายเรื่องอย่างไรก็ตาม น.ส.จิตภัสร์ ยังต้องการที่จะทำงานการเมืองต่อไป ผมและภรรยา รวมถึง น.ส.จิตภัสร์ ได้พูดคุยกันมาระยะหนึ่งก่อนหน้านี้แล้ว และเห็นควรที่จะเปลี่ยนนามสกุล

จึงเรียนแจ้งผ่านทางท่านสื่อมวลชน

ขอแสดงความนับถือ
   
จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี


            โดยก่อนหน้านี้ ได้มีการเผยแพร่จดหมายเตือนของนายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ หรือซีอีโอ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด เป็นลายลักษณ์อักษรถึงนายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี บิดาของ "น้องตั๊น"น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี แกนนำม็อบ กปปส. และอดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เนื้อหาในหนังสือระบุว่าได้พูดคุยเตือนนายจุตินันท์ไปหลายครั้งว่า บทบาททางการเมืองของ น.ส.จิตภัสร์จะส่งผลต่อองค์กร และตระกูลภิรมย์ภักดี ทั้งในปัจจุบันและอนาคต อีกทั้งองค์กรและตระกูลยังถูกดึงเข้าสู่การเมือง
          ด้านน.ส.จิตภัสร์ ล่าสุดได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก "ตั๊น จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี" โดยชี้แจงว่า "ตั๊น ไม่เคยดูถูกคนชนบท แม้แต่นิดเดียว โดยส่วนตัวที่ได้ออกมาร่วมแสดงพลังกับมวลมหาประชาชนซึ่งมีอุดมการณ์แนวทางเดียวกัน ก็เป็นไปโดยมุ่งหวังที่จะร่วมกันก่อให้เกิดสิ่งที่ดีงามขึ้นในบ้านเมืองเราเพื่อชาวไทยทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยก มิได้มีความประสงค์จะก้าวล่วงหรือละเมิดสิทธิของผู้อื่นหรือผู้หนึ่งผู้ใด โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนในชนบท ดังที่บางกลุ่มพยายามบิดเบือนใส่ร้าย เพื่อตอกลิ่มสร้างความแตกแยกในสังคม"

            ทางเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ รายงานเพิ่มเติมถึงประวัตินามสกุล "กฤดากร" นามสกุลเก่าของคุณแม่ของ น.ส.จิตภัสร์ ที่คาดว่าจะใช้นั้น วิกิพีเดีย ระบุว่า หม่อมหลวงปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี มีนามเดิม หม่อมหลวงปิยาภัสร์ กฤดากร เป็นบุตรีของ หม่อมราชวงศ์ยงสวาสดิ์ กฤดากร รองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นโอรสของ หม่อมเจ้าเสริมสวาสดิ์ กฤดากร กับ หม่อมหลวงแส กฤดากร (สกุลเดิม สนิทวงศ์ โดยมีศักดิ์เป็นพี่สาวของ หม่อมหลวงบัว กิติยากร พระราชชนนีในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ) กับ ท่านผู้หญิงวิยะฎา กฤดากร ณ อยุธยา ซึ่งเป็นนางสนองพระโอษฐ์ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เฮลิคอปเตอร์ผู้ตามเสด็จตก ที่ จ.นราธิวาส มีน้องชาย 1 คน คือ หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร

           หม่อมหลวงปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี สมรสกับ นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ทายาทของ นายจำนงค์ ภิรมย์ภักดี และคุณหญิงสุภัจฉรี ภิรมย์ภักดี มีบุตร 3 คน คือ จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี, นันทญา ภิรมย์ภักดี และ ณัยณพ ภิรมย์ภักดี

             หม่อมหลวงปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป จากการรับบทเป็น "สมเด็จพระสุริโยทัย" ในภาพยนตร์ เรื่อง "สุริโยไท" ของ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ในชีวิตจริงหลังการเสียชีวิตของ ท่านผู้หญิงวิยะฎา ผู้เป็นมารดา เธอได้เข้าถวายงานบางส่วนในสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เช่น การตามเสด็จ และถวายงานเกี่ยวกับฉลองพระองค์ และสิ่งของต่างๆ ที่ต้องประสงค์ รวมทั้งจะเป็นผู้หนึ่งที่เดินแบบถวาย เมื่อครั้ง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นำแฟชั่นโชว์ผ้าไหมไทย ไปแสดงในประเทศต่างๆ ด้วย

           นอกจากนี้ ยังมีนามสกุล "รัตตกุล" ซึ่งเป็นนามสกุลเก่าของคุณแม่ จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี (คุณย่าตั๊น จิตภัสร์) อีก 1 ทางเลือก ที่ น.ส.จิตภัสร์ จะใช้แทนนามสกุล ภิรมย์ภักดี.