วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เรียนเล่นๆ คาบแรก: บทเรียนประชาธิปไตยอินโดนีเซียจากผลการเลือกตั้ง ปธน.



"เรียนเล่นเล่น" โปรเจ็คใหม่ของเว็บไซต์ประชาไท ที่จะชวนผู้เชี่ยวชาญมาพูดคุยในประเด็นที่น่าสนใจทุกวันศุกร์ต้นเดือน ครั้งแรกนี้ จับกระแสการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในอินโดนีเซีย ในหัวข้อ "ประชาธิปไตยอินโดนีเซีย จากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด: ผลผลิตจากการกระจายอำนาจ การดิ้นรนของเครือข่ายเผด็จการทหาร" วิทยากรโดย อรอนงค์ ทิพย์พิมล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมด้วย วิษณุ ตรี ฮังโกโร ผู้จัดการโครงการพัฒนาสื่อจากสมาคมเครือข่ายสื่อมวลชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAPA) และโดดี ปริอัมโบโด เจ้าหน้าที่โครงการเทคโนโลยีและธรรมาภิบาลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEATTI) จากอินโดนีเซีย ดำเนินรายการโดย พิณผกา งามสม บรรณาธิการเว็บไซต์ประชาไท
วิดีโอจากการเสวนา "เรียนเล่นเล่น" ตอน "  "ประชาธิปไตยอินโดนีเซีย จากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด: ผลผลิตจากการกระจายอำนาจ การดิ้นรนของเครือข่ายเผด็จการทหาร" 
อรอนงค์ ทิพย์พิมล ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
พิณผกาเริ่มด้วยคำถามว่า ทำไมต้องสนใจอินโดนีเซีย และการเปลี่ยนตัวผู้นำจะส่งผลต่อนโยบายอาเซียนหรือไม่
อรอนงค์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งของอินโดนีเซีย ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่ออาเซียน โดยเปรียบเทียบว่า เวลาที่พรรคการเมืองในไทยอย่างพรรคเพื่อไทยหรือประชาธิปัตย์แถลงนโยบายอะไร ก็ไม่ได้เกิดผลกระทบอะไรต่อประเทศในอาเซียน แต่ก็อาจส่งผลต่อบรรยากาศความเป็นประชาธิปไตยที่โปร่งใส
ถามต่อว่า ช่วงที่ไทยมีรัฐประหาร ผู้นำในอาเซียนคนเดียวที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยคือ ซูซิโล บัมบัง ยุดโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซียคนปัจจุบัน หากเป็นโจโกวี เขาจะพูดเรื่องนี้ไหม
อรอนงค์มองว่า โจโกวีอาจจะดีกว่า ซูซีโล บัมบัง ยุดโยโน ด้วยซ้ำ เพราะไม่มีพื้นฐานจากสายทหาร แต่เป็นนักการเมืองที่มาจากธุรกิจที่ไม่ได้มีทุนหนา หรือทุนใหญ่ เขาคงไม่เห็นด้วยรัฐประหาร อย่างไรก็ตาม เตือนว่าอย่าลืมว่าเราคืออาเซียน เขาคงไม่พูดมากกว่าที่อาเซียนจะทำ
ขณะที่วิษณุเชื่อว่า แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐประหาร แต่ก็จะคงความร่วมมือกันต่อไป

โจโกวี-ผลผลิตของการกระจายอำนาจ
โดดี ปริอัมโบโด จาก SEATTI ประเทศอินโดนีเซียร่วมวงเสวนา
คำถามต่อมาคือ เราสามารถกล่าวได้ไหมว่า โจโกวีคือผลผลิตการกระจายอำนาจ จากสายตาคนนอก การต่อสู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้ โจโกวี เป็นผู้ว่ากรุงจาการ์ตา มีภาพคนรุ่นใหม่ ติดดิน เข้าถึงผู้คนมากขึ้น จะสรุปได้ไหมว่าเขาเป็นตัวแทนของคนที่มาจากผลผลิตของการกระจายอำนาจ
โดดีกล่าวว่า ไม่ได้คิดว่าโจโกวีเป็นผลผลิตของการกระจายอำนาจเสียทีเดียว แต่มีคาแรกเตอร์ มีเสน่ห์ส่วนตัว มีเครือข่าย ไม่ได้แย่มาก แต่ก็ไม่ได้ดีอย่างที่เคลม
วิษณุ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการกระจายอำนาจหรือไม่นั้นก็ยากจะพูด เพราะภายใต้ระบอบซูฮาร์โต ทุกอย่างอยู่ในภาวะอำนาจรวมศูนย์มานาน และเครือข่ายเครือญาติของซูฮาร์โตก็สามารถขยายอิทธิพลไปยังการเมืองระดับท้องถิ่นด้วย ดังนั้นอินโดนีเซียต้องการเวลากระจายอำนาจออกไป ซึ่งไม่ใช่การกระจายอำนาจทางการเมืองเท่านั้น แต่ต้องในทางเศรษฐกิจด้วย โดยยกตัวอย่างว่าตอนนี้ งบประมาณของประเทศ 70% ยังอยู่ที่จาการ์ตา
วิษณุ มองว่า ปรากฏการณ์โจโกวีไม่ได้เกิดขึ้นแบบฉับพลัน แต่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เป็นกระบวนการต่อเนื่องของภาคประชาสังคมอินโดนีเซีย ในการต่อต้านซูฮาร์โต โดยเป็นการกลับมารวมตัวของนักกิจกรรมยุค 1980-1990 ในยุคนั้น ภาคประชาสังคมอ่อนแอ และมีการสร้างภาคประชาสังคมที่สนับสนุนรัฐบาลยุคระเบียบใหม่ขึ้นมา ครั้งนี้ ถ้าโจโกวีไม่ชนะ ระบอบซูฮาร์โตอาจจะกลับมาก็ได้
ขณะที่อรอนงค์บอกว่า แม้จะเห็นด้วยกับข้อสังเกตเรื่องปรากฏการณ์ภาคประชาสังคมเข้มแข็ง แต่ก็มองต่างว่า ด้านหนึ่งก็มีคนไม่เอาระเบียบใหม่ของซูฮาร์โตด้วย อย่างไรก็ตาม คะแนนของทั้งสองไม่ได้ทิ้งห่างกันมาก คนที่เลือกโจโกวีก็ไม่ได้แปลว่าไม่เอาระเบียบใหม่ทั้งหมด

โจโกวี ไม่เอาทหาร?
เมื่อถามว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการลงประชามติปลดเปลื้องไม่เอาเครือข่ายทหารที่มีมาตลอดเกือบ 30 ปีหรือไม่ แต่ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนจะมีการเรียกหาระบบระเบียบเผด็จการ โดยยกกรณีที่ปักกึนเฮ ลูกสาวของอดีตประธานาธิบดีเผด็จการปักจุงฮี ชนะการเลือกตั้ง เหล่านี้เป็นการโหยหาระเบียบเก่า สังคมเป็นระเบียบ เห็นแนวทางบริหารชัดเจนของผู้คนในยุคปัจจุบันด้วยหรือเปล่า
อรอนงค์ชี้ว่า คนที่เลือกปราโบโว ไม่ได้แปลว่าเอาระบอบเผด็จการหรือทหารทั้งหมด โดยอธิบายว่า คนรุ่นใหม่ที่เติบโตหลังซูฮาร์โตลงจากอำนาจไปแล้ว พวกเขานึกไม่ออกว่าอะไรคือระเบียบใหม่ ซูฮาร์โตคือใคร เขาเป็นทั้งนักธุรกิจและทหาร ขณะที่ภาพคำว่าทหารของคนอินโดนีเซีย แม้จะมีการละเมิดสิทธิเยอะ แต่ทหารก็คือกลุ่มคนให้กำเนิดชาติอินโดนีเซีย เขาสลัดคุณความดีนี้ไม่พ้น ทหารเป็นผู้มีบุญคุณต่อชาติ มีทั้งเงินและบารมี คนส่วนหนึ่งต้องการได้คนที่เข้มแข็ง มีความเป็นชาตินิยม มีนโยบายชัดเจน กล้าตัดสินใจ รวมถึงเป็นอิสลาม ซึ่งข้อนี้มีส่วนเพราะแม้ว่าอินโดนีเซียจะไม่ใช่รัฐศาสนา แต่ก็เป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมเยอะที่สุดในโลก นอกจากนี้ อินโดนีเซียเปรียบเหมือนประเทศผู้ชาย มีลักษณะของความเป็นผู้ชายมาก จึงต้องการคนที่กล้าหาญ มาปกครอง
อรอนงค์ชี้ด้วยว่า การชนะเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่ก็น่าสนใจ โดยปราโบโวซึ่งเป็นทหาร ชนะในอาเจะห์ ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาขบวนการแบ่งแยกดินแดนมาก่อน ทั้งที่ในยุคที่มีปฏิบัติการทางทหาร ชาวบ้านเกลียดทหารมาก แต่วันนี้ อาเจะห์เลือกทหารเป็นผู้นำ มีการวิเคราะห์ว่า ปราโบโว คือพรรคอาเจะห์ ที่พัฒนามาจากขบวนการที่จะแยกตัวออกไป ซึ่งเป็นสมาชิกกับซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน ซึ่งตอนนี้หนุนปราโบโว และด้วยแนวคิดก็เป็นทหาร วิธีสั่งการก็เป็นแบบจากบนลงล่าง แกนนำพรรคสั่งอย่างไร ผู้ร่วมก็ทำตามนั้น
ด้านโดดีบอกว่า การที่ปราโบโวชนะเพราะใช้สื่อด้วย โดยในยุคระเบียบใหม่ของซูฮาร์โตนั้น สื่อตกอยู่ในมือทหารเกือบหมด ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็มีการใช้สื่อโจมตีโจโกวีเต็มที่ เช่น ขาดประสบการณ์ เป็นอิสลามไม่พอ บ้างก็ว่าเป็นคริสเตียน ซึ่งประเด็นเรื่องศาสนานี้ขายได้ เพราะก่อให้เกิดคำถามว่า คนในอินโดนีเซียซึ่งมีจำนวนผู้นับถือศาสนาอิสลามจำนวนมากที่สุดในโลกจะรับได้ไหมที่จะมีผู้ปกครองที่ไม่ใช่อิสลาม นอกจากนี้ ยังโจโกวียังถูกโจมตีว่าเป็นคอมมิวนิสต์ด้วย ทั้งที่พรรคคอมมิวนิสต์และผู้ที่ถูกบอกว่าเป็นคอมมิวนิสต์ถูกกวาดล้างไปแล้วตั้งแต่ปี 1986

บทบาทภาคประชาสังคมอินโดนีเซีย
เมื่อถามว่า ในบริบทที่อินโดนีเซียดูเหมือนก้าวไปข้างหน้า แต่ก็ยังมีกลุ่มพลังอนุรักษนิยมอยู่เยอะ รวมถึงมีกลุ่มเคร่งหรือคลั่งศาสนาเยอะด้วย อินโดนีเซียจัดการภาวะเห็นต่างแบบนี้อย่างไร
อรอนงค์ออกตัวว่าขอมองโลกแง่ดีว่าแม้จะมีปรากฏการณ์เผาหนังสือฝ่ายซ้าย มีการข่มขู่ ประทุษร้ายทางร่างกาย แต่ในภาพใหญ่ สำนึกการเติบโตของภาคประชาสังคมสำคัญมาก มีการสร้างอะไรบางอย่างที่ทำให้อินโดนีเซียไม่กลับไปเป็นแบบนั้นอีก และอีกเรื่องคือ ในสังคมอินโดนีเซีย มีความอดทนอดกลั้นสูง ทนต่อความต่างได้เยอะกว่าที่คิด เรื่องกฎหมายอย่างชารีอะห์ในอาเจะห์ ก็ถูกสื่อขยายใหญ่โตเกินไป หรืออย่างเรื่องกลุ่มศาสนา ถ้าดูจะเห็นว่า ผู้นำศาสนาในปอเนาะเล็กๆ ก็อาจจะเลือกโจโกวีก็ได้
เมื่อเล่าถึงภาคประชาสังคมอินโดนีเซีย วิษณุเท้าความว่า ตอนที่ซูฮาร์โตขึ้นสู่อำนาจ ในปี 1966 นักศึกษาต่างสนับสนุนเขา เพราะหวังว่าจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจอินโดนีเซีย แต่ไม่นาน นักศึกษาก็เริ่มรู้สึกว่าเขาจะอยู่ในอำนาจนานแน่ๆ และเริ่มมีความเป็นเผด็จการใช้อำนาจไม่ชอบธรรม ในปี 1974 จึงมีการประท้วง ตามมาด้วยการปราบปรามโดยรัฐ ขณะที่นักศึกษาไม่หนี แต่ตั้งกลุ่มอภิปรายเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และเคลื่อนไหวมาตลอด พอปี 1998 ซึ่งอินโดนีเซียมีคำถามว่า จะปฏิรูปหรือจะปฏิวัติ ภาคประชาสังคมมองว่า หากปฏิวัติจะนองเลือดและเสียหายมาก จึงเลือกปฏิรูป ซึ่งก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ก็มีการแก้ไขกฎหมายสื่อ ซึ่งยุคซูฮาร์โต จะถูกยึดใบอนุญาต ถ้าวิจารณ์รัฐบาลหนัก
โดดีเสริมว่า โจโกวีมีนโยบายมองไปข้างหน้า ให้ประชาสังคมมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ ดึงเอ็นจีโอมาทำงานร่วมกัน ไม่ได้มองว่า เอ็นจีโอเป็นศัตรู โดยดูจากการทำงานร่วมกับเอ็นจีโอ ตอนเป็นผู้ว่ากรุงจาการ์ตา

การเลือกข้างของสื่อ
ด้านบทบาทสื่อในการเลือกตั้งครั้งนี้ วิษณุ เล่าว่า บทบาทสื่อในการเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมากในการให้ข้อมูลกับประชาชน สื่อแบ่งออกเป็นสองฝั่งและประกาศตัวชัดเจนว่าสนับสนุนใคร โดยสื่อหลักจะหนุนปราโบโว ขณะที่สื่อเล็กๆ หัวก้าวหน้า ประกาศตัวหนุนโจโกวี แต่ตอนหลัง เริ่มมีการโจมตีโจโกวีเยอะ และมีเฮทสปีช มีการโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์ ให้ข้อมูลบิดเบือน ส่งผลให้สื่อทางเลือกที่พยายามวางตัวเป็นกลางเช่น จาการ์ตาโพสต์ ประกาศตัวหนุนโจโกวี โดยเมื่อเขาสอบถามไปทางอดีต บก.บห.จาการ์ตาโพสต์ ก็ได้ความว่า เขาไม่อาจเป็นกลางได้อีกต่อไป และเมื่อเลือกข้างแล้ว ก็ขอประกาศตัวไปเลยดีกว่า
โดดีเสนอว่า จากกรณีนี้ ทำให้เห็นว่าอินโดนีเซียยังไม่มีกฎหมายหรือระเบียบบังคับสื่อว่าจะสามารถร่วมแคมเปญ หรือมีส่วนในการเลือกตั้งแค่ไหน อินโดนีเซียยังต้องทำการ้บานมากขึ้น รวมถึงต้องให้ความสำคัญกับความเป็นเจ้าของสื่อ เพราะยังมีนักการเมืองเป็นเจ้าของสื่อ ซึ่งจะมีผลต่อการรณรงค์การเลือกตั้ง
ผู้ร่วมเสวนาคนหนึ่งถามว่าจากผลการเลือกตั้ง มีลักษณะประชากรของสองพรรคต่างกันอย่างไร วิษณุ บอกว่า ความต่างไม่ใช่เรื่องชนชั้น แต่เป็นเรื่องศาสนามากกว่า โดยโจโกวี จะอยู่ฝั่งเสรี หรืออยู่กลางๆ แต่ปราโบโว จะมีภาพสุดโต่ง เรื่องศาสนา ไม่ว่าอิสลามหรือคริสเตียน อย่างไรก็ตามผู้คนก็จะซื้อภาพความเป็นมุสลิมมากกว่า
มีคำถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เสียงก็ไม่ขาด สื่อก็ไม่หนุน จะเกิดการกดดันจนถึงทางตันทางการเมือง ในการเมืองอินโดนีเซียหรือไม่ หรือถึงทางตันแล้วจะมีช่องทางพิเศษอื่นอีกไหม ที่จะทำให้ประชาธิปไตยอินโดนีเซียสะดุด จากคำถามดังกล่าว อรอนงค์ ชี้ว่า การที่ทหารจะลุกมายึดอำนาจอีกเป็นศูนย์ พวกเขาไม่เคยมาแบบยึดอำนาจ และไม่มีข้ออ้างอะไรมาอ้างยึดอำนาจได้
ด้าน วิษณุ เล่าว่า ในปี 1998 คิดกันว่า ทหารจะแทรกแซงการเมือง แต่ทหารก็ไม่เข้ามา ยุคเมกาวาตี ซูการ์โน ปุตรี คนคิดกันว่า ทหารจะมาแทรกแซงทาง แต่ก็ไม่ออกมา และจนถึงจุดนี้ก็ไม่น่าจะมีการแทรกแซงแล้ว ส่วนประเด็นโจมตีนั้นมีแน่ๆ แต่ก็คิดว่าสื่อจะไม่รีบโจมตีโจโกวีมากนัก อาจจะปล่อยให้บริหารประเทศไปก่อน

องค์กรสื่อแจงส่งตัวแทนสรรหา สปช. ชี้เข้าไปปกป้องสิทธิสื่อและประชาชน


โฆษกสมาคมนักข่าวชี้แจงเหตุผลในการส่งตัวแทนสมาคมนักข่าวรับการสรรหาการเป็นสมาชิกสภาปฏิรูป ระบุเพื่อไปปกป้องหลักการเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชนไม่ให้ถอยหลังไปกว่ารัฐธรรมนูญปี 2550
 
15 ส.ค. 2557 นายมานพ ทิพย์โอสถ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ และโฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ชี้แจงกรณีกรรมการสมาคมนักข่าวฯมีมติส่งตัวแทนเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปด้านสื่อสารมวลชนว่า องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนในอาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่เป็นนิติบุคคลประกอบด้วย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และมูลนิธิพัฒนาสื่อมวลแห่งประเทศไทย ได้ปรึกษาหารือกันและเห็นร่วมกันว่ามีความจำเป็นที่จะส่งตัวแทนองค์กร เข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เนื่องจากบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) 2557 มาตรา 27 ที่ระบุให้มีสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติในหลายด้าน โดยมีด้านสื่อสารมวลชนอยู่บทบัญญัติด้วยและมีคณะกรรมการสรรหาด้านสื่อสารมวลชนอย่างชัดเจน ที่แสดงให้เห็นว่าในการปฏิรูปประเทศครั้งนี้ต้องมีเรื่องการปฏิรูปสื่อมวลชนอย่างแน่นอน
 
นายมานพ กล่าวว่า กรรมการสมาคมนักข่าวฯได้ประชุมร่วมกันพิจารณาและประเมินสถานการณ์ร่วมกับองค์กรวิชาชีพสื่อและผู้ใหญ่ในวงการสื่อมวลชน ก็เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องส่งตัวแทนสมาคมนักข่าวฯ เข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูป เพื่อไปปกป้องหลักการเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชนที่ต้องไม่ถอยหลังไปกว่าบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยมาตรา 45 ระบุไว้ว่า 
 
"บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นการจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัวหรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันหรือระงับความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน การสั่งปิดกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเพื่อลิดรอนเสรีภาพ จะกระทำมิได้การห้ามหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเสนอข่าวสารหรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการแทรกแซงด้วยวิธีการใดๆ เพื่อลิดรอนเสรีภาพ จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งได้ตราขึ้น การให้นำข่าวหรือบทความไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจก่อนนำไปโฆษณาในหนังสือพิมพ์หรือ สื่อมวลชนอื่น จะกระทำมิได้ เว้นแต่จะกระทำในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม แต่ทั้งนี้จะต้องกระทำโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งได้ตราขึ้นตามวรรคสองเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยการให้เงินหรือทรัพย์สินอื่นเพื่ออุดหนุนกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นของเอกชนรัฐจะกระทำมิได้"
 
โฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยกล่าวต่อว่ารวมทั้งหลักการในมาตรา 46 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2550 ได้ระบุไว้ว่า พนักงานหรือลูกจ้างของเอกชนที่ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ หรือสื่อมวลชนอื่น ย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นภายใต้ข้อจำกัด ตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ตกอยู่ภายใต้อาณัติของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าของกิจการนั้น แต่ต้องไม่ขัดต่อจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพ และมีสิทธิจัดตั้งองค์กรเพื่อปกป้องสิทธิ เสรีภาพและความเป็นธรรม รวมทั้งมีกลไกควบคุมกันเองขององค์กรวิชาชีพ
 
กรรมการสมาคมนักข่าวเห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการปฏิรูปสื่อให้อยู่ในทิศทางที่ถูกต้องโดยเฉพาะหลักการการกำกับดูแลกันเองหรือการกำกับร่วมของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนจะต้องไม่ถูกเปลี่ยนแปลงไปถูกควบคุมสื่อด้วยกฎหมายหรืออำนาจพิเศษที่จะทำลายความเป็นอิสระของสื่อมวลชนและมองเห็นร่วมกันว่าหากปล่อยให้กฎหมายที่ทำลายหรือขัดขวางเสรีภาพและความอิสระของสื่อออกมาบังคับใช้และมาตามแก้ภายหลังจะเป็นงานที่ยากลำบากกว่าเพราะสมาคมนักข่าวฯ และนักหนังสือพิมพ์อาวุโส มีบทเรียนในการต่อสู้เพื่อยกเลิกการพิมพ์ 2484 ต้องใช้เวลา 66 ปี เพราะเพิ่งยกเลิกไปเมื่อปี 2550และมีพ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ฯ ขึ้นมาแทน นอกจากนี้ คำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองฉบับที่ 42 ที่รู้จักกันดี ปร. 42 ต้องใช้เวลาถึง 13 ปีกว่าจะยกเลิกได้ จากการหารือตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อในเบื้องต้นเพื่อให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนทุกแขนง นักวิชาการด้านสื่อมวลชนได้เข้ามามีส่วนร่วมตลอดจนรับฟังความคิดเห็นของภาคส่วนอื่นของสังคม ก็จะมีจัดตั้งคณะทำงานสื่อเพื่อการปฏิรูปประเทศทำควบคู่ไปกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพราะการปฏิรูปประเทศครั้งนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลวบทบาทของสื่อมวลชนก็มีความสำคัญมาก
 
นายมานพกล่าวชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวในเรื่องตัวบุคคลที่คณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวฯ เสนอเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ คณะกรรมการบริหาร สมาคมนักข่าวฯ มีมติ ส่งนายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ นายกสมาคมนักข่าวฯ และนายมานิจ สุขสมจิตร ที่ปรึกษาสมาคมฯ เป็นผู้แทน ซึ่งต่อมานายมานิจ สุขสมจิตรได้ขอถอนตัวไม่ขอเข้ารับการเสนอชื่อในนามสมาคมนักข่าวฯ เพราะได้รับการเสนอชื่อในนามสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว ส่วนมติที่สอง คณะกรรมการบริหาร สมาคมนักข่าวฯ มีมติส่งนายสมหมาย ปาริจฉัตต์ อดีตนายกสมาคมฯ และ ดร.สุรศักดิ์ จิรวัสตร์มงคล อุปนายกฝ่ายวิชาการ สมาคมนักข่าวฯ เพื่อให้มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย คัดเลือกเพื่อส่งเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ทั้งนี้ สมาคมนักข่าวฯ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหาร ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ เพื่อพิจารณาหาบุคคลแทนนายมานิจ สุขสมจิตรที่ขอถอนตัวออกไป อย่างไรก็ตามหลังจากองค์กรวิชาชีพสื่อทั้งหมดได้ตัวแทนที่จะส่งเข้าไปรับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปก็จะทำการชี้แจงถึงเหตุผลและภารกิจที่จะทำร่วมกันอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

นศ.ขอนแก่นนอนคุก ศาลไม่ให้ประกัน คดี 112 ละครเจ้าสาวหมาป่า



15 ส.ค.2557  สืบเนื่องจากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดขอนแก่นได้จับกุมนายปติวัฒน์ (สงวนนามกุล) นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น ตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 988/2557 เมื่อวานนี้ (14 ส.ค.) โดยแจ้งข้อหาตามมาตรา  112 ต่อมาได้ส่งตัวมาควบคุมตัวยัง สน.ชนะสงคราม ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุ และในวันนี้พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอฝากขังนายปติวัฒน์ยังศาลอาญา ญาติผู้ต้องหาได้นำเงินสด 300,000 บาทยื่นขอประกันตัว ล่าสุด เวลาประมาณ 17.45 น. ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว และผู้ต้องหาถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
โดยศาลให้เหตุผลว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีอัตราโทษสูง เมื่อพิจารณาการกระทำตามคำร้องฝากขังและพยานหลักฐานประกอบการร้องขอออกหมายจับแล้ว เห็นว่า  ผู้ต้องหาร่วมแสดงละครมีเนื้อหาล้อเลียนในลักษณะจาบจ้วง ดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์ในหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อหน้าผู้ชมเป็นจำนวนมาก ทั้งมีการเผยแพร่ออกไปยังสื่อทั้งในเฟซบุคและเว็บไซต์เป็นวงกว้าง พฤติการณ์จึงเป็นเรื่องร้ายแรง ทั้งผู้ต้องหาถูกจับตัวตามหมายจับของศาล ดังนั้น หากปล่อยชั่วคราวอาจหลบหนีได้ ประกอบด้วยผู้ร้องคัดค้านการประกันตัว จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัว”
ทั้งนี้ การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 และ 13 ต.ค. 2556 ผู้ต้องหาได้ร่วมแสดงละครเวทีเรื่องเจ้าสาวหมาป่า โดยเป็นการรวมตัวเฉพาะกิจของนักแสดงบางส่วนของกลุ่มประกายไฟการละครซึ่งปิดตัวไปเมื่อปลายปี  2555 ละครเวทีเรื่องนี้จัดแสดงในงานรำลึก 40 ปี 14 ตุลาฯ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ต่อมาวันที่ 30 ต.ค.2556 เครือข่ายเฝ้าระวัง พิทักษ์และปกป้องสถาบัน มีการจัดประชุมสมาชิกเครือข่าย โดยมีผู้เข้าร่วมราว 200-300 คน ได้ประชุมร่วมกันเพื่อแจกจ่ายคลิปดังกล่าวและนัดแนะให้เครือข่ายฯ เข้าแจ้งความตามมาตรา 112 ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ที่อยู่อาศัย
สำหรับการจับกุมวานนี้ (14 ส.ค.) นั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนรูปภาพบุคคลตามหมายจับของศาลอาญาที่  จ988/2557 จนทราบว่าคือนายปติวัฒน์ ในวันที่ 14 ส.ค.จึงได้ประสานไปยังมหาวิทยาลัยขอนแก่นขอเชิญตัวนายปติวัฒน์ โดยมี นายวิจิตร วินทะไชย รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา พามาพบเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดูหมายจับดังกล่าว เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงหมายจับให้นายปติวัฒน์ดูและเขารับว่ารูปภาพบุคคลตามหมายจับดังกล่าวเป็นเขาจริง และไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เจ้าพนักงานได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผุู้ต้องหาทราบ  ผู้ต้องหาทราบสิทธิและข้อกล่าวหาแล้ว ผู้ต้องหาให้ถ้อยคำปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

จับอีกรายนักกิจกรรมสาว เหตุละครเจ้าสาวหมาป่า คาดแจ้งข้อหา 112


15 ส.ค.2557 รายงานข่าวแจ้งว่า นางสาวภรณ์ทิพย์ (สงวนนามสกุล) หรือ กอล์ฟ นักกิจกรรม ถูกควบคุมตัวจากสนามบินจังหวัดสงขลาระหว่างจะเดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวเข้ากรุงเทพฯ ในคืนนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากวานนี้นายปติวัฒน์ (สงวนนามสกุล) นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น ถูกจับกุมจากกรณีร่วมแสดงละครเจ้าสาวหมาป่าและถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 พร้อมทั้งถูกฝากขังผลัดแรกแล้ววันนี้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รายงานข่าวแจ้งว่า คาดว่านางสาวภรณ์ทิพย์อาจจะถูกจับกุมจากกรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับละครเวทีเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกัน

หากมีความคืบหน้า ผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป 
ทั้งนี้ ละครเวทีเจ้าสาวหมาป่า จัดแสดงในงานรำลึก 40 ปี 14 ตุลาฯ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 6 และ 13 ต.ค.2556 โดยเป็นการรวมการเฉพาะกิจของอดีตนักแสดงจากกลุ่มประกายไฟการละครซึ่งปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2555 และนักแสดงกลุ่มอื่นๆ
สำหรับภรทิพย์นั้นอายุ 25 ปี จบจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เธอสนใจการเมืองตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักศึกษา เธอและเพื่อนๆ ร่วมกันก่อตั้งกลุ่มละครเล็กๆ ชื่อว่า ประกายไฟการละครเมื่อปี 2553 มีวัตถุประสงค์เพื่อทำละครให้เข้าถึงประชาชนชั้นล่าง ที่ผ่านมาจะทำการแสดงละครในประเด็นสังคม ประเด็นการเมือง ตามท้องถนน ที่ชุมนุม และในต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม กลุ่มละครดังกล่าวได้ปิดตัวลงไปแล้วเมื่อ 8 ก.ค.2555 เนื่องจากความไม่ลงตัวของสมาชิกและความต้องการศึกษาทฤษฎีทางสังคม การเมือง เพิ่มเติมของสมาชิกในกลุ่ม ส่วนภรณ์ทิพย์ได้หันไปประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างบริษัท
ภรณ์ทิพย์เคยให้สัมภาษณ์ในวันแถลงข่าวปิดตัวกลุ่มละครว่า เธอยังมีความใฝ่ฝันในการทำละคร
“โดยส่วนตัวอยากเล่นเดี่ยว เรื่องเด็กหญิงขายไม้ขีดไฟ แต่ก็คงไม่ได้เล่นแล้ว แล้วก็ยังมีเรื่องจอมพล ป.  ที่อยากจะเล่น คือเราเห็นคนเล่าเรื่องปรีดี เรื่องคนอื่นเยอะ แต่ยังไม่มีคนเล่าเรื่องจอมพล ป. ทั้งๆ ที่มีความน่าสนใจมากและน่าเห็นใจมากในทางประวัติศาสตร์ แล้วก็อยากเล่นนิทานพื้นบ้านที่เป็นนิทานแบบศรีธนญชัย เวตาล แล้วเล่าเรื่องแบบหนังอินเดีย มีเต้นๆ ด้วย อยากทำเป็นตอนๆ ค่อยๆ เล่น อยากไปเล่นในต่างจังหวัด เล่นให้พี่น้องที่อยู่ต่างประเทศดู อยากเล่นในที่ที่ต่างกัน และที่สำคัญอยากเล่นให้เด็กๆ ดู เราอยากจะเล่านิทานเรื่องใหม่ให้เด็กๆ ฟัง เป็นนิทานของคนธรรมดาที่เปลี่ยนโลกได้”

เก็บจากแผง เพราะ "จาก "ป๋าเปรม" ถึง "ป๋าป้อม"

เก็บ "มติชนสุดสัปดาห์" ลงจากแผง - หลังมีบทกวีสะกดผิด


"มติชนสุดสัปดาห์" หน้าปก "ยิ่งลักษณ์" ยืนอยู่ด้านหน้าทวน ถูกเก็บเกลี้ยงแผงแล้ว โดยพบหน้าท้ายๆ มีบทกวีสะกดคำผิด ซึ่งเสี่ยงถูกตีความว่าผิดกฎหมาย
15 ส.ค. 2557 - ตามที่ในวันนี้หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์เช่น มติชนสุดสัปดาห์ สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ เนชั่นสุดสัปดาห์ โลกวันนี้วันสุข จะถูกวางจำหน่ายนั้น มีรายงานว่า หนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ฉบับที่ 1774 ประจำวันที่ 15-21 สิงหาคม 2557 ไม่มีการวางจำหน่ายในแผงหนังสือ
หน้าปกมติชนสุดสัปดาห์ฉบับที่ 1774 เป็นภาพอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยืนอยู่ด้านหน้าทวนหลายเล่ม โปรยคำว่า "หยัดตรงดั่งปลายทวน"
สำหรับภาพปกของมติชนสุดสัปดาห์ฉบับดังกล่าว ตามที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้ เป็นรูป น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนอยู่ด้านหน้าทวนหลายเล่ม ซึ่งใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ตัดต่อ และโปรยว่า "หยัดตรงดั่งปลายทวน" และมุมล่างซ้ายมีรูปการ์ตูนเจ้าจุกแต่งเครื่องแบบ รปภ. ระบุข้อความว่า "คิดถึงนะ จาก...ลุงยู๊ดดด"
ทั้งนี้ เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ได้รายงานโดยพาดหัวว่า "สั่งเก็บ “มติชนสุดสัปดาห์” ออกจากแผงทันที หลังรายงานโยง “ประยุทธ์” พาดพิงเบื้องสูง" และพาดหัวรองว่า "เอเยนต์หนังสือคอนเฟิร์ม “มติชน” สั่งเก็บนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ออกจากแผงทันที อ้างไม่อยากให้โรงพิมพ์ถูกปิด พบเนื้อหานอกจากเชลียร์ "ยิ่งลักษณ์" ตามสูตรแล้ว พบรายงานพิเศษเปรียบ "ประวิตร" บารมีเทียบ "ป๋าเปรม - สุรยุทธ์" แถมโยง "บิ๊กตู่" พาดพิงกับสถาบันเบื้องสูง" โดยเอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า ได้โทรศัพท์สอบถามไปยังผู้แทนจำหน่ายหนังสือและยืนยันการสั่งเก็บนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์
ทั้งนี้ในรายงานของเอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ให้ความสำคัญกับเนื้อหาในเล่มที่มีบทความวิจารณ์การทำงานของ คสช. โดยยกตัวอย่างบทนำในหน้า 10 ที่ใช้หัวเรื่องว่า "หยัดตรงดั่งปลายทวน" ระบุว่าการเดินทางกลับไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นการลบคำสบประมาทและแสดงจุดยืน "หยัดตรงดั่งปลายทวน" และรายงานพิเศษหน้า 16 หัวข้อ "จาก "ป๋าเปรม" ถึง "ป๋าป้อม" ขั้วอำนาจใหม่ไทยแลนด์ "3 ป. 3 ทหารเสือฯ" กับไวท์เฮาส์ ร.1 รอ. ทำเนียบ คสช." โดยพาดพิง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าอยู่เบื้องหลังการชุมนุม กปปส. และมีส่วนในการตัดสินใจช่วงการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 โดยหลังจากนั้นมีการแต่งตั้งทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เป็นที่ปรึกษา คสช.
นอกจากนี้ในรายงานพิเศษยังยกย่อง พล.อ.ประวิตร เป็น "ป๋าคนที่ 2" ของวงการทหารด้วย มีการระบุว่า "มูลนิธิ ป่ารอยต่อฯ" ที่ พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน กลายเป็นมูลนิธิแห่งอำนาจที่กำลังมาแรงแซงโค้งมูลนิธิรัฐบุรุษของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีด้วย
เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ระบุด้วยว่า ในรายงานพิเศษของมติชนสุดสัปดาห์ยังกล่าวถึงกรณีที่ยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ย้าย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ลูกพี่ลูกน้องจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. ที่อยู่ในตำแหน่งมาแค่ 1 ปี เป็น ผบ.สส. เพื่อให้ พล.อ.ประวิตร มาเป็น ผบ.ทบ. "จึงถือว่า พล.อ.ประวิตร กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีเยื่อใยความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่บ้าง แม้ พล.อ.ประวิตร จะเลือกข้างพรรคประชาธิปัตย์ และสนิทสนมกับนายสุเทพ ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกัน เป็นเหตุผลหนึ่งที่ คสช. ไม่ได้ตามไล่บี้ พ.ต.ท.ทักษิณในต่างแดนอีกด้วย" ตอนหนึ่งในรายงานพิเศษของมติชนสุดสัปดาห์ระบุ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวประชาไทตรวจสอบจากหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ พบว่า ส่วนที่น่าจะทำให้มีการตัดสินใจเก็บออกจากแผงหนังสือ น่าจะมาจากบทกวีที่หน้าท้ายๆ ของมติชนสุดสัปดาห์ ซึ่งแต่งโดยผู้ใช้นามปากกาว่า "ระริน มุข" ซึ่งบทกวีดังกล่าว มีอยู่บทหนึ่งที่สะกดคำผิดหนึ่งจุด ซึ่งอาจทำให้ถูกตีความว่าผิดกฎหมายได้

แอมเนสตี้เผยทหารขอความร่วมมือยกเลิกกิจกรรมที่เชียงใหม่

แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย ส่งจดหมายแจ้งสมาชิกยกเลิกกิจกรรม "สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ในกาซ่า" ที่ จ.เชียงใหม่ เพราะหน่วยงานทหารขอความร่วมมือให้ระงับการจัดกิจกรรมดังกล่าว ชี้ขัดคำสั่ง คสช.
 
15 ส.ค. 2557 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทยส่งจดหมายแจ้งข่าวต่อสมาชิกว่า ได้ยกเลิกกิจกรรม Light Up Night: ค่ำคืนสิทธิมนุษยชน ณ เชียงใหม่ "สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ในกาซ่า" 17 สิงหาคม 17.00 น ร้าน Book & Wife โดยเนื้อหาทั้งหมดมีดังต่อไปนี้
 
เรียน สมาชิกแอมเนสตี้
 
ทีมแอมเนสตี้ขอแจ้งยกเลิกการจัดกิจกรรม Light Up Night ค่ำคืนสิทธิมนุษยชน ณ เชียงใหม่ ตอน สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ในกาซ่า ซึ่งจะจัดในวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม  2557
 
เนื่องด้วยแอมเนสตี้ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากหน่วยทหารในจังหวัดเชียงใหม่ ขอความร่วมมือให้ระงับการจัดกิจกรรมดังกล่าว โดยชี้แจงว่าขัดกับคำสั่งของ คสช. เรื่องการชุมนุมเกิน 5 คน และเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง (แม้แอมเนสตี้จะชี้แจงแล้วว่ากิจกรรมครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนด้านสิทธิมนุษยชนเท่านั้น)
 
ด้วยเหตุนี้ ทีมแอมเนสตี้จึงจำต้องระงับการจัดกิจกรรมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึง คสช. กระทรวงต่างประเทศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอเข้าพบและพูดคุยเพื่อขอความกระจ่างในการจัดกิจกรรมครั้งต่อๆไป
 
หากมีความคืบหน้าอย่างไรจะแจ้งให้สมาชิกทราบอีกครั้ง
 
 
ทีมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
ประเทศไทย

ประยุทธ์' ห่วงรับน้อง-วอนอยู่ในกฎกติกาอย่าโลดโผน-ชี้ไม่ใช่หลักสูตรทหาร


"คืนความสุขให้คนในชาติ" 15 ส.ค.57 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วอนรุ่นพี่รับน้องขอให้อยู่ในกรอบกติกาที่กำหนด ไม่เป็นอันตราย ไม่โลดโผนบีบบังคับรุ่นน้อง ชี้รับน้องไม่ใช่หลักสูตรทหาร หลักสูตรทหารทุกวันนี้ปรับปรุงลดระดับลงแล้ว ส่วนการปล่อยตัว "วีระ สมความคิด" ไม่มีข้อตกลงใดๆ กับฮุนเซ็น ย้ำต้องร่วมมือเพื่อการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
 
รายการคืนความสุขให้คนในชาติ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประจำวันที่ 15 ส.ค. 2557
 
15 ส.ค. 2557 - ในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ระบุไว้ตอนหนึ่งว่าในเรื่องของสังคมจิตวิทยา ในเรื่องของการรับน้องสถาบันการศึกษากลางเดือนสิงหาคม ขอให้อยู่ในกรอบกติกาที่กำหนด ข้อสำคัญคือไม่เป็นอันตราย ไม่โลดโผน หรือเป็นการบีบบังคับรุ่นน้อง ท่านไม่ใช่หลักสูตรทหาร แม้กระทั่งหลักสูตรวันนี้ ทหาร ผมยังให้ปรับปรุงไปแล้ว ให้ลดระดับลง ท่านต้องให้รุ่นน้องเคารพรักรุ่นพี่ด้วย ความศรัทธาในการกระทำที่ดีงาม เป็นตัวอย่างให้เขา อะไรที่ไม่ดี อะไรที่เราเคยถูกกระทำมา สมัยเราเรียน รุ่นพี่เคยทำไว้เราก็ไม่ชอบ ฉะนั้นอะไรที่เราไม่ชอบ อะไรที่ไม่ดีเราก็อย่าทำอีกอย่าไปทำอีก รุ่นน้องทำให้เขามีความอบอุ่น พี่รักน้องนะ การทำร้ายร่างกาย การทำให้เกิดความเสี่ยงอันตรายต่อการบาดเจ็บสุญเสีย และเขาก็กลัวไปหมด เรียนหนังสือก็เรียนไม่ได้ ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไรเลย ทหารก็ดีอีกอย่างหนึ่งเป็นเรื่องของหลักสูตรทางทหารก็ต้องฝึกให้เข้มแข็งทั้งร่างกาย จิตใจ เรายังคงต้องลดระดับลงให้อยู่ในกรอบไม่เกิดอันตราย ขอท่านอย่าทำเลยคนละแบบกัน
 
ส่วนเรื่องการปล่อยตัวนายวีระ สมความคิด ไม่ได้มีข้อตกลงใดๆกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา อย่างที่มีการกล่าวอ้าง เผยเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ย้ำต้องร่วมมือเพื่อการก้าวสู่อาเซียน นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือภาคธุรกิจ พ่อค้าคนกลาง เห็นใจเกษตรกรในเรื่องการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร พร้อมระบุให้ขึ้นทะเบียนที่ศูนย์ดำรงธรรมของแต่ละจังหวัดเพื่อจัดระเบียบแก้ปัญหาให้เกษตรกรต่อไป นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือผู้ประกอบการค้าขายในสถานที่ท่องเที่ยวขายสินค้าด้วยราคาที่เป็นธรรม เน้นย้ำภาครัฐบูรณาการระหว่างหน่วยงานเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน
 
โดยเนื้อหาของรายการทั้งหมดมีดังต่อไปนี้
 
รายการคืนความสุขให้คนในชาติประจำวันที่ 15 ส.ค. 2557
 
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้อง ประชาชนคนไทยที่รักทั้งประเทศ
 
วันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมถือว่าเนื่องในวโรกาสวันมหามงคลเช่นนี้ยังคงมีอยู่ตลอดไป สำหรับคนไทยทุกคน บรรยากาศแห่งความอบอุ่น ความภาคภูมิใจ ความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองน่าจะยังคงอยู่อย่างยั่งยืน คนไทยทุกคนต้องทำให้ทุกวันมีความหมายมีประโยชน์สุขให้สมดังที่ทุกพระองค์ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยมาโดยตลอด ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในสายตาของชาวโลก แม้เราจะเป็นประเทศที่เล็กๆ ด้วยการที่เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงคุณอันประเสริฐ มีบ้านเมืองและวัฒนธรรมที่เก่าแก่และงดงาม เราต้องช่วยกันทำนุบำรุงรักษาต่อไป
 
สำหรับเหตุการณ์อาคารถล่มที่ปทุมธานีเมื่อไม่กี่วันมานี้ ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตด้วย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ติดตามสถานการณ์ตั้งแต่แรก และสั่งให้หน่วยงานเข้าให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่และต่อเนื่อง สำหรับในเรื่องของการตรวจสอบนั้น เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อไปโดยละเอียด ทำอย่างไรจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
 
ครั้งที่แล้ว ผมกล่าวคำว่า “ คิดถึง ” ทุกคนสงสัยว่าผมส่งให้ใคร ขอเรียนว่าเป็นการกล่าวจากใจของผมเองและ คสช. ทุกคน ที่มีความคิดถึงพี่น้องประชาชนคนไทยที่ยังคงมีความยากลำบากในการดำรงชีวิตอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีรายได้น้อย เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ที่อยู่ในภาคการผลิต ทั้งอาหารและสิ่งที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพ ซึ่งต้องอาศัยน้ำจากน้ำฝนและการชลประทาน ซึ่งขณะนี้เรายังไม่สามารถจะตอบสนองได้ในทุกพื้นที่ ผมเห็นจากแววตาของเกษตรกร จากรูปถ่าย จากความเป็นจริงที่เคยประสบมา ที่เฝ้ามองฝนตกด้วยแววตาอันเปล่งประกายด้วยความยินดี อยากให้ฝนตกมากและต่อเนื่องเกษตรกรมุ่งหวังเพียงเท่านั้นเพื่อหวังให้พืชผลทางการเกษตร ได้ออกดอกออกผลตามฤดูกาลให้เก็บเกี่ยวได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย นั่นคือความสุขที่เรามองเห็นจากแววตาของเขา น่าเห็นใจ ในฐานะไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็ตาม คงต้องมองสิ่งเหล่านี้และแก้ปัญหาเขาให้ได้ อะไรที่เป็นความคาดหวัง เราจะทำให้เขาสมหวังได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน
 
สำหรับประชาชนอื่นๆ ที่ทำธุรกิจต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเรื่องของการให้การบริการ ค้าขาย การท่องเที่ยว การขายปลีก ขายส่ง ซึ่งก็เป็นโซ่แห่งชีวิตเหมือนกัน ถึงเวลาที่คนไทยทุกคน ทุกสาขาอาชีพ ทุกระดับรายได้ ต้องมาช่วยกัน ผมใช้คำว่าช่วยชาติแล้วกัน สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจต่อจากนี้ไปมีความสำคัญยิ่ง เรามองจากสถานการณ์โลกที่มีแนวโน้ม มีความอ่อนไหวและมีความเสี่ยงสูงอยู่เหมือนกัน ทั้งจากปัญหาด้านการเมือง ความขัดแย้ง การสู้รบ ความยากจนในทุกประเทศ ที่ยังเป็นประเทศที่อยู่ในขั้นการพัฒนา ล้วนจะส่งผลกระทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกในปัจจุบัน อาจจะทำให้ฝนไม่ตกตามฤดูกาลหรือตกน้อยลง ปัญหาหลายๆอย่างจะทำให้เศรษฐกิจเรามีความผันผวนอ่อนไหวและมีความเสี่ยงสูงในทุกมิติ เราต้องเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ดังกล่าวไว้ด้วย 
 
ลำพังรัฐหรืองบประมาณของรัฐอย่างเดียวนั้น เราไม่สามารถจะแก้ปัญหาได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่คนไทยทุกคนต้องช่วยกันเสียสละ คนละไม้คนละมือ ลดผลกำไร ลดประโยชน์ที่แต่ละกลุ่มแต่ละฝ่าย ซึ่งต่างก็มองในเชิงธุรกิจว่าจะทำอย่างให้เกิดกำไรมากที่สุด วันนี้ต้องช่วยกันลดลง ถึงเวลาที่ต้องช่วยกันช่วยชาติให้ผ่านพ้นวันเวลาแห่งวิกฤตนี้ไปให้ได้ ขอความร่วมมือบรรดาพ่อค้า นักธุรกิจ ทั้งหมดช่วยกันดูแลชาติ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการซื้อขาย การส่งออก พ่อค้าคนกลาง ธุรกิจก่อสร้าง ขนส่งหรืออื่นๆ ทั้งหมด ช่วยกันระดมสติปัญญา และระดมน้ำใจช่วยกันว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศชาติอยู่รอดในสถานการณ์ที่ไม่ปกติของโลก ลดราคาขาย เพิ่มกำลังซื้อ ลดกำไรให้พออยู่ได้ นึกถึงผู้ที่มีรายได้น้อยให้มากว่าเขาจะอยู่กันอย่างไร ครอบครัวจะอยู่กันอย่างไร ถ้าหากท่านรับซื้อโดยกดราคาขั้นต่ำมาก เกษตรกรอยู่ไม่ได้ รัฐไม่สามารถจะใช้เงินจำนวนมากมารับซื้อ หรือพยุงราคาได้ตามที่ทุกคนต้องการได้ทั้งหมด
 
ขอเถอะครับเวลานี้ ขอให้ช่วยคนไทยและช่วยประเทศไทย อยากให้ทุกกลุ่มธุรกิจที่กล่าวมาแล้ว หรืออาจจะยังไม่ได้กล่าว ได้ช่วยกันขึ้นทะเบียนไว้กับจังหวัดทุกจังหวัดได้หรือไม่ หรือขึ้นป้ายไว้ว่าประสงค์จะช่วยชาติได้อย่างไร เช่น พ่อค้าข้าว อ้อย น้ำตาล มันสำปะหลัง ปาล์ม ยาง ก่อสร้าง หรืออื่นๆ ทุกอย่าง กรุณาให้สมาคมทุกสมาคม กลุ่มธุรกิจ ขึ้นบัญชี ห้างร้าน บริษัท กลุ่มบุคคล บุคคล ที่เต็มใจจะช่วยชาติ กรุณาส่งรายชื่อขึ้นบัญชีไว้ที่ศูนย์ดำรงธรรมทุกจังหวัด แล้วส่งมาให้ คสช. รัฐบาลทราบ พวกเรา คสช. และประชาชนคนที่มีรายได้น้อยทั้งหมดจะได้รู้ถึงน้ำใจท่านในวันนี้ จะได้เป็นข้อมูลให้เขาไปซื้อ ไปหา ไปขายได้ในราคาที่เหมาะสม เราจะได้ร่วมมือกันในการรักษาชาติ ทำนุบำรุงชาติและประชาชนต่อไปด้วยกัน ทั้งนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมดังที่พระองค์ได้พระราชทานความห่วงใยกับชาติและประชาชนเสมอมา ขอกราบขอบพระคุณไว้ล่วงหน้า
 
เรื่องต่อไปคือ การขับเคลื่อนประเทศของ คสช. ในห้วงปัจจุบันระยะที่ 2 สรุปได้ว่ามี 3 มิติที่สำคัญ ที่ต้องเดินไปพร้อม ๆ กันข้างหน้า เราจะต้องรักษาสมดุลเรื่องเหล่านี้ไว้ให้ได้ อันได้แก่
 
1. การปรองดอง และการปฏิรูป
 
2. การพร้อมรับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของโลกและของประเทศ ซึ่งจะมีทั้งวิกฤตและโอกาส ในการที่เราจะขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะดีหรือจะร้ายในทุกมิติทางด้านเศรษฐกิจ 
 
3. การยกระดับรายได้ สร้างอาชีพ สร้างงาน ลดความเหลื่อมล้ำของรายได้ประชาชนต้องช่วยกัน
เรื่องเศรษฐกิจ การที่เราจะปฏิรูปเศรษฐกิจต้องยอมรับว่า จะต้องมีคนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ ถ้าทั้งสองฝ่ายยึดหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมคิดว่าเราน่าจะสร้างสมดุลตรงนี้ไว้ได้อย่างแน่นอน
 
ผมเคยกล่าวไว้ข้างต้นแล้วว่าทุกคนต้องเสียสละ กำไรน้อยลง พออยู่ได้ ประชาชนไม่เดือดร้อน ค่าครองชีพที่เหมาะสม ลดลง ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาแต่จะกอบโกยผลกำไรกันให้มากนัก คอยแต่จะขึ้นราคา ผมอยากให้ขายของเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยลดกำไรลงบ้าง เผื่อแผ่ แบ่งปันให้ทุกคนได้รับผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม ไม่อย่างนั้นแล้วประเทศชาติไปไม่รอดแน่นอน
 
3 เดือนที่ผ่านมานั้น จะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจเริ่มจะเดินหน้าไปได้หลังจากหยุดชะงักมาด้วยปัญหาภายในของเราเอง เริ่มจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างช้าๆ การจัดระเบียบต่างๆ การบังคับใช้กฎหมายไม่ถูกปล่อยปละละเลย ประเทศชาติของเรามีความสงบสุขเพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่จากนี้ไปหลังจากมีรัฐบาลประมาณเดือนกันยายน เราจะมีงานหลายอย่างที่ต้องทำควบคู่กันไป ไม่ว่าจะเรื่องการปฏิรูปและด้านเศรษฐกิจยังอ่อนไหว มีความผันผวนสูง เราต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายหลายๆ ด้าน ทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน การนำเข้าวัตถุดิบต่างๆ ยังคงชะลอตัวอยู่ การผลิตสินค้าภาคอุตสาหกรรมจะฟื้นตัวค่อนข้างช้า การส่งออกอาจดีขึ้นในช่วงปลายปี แต่เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังอ่อนไหว เราควบคุมไม่ได้เรื่องสถานการณ์โลก เพราะฉะนั้นสินค้าบางอย่างของเราต้องปรับตัวให้ทันสมัยมากขึ้นให้ทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปมากในปัจจุบัน
 
บางอุตสาหกรรมจากต่างประเทศที่มาลงทุนในประเทศไทย อาจจะมีการขยับขยายกิจการไปจากประเทศไทยบ้าง เนื่องจากเรามีค่าแรงสูง เราต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะขยายการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านและอื่นๆในอาเซียนอีก เมื่อการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมไม่ฟื้นตัวต่อเนื่อง แรงงานในภาคอุตสาหกรรมจะมีรายได้ในระดับที่ต่ำต่อไป การเพิ่มแรงงาน การทำโอทีต่างๆ จะลดลงไปตามลำดับ มีผลต่อค่าครองชีพของพวกเราเหมือนกัน
สินค้าการเกษตร อาจจะมีราคาตกต่ำบ้าง โดยเฉพาะการผลิตสินค้าการเกษตรของเราที่เราไม่ได้จำกัดพื้นที่ ทำให้การระบายสินค้าไม่ได้มากเท่าที่ควร ราคาตกต่ำ ตรงนี้ต้องขอให้พ่อค้าไทยได้ช่วยกันคิดว่าจะเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตการเกษตรได้อย่างไร หาตลาดใหม่และบริหารจัดการ ทั้งดีมาน ซับพลายให้ดีขึ้นอย่างไร
 
โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตออกมาพร้อมๆ กันมากๆ ทั้งนี้เพื่อพยุงราคา ช่วยรัฐ อย่าให้รัฐต้องใช้จ่ายงบประมาณมาอุดหนุนอย่างใดอย่างหนึ่งมากนัก จะทำให้การพัฒนาประเทศด้านอื่นๆ เป็นไปได้ยากทำไม่ได้ เกษตรกรต้องร่วมมือกัน อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนการปลูกพืชให้เหมาะสม สอดคล้อง ทั้งดีมานและซับพลายให้พอดีกัน สำหรับการบริโภคโดยรวม อาจจะมีการฟื้นตัวอย่างช้าๆ เนื่องจากรายได้ครัวเรือนขยับตัวขึ้นน้อย หนี้ครัวเรือนยังอยู่ในเกณฑ์สูง ฉะนั้นรัฐต้องเร่งขับเคลื่อนว่าจะดูแลประชาชนกันอย่างไร สถาบันการเงินของรัฐ และเอกชนต้องช่วยกันดูแล
 
อย่างไรก็ตาม คสช. และส่วนราชการ ได้จัดกิจกรรมเพื่อดูแลค่าครองชีพของประชาชนมาเป็นระยะๆ อาทิ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 กระทรวงพาณิชย์และกรุงเทพมหานครได้เปิด “โครงการร้านจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จเพื่อคืนความสุขทุกจานให้ประชาชน” ขายอาหารราคาย่อมเยาให้กับประชาชน ซึ่งมีเป้าหมายเชิญชวนร้านเข้าร่วมโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวน 1,000 ร้าน ผมอยากให้มากกว่านั้น ท่านเสนอตัวมาเลย อยากจะขายราคาต่ำเท่าไรท่านก็ขายโดยกำไรน้อยลงหน่อย ทำไมเราต้องไปบังคับกะเกณฑ์กัน ผมคิดว่าถ้าทุกคนร่วมมือกันจะขายของได้เอง ฉะนั้นแผนในอนาคตเราจะเร่งเรื่องร้านเหล่านี้ไปยังตามจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ ต่อไปในทุกภาคของประเทศ
 
รวมทั้ง “โครงการสินค้าธงฟ้าราคาถูก” กระทรวงพาณิชย์จะจัดงานในทุกภูมิภาค เช่น ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุดรธานี ภาคกลาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งผมอยากให้สมาคมหอการค้าทุกจังหวัดดำเนินการของท่านเองในพื้นที่ของท่าน ท่านไปรวบรวมร้านค้ามา และขายในพื้นที่ บางอย่างอาจจะไม่นำมาจากร้านค้าเป็นการเปิดตลาดให้พ่อค้านำสินค้าทางการเกษตรหรือว่าเกษตรกรนำมาขายเองในตลาด อาจจะเปิดตลาดวันเสาร์-อาทิตย์ ให้มากขึ้นจะได้ลดภาระในเรื่องของการขนส่ง ราคาสามารถกำหนดขึ้นเองได้ ช่วยยกระดับรายได้ให้กับประชาชนและเกษตรกร
 
บางท่านอาจจะมองว่า คสช. ดูแลข้าราชการอย่างเดียวหรือไม่ ผมเรียนว่าความเร่งด่วนที่หนึ่ง คือประชาชน สำหรับเรื่องของทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นรายได้น้อย รายได้ปานกลาง ประชาชน เกษตรกร เราดูแลก่อน ข้าราชการเราจะมุ่งดูแลข้าราชการชั้นผู้น้อยที่มีรายได้น้อย โดยเฉพาะน้อยกว่าอัตราแรงงานขั้นต่ำหรือต่ำกว่า 9,000 บาท เราจะพยายามแก้เพิ่มไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้ต้องสอดคล้องกันมีความสมดุลกันกับทั้งประชาชนและข้าราชการ
 
การลงทุนภาคเอกชน วันนี้ยังคงเติบโตได้ช้า การนำเข้าสินค้าทุนที่มาผลิตในประเทศต่อยังน้อย การใช้กำลังการผลิตยังอยู่ในระดับต่ำ ยังใช้ไม่เต็มขีดความสามารถ โรงงานเล็ก ๆ บางโรงงานยังขยายไม่ได้ รัฐต้องร่วมมือกับภาคเอกชนทั้งธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ช่วยกันคิดโดยเร็วว่าจะร่วมมือกันอย่างไร จะทำให้การลงทุนเพิ่มขึ้นได้อย่างไร ภาคเอกชนต้องร่วมมือกับเรา รวมกลุ่มช่วยเหลือซึ่งกันและกันก่อน ถ้ากระจุกตัวกันแต่เพียงในกลุ่ม หรือพวกพ้องเดียวกันจะได้แต่กลุ่มเล็กๆ ที่เหลือเขาก็ลำบาก และต้องล้มละลายกันไป ฉะนั้นต้องช่วยกัน ถึงเวลาต้องช่วยกัน
 
การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐ รัฐวิสาหกิจวันนี้มีความโปร่งใสมากขึ้น มีการตรวจสอบการเรียกรับผลประโยชน์น้อยลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากให้รีบดำเนินการเบิกจ่ายให้เร็ว เพื่อทำให้เกิดความโปร่งใส หากทำช้าเกินไป เสร็จช้า เบิกเงินออกได้ช้าก็มีผลกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวม ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ต้องเร่งขับเคลื่อนตรงนี้ให้ได้ แต่ขอให้โปร่งใสรวดเร็ว ไม่ต้องการให้ชะลอตัวมากนัก ถ้าทุกคนไม่กล้าทำก็เดินไปไม่ได้ ถ้าบริสุทธิ์ใจตรวจสอบได้ไม่มีผลประโยชน์ ไม่ได้ไปให้ใคร ไม่เห็นต้องกลัวอะไร ท่านก็ดำเนินการให้ได้โดยเร็วที่สุด
 
โครงการขนาดเล็ก ขนาดย่อม ที่มีมูลค่าไม่สูงมากนักให้เร่งดำเนินการตั้งแต่เริ่มต้นปีงบประมาณ เพราะจะเป็นการกระจายเม็ดเงินลงสู่ชนบทให้ได้โดยเร็ว มีประชาชนได้รับประโยชน์ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมให้มากที่สุด ขอย้ำตรงนี้ อยากให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม คือ คสช. จะไม่ปล่อยให้มีอิสระเสรีในการทำโครงการห้วงใดก็ได้ ห้วงแรกๆ ในไตรมาสแรกตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป ท่านต้องพยายามนำเม็ดเงินออกมาสู่ในพื้นที่ให้ได้ โดยต้องโปร่งใสในตั้งแต่ต้นปีงบประมาณไป ฉะนั้นในห้วง 3 เดือน รายไตรมาสก็เช่นเดียวกันจะให้สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ดูแลในเรื่องนี้ ฉะนั้นท่านทำโครงการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ด้วย
 
ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ BOI  เร่งส่งเสริมให้มีการลงทุนภาคเอกชนให้มากขึ้น โดยกำหนดเป็นเซกเตอร์ ขยายการลงทุนทั้งในและนอกพื้นที่นิคมจริงๆ และผมอยากให้ขยายไปนอกนิคมบ้าง ก็คงไม่ต้องใช้ขนาดใหญ่มาก เป็นโรงงานขนาดเล็กบ้าง โรงงานขนาดย่อมที่ใช้แรงงานมากๆ และปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีที่ตกรุ่นให้ได้โดยเร็ว เรามีการส่งเสริมทุกอย่าง ก็ลองเข้าไปติดต่อในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สั่งการไปหมดแล้ว
 
สำหรับการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา ขอให้ทุกหน่วยงานที่มีงบเหล่านี้ แม้กระทั่งภาคเอกชนก็ตาม ขอกำหนดให้ตรงตามความต้องการว่าเราต้องการอะไร แล้วอย่าไปส่งเสริมทุนวิจัยในเรื่องที่ไม่จำเป็นหรือเพื่อเพิ่มวิทยฐานะของตนเอง หรือของใครก็แล้วแต่ ฉะนั้นต้องมีผลสัมฤทธิ์ต่อประเทศชาติอย่างแท้จริงเท่านั้น ในเรื่องของการสนับสนุนทุนต่างๆ จะต้องกำหนดกรอบเรื่องที่จะอนุมัติทุนวิจัยให้ชัดเจนว่าประเทศเราหรือเราเองต้องการอะไร ขาดแคลนอะไร ไม่ต้องไปเริ่มต้นใหม่ นำของเขามาดูตัวอย่าง มาทำให้เป็น ใช้สติปัญญาคนไทยทำ ทำให้ดีขึ้นให้ใช้งานได้ทนขึ้น และมีแบรนด์ของเรา มีแบรนด์ของไทยในอนาคต ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้ ไปไม่ได้ ไปคิดอะไรใหม่ไม่ได้หมดหรอกครับ บางอย่างทำเรียนแบบก็ได้ นำเข้ามาเป็นแนวทางและเราก็ผลิตใหม่ออกไปและอย่าไปละเมิดลิขสิทธิ์ของเขาก็แล้วกัน
 
ในเรื่องการจัดทำงบประมาณปี 2558 ต้องพร้อมเบิกจ่ายโดยเร็วตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ  ฉะนั้นงบที่ผมคิดว่าจะสร้างงานให้ได้มากคือ งบการซ่อมแซม การก่อสร้างสถานที่ราชการ โรงพยาบาลและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เร่งรัดทำในปี 2558 ตั้งแต่ต้นปีไป มีโครงการจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ ให้ทั่วถึงหรือช่างวิชาชีพจบใหม่ให้มาก เพื่อลดการว่างงาน ให้มีการฝึกงาน นิสิต นักศึกษา แต่ก่อนก็มีนักศึกษาไปฝึกสอนหนังสือ เพราะฉะนั้นถ้าเราทำได้อย่างนี้จะมีงาน มีเงิน เข้ามาไปเรียนหนังสือต่อได้อะไรก็แล้วแต่ มีการฝึกความชำนาญทักษะเพิ่มเติม Training Skill มีเบี้ยเลี้ยงนิดหน่อย มีเงินเดือน หรือเงินค่าตอบแทนอะไรก็ได้ ที่จะให้กับเด็กเขา ขอให้กระจายไปถึงคนที่ลำบากจริง ๆ คนที่ไม่ทุนการศึกษา ยากจนอะไรอย่างนี้ ไม่ใช่คนรวยไปเอาทุนมา คนจนไม่ได้ทุน ผมยังไม่เคยไปลดอะไรเลย
 
มีบางคนบอกว่า ผมจะไปลดเงินกู้ยืม ผมเพียงแต่ว่า จะหาทางอย่างไรให้ทั่วถึง ทำอย่างไรจะเป็นไปได้หรือไม่วันหน้าในอนาคตก็ไม่ต้องกู้ยืมนี้เป็นปัญหา เพราะถ้าเราใช้เงินไปอีกทางมากเกินไป ทางนี้ก็ไม่ได้สาธารณูปโภค สาธารณสุขพื้นฐานก็ไปดูแลเขาไม่ได้อีก ฉะนั้นถ้าทุกคนเอาทุกอย่างพร้อม ๆ กัน ไม่มีทางได้  รัฐทำไม่ได้แน่นอน ฉะนั้นต้องมากำหนดให้ชัดเจนขึ้นว่าแต่ละอันเราต้องการอะไร ในเรื่องของการขุดลอกแหล่งน้ำ อ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก หรือทุกกิจกรรม ได้ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กับสำนักงบประมาณ ไปเร่งตรวจสอบ เร่งรัดแผนการใช้จ่าย คัดแยก  อันไหนที่ถือว่าเป็นนโยบาย คสช.  หรือรัฐบาล โดยเร่งด่วนก็ต้องไปดำเนินการตั้งแต่ต้นปีงบประมาณเป็นต้นไป ขอเรียนให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่เป็นเจ้าของงบประมาณทราบด้วย ให้ทำให้เป็นไปตามนโยบายนี้ด้วย
 
โครงการที่เกี่ยวกับอาหารการแปรรูปหรือยารักษาโรค การขอใบอนุญาตกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ต้องช่วยกันให้เร็วขึ้นกว่าเดิม มีประสิทธิภาพ ตอนนี้มีเสียงเข้ามามากมายว่า มีปัญหาเรื่องช้า จุกจิก ไม่มีข้อมูลชัดเจนต้องทำอะไรอย่างไร ก็อย่าให้เขาบ่นเลย ส่วนราชการหรือใครที่เกี่ยวข้องไปช่วยกันแก้ตรงนี้หน่อย บางคนเขาบอกว่า ถ้าไม่มีเส้นมีสาย ก็ทำไม่ได้ หรือต้องไปจ่ายเงินใต้โต๊ะที่โน่นที่นี่ ทำให้ผู้ประกอบการเดินต่อไปไม่ได้ บางอันค้างมาเป็นปีๆ มาแล้ว ทั้งๆ ที่เขามีขีดความสามารถในการผลิต ในการทำ ฝากดูแลเขาด้วย
 
โครงการใดก็ตามที่ติด EIA (Environmental Impact Assesment – การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) การทำประชาพิจารณ์ ต้องหาทางเร่งให้เร็วขึ้นอาจจะต้องมีการเปลี่ยนพื้นที่ไปใช้พื้นที่อื่นๆ ลดขนาดลงและไม่มีผลกระทบต่อมลภาวะที่ไม่ติดปัญหา EIA ไปใช้ ที่ราชพัสดุได้หรือไม่ พื้นที่ป่าเสื่อมโทรมได้หรือไม่  หรืออื่นๆที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในปัจจุบัน อย่างน้อยก็เกิดขึ้นได้ จะเล็กหน่อยก็เกิดใช่ไหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการทำเหมืองกับแก้มลิง ถ้าเราได้กำหนดในพื้นที่ที่ประชาชนอยู่ก็ไม่ได้อีก ผมว่าน่าจะมีวิธีการลองไปหาทางดู ประชาชนเขาต้องเข้าใจ อะไรที่เสียสละกันได้ก็ต้องเสียสละกันไม่อย่างนั้นต่างคนต่างเรียกร้องแต่ทำอะไรไม่ได้เลย ก็เกิดขึ้นไม่ได้ เกิดไม่ได้ก็ลำบากเดือดร้อนไปทั้งหมด
 
ความร่วมมือการบูรณาการภาครัฐต้องเข้มแข็ง ทุกกระทรวงต้องร่วมมือกัน ร่วมรับผิดชอบ ไม่ทำเป็นรายกระทรวงอย่างเดียว ให้มีการพบปะประชุมร่วมกัน แสวงหาความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้วยเดียวกัน อย่างที่เคยยกตัวอย่างไปแล้ว เช่น การทำโครงการเกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ที่ต้องฝังใต้ดิน ก็คุยกันสิท่านจะทำเมื่อไร ท่านก็นัดกันไปทำ เอาแผนงานโครงการมาดูและทำทีเดียว ไม่ใช่ขุดทีละ 3 ครั้ง 4 ครั้ง กว่าจะทำเสร็จก็ทำให้การจราจรติดขัด ยกตัวอย่างง่ายๆ ฉะนั้นงานกลุ่มเดียวกันเราไม่สามารถจะแยกงบประมาณและแยกแผนงานเป็นอิสระโดยไม่ได้คุยกันต่อไป เราคงไม่อนุมัติ ท่านต้องทำให้เรียบร้อย ประชาชนก็คอยดูด้วย ช่วยกันดู ช่วยกันแจ้งมาด้วย
 
การเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว อันนี้สำคัญ เพราะว่าการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศไทย เป็นแสนล้านในแต่ละปี ฉะนั้นต้องเร่งกระทำโดยเร็ว ทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น วันนี้เรามีสถานการณ์ไม่ปกติอย่างนี้ ถ้าเราประชาสัมพันธ์ในเรื่องที่ดีๆ สื่อก็ต้องพูดถึงสิ่งที่ดีๆ  ของประเทศไทยบ้าง ไม่ใช่ว่าเราเอาแต่สิ่งที่ร้ายๆ มาพูดทุกวัน ตรงโน้น ตรงนี้เหตุการณ์ร้ายแรง ตรงนี้ทุกวัน แต่เรื่องดีๆ ท่านไม่พูด อันนี้ผมว่าทำให้มีผลเสีย ผมไม่ไดไปโทษท่านหรอกเพียงแต่ว่า ท่านต้องช่วยเราท่านจะเสนอข้อเท็จจริงอย่างไรก็แล้วแต่  ท่านเสนอไป ผมไม่ห้าม แต่อะไรก็ตามที่เป็นเรื่องดีๆ ท่านกรุณาพูดถึงบ้าง คนจะได้คลายความวิตกกังวล มาเที่ยวบ้านเรา ยกตัวอย่าง เช่น การประกันชีวิตเวลาต่างชาติมาท่องเที่ยว ผมก็บอกหลายครั้งแล้วถึงแม้ว่าบริษัทประกันบางบริษัทอาจจะยังไม่รับ แต่เรามีกองทุนประกันภัยให้ ตั้งไว้ตั้ง 200 ล้าน ถ้าใครได้รับการบาดเจ็บ การสูญเสียหรือเสียหาย เราก็จะดูแลใช้กองทุนอันนี้ของรัฐบาลดูแลให้ เพื่อเป็นการทดแทนในช่วงนี้
 
 เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกันทำการตลาดของการท่องเที่ยวให้มากขึ้น ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชนทุกคนที่มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ ก็มีการเดินทางอยู่แล้ว ฉะนั้นก็แลกเปลี่ยนกันให้ข้อมูลเขาเป็นอย่างนี้อย่างนั้นนะ ไม่ใช่ไปพูดจาให้ร้ายกันยังขัดแย้งกันอยู่ อะไรกันอยู่ วันนี้ไม่มีความขัดแย้งที่เปิดเผยออกมา เรื่องอื่นก็ว่ากันไป แต่เรื่องวันนี้บ้านเมืองดีขึ้น ฉะนั้นบ้านเราพร้อมในธุรกิจการให้บริการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวที่งดงาม คนไทยที่เป็นมิตร มีจำนวนมาก ทั้งไกด์ ร้านค้า ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ขอว่าอย่าเอาเปรียบลูกค้าเลย หลอกลวงลูกค้า ขายของเกินราคา ของปลอม อันนี้ต้องซื่อสัตย์ ต้องคิดว่าลูกค้าคือนายเรา นายเราเลี้ยงดูเราทำให้เรามีรายได้ตามไปและเข้าประเทศให้มากขึ้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องจะได้ขยับตัวขึ้นได้บ้าง
 
เรื่องเกษตรกรที่ผลผลิตหรือรายได้ตกต่ำแล้วหลายสาเหตุด้วยกัน ผมพูดหลายครั้งแล้วว่า การที่จะร้องให้รัฐอุดหนุนเงินอย่างเดียวตลอดไปคงไม่ได้ เราต้องเริ่มแล้ว เราต้องแก้ไขแล้ว โครงการประชานิยมวันนี้ทำไม่ได้ เพราะมีผลเสียหายระยะยาว เราทำให้การพัฒนาประเทศด้านอื่น ๆ ไปไม่ได้เลย ฉะนั้นการช่วยเหลือที่เราประกาศไปแล้ว เช่น การลดต้นทุน ค่าเช่านา ตลาดกลาง การซื้อขายที่เป็นธรรมของพ่อค้าคนกลาง อันนี้สำคัญที่สุด พ่อค้าคนกลางอย่าเอากำไรมากเลย เห็นใจคนจนเขาบ้าง ท่านก็รวยมามากแล้วที่ผ่านมาไม่ว่ากัน
 
 วันนี้จากวันนี้เป็นต้นไปขอร้องพ่อค้าคนกลางทั้งหมด อย่าให้เราต้องไปบังคับท่าน ฉะนั้นพ่อค้าคนกลางหรือธุรกิจเกี่ยวข้อง ต้องเสียสละช่วยรัฐ ช่วยชาติ อย่างที่ผมพูดไปแล้วเมื่อตอนต้นขึ้นป้ายเลย ร้านนี้ช่วยชาติจะลดราคาถูก ไม่ปลอมปน ขายตามราคา คุณภาพดี ไม่หลอกลวงกันอีกต่อไป ประชาชน พี่น้องเกษตรกรจะปรบมือให้ด้วยซ้ำไป เขาจะจำว่าร้านนี้ ตระกูลนี้ ชื่อนี้ ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคต นะครับขอร้อง
 
ในเรื่องความมั่นคงในเรื่องของการปรองดอง ปฏิรูป ก็ดำเนินการไปอยู่แล้ว วันนี้เริ่มรับสมัคร วันที่ 14 ก็มาสมัครช่วยกันและอะไรที่พูดคุยกันได้ เรื่องไม่เป็นเรื่องที่ทะเลาะกันก็หยุดก่อน ไปหาเรื่องที่ทำแล้วเกิดประโยชน์ในอนาคต ยั่งยืน เอาประเทศชาติเป็นหลักไปก่อน เรื่องการเมือง เรื่องผลประโยชน์ เรื่องอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ทำให้ประเทศไทยล้าหลังเป็นเวลานาน ความขัดแย้งเกิดขึ้นมาแบบทับซ้อนหลายเรื่อง
สรุปสถานภาพคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานมีทั้งหมด 70 คดีเกี่ยวกับความมั่นคง เป็นคดีดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 7 คดี และมีความเห็นสั่งฟ้องส่งสำนวนให้พนักงานตำรวจ อัยการแล้ว จำนวนผู้ต้องหาทั้งสิ้น 148 คน จับกุมแล้ว 116 คน หลบหนีหมายจับ 32 คน อันนี้เป็นคดีความมั่นคง คดีอาวุธสงคราม
 
ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น คสช. ได้ให้การต้อนรับผู้แทนจากประเทศต่างๆ ที่เข้าพบในโอกาสเยือนประเทศไทย อาทิ นายเคย์ ราลา ซานานา กุสเมา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและความมั่นคง สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์ - เลสเต, นายซาโต คิลมาน ลิฟตูวาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้า ประเทศวานูอาตู พร้อมคณะ นายเชอริ่ง  ต๊อบเกย์ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน พล.ต.สวอน เลืองบุนมี หัวหน้ากรมใหญ่เสนาธิการ กองทัพประชาชนลาว และคณะ โดยได้หารือกันในประเด็นความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านความมั่นคงและด้านเศรษฐกิจด้วย ทุกท่านได้แสดงความชื่นชมในการปฏิบัติงานและให้กำลังใจประเทศไทย ในการทำงานของ คสช. ให้กำลังใจในการที่จะขับเคลื่อนเดินหน้าประเทศไทยไปให้มากขึ้นเพื่อจะพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันของทุกประเทศในโลกนี้ให้มากขึ้นต่อไป
 
ในเรื่องของสังคมจิตวิทยา ในเรื่องของการรับน้องสถาบันการศึกษากลางเดือนสิงหาคม ขอให้อยู่ในกรอบกติกาที่กำหนด ข้อสำคัญคือไม่เป็นอันตราย ไม่โลดโผน หรือเป็นการบีบบังคับรุ่นน้อง ท่านไม่ใช่หลักสูตรทหาร แม้กระทั่งหลักสูตรวันนี้ ทหาร ผมยังให้ปรับปรุงไปแล้ว ให้ลดระดับลง ท่านต้องให้รุ่นน้องเคารพรักรุ่นพี่ด้วย ความศรัทธาในการกระทำที่ดีงาม เป็นตัวอย่างให้เขา อะไรที่ไม่ดี อะไรที่เราเคยถูกกระทำมา สมัยเราเรียน รุ่นพี่เคยทำไว้เราก็ไม่ชอบ ฉะนั้นอะไรที่เราไม่ชอบ อะไรที่ไม่ดีเราก็อย่าทำอีกอย่าไปทำอีก รุ่นน้องทำให้เขามีความอบอุ่น พี่รักน้องนะ การทำร้ายร่างกาย การทำให้เกิดความเสี่ยงอันตรายต่อการบาดเจ็บสุญเสีย และเขาก็กลัวไปหมด เรียนหนังสือก็เรียนไม่ได้ ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไรเลย ทหารก็ดีอีกอย่างหนึ่งเป็นเรื่องของหลักสูตรทางทหารก็ต้องฝึกให้เข้มแข็งทั้งร่างกาย จิตใจ เรายังคงต้องลดระดับลงให้อยู่ในกรอบไม่เกิดอันตราย ขอท่านอย่าทำเลยคนละแบบกัน
 
การนำรุ่นน้องดื่มสุราจนเมามาย หรือหัดยาเสพติด โดยเฉพาะบังคับทั้งนักศึกษารุ่นน้องชายหญิง ไม่สมควร ห้ามกระทำโดยเด็ดขาดและถ้าหากมีเรื่องมีราวขึ้นมาก็ต้องถูกลงโทษ
 
เรื่องต่อไปเรื่องเด็กแว้น รถซิ่ง ผมเคยพูดไปแล้ว เริ่มได้รับรายงานเข้ามาอีกแล้ว มีการแข่งขันกันอีกบนถนนหลายสายสายใหญ่ ๆ ในช่วงกลางดึก แม้แต่ถนนกลางเมือง เช่น พระราม 4 คลองเตย ก็ยังมีกลุ่มเด็กแว้นออกซิ่งอยู่บ่อยครั้ง ชีวิตมีค่า ผมไม่ไม่เห็นประโยชน์ที่มาแข่งกัน วิ่งกันและเป็นบ่อเกิดหลายอย่าง เป็นภาระเจ้าหน้าที่ สนุกแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ต้องไปโรงพักหรือไม่ก็ตาย ได้รับบาดเจ็บ ฉะนั้นผมจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องกำกับดูแล ตรวจตราเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังในบุคคลเหล่านี้
 
ข้อห่วงใย ที่ผมมีอยู่มากในขณะนี้คือเรื่องของการปลูกข้าวหรือพืชที่มีราคาตกด้วยปัญหาเรื่อง Demand  Supply ไม่สมดุลกัน เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีการลดวงรอบในการปลูกพืชลง เช่น การปลูกข้าว ปีหนึ่งบางพื้นที่อาจได้ 4 ครั้ง 3 ครั้ง 2 ครั้ง ต้องลดลงอย่าไปเอาปริมาณอย่างเดียว เพราะว่าน้ำไม่เพียงพอ ปลูกกี่ครั้งก็ตายหมด และปัญหาก็กลับมาที่รัฐบาล ฉะนั้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เรื่องการปลูกข้าวเหมือนกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยรับสั่งไว้แล้วว่า ทำอย่างไรเราจะเก็บน้ำไว้ใช้ได้มากขึ้นในนาข้าว ท่านเคยรับสั่งไว้แล้วว่าทำคันนาให้สูงขึ้น ใช่หรือไม่ ทำให้กว้างขึ้น เราไปลดขนาดคันนาลง เตี้ยลง แคบลง เพื่อจะปลูกข้าวได้มากขึ้นเท่านั้นเอง แต่เก็บน้ำได้น้อยลงเราทำให้สูงเหมือนเดิม เท่าที่เขาทำไว้เดิมและทำให้กว้างหน่อยจะได้เป็นทางเดินก็ได้ ปลูกต้นไม้อะไรก็ได้ ให้ขึ้นออกดอกออกผลให้กิน ให้อยู่ ให้ใช้  ให้ขาย ปลูกมะละกอปลูกอะไรก็ได้ อาจจะบังร่มนิดหน่อย ช่วงแรกก็ไม่เห็นเป็นไร อย่างไรก็ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว
 
วันนี้เราต้องใช้พื้นที่ทุกพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปลูกอะไรที่แตง บวบ อะไรต่าง ๆ ก็ได้ ตามคันนาแล้วเราก็เก็บกินไป ระหว่างที่ข้าวยังไม่ออก หรือไม่ก็เอาไปขายถ้าเหลือ ทำไมไม่คิดอย่างนั้น ฉะนั้นอยากให้ทุกคน เตรียมการเรื่องพวกนี้ ปีนี้จากสถิติที่รายงานมา น้ำจะน้อยลง ฝนตกน้อยลง การกักเก็บน้ำในเขื่อนน้อยลง การกระจายน้ำหรือว่าปล่อยน้ำมาจะน้อยลง เพราะว่าน้ำน้อยจะทำอย่างไรได้ ตอนนี้ผมภาวนาให้ฝนตกให้มากขึ้นและให้หน่วยฝนหลวง ทำให้หลาย ๆ พื้นที่ก็มีตกบ้าง ไม่ตกบ้าง ขึ้นอยู่กับความชื้น ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของป่าอีก อันนี้คงเข้าใจอยู่แล้ว
 
เรื่องการปลูกผักออร์แกนิก ขณะนี้ผมว่า เป็นราคาดี ถ้าท่านปลูกผักออร์แกนิกได้ ผักออร์แกนิกคือผักที่ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ราคาสูงมากพวกนี้ไปทำผักสลัด ขายไม่พอใช้ ไม่พอขาย วันนี้ปลูกไม่พอขาย อยากให้ลองเปลี่ยนแปลงนาเป็นแปลงผักได้หรือไม่ ใช้น้ำให้น้อยลง ขายราคาสูงขึ้นหรือไม่ก็ไปปลูกถั่ว ปลูกพืชหมุนเวียนอื่น ๆ ที่มีราคา ถ้าปลูกข้าวอย่างเดียวอาจจะราคาตก เพราะข้าวมาก ฉะนั้นเรื่องการปลูกผลไม้ ผมพูดไปแล้วในคันนา ผักออร์แกนิก แต่ท่านต้องรวมกลุ่มกันให้ได้ ถ้าหากว่าจะทำให้ดีขึ้น ไม่ต้องไปพึ่งพ่อค้าคนกลางมากนัก ถ้ารวมกลุ่มกันให้ได้จัดระบบการขนส่งเอง ทั้งในพื้นที่นอกพื้นที่ เปิดตลาดเอง ขายสินค้าราคาถูก อย่างน้อยก็เป็นการเผื่อแผ่แบ่งปัน และยกระดับราคา ใครก็มากำหนดราคาต่ำท่านไม่ได้ ถ้าท่านขายได้อยู่แล้ว
 
เพราะฉะนั้น อะไรก็ตามที่เกินความต้องการของตลาดราคาจะถูก ถูกกดราคาบ้าง รัฐก็ให้ไม่ไหว ต้องให้ตามราคา พอให้สูงเกินไป ไม่ขายใคร ก็ขายไม่ได้ เงินก็ต้องหายไปอีก ฉะนั้นรัฐขณะนี้งบลงทุนในประเทศน้อยมาก 10 กว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ควรจะได้ 20-30 มันไม่ได้หรอก ถ้าเรายังอุดหนุนนี่ก็อุดหนุน นั้นก็อุดหนุนแล้ว  สรุปว่าทั้งหมดงบประมาณประจำปี ก็เป็นเรื่องของการอุดหนุน เป็นเรื่องของการใช้หนี้ เป็นการเรื่องของการเฉพาะดอกเบี้ย ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว อีกหน่อยไม่ต้องใช้จ่ายอะไรกันเลย ในประเทศนี้ ต้องช่วยกัน ต่างคนต่างต้องช่วยซึ่งกันและกันและอย่าไปพึ่งพ่อค้าคนกลางให้มากนัก พ่อค้าคนกลางดีๆ ก็มี 
ผมอยากจะฝากพ่อค้าคนกลางว่า ช่วยดูแลคนไทยด้วยกันอย่าเอาเปรียบกันอีกเลย หลายต่อ หลายทอด ทั้งขนส่งด้วย พ่อค้าคนกลางด้วย มีเงินทุน ไม่มีเงินทุน รวมกลุ่มสู้กับพ่อค้าคนกลางให้ได้ ถ้าท่านไม่รวมกลุ่มยังขายตัดราคากันเอง ก็ไม่ได้อีก ต้องเป็น Package กันให้ดี ช่วยกัน เกษตรกรต้องเข้มแข็งด้วยตัวเอง
 
 เรื่องความรู้เรื่องการเกษตรสมัยใหม่ เราพยายามต้องเรียนรู้อย่าไปพึ่งธรรมชาติอย่างเดียว อันนี้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งกระจายความรู้ออกไป จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ จัดวิทยากรลงไปแนะนำ Direct sale ลงไปหาชาวบ้าน ถ้ารอให้เขามาถามอย่างเดียวอาจจะไม่มีเวลา เขาไม่เข้าใจเราก็จัดไปสิครับ เกษตรกร เกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัดมีอยู่แล้ว อยากให้กลับมาทบทวนเรื่องพวกนี้และให้คนที่มีคุณภาพไปสอนเขา ไปสอนชาวบ้าน หรือไม่ก็ไปรวมกลุ่มปราชญ์ชาวบ้านมามาก ๆและจะได้ไปขับเคลื่อนด้วยกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน กวาดชาวบ้านไปช่วยชาวบ้าน
 
 ผมว่าจะดีอย่าปล่อยให้รัฐอย่างเดียว ไปเดิน หรือรัฐก็ไม่เดิน ชาวบ้านก็ทำกันไปและก็เป็นแบบนี้ปัญหาหมักหมกอยู่แบบนี้ ฉะนั้นขอให้ทำตามนโยบายนี้ด้วย โดยเฉพาะเรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทำอย่างไรให้เป็นรูปธรรม การใช้พื้นที่แต่น้อยทำประโยชน์ให้ได้มาก เพิ่มมูลค่าให้ได้
 
ผลผลิตต่อไร่ให้ได้มากขึ้น ศูนย์ข้อมูลดำรงธรรม ที่ผมบอกไปแล้วต้องทำหลายเรื่อง ทั้ง ประชาสัมพันธ์ ให้ข้อมูล ติดต่อราชการต่าง ๆ ทั้งหมด ศูนย์ดำรงธรรมทำให้ได้ กระทรวงมหาดไทยต้องขอความร่วมมือจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ให้ข้อมูลด้วย และเชื่อมต่อกับพื้นที่ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา ต้นทุน อะไรต่าง ๆ ที่ได้กำหนดไปแล้ว ถ้าไม่มีคนติดตามกำกับดูแล ก็ไม่ได้เหมือนเดิม ก็ได้แต่สั่งไป สั่งลมก็จะได้แต่ลมกลับมา เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันทุกกระทรวง ทบวง กรม อย่างคิดว่าสั่งไปแล้ว และจบแค่นั้นไม่ได้ ต้องติดตามกำกับดูแล
 
เรื่องขยะเป็นปัญหาสำคัญในทุกพื้นที่ ผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่า เราต้องช่วยกันดูแล ทั้ง รัฐ เอกชน ประชาชน ในเรื่องความรับผิดชอบต่อขยะ การใช้วัสดุที่เป็นขยะที่ยาวนาน เช่น พลาสติก ต้องลดลงบ้าง หรือไม่ก็ต้องมีมาตรการในการควบคุม การทิ้ง การทำลาย เพราะมันอยู่หลายสิบปี สถานที่ทิ้งขยะของรัฐ การขนขยะ อะไรต่างๆ เหล่านี้ ถังขยะ แยกขยะ ต้องเร่งดำเนินการ ถ้าเริ่มได้ปีนี้ ผมต้องการให้เริ่มเลย เอกชนมาช่วยกัน บริจาคอะไรต่างๆ ก็ว่ามา ประกอบการบ่อขยะของเอกชน ก็ต้องมีคุณภาพ ไม่ใช่ประมูลไปแล้วควบคุมไม่ได้ รักษาไม่ได้ ทำให้เกิดไฟไหม้ เพลิงไหม้ โดยจะต้องมีการควบคุม ต้องรับผิดชอบไปในที่ที่เป็นเอกชน เพราะท่านได้รายได้ไปแล้ว ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนโดยรวมด้วย อย่าให้รัฐต้องดูแลทุกเรื่องเลย การจุดไฟเผาขยะ บ่อขยะติดไฟเกิดควันต่าง ๆ มากมาย ทำให้เกิดความเสียหาย
 
การศึกษา ผมพยายามพูดหลายครั้ง ไม่ใช่จะไปละเมิดท่าน ไม่ได้ไปละเมิดกระทรวงศึกษาฯ หรือทุกคน บุคลากรทางการศึกษา คุณแม่ผมเป็นครู แต่ครูนั้นกับครูนี้อาจจะคนละสมัยกัน ผมก็เป็นห่วงอนาคตของชาติอยู่ที่การศึกษา คิดว่าคนทั้งประเทศเข้าใจ แต่จะทำอย่างไร เราจะดูทั้งระบบ ตั้งแต่เล็กจนโต ให้ต่อเนื่อง ทั้งการศึกษาพื้นฐาน การศึกษาต่อ อาชีพ รายได้ ทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวง ทบวง กรม ต้องช่วยกระทรวงศึกษาฯ ด้วยว่าผลิตออกมาแล้วจะทำอย่างไร จะรับเข้าไปทำงานอย่างไร มีความร่วมมือระหว่างกัน มีโครงการร่วมกัน และบรรจุเข้าเป็นข้าราชการ หรืออะไรก็แล้วแต่ หางานให้เขาทำ ไม่ใช่สิ่งที่เขาเรียนมา เขาจบมาไม่จ้าง ไปจ้างใครก็ไม่รู้มา คนจะได้เข้าสู่ระบบการศึกษามากขึ้น เพราะมีงานทำ แต่ถ้าไปจ้างคนที่ไม่มีงานทำ ไม่ได้เรียนหนังสือก็ได้อย่างเสียอย่าง ไม่ได้ต้องการให้ไปยกเลิก ก็ลำบากเหมือนกัน แต่ทำอย่างไรให้เกิดความสมดุลกันระหว่างนี้ คนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ
 
คนที่เรียนหนังสือ จะทำอย่างไรให้ทั้งสองฝ่ายได้รับการดูแลจากพวกเรา เรื่องตำราเด็กเหมือนกัน เดี๋ยวนี้มีความทันสมัย วันนั้นเห็นตำราเด็ก ป.1 นำมาให้อ่าน ผมว่ายากไป บางอันผมตอบไม่ได้เหมือนกัน เด็ก ป.1 วิชาสังคม อะไรสักอย่าง จะต้องเขียนคำตอบยาว ๆ เด็ก ป.1 ผมว่ายังเขียนหนังสือไม่เก่ง ถ้าต้องเขียนคำยาวๆ ผมว่าลำบาก ต้องบูชาพระรัตนตรัยก่อนนอน ผมยังเขียนไม่ได้ ป.1 ยังไม่รู้เรื่องเลยตอนเด็กๆ ยากไปหรือไม่ ไปทบทวนดู ตำราที่นำมาให้ต้องเขียนลงไป ตอบลงไปในนั้น แล้วลายมือเด็กๆ เขียนยังไม่เป็นตัวอะไรทั้งนั้น นั่นคือตำราที่เขาส่งมาให้ผมดู คือ ลูกเขาเขียนมา ยังไม่ได้ตรวจ เขียนหนังสือยังไม่เป็นตัวอักษรเลย แต่ตอบคำถามต้องเขียนยาวอย่างนี้ ต้องมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บางที่ก็เป็นชื่อในวรรคดีไทย จำได้เด็ก ๆ กว่าจะได้เรียนเรื่องนี้ ผมก็โต ยังพอจำได้อยู่บ้าง ลองไปทบทวนดู
 
แต่ถ้าทำดีแล้ว ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ถ้ายากเกินไปเด็กก็จะไม่ต้องการเรียนหนังสือ เพราะกลัวตอบไม่ได้ สอบไม่ได้ เลยไม่ต้องการเรียนหนังสือ นี่คือสิ่งหนึ่ง ท่านต้องสร้างแรงจูงใจให้เด็กอยากเรียนหนังสือ เพราะเข้าใจง่าย จำง่าย ท่องง่าย แล้วค่อยไปเพิ่มระดับความยากขึ้นไปเรื่อย ๆ ทีละขั้น ๆ ไป พวกเราถูกแยกอยู่แล้ว ระดับมันสมองไม่เท่ากัน คนหนึ่งสามารถเรียนต่อได้ ไปต่างประเทศได้ เป็นด็อกเตอร์ได้ อีกพวกยังเป็นด็อกเตอร์ไม่ได้ ท่านจะทำอย่างไรให้พื้นฐานคนเท่ากันก่อน ถึงเวลาเขาจะรู้ตัวเองว่าเขาจะไปไหน ใครจะเลิกไม่เรียนต่อ ใครจะไปทำงาน ใครจะไปเรียนหนังสือ ขึ้นอยู่กับฐานะพ่อ – แม่ ด้วย ฉะนั้นดูให้ครบทั้งระบบ ดูถึงข้างล่างผู้บังคับบัญชาต้องดูถึงข้างล่างเกี่ยวกับตำรา เอกสาร หลักสูตร กำกับดูแล ครูทุกคนเสียสละอยู่แล้ว ก็เป็นห่วงครู เรื่องหนี้สินครู เรื่องอะไรอีกมากมาก ก็ต้องช่วยกันปรับแก้ในระยะที่ 2 การปฏิรูป ไม่ได้ลืมครู เพราะครูเป็นข้าราชการเป็นแม่พิมพ์ของชาติ เป็นผู้เสียสละ ลำบากยากเข็ญอย่างไรก็อดทน
 
วันนี้ถ้าปรับวิธีการสอนของท่านให้ง่ายขึ้น เบาลง จะได้ดูแลเด็กได้มากขึ้น มีเวลาไปทำอะไรได้บ้าง เพราะท่านก็มีลูกเหมือนกัน ไม่ใช่สั่งสอนเด็กอย่างเดียว ถึงบ้านก็ไม่ไหวแล้ว หงุดหงิด เดี๋ยวต้องไปสอนพิเศษอีก เพื่อหารายได้มาเลี้ยงลูก มันพันกันไปหมด ฉะนั้นดูให้ครบระบบ ทั้งครู เด็ก ผู้ปกครอง ถ้าสามคนพอใจกันทั้งหมด ประเทศก็จะไปได้ การศึกษาก็ดีขึ้นตามลำดับ ทำอย่างไร คนจะเข้าระบบการศึกษาให้มากขึ้น ไม่ใช่ผลักให้คนออกไปนอกระบบการศึกษา เลิกเรียน เพราะว่าเรียนไม่ไหว ไปดูใหม่
 
เรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
 
พวกเราจะพยายามทำดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตามต้องเรียนว่า การต่อสู้ยังคงมีอยู่แน่นอน เพราะอีกฝ่ายยังไม่บรรลุจุดประสงค์ที่ต้องการ ซึ่งเราก็พยายามที่จะสอบถามว่า ต้องการอะไรอย่างไร จะให้เราทำอะไรอย่างไร ก็คุยกันอยู่
 
ขณะนี้อยากให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวัง รวมกลุ่ม อย่าประมาท ในการเดินทาง การใช้ชีวิตประจำวัน เจ้าหน้าที่ เข้มงวด ระมัดระวัง ในทุกภารกิจที่ออกทำงาน ไม่ใช่เฉพาะประชาชนอย่างเดียว ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ก็อันตรายเหมือนกัน มีรูปแบบมีวิธีให้เข้มแข็ง ก็จะลดการสูญเสียลงไปได้มากในทุกพื้นที่ 
การพูดคุย กำลังประสานเพิ่มเติมกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้อำนายความสะดวก แต่เราทำตามกรอบโครงสร้างใหม่ กำลังนำกรอบโครงสร้างไปหารืออีกครั้ง ในระหว่างนี้การพูดคุยต่าง ๆ ก็ยังคุยกันอยู่ในทางลับ ในทางพื้นที่มีการพูดคุยกันอยู่แล้ว โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดย ศอ.บต. แต่คณะใหญ่ เนื่องจากรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลง ผมก็ให้มีการปรับรูปแบบการพูดคุยใหม่ ให้เป็นระบบให้มากขึ้น เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้พร้อม ๆ กันหลาย ๆ เรื่อง ไม่ใช่คณะเดียวไปพูด ก็ไม่จบแน่นอน ต้องพูด ทั้ง กฎหมาย ความรุนแรง ความเป็นธรรม ความชอบธรรม และเรื่องจะอยู่กันอย่างไรในวันข้างหน้า ผมใช้คำว่าเป็นการพูดคุยเพื่อสันติสุข จะทำอย่างไรให้อยู่กันได้ ทั้ง ไทยพุทธ และมุสลิมอย่างยั่งยืนในเรื่องของความสันติ
 
เรื่องอื่น ๆ 
 
เรื่องคุณวีระ สมความคิด ที่ได้รับการปล่อยตัวกลับมาแล้วไปพูดจาและอาจจะไม่เข้าใจ คสช. ไม่เคยมีข้อตกลงใดๆ กับ นายกฯ ฮุนเซน ท่านกรุณาปล่อยตัวมา เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย – กัมพูชา วันนี้เราจะต้องไปสู่ประเทศอาเซียน เป็นอาเซียนเดียวกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน ทุกคนในอาเซียน ทุกประเทศในอาเซียนเราเป็นครอบครัว ผมพูดกับทุกประเทศในโลก เราเป็นครอบครัวกัน เราเป็นญาติกัน ถ้าประเทศใดเสียหาย อีกประเทศหนึ่งก็เสียหายไปด้วย ถ้าประเทศใดมั่งคั่ง อีกประเทศก็มั่งคั่งไปด้วย แล้วทำไมต้องแบ่งแยกกันให้มากมาย ทำไมไม่เดินไปด้วยกัน ถ้ารวมอาเซียนทั้งหมด 10 ประเทศได้ ก็มีคน 6 00 กว่าล้านคน เราก็สามารถไปต่อรองกับใครก็ได้ โดยเฉพาะเราเป็นประเทศที่ผลิตอาหาร ผลิตสิ่งของเครื่องใช้ที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เขาก็ต้องพึ่งเราอยู่ดี เราผลิตข้าว ผลิตอาหารมากมาย ทั้ง ปลา เนื้อ ไก่ หมู ส่งออกไม่รู้เท่าไหร่ แล้วจะทะเลาะกันไปทำไม ความร่วมมือ ไทย - กัมพูชา หรือว่าไทยกับประเทศทุกประเทศที่มาเยี่ยมเยือน มาพูดคุย ไม่มีตกลงนอกกติกา ไม่มีเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวไม่มี ทุกเรื่องจะต้องเป็นการตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล โดยอาจจะเป็นคณะพูดคุยที่เปิดเผยในทุกกรณี ขอให้ประชาชนไว้วางใจ และกรุณาหยุดพูดได้แล้วเชื่อมั่นในคำพูดของผมมากกว่าไปฟังจากคนอื่น
 
เรื่อง โซเชียลเน็ตเวิร์ค
 
วันนี้ขอความร่วมมือ ช่วยกันแชร์ ในเรื่องดีๆ บ้าง ช่วยกันขจัดขยะต่าง ๆ คำพูด หรือสิ่งที่เรียกว่า Hate speech ที่สร้างความเกลียดชัง หยาบคาย หมิ่น ดูถูกกัน หมิ่นสถาบันอะไรต่าง ๆ นำออกไปให้ได้ ถ้าท่านเป็นคนไทยต้องช่วยกันขจัด ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตรายมากในวันข้างหน้า ใน Website Facebook App ต่างๆ อันตรายต่อเด็กๆ ด้วย สังคมโดยรวมก็กระทบกระทั่งมาโดยตลอด เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ส่วนใหญ่จะเชื่อ พอเขียนเรื่องจริงๆ ก็ไม่เชื่อ แต่เขียนเรื่องไม่จริงนี่แชร์กันใหญ่ ต้องดูกันด้วยว่าที่เขาแชร์กันผิดหรือถูก ใช่หรือไม่ ตรวจสอบหรือยัง ถ้าไม่ใช่กรุณาอย่าพึ่งแชร์กันเลย บางทีก็โกรธแค้นเกลียดชังตามเขาไปหมด ปลุกปั่นง่ายเหลือเกินประเทศไทย วันข้างหน้าจะทำอย่างไร การติดต่อสื่อสารโทรคมนาคม การให้บริการมากขึ้นๆ แล้วเราควบคุมไม่ได้ ประเทศชาติจะเสียหาย ความมั่นคงจะไม่เกิด สังคมก็เสียหายเสื่อมโทรม การท่องเที่ยวก็เสียหายไปหมดเพราะคน จะมาทำไมประเทศไทยถ้าเป็นแบบนี้ ทะเลาะกันแบบนี้ เกลียดชังกันทั้งประเทศไม่ได้ ขอร้องทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทุกคนที่ชอบทำ ผมรู้ว่าเด็กสมัยใหม่จะชอบเล่น App เล่นอะไรต่าง ๆ ผมก็ไม่เก่ง แต่อ่านแล้วไม่สบายใจมาก ต้องช่วยกัน
 
เพราะฉะนั้นที่พูดคุยกันวันนี้จะเน้นในเรื่องเศรษฐกิจมาก เพราะเศรษฐกิจ คือหัวใจ คือปัจจัยในการเดินหน้าประเทศไปข้างหน้า เรื่องอื่นๆ ความขัดแย้ง เรื่องการปฏิรูปเป็นเรื่องภายใน ทำอย่างไรจะดูแลคนของเราให้ได้ ทำอย่างไรจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศดีขึ้น ทำอย่างไรจะก้าวไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นั้นเป็นเรื่องที่ต้องแก้กันภายใน หลักการอาเซียนคือเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในซึ่งกันและกัน สนับสนุนซึ่งกันและกันในการดูแล การทำให้ประชาชนตามแนวชายแดนปลอดภัย ไม่มีการสู้รบกัน มติต่างๆ ของอาเซียนก็เป็นเรื่องของมติอาเซียน จะไม่มีมติเป็นแต่ละประเทศออกไปในเรื่องนู้นเรื่องนี้ จะทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น นี่คือหลักการของอาเซียน การค้าขาย การทำสัญญาต่อกันก็ต้องเปิดเผยโปร่งใส มีประสิทธิภาพ เป็นธรรมกับทั้งสองประเทศ เราคบกับประเทศทุกประเทศ ต้องอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจ ความเป็นธรรม และในฐานะที่เป็นมิตรประเทศกันอย่างดียิ่ง
 
บ้านเราเป็นญาติพี่น้องกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นประเทศลาว กัมพูชา พม่า คนชายแดนรู้จักกันหมด แล้วเราทำไมต้องทะเลาะกัน ทำอย่างไรจะทำให้เกิดประโยชน์กับทั้งสองประเทศ มีความเท่าเทียมทั้งสองประเทศ ทำมาหากินด้วยกัน เลิกพูดถึงปัญหาความขัดแย้งตลอดมา ผมว่าวันนี้โลกไร้พรหมแดนแล้ว ทำอย่างไร แต่เราต้องรักษาผลประโยชน์ของเราให้ได้ รักษาอธิปไตยของเราให้ได้ ก็คนละเรื่องกัน ก็ไปพูดกันคนละวาระให้ได้ ฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกัน คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ การพัฒนาแหล่งน้ำ สาธารณูปโภคพื้นฐานและอื่นๆ เราทำอยู่ทุกมิติ วันนี้ก็ได้มีการประชุมซูเปอร์บอร์ดในเรื่องการปรับปรุงกิจการของรัฐวิสาหกิจ ต้องใช้เวลา บางคนบอกว่าประชุมแล้วต้องเกิดอย่างนี้อย่างนั้น จะทำอย่างไร อันไหนจะเอาไว้ อันไหนจะเลิก ไม่ใช่ขนาดนั้น เราต้องค่อยๆ แก้ วางแผนว่า ที่ผ่านมาคือปัญหาอะไร เชื่อมก่อน 22 มาแล้วตั้งหลาย 10 ปี ขาดทุนอย่างไรต้องหาโจทย์ให้พบ อะไรคือปัญหา จากนั้นมาก็มาเปิดตรงกลางว่าตรงนี้คือระยะตรงกลาง เป็นระยะเปลี่ยนผ่าน ตรงนี้คือจะต้องแก้ แก้บอร์ด แก้การคัดเลือกบุคคล แก้ไขระเบียบที่ไม่ทันสมัย มาตรการการควบคุมต่าง ๆ และกฎหมายที่มีอยู่แล้วเดิม มี 20 กว่าฉบับ ในการคุมบอร์ด มีอยู่แล้ว ปัญหาอยู่ที่คนหรือกลไกต่างๆ ทำได้สมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์
 
ผมว่าช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน อาจจะต้องใช้เวลา 3 – 6 เดือน เพื่อจะเดินตรงนี้ให้ได้ และเราก็ไปเดินว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพื่อจะเดินไปข้างหน้า ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างแก้ไปได้ภายใน 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน 12 เดือน ไม่ได้ ต้องกำหนดว่าหลังจาก 12 เดือน ปี 2558 เลือกตั้งใหม่ สมมติถึงเวลาเลือกตั้งแล้วจะไปกันได้ไหม ถ้าไม่แก้วันนี้ก็จะไปไม่ได้ ถ้าแก้เฉพาะวันนี้เดี๋ยว 3 เดือนหน้า ก็มีเรื่องกันอีก เพราะว่าไม่ได้แก้ตั้งแต่พื้นฐาน รายได้มีพอหรือไม่ รายได้พอที่จะไปเพิ่มการบริการให้มากขึ้น ดูแลเรื่องรถต่าง ๆ อุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ใหม่ เราว่ารายได้น้อย รายได้ก็ไม่ดี ไม่มีก็ต้องไปกู้ยืมเงินเขามา กู้ยืมเงินเขาก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวเกิดหนี้สาธารณะ แล้วต้องการให้มีรถใหม่ จะไปอย่างไร คิดให้ครบอย่างนี้
 
วันนี้ไม่ต้องหาว่า อันไหนควรจะต้องอยู่ อยู่ 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ เป็นรัฐวิสาหกิจ 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ อันไหนต้องผสมกัน รัฐกับเอกชนร่วมกัน บางอย่างอาจจะแบ่งให้เอกชนไปทำบางส่วน ต้องมาคิดแบบนี้ ถ้ามาคิดว่าอันนี้เลิก อันนี้ทำ แล้วจะทำอย่างไร ความมั่นคงจะเกิดขึ้นไหม การให้การบริการประชาชนเป็นอย่างนี้ หยุดไม่ได้ ถ้ามีการประท้วงกันอย่างเดียวก็ไปไม่ได้อีก ฉะนั้น ต้องรักษาความมั่นคงให้ได้ ยังไงต้องมีการบริการ ความแตกต่างของประชาชนในชาติต้องลดลง ต้องช่วยกันรับภาระของประเทศชาติไว้ด้วย ร่วมกับรัฐ ร่วมกันลดความแตกต่าง ความเหลื่อมล้ำของรายได้ ลดช่องว่างของประชาชนให้ลดลง ประเทศชาติถึงจะไปได้ ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก
 
ขอบคุณในแรงใจ แรงสนับสนุนด้วยดีเสมอมา ซึ่งก็เป็นกำลังใจให้กับพวกเราทุกคน ผมขอให้กลับไปให้ท่านเป็นร้อยเท่าพันทวี ต้องยอมรับว่า กำลังใจมามาก ก็กดดันผมมาก แต่ไม่เป็นไรรับได้ ยังแข็งแรงอยู่ ยังทำได้ คิดแต่เพียงอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรให้พวกเราทุกคนมีความสุข ข้าราชการทุกคนต้องร่วมมือกันคลี่คลายความเดือดร้อน ดูแลทุกข์สุขให้กับประชาชนได้อย่างทั่วถึงโดยเร็ว บางอย่างอาจต้องใช้เวลามากบ้าง น้อยบ้างแตกต่างกัน ขอให้ช่วยกันอดทน ผมอดทน ข้าราชการอดทน ประชาชนอดทนอดกลั้น อย่าอารมณ์เสีย อย่าหงุดหงิด อย่าเดินขบวนอะไรกันมากมาย ก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เหมือนเดิม ท่านเดินขบวนจำได้ไหม เรื่องยางฯ เรื่องข้าว เรื่องอะไรต่าง ๆ ก็ซื้อด้วยเงินอนุมัติ ผม อนุมัติไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตั้งแต่ปี 2555 เดินมากี่ปีแล้ว 2 ปีที่ผ่านมา เพิ่งมาได้เงิน ฉะนั้นเดินวันนี้ก็ไม่ได้วันนี้ ขอร้องอย่าเดิน ไปแก้กันใหม่ว่าจะทำอย่างไร คนที่จะแก้ไขได้คือพ่อค้าคนกลาง จากจุดรับในพื้นที่แต่ละพื้นที่ ไปแก้ปัญหาของท่านให้ไดในพื้นที่ ให้ศูนย์ดำรงธรรมเขาดูแลให้ได้ อย่าให้มาเดินขบวนให้กรุงเทพฯ
 
ทุกวันนี้รับเรื่องร้องเรียนทุกวันๆ เป็นหมื่นๆ เรื่อง ยังไม่ได้ไปศูนย์ดำรงธรรมเลย ศูนย์ดำรงธรรมรับไปด้วยจะได้มาน้อยๆ และก็ส่งเอกสารมา คสช. ก็จะส่งไปให้ กระทรวง ทบวง กรม ไปแก้ไข ขอบคุณที่ทุกคน พอมาฟังเรื่องชี้แจง รับเรื่องแล้วเขาก็ดีใจ ก็กลับบ้าน อย่ามาอยู่บริเวณถนน ไม่สวยงาม ลำบากด้วย ห้องน้ำห้องท่าก็ไม่สะดวก นั่งรถมาเสียค่ารถ เดี๋ยวท่านก็ต้องเสียเงินค่ามาอยู่ที่นี่ ได้เงินหรือไม่ได้เงินไม่รู้ เสียเวลาไปอยู่กับลูกหลานดีกว่า แล้วก็ส่งข่าวมาผ่านศูนย์ดำรงธรรม คสช. ก็จะแก้ไขให้ หรือให้ผู้ว่าฯ แก้ไข ให้กระทรวงแก้ไข ให้ใครแก้ไข ต้องแก้ไขให้ได้ ถ้าแก้ไขระยะสั้นไม่ได้ก็ต้องแก้ไขระยะยาว ขอร้อง ไม่ได้กลัวแต่ไม่อยากให้เสีย ประเทศชาติกำลังสวยงาม ถนนหนทางก็ปลอดโปร่ง ประท้วงเดี๋ยวท่านก็มากลางมุ้ง กลางอะไรนอนอยู่แถวนี้ รู้ๆ ว่าท่านลำบาก นั้น คือสิ่งที่สำคัญ พวกเราทุ่มเทให้ท่านอยู่แล้ว
 
สุดท้ายนี้ คงต้องกล่าวคำว่า คิดถึงเหมือนเดิม คิดถึง ตราบใดที่ประชาชนยังไม่มีความสุข ประเทศชาติไม่ปลอดภัย การปฏิรูปยังไม่สำเร็จ พวกเราทุกคน คสช. ข้าราชการทุกคน ก็ยังคงส่งความคิดถึงไปยังพ่อแม่พี่น้องคนไทย ทั้งประเทศตลอดไป
 
ขอบคุณและสวัสดีครับ