วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557

อัพเดทรวมภาพ..พวกม็อบคลั่งธงชาติ คลั่งพระราชา


          อัพเดทรวมภาพ..พวกม็อบคลั่งธงชาติ คลั่งพระราชา 
  • รักสถาบัน..จริงหรือ?.
  • รักขาดสติรู้ไหมว่าทำอะไรกัน?. 
  • พวกม็อบทำลายชาติทำลายสถาบัน ธงชาติสัญญาลักษณ์ของชาติก็คือทำลายชาตินั่นเอง...เก็บไว้เป็นหลักฐาน.....ช่วยกันประจาน...เสื่อมสุดๆ

คุณภาพ? พฤติกรรมและสารรูปพวกจะ"ปฎิรูป"ประเทศไทย?
ขอบคุณภาพ จาก IF











































ผบ.ทบ. แห่งประเทศไทย มึงจงฟัง

เอามาย้ำอีกที ให้ ผบ.ตู่ ฟังนะครับ 



  • นับล้านล้านคน
  • ควบคุมส่วนราชการได้แล้ว .....
  • กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน ..........
  • สื่อสารมวลชนทุกแขนง ร่วมถ่ายทอดแถลงการณ์ หมดแล้ว
  • กปปส. ขอประกาศให้ วันจันทร์ ที่ 2 ธันวาคม เป็นวันหยุดราชการของส่วนราชการ....



ทหารยกพลปิดโรงพัก ระดมยิงใส่ตำรวจ

ทหารยกพลปิดโรงพัก ระดมยิงใส่ตำรวจ

          เมื่อเวลา 00.15 น.วันที่ 1 มี.ค. ในขณะที่ ร.ต.ท.สิทธิเดช ลอยลม ร้อยเวร สภ.ทุ่งสง กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก ได้มีรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน บร- 2447 นครศรีธรรมราช ขับเข้ามาจอดหน้าโรงพัก โดยมีชายฉกรรจ์นั่งมาในรถจำนวน 6-7 คน จากนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า 1 นัด ก่อนที่จะขับหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว



Photo: ทหารรับจ็อบการ์ด กปปส สุดแค้นโดนจับ  ขนอาวุธยิง M16 ขู่หน้าโรงพัก-ไล่ล่าปะทะเดือดท้ายสุดโดนจับ 4 ถูกยิงเจ็บ 1 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่ารถคนร้ายทันกันที่หมู่ที่ 3 ต.นาโพธิ์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อรถยนต์ของตำรวจพยายามเร่งเครื่องขึ้นประกบ กลับถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงสกัด ตำรวจจึงใช้อาวุธปืนยิงสวนหลายนัด ถูกล้อหน้ารถกระบะไม่สามารถขับต่อไปได้ คนร้ายจึงทิ้งรถวิ่งหนี ขณะที่ตำรวจ กระจายกำลังจับกุมคนร้ายแต่งกายคล้ายทหารได้จำนวน 4 คน ทราบชื่อต่อมาคือ 
1. จ.ส.อ.เอกลักษณ์ บิลหมาด อายุ 54 ปี 
2.ส.ท.ธเนศ รัชตกิจไพศาล อา


          หลังเกิดเหตุ ร.ต.ท.สิทธิเดช ได้วิทยุประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับรถคันดังกล่าวทันที โดย ร.ต.ต.อมรรัตน์ จิตสมุทร รองสวป. สภ. ทุ่งสง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ขับรถออกสกัดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี อย่างไรก็ตามรถยนต์ของคนร้ายได้เลี้ยววกกลับมาหน้าโรงพักอีกครั้งหนึ่ง พร้อมยิงข่มขู่ขึ้นฟ้าอีก 1 นัด ก่อนขับหลบหนีไปทางถนนสี่แยกชัยชุมพล

         ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่ารถคนร้ายทันกันที่หมู่ที่ 3 ต.นาโพธิ์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อรถยนต์ของตำรวจพยายามเร่งเครื่องขึ้นประกบ กลับถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงสกัด ตำรวจจึงใช้อาวุธปืนยิงสวนหลายนัด ถูกล้อหน้ารถกระบะไม่สามารถขับต่อไปได้ คนร้ายจึงทิ้งรถวิ่งหนี ขณะที่ตำรวจ กระจายกำลังจับกุมคนร้ายแต่งกายคล้ายทหารได้จำนวน 4 คน ทราบชื่อต่อมาคือ 
  • 1. จ.ส.อ.เอกลักษณ์ บิลหมาด อายุ 54 ปี 
  • 2.ส.ท.ธเนศ รัชตกิจไพศาล อายุ 25 ปี 
  • 3. ส.ท.ฉัตรนันทณ์ พิสิฐเศรณี อายุ 25 ปี และ 
  • 4. ส.ต.โอภาส พรหมรักษ์ อายุ 26 ปี 
TechnoCMS

             ทั้งหมดเป็นทหารสังกัด พล ร.5 ค่ายเทพกษัตรี-ศรีสุนทร ต.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า ส.ต.โอภาส ถูกยิงที่บริเวณก้น ได้รับบาดเจ็บจึงนำตัวส่ง ร.พ.ทุ่งสงจากการตรวจค้นภายในรถยนต์กระบะของคนร้ายพบอาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 จำนวน 4 กระบอก หมายเลขประจำปืน 7359879 , 7359388, 7358996 และหมายเลข 7359081 ซองบรรจุกระสุน จำนวน 10 ซอง มีกระสุนปืนอยู่ในซองรวม 61 นัด และกระสุนอยู่ในถุงผ้าอีก 61 นัด จึงควบคุมตัวคนร้ายพร้อมอาวุธปืนและรถยนต์ของกลางมาสอบสวนที่โรงพัก


?ทหารแค้นโดนจับยกพวกยิงเอ็ม 16 ขู่หน้าโรงพักทุ่งสง?

           พ.ต.อ.สันติรักษ์ สัญพิบูลย์ พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยหลังการสอบสวนว่า คนร้ายก่อเหตุเนื่องจากต้องการแก้แค้นให้นายทหารคนหนึ่ง โดยเมื่อต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา นายทหารคนดังกล่าว ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งสง จับกุมข้อหา พ.ร.บ.อาวุธปืน จึงนำเรื่องที่ตัวเองถูกจับกุมไปบอกเล่าให้เพื่อนทหารในค่าย ฯทราบ ทำให้กลุ่มเพื่อนทหารโดยเฉพาะผู้ใต้บังคับบัญชาไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนกระทั่งทหารกลุ่มที่ก่อเหตุเดินทางไปร่วมฝึกยุทธวิธีทางการทหาร ที่บ้านทะเลสองห้อง อ.ทุ่งใหญ่ จ .นครศรีธรรมราช จึงชักชวนกันขับรถยนต์กระบะมาหน้า สภ.ทุ่งสง โดยอ้างว่าไม่ได้ใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่บริเวณหน้าโรงพัก 2 นัด แต่เป็นเพียงการปาลูกระเบิดปิงปอง เพื่อข่มขู่คุกคามเท่านั้น ก่อนพากันขับรถหลบหนีจนกระทั่งถูกตำรวจไล่ล่าจับกุมเอาไว้ได้ดังกล่าว ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งข้อหามีอาวุธปืนและกระสุนปืนสงคราม ซึ่งใช้ในราชการไว้ในครอบครอง และร่วมกันก่อเหตุยิงปืนในที่สาธารณะดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจะได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีเพิ่มเติม รวมทั้งติดตามจับกุมทหารอีก 2-3 นายที่ร่วมก่อเหตุและหลบหนีไปได้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

อ้างอิงจากข่าวก่อนหน้า

ด่านความมั่นคงจับการ์ด กปปส.พร้อมอาวุธปืนไทยประดิษฐ์

Photo: จับการ์ดเวทีปทุมวัน เบ่งเป็นหัวหน้าการ์ดเวที และเป็นการ์ดสาธิต  ปิตุเตชะพกปืน/ระเบิด/กระสุน จับดำเนินคดี

           วันนี้( 2 มี.ค.57) เวลาประมาณ 02.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งด่านความมั่นคงบริเวณแยกเพชรบุรีตัดชิดลม ถนนเพชรบุรี แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ได้มีรถต้องสงสัย ยี่ห้อฮอนด้าซีอาร์วี สีเขียวเข้ม หมายเลขทะเบียน ภฉ 904 กรุงเทพมหานคร พบว่าผู้ที่ขับขี่มีพิรุธจึงขอเข้าตรวจค้น ภายในรถ โดยมีนายพรชัย จิรวัฒนานุกูล อายุ 46 ปี ผู้ขับขี่ และนายไตรฉัตร จันทร์ทองสุข อายุ 37 ปี นั่งมาด้วย จากตรวจค้นพบของกลาง
  • 1.อาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์สีดำ 1 กระบอก 
  • 2.กระสุนปืนลูกซองขนาด 12 จำนวน 9 นัด 
  • 3.ซองใส่กระสุนปืน 2 อัน
  • 4.วิทยุสื่อสารมือถือ 1 ตัว 
            เบื้องต้นจึงได้แจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน,พกพาไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควรและมีวิทยุสื่อสารไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตในช่วงที่มีประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน”ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

         ซึ่ง 1 ในผู้ต้องหานี้ เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.7 ทำการจับกุมตัว ในวันที่ 13 ก.พ.57 ที่ผ่านมา พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกซองสั้น ไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 3 นัด, อาวุธปืนพกสั้น ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน จำนวน 13 นัด, ชุดแต่งกายเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน บก.น.6 จำนวน 1 ชุด, หมวกตำรวจสายตรวจ 1 ใบ, วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง, รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกูปปี้ไอ สีแดงขาว-น้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนอีก 1 คัน มาแล้ว (ภาพสุดท้าย)


            ทหารรับจ็อบการ์ด กปปส สุดแค้นโดนจับ ขนอาวุธยิง M16 ขู่หน้าโรงพัก-ไล่ล่าปะทะเดือดท้ายสุดโดนจับ 4 ถูกยิงเจ็บ 1 ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่ารถคนร้ายทันกันที่หมู่ที่ 3 ต.นาโพธิ์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อรถยนต์ของตำรวจพยายามเร่งเครื่องขึ้นประกบ กลับถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงสกัด ตำรวจจึงใช้อาวุธปืนยิงสวนหลายนัด ถูกล้อหน้ารถกระบะไม่สามารถขับต่อไปได้ คนร้ายจึงทิ้งรถวิ่งหนี ขณะที่ตำรวจ กระจายกำลังจับกุมคนร้ายแต่งกายคล้ายทหารได้จำนวน 4 คน 


Photo: ทหารรับจ็อบการ์ด กปปส สุดแค้นโดนจับ  ขนอาวุธยิง M16 ขู่หน้าโรงพัก-ไล่ล่าปะทะเดือดท้ายสุดโดนจับ 4 ถูกยิงเจ็บ 1 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่ารถคนร้ายทันกันที่หมู่ที่ 3 ต.นาโพธิ์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อรถยนต์ของตำรวจพยายามเร่งเครื่องขึ้นประกบ กลับถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงสกัด ตำรวจจึงใช้อาวุธปืนยิงสวนหลายนัด ถูกล้อหน้ารถกระบะไม่สามารถขับต่อไปได้ คนร้ายจึงทิ้งรถวิ่งหนี ขณะที่ตำรวจ กระจายกำลังจับกุมคนร้ายแต่งกายคล้ายทหารได้จำนวน 4 คน ทราบชื่อต่อมาคือ 
1. จ.ส.อ.เอกลักษณ์ บิลหมาด อายุ 54 ปี 
2.ส.ท.ธเนศ รัชตกิจไพศาล อา

Photo: ทหารรับจ็อบการ์ด กปปส สุดแค้นโดนจับ  ขนอาวุธยิง M16 ขู่หน้าโรงพัก-ไล่ล่าปะทะเดือดท้ายสุดโดนจับ 4 ถูกยิงเจ็บ 1 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่ารถคนร้ายทันกันที่หมู่ที่ 3 ต.นาโพธิ์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อรถยนต์ของตำรวจพยายามเร่งเครื่องขึ้นประกบ กลับถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงสกัด ตำรวจจึงใช้อาวุธปืนยิงสวนหลายนัด ถูกล้อหน้ารถกระบะไม่สามารถขับต่อไปได้ คนร้ายจึงทิ้งรถวิ่งหนี ขณะที่ตำรวจ กระจายกำลังจับกุมคนร้ายแต่งกายคล้ายทหารได้จำนวน 4 คน ทราบชื่อต่อมาคือ 
1. จ.ส.อ.เอกลักษณ์ บิลหมาด อายุ 54 ปี 
2.ส.ท.ธเนศ รัชตกิจไพศาล อา

โจรล่าโจร

โจรไล่จับโจร!!!

"สุเทพ" สุดเหิม! พิมพ์แสตมป์ชุดใส่ "หน้าสุเทพ" ประทับตรา "ประเทศไทย"


"สุเทพ" สุดเหิม! พิมพ์แสตมป์ชุดใส่ "หน้าสุเทพ" ประทับตรา "ประเทศไทย"



        กลุ่ม กปปส. สุดเหิมเกริม พิมพ์แสตมป์ที่ระลึก ใส่หน้าตัวเองลงไปในแสตมป์ พิมพ์อักษร "ประเทศไทย" ใช้รูป “กำนันสุเทพ” ในอิริยาบถต่างๆเป็นภาพบนแสตมป์ พร้อมเหตุการณ์สำคัญ มีราคาดวงละ 3 บาท 6 บาท และ 10บาท โดยแสตมป์ชุดนี้จะมีปกสวยคุณภาพดีบรรจุอยู่ โดยมีราคาขาย ชุดละ 500 บาทถ้วน มีตั้งแต่หมายเลขที่ 1 - 2,000

          เลขสวย เลขตองจะใช้วิธีประมูล ราคาเริ่มต้นที่ 1,000 บาท/ชุด หากระบุหมายเลข ราคาที่ ๘๐๐ บาท/ชุด หากไม่ต้องการระบุหมายเลข ๕๐๐ บาท/ชุด


  • sheet 1-รูปกำนันสุเทพ
  • sheet 2- ธงชาติ
  • sheet 3- สถานที่-อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • sheet 4- บุคคล
  • sheet 5- พร็อพ การชุมนุม
  • sheet 6- โปสเตอร์วันสำคัญในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้
             ปกหน้า-กำนันสุเทพ ปกหลัง-โปสเตอร์วันสำคัญและวลีเด็ดๆในเหตูการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้
ซึ่งโดยหลักของการจัดทำแสตมป์ ประเทศไทยนั้น ปกติ จะใช้พระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ เป็นหลักเสมอ

           ในกรณีบุคคลทั่วไปนั้น เคยมีบุคคลสำคัญที่ได้รับเกียรติพิมพ์ภาพบนแสตมป์ ก็อาทิเช่น อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิค และบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ แม้หากเป็นแสตมป์การกุศล ก็มักจะเป็นภาพชุดด้านศาสนา สถานที่สำคัญ หรือเทศกาลสำคัญเท่านั้น

ในหลวงโปรดเกล้าฯพ.ร.ฎ. กำหนดเลือกตั้งส.ว.วันที่ 30 มี.ค.57

ในหลวงโปรดเกล้าฯ พ.ร.ฎ. กำหนดเลือกตั้งส.ว.วันที่ 30 มี.ค.57
           2 มี.ค.2557 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ผยแพร่ พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 ความว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตราพระราชกฤษฎีกา กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไป พ.ศ.2557 ตามความที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 118 วรรคหนึ่ง และมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
 
  • มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา เป็นการทั่วไป พ.ศ.2557"
  • มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
  • มาตรา 3 ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ.2557
  • มาตรา 4 ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
 
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
 
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
 
            พร้อมหมายเหตุไว้ด้วยว่าเหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งมาจากการเลือกตั้งจะสิ้นสุดลง เมื่อถึงคราวออกตามวาระในวันที่ 2 มี.ค. 57 ซึ่งตามมาตรา 118 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติว่าเมื่อวาระของสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมาจากการเลือกตั้งสิ้นสุดลง พระมหากษัตริย์จะได้ทรงตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมาจากการเลือกตั้งใหม่เป็น การเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งต้องกําหนดวันเลือกตั้งภายในสามสิบวันนับแต่วันที่วาระของสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมาจากการเลือกตั้งสิ้นสุดลง และวันเลือกตั้งนั้นต้องกําหนดเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร จึงจําเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้