จดหมายศาลอาญาระหว่างประเทศมาแล้ว! ขอให้ไทยประกาศรับรองเขตอำนาจศาลทันที
4
พฤศจิกายน 2555 go6TV - จากกรณีที่คนเสื้อแดง
ได้ขอให้ศาลอาญาระหว่างประเทศดำเนินคดีแก่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
และผู้เกี่ยวข้องจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553
จนทำให้มีผู้เสียชีวิตร่วมร้อย บาดเจ็บอีกสองพันคนนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ ได้ส่งหนังสือตอบกลับ
มาถึงนายแพทย์ เหวง โตจิราการ เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้คดีดังกล่าว
ทางคณะอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศรับทราบแล้ว
แต่เนื่องจากประเทศไทยยังไม่ได้เป็นสมาชิกภาคีและยังไม่ได้ลงสัตตยาบรรณให้
การรองเขตอำนาจศาล
ซึ่งทำให้ศาลไม่สามารถดำเนินการเข้ามาสอบสวนหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นได้
จึงได้ทำหนังสือมายังนายแพทย์เหวง เพื่อให้ให้รัฐบาลไทย
ได้ประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เป็นเบื้องต้น
เพื่อเป็นการเปิดประตูการทำคดีนี้ต่อไป ดังมีรายละเอียดในจดหมายดังต่อไปนี้
(คำแปล)
อ้างถึง OTP/THA/011112/PM-er
วันที่ 1 พฤษจิกายน 2555
เรียน ดร.เหวง โตจิราการ
จดหมายฉบับนี้เขียนมาเพื่อตอบการซักถามข้อมูลที่ส่งถึง ท่านอัยการ
เบนสุดา เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2555
เกี่ยวกับขั้นตอนการรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ (“ICC” หรือ “ศาล”) โดยประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกสนธิสัญญากรุงโรม
ตามที่ท่านได้ทราบแล้วว่า ศาลไม่สามารถใช้เขตอำนาจเหนือดินแดนหรือประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกสนธิสัญญากรุงโรมได้
นอกจากจะได้รับมอบหมายจาก คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติตามมาตรา 13 (b) ของสนธิสัญญากรุงโรม
หรือ ประเทศนั้นๆจะรับเขตอำนาจของศาล โดยการประกาศ และบันทึกที่สำนักทะเบียน
ตามมาตรา 12 (3) ของสนธิสัญญากรุงโรม
การประกาศดังกล่าวนั้นอาจจะเป็นรูปแบบของจดหมายจากรัฐบาลที่เกี่ยวข้องจ่าหน้าถึงนายทะเบียนของ
ICC สำเนาถึงประธานของ
ICC และอัยการ
จดหมายนั้นควรระบุสถานการณ์ที่รัฐบาลจะรับเขตอำนาจศาลของ ICC ซึ่งควรเขียนให้เป็นรูปธรรมให้มากที่สุด แน่นอนศาลมีกฎว่า การกำหนดขอบเขตนั้นไม่สามารถ
“ชี้ถึงฐานความผิดในสถานการณ์ได้
เพราะต้องมีการสอบสวนครอบคลุมในทุกประเภทของอาชญากรรมที่อาจเกี่ยวข้อง”
ตามที่กำหนดไว้ในกฎข้อ 44
ผลของการประกาศคือการยอมรับเขตอำนาจศาลในคดีอาชญากรรมตามมาตรา 5 ของสนธิสัญญา
(ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ และอาชญากรรมสงคราม ซึ่ง
เกี่ยวข้องกับสถานการณ์
นอกจากนี้ประเทศผู้ประกาศยังต้องให้ความร่วมมือกับศาลตามส่วนที่ 9
ของสนธิสัญญากรุงโรมว่าด้วยเรื่องการร่วมมือระหว่างประเทศและการช่วย
เหลือกระบวนการศาล
ซึ่งบังคับใช้โดยอนุโลม
เป็นความรับผิดชอบของประเทศที่เกี่ยวข้องที่จะต้องทำให้มีกฎหมายภายในประเทศ
ที่กำหนดถึงความร่วมมือทุกประเภทซึ่งกำหนดไว้ในส่วนที่
9 ของสนธิสัญญา ตามมาตรา 88 อย่างไรก็ดีเนื่องจากส่วนที่ 9
เกี่ยวข้องกับความร่วมมือภายใต้การสอบสวนและดำเนินคดี
ไม่ใช่การตรวจสำนวนเบื้องต้น
การกำหนดกระบวนการระดับประเทศหรือการออกกฎหมายจึงไม่จำเป็นในการยื่นหนังสือ
ประกาศรับเขตอำนาจต่อศาล
ประเทศผู้ประกาศอาจประสงค์ที่จะเลือกที่จะส่งข้อมูลเอกสารสนับสนุนข้อกล่าวหาอาชญากรรมภายใต้ขอบเขตอำนาจศาล
ข้อมูลเหล่านั้นที่ได้รับจะถูกส่งไปที่แผนกวิเคราะห์ของอัยการว่า
มีข้อมูลมากเพียงพอหรือไม่ภายใต้มาตรา 15 ของสนธิสัญญา
โปรดเข้าใจว่า มาตรา 12 (3) เป็นการดำเนินการเพื่อให้ศาลมีขอบเขตอำนาจ
ไม่ใช่เป็นกลไกเริ่มต้นทันที ดังนั้น หากจะมีการเปิดการสอบสวนขึ้น
จะต้องมีการดำเนินการด้านอื่น เช่น อัยการต้องใช้ดุลพินิจเองตามมาตรา 15
หลังจากที่ได้รับหนังสือประกาศ
สำนักงานอัยการจะเริ่มการตรวจสำนวนเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานการณ์ เพื่อพิจารณาว่า
ข้อมูลที่มีจะมีเหตุผลเพียงพอที่จะดำเนินการสอบสวน ในกรณีนี้สำนักงานจะพิจารณา
โดยอาศัยกฎเกณฑ์ในมาตรา 53 (1) (a)-(c) เพื่อดูว่า
(ก) ข้อมูลที่มีเพียงพอให้เชื่อว่ามีการก่ออาชญากรรมภายใต้ขอบเขตอำนาจศาลขึ้นแล้วจริง
หรือ กำลังเกิดขึ้นอยู่
(ข) คดีจะสามารถยื่นต่อศาลได้ภายใต้มาตรา 17 และ
(ค) การสอบสวนจะไม่มีประโยชน์ต่อความยุติธรรม
หากท่านมีคำถามเกี่ยวกับกรณีนี้เพิ่มเติม กรุณาอย่ารีรอที่จะติดต่อ
คุณ เอเมอริค โรเจียร์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ ขอบเขตอำนาจ และความร่วมมือ
ซึ่งติดต่อได้ที่ emeric.rogier@icc-cpi.int โทรศัพท์ +31 070 515 9080
(สำนักงาน) หรือ +316 46 44 87 91 (มือถือ)
ขอถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณในความสนใจของท่าน
ในฐานะที่เป็นประเทศไม่เป็นภาคีสนธิสัญญา เกี่ยวกับกิจกรรมของศาลและสำนักงานอัยการ
ขอได้โปรดรับการคารวะอย่างสูง
ด้วยความเคารพ
Phakiso
Mochochoko
Director
Jurisdiction,
Complementarity and Coopperation Division |