วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ไหนว่า รัฐบาลโกง จำนำข้าว ข้าวหาย กลายเป็น สิบตรีหญิงซะแล้ว


สิบตรีหญิง-พลทหารเอี่ยวข้าวหายมอบตัว

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

          ทหารพระธรรมนูญ นำตัวสิบตรีหญิง และพลทหาร มอบตัวคดีข้าวหาย 9 หมื่นกระสอบ ใช้หลักทรัพย์คนละ 1.5 แสนบาทประกันตัว

           ที่ สภ.ปากคลองรังสิต อ.เมือง จ.ปทุมธานี ร.ท.เพชรนกรินทร์ พิมมาศย์ นายทหารพระธรรมนูญฝ่ายกฎหมาย ได้นำตัว พลทหาร เอกชัย โพธิ์สวัสดิ์ อายุ 28 ปี และ ส.ต.หญิง ณีรนุช แก้วโบราณ อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ จ.381/2556 ออกเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 56 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิด หรือการลักพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมเนื่องจากมีหมายจับ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำกำลังเพื่อตรวจสอบโกดังข้าวของบริษัท ฟินิกซ์ อกริเทค(ประเทศไทย) จำกัด 9/1 หมู่ 1 ต.บางกระดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี พบว่าข้าวหายกว่า 90,000 กระสอบ

        ทั้งนี้ มีรถยนต์ขับมาที่หน้าโกดังข้าวหายในเวลาค่ำคืน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกรถตรวจค้น แต่รถคันดังกล่าวได้ขับหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบทะเบียนรถหาเจ้าของจนออกหมายจับเจ้าของรถยนต์คันกล่าว พบว่าเป็นรถของ นายเอกชัย โพธิ์สวัสดิ์ หรือ อส.พลทหารเอกชัย หลังจาก นายทหารพระธรรมนูญ นำมามอบตัวแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตีหลักทรัพย์ประกันตัวคนละ 150,000 บาท

สงสัยว่า สองคนนี้ 
จะถูกทักษิณ ซื้อตัวไปแล้วแน่นอน

ชี้กันใหญ่ คันนั้นก็ชี้ คนนี้ก็ชี้ ‘ประเวศ วะสี’ ชี้สถานการณ์ปัจจุบันเป็นโอกาสในการปฏิรูปประเทศ ตกลงระบอบนี้ เป็นระบอบพวกมึงชี้ใช่หรือไม่

14 ก.ค. 2557 สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เปิดเผยในการ ปาฐกถาไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ครั้งที่ 2 ในงาน ต่างไทย ใจเดียว ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิร์ล ว่า สถาการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบันเป็นโอกาสของคนไทยในการพัฒนา ปฏิรูปประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งการปฏิรูปประเทศจะต้องสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายเข้าด้วยกัน โดยเชื่อว่าการเชื่อมโยงกันของประชาชนจะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศให้ดีขึ้น ไม่เกิดความขัดแย้งกัน สามารถอยู่ร่วมกันได้แม้ว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน ทำให้สังคมน่าอยู่จากการร่วมมือของทุกภาคส่วน
โดยขอเชิญชวนคนไทยทุกคน และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. มาร่วมมีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศผ่านการเชื่อมโยงกันด้วย

ตั้งพวกมัน สอบพวกมัน ก็จังไรละซิพวกมัน

ตั้ง "กล้านรงค์" นั่งปธ.สอบข้อเท็จจริงบริษัทเกษตรยักษ์ใหญ่ จ่ายเงินสื่อ


สภาการหนังสือพิมพ์-สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ตั้ง “คณะกรรมการอิสระ” สอบสวนข้อเท็จจริงกรณีเว็บไซต์ TCIJ ตีแผ่เอกสารเผยบริษัทอุตสาหกรรมอาหารครบวงจร จ่ายเงิน "พีอาร์" ให้สื่อมวลชนอาวุโส
14 ก.ค. 2557 เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์ร่วม เรื่อง ข้อกล่าวหาสื่อมวลชนรับเงินบริษัทเอกชนเพื่อปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ตามวิชาชีพ ระบุว่า จากกรณีที่ศูนย์ข้อมูล & ข่าวสืบสวนสิทธิพลเมือง (TCIJ) ได้เผยแพร่เอกสาร โดยอ้างว่า เป็นของฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารครบวงจร มีเนื้อหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือของสื่อทั้งระบบ 
 
โดยทางเว็บไซต์ทีซีไอเจ ได้เผยแพร่รายงานดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 14 ก.ค. มีชื่อบทความว่า หลุด!เอกสารฝ่าย PR ธุรกิจยักษ์ใหญ่  จ่ายสื่อ-ลบกระทู้-อ้างชื่อนักวิชาการ 
 
เนื้อหาในเอกสารบางตอนเขียนว่า มีการจ่ายเงินเป็นรายเดือนให้กับสื่อมวลชนอาวุโสเฉพาะรายรวม 19 ราย เป็น “งบพิเศษเพื่อสนับสนุนสื่อมวลชน” โดยอาจเป็นการให้ในลักษณะต่างตอบแทน ซึ่งขัดต่อหลักการแห่งวิชาชีพที่สื่อมวลชนต้องละเว้นการรับอามิสสินจ้างอันมีค่า หรือผลประโยชน์ใดๆ 
      
 นอกจากนี้เอกสารยังปรากฏข้อความ ที่แสดงถึงการละเมิด “ข้อมูลส่วนบุคคล”ของสื่อมวลชน โดยระบุสถานะการทำงาน สภาพที่พักอาศัย ทัศนคติ วิธีการทำงาน และการใช้ชีวิต ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการทำงานตามปกติ
      
 องค์กรวิชาชีพสื่อ ประกอบด้วย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย มีความกังวลและห่วงใยในเรื่องนี้อย่างยิ่ง ไม่แต่เพียงผลกระทบต่อความเชื่อถือในองค์กรสื่อและผู้ประกอบวิชาชีพสื่อเท่านั้น หากแต่บริษัทเอกชนที่ถูกกล่าวอ้างถึงก็ได้รับผลกระทบและจำเป็นจะต้องให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ต่อสาธารณชนด้วย
      
 เพื่อให้การพิจารณาเรื่องนี้เป็นไปด้วยความโปร่งใส สุจริต ตรงไปตรงมา สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้ตั้ง “คณะกรรมการอิสระ” ขึ้นมาชุดหนึ่งโดยมีนายกล้านรงค์ จันทิก เป็นประธาน ร่วมกับคณะกรรมการประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ และบุคคลภายนอก เพื่อพิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และจะได้แถลงต่อสาธารณชนทราบต่อไป

รองหัวหน้า คสช.ยันไม่มีการทุบรื้อทำเนียบ-จะปรับปรุงให้ดีขึ้น-ไม่มีเลวร้าย

ทำเนียบรัฐบาล (แฟ้มภาพ/ประชาไท)
พล.ต.อ.อดุลย์ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ คสช. ยืนยันว่าไม่มีการทุบ-รื้อสิ่งก่อสร้างในทำเนียบรัฐบาล สื่อมวลชนยังทำงานได้ในรังนกกระจอก ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องงบแต่ใช้ไม่ถึง 300 ล้านแน่ๆ ส่วน ม.ล.ปนัดดา ยันปรับปรุงทำเนียบยึดสถาปัตยกรรมเดิม และเป็นไปตามแนวทางพอเพียง
15 ก.ค. 2557 - สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (15 ก.ค.) ว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ คสช. กล่าวว่า จะไม่มีการ ทุบ หรือ รื้อถอน สิ่งก่อสร้างภายในทำเนียบรัฐบาล และไม่มีนโยบายเข้าแทรกแซง หรือ ย้ายสถานที่ทำงานของสื่อมวลชน โดยยังคงให้ปฎิบัติงานในรังนกกระจอกได้เช่นเดิม เนื่องจาก ที่ผ่านมา มีเพียงนโยบายให้ปรับปรุง ซ่อมแซมอาคารเท่านั้น
ส่วนการย้ายศูนย์แถลงข่าว ประจำทำเนียบรัฐบาล ไปยังตึกบัญชาการ 2 เป็นเพียงแนวคิดที่ยังไม่ได้ข้อยุติ จึงขอย้ำว่าการปรับปรุงครั้งนี้ จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ไม่มีอะไรที่แย่ หรือ เลวร้ายลง สำหรับงบประมาณที่ใช้ แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ยืนยันว่าไม่ถึง 300 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน
ด้าน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้รับทราบแผนการปรับปรุงอาคารสถานที่ ภายในทำเนียบรัฐบาล และได้กำชับว่า การปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ จะต้องเป็นไปตามสถาปัตยกรรมเดิม ซึ่งการดำเนินการต้องมีการหารือร่วมกับกรมศิลปกร กรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงต้องเป็นไปตามแนวทางพระราชดำรัสเรื่องความพอเพียง ประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรังนกกระจอกสถานที่ทำงานของสื่อมวลชน ซึ่งมีการก่อสร้างเพื่อให้เป็นสถานที่ทำงานให้มาตั้งแต่ปี 2522 ก็ไม่มีการทุบ หรือย้ายสถานที่ทำงานแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 ก.ค. มีรายงานข่าวในหนังสือพิมพ์ข่าวสดว่า ในแผนการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล นอกจากการย้ายศูนย์แถลงข่าวตึกนารีสโมสร ไปอยู่ที่ตึกบัญชาการ 2 จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์แล้ว ยังมีแผนการรื้อห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน 1 หรือรังนกกระจอกเก่า เพื่อใช้พื้นที่ทำเป็นสวนหย่อมสำหรับพักผ่อน และย้ายให้สื่อมวลชนทั้งหมดไปรวมกันอยู่ที่ห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน 2 โดยจะขอฟังความเห็นจากสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลในสัปดาห์หน้า  อย่างไรก็ตามเมื่อมีกระแสข่าวออกไป ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และกระแสต่อต้านจากสื่อมวลชน เนื่องจากรังนกกระจอกถือเป็นห้องปฏิบัติการสื่อมวลชนที่อยู่คู่กับทำเนียบรัฐบาล จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ. 2522 ส่วนการเพิ่มห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน 2 ก็เพื่อลดความแออัดของจำนวนสื่อมวลชน เนื่องจากมีปริมาณเพิ่มขึ้นตามสถานการณ์ปัจจุบัน

สุเทพหนีไปบวชที่สุราษฎร์ธานี



เลขาธิการ กปปส. "สุเทพ เทือกสุบรรณ" บวชอยู่ที่สุราษฎร์ธานี "เทพไท เสนพงศ์" บอกเป็นการตัดสินใจ "แบบสายฟ้าแลบ" และคาดว่าจะไปจำวัดที่สวนโมกข์
ภาพนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ครองเพศบรรพชิตเผยแพร่อยู่ในทวิตเตอร์ @Theptai ของนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์
15 ก.ค. 2557 - วันนี้ มีรายงานว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และเลขาธิการ กปปส. ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดท่าไทร อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี โดยต่อมานายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เผยแพร่ภาพในทวิตเตอร์ @Theptai และโพสต์ข้อความว่า "ลุงกำนันตัดสินใจบวชแบบสายฟ้าแลบ ที่วัดท่าไทร และจะไปจำวัดที่วัดสวนโมกข์"