เอกยุทธกัดดะ ด่า : ฝรั่งหน้าโง่ ฝรั่งโต้ : กูไม่กลัวมึง คณาจารย์ล้านนาจี้ขอขมาสตรีชาวเหนือ-นายกฯ | |
ภาพประกอบโดย: Gag Las Vegas โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์ 4 พฤศจิกายน 2554 วิวาทะร้อนแรงกรณีนายเอกยุทธ อัญชัญบุตร เขียนข้อความกระทบชิ่งนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าเป็นสาวภาคเหนือหน้าโง่ควรคู่กับอาชีพโสเภณีมากกว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี ยังลุกลามต่อไปในวันนี้ โดยเขาได้เปิดศึกกับนักข่าวฝรั่งที่วิจารณ์เขาด้วยข้อกล่าวหา"รับเงินทักษิณ" และบอกว่าเป็น"ฝรั่งหน้าโง่"ทำให้นักข่าวผู้นี้ทำจดหมายเปิดผนึกตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน ดูท่าแล้วโลกนี้อาจเหลือคนฉลาดคือนายเอกยุทธคนเดียวเสียแล้ว นายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชลล์ (Andrew MacGregor Marshall) อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งลาออกจากรอยเตอร์เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อจะได้มีอิสระในการเปิดเผยข้อมูลลับวิกิลีกส์เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย ได้เขียนจดหมาเปิดผนึกในบันทึกเฟซบุ๊คของเขาด้วยภาษาไทย และใช้รูปประจำสถานะประจำตัวใหม่ในสไตล์ไทยๆโดยเป็นรูปกำลังยกถ้วยกาแฟที่เขียนไว้ว่า "กูไม่กลัวมึง" โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้ เรียน คุณเอกยุทธ ผมรู้สึกสนใจที่ได้อ่านความคิดเห็นล่าสุดบนเพจเฟซบุ๊คของคุณที่คุณได้เรียกผมว่า "ฝรั่งหน้าโง่" และกล่าวหาว่าผมได้รับเงินเพื่อบ่อนทำลายประเทศไทยและใครก็ตามที่ต่อต้านทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวของเขา ดูเหมือนว่าคุณจะไม่พอใจ เพราะผมได้วิพากษ์วิจารณ์ข้อความอันน่าทึ่งของคุณเมื่อเร็ววันนี้ ที่คุณกล่าวว่าสาวเหนือที่ไร้การศึกษาและขี้เกียจนั้นควรจะทำงานขายบริการ และได้บอกเป็นนัยอีกว่านายกรัฐมนตรีของประเทศคุณนั้นควรจะเลือกทำอาชีพนี้ ผมถือว่าความคิดเห็นเช่นนี้นั้นน่ารังเกียจยิ่ง และผมก็กล่าวไปเช่นนั้น วิกฤติทางการเมืองอันซับซ้อนที่ได้แบ่งแยกประเทศไทยในทศวรรษที่ผ่านมานั้นมีหลายมิติ และไม่สามารถทำให้ดูไม่ยุ่งเหยิงโดยง่าย แต่ข้อคิดเห็นของคุณนั้นเป็นตัวอย่างของทัศนคติที่อยู่ในใจกลางของวิกฤตินี้ ชาวไทยบางส่วนเชื่อว่าผู้ที่มีทรัพย์สินและฐานะที่มั่งคั่งนั้น สมควรได้รับความเคารพมากกว่าผู้อื่น มีอำนาจทางการเมืองมากกว่าผู้อื่น และไม่สมควรอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกับผู้อื่น พวกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องสนุกที่จะล้อเลียนและข่มเหงคนจน และปฏิบัติต่อเพศสตรีด้อยกว่าบุรุษ พวกเขาไม่เชื่อในสังคมที่เท่าเทียมกัน พวกเขาเชื่อในสังคมเจ้าขุนมูลนายที่มีพวกเขาอยู่บนยอดสุด คนไทยส่วนอื่นนั้นเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ในการได้รับความเคารพและเกียรติที่เท่าเทียมกัน มีสิทธิ์ที่จะได้รับการนับคะแนนเสียงทางประชาธิปไตย และมีสิทธิ์ที่จะได้รับการปฏิบัติภายใต้กฎหมายเท่าๆกัน พวกเขาเชื่อในสังคมประชาธิปไตยที่เท่าเทียม ซื่อสัตย์ ไม่มีสองมาตรฐาน ผมได้ลาออกจากงานที่รอยเตอร์ในเดือนมิถุนายนของปีนี้ หลังจากที่ใช้เวลา 17 ปี เป็นผู้สื่อข่าวนานาชาติ เพื่อที่ผมจะได้เขียนเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างเปิดเผยและซื่อตรง ผมทำเช่นนี้เพราะผมรักประเทศไทยจากใจจริง และผมเชื่อว่าประเทศไทยนั้นมีศักยภาพมหาศาลเมื่อแก้ไขปัญหาทางการเมืองในปัจจุบันแล้ว ผมยังเชื่ออีกว่าประชาชนชาวไทยนั้นมีสิทธิที่จะได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับการเมืองและประวัติศาสตร์ของพวกเขา แทนที่จะเป็นคำโกหกที่คนที่มีอำนาจมักจะชอบกล่าว ไม่มีใครจ่ายเงินให้ผมทำสิ่งนี้ และแน่นอน การทำแบบนี้นั้นเป็นการเสียสละทางการเงินพอสมควร แต่ผมก็รู้สึกยินดีกับการตัดสินใจนี้ เพราะผมเชื่อว่าคุณธรรม ความซื่อสัตย์ และการช่วยเหลือผู้อื่นนั้นมีความสำคัญและมีค่ามากกว่าเงิน มันน่าผิดหวังที่ได้เห็นคุณได้กล่าวอ้างอย่างผิดๆ ว่าผมได้รับเงินมาเพื่อบ่อนทำลายประเทศไทย บางทีคุณอาจอธิบายได้ - อะไรที่ผมเขียนได้สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไทย? มันดูแปลกสำหรับผมที่ความจริงนั้นเป็นสิ่งที่อันตรายได้ขนาดนี้ และอีกข้อคือ คุณมีหลักฐานอะไรที่จะมาพิสูจน์คำกล่าวอ้างของคุณที่ว่าผมได้รับเงินจากศัตรูของประเทศไทย? ผมรู้คำตอบสำหรับคำถามนี้: คุณไม่มีหลักฐาน เพราะมันไม่มีหลักฐาน เพราะว่ามันไม่ใช่ความจริง ผมเคยคิดว่าคนที่มีภูมิหลังอย่างเช่นคุณจะใช้ความระมัดระวังมากกว่านี้ ก่อนที่จะพยายามป้ายสีผู้อื่น ในเมื่อภูมิหลังส่วนตัวคุณนั้นดูน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง เป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางว่าบริษัทชาร์เตอร์อินเวสต์เมนต์ของคุณนั้นเป็นธุรกิจแชร์ผิดกฎหมาย คนไทยธรรมดาหลายๆคนนั้นถูกทำลายชีวิตลงเมื่อบริษัทล้มละลายไปในปีพ.ศ. 2526 ในขณะคุณหลบหนีไปยังสหราชอาณาจักรและใช้ทรัพย์สินที่คุณขโมยมาจัดตั้งเครือร้านค้า คุณรอเวลา 20 ปีเพื่อที่คดีความจะหมดอายุ และคุณก็กลับมายังประเทศไทย ในตอนนี้ดูเหมือนคุณจะเชื่อว่าคุณมีสิทธิที่จะออกความเห็นชี้ขาดทางศีลธรรมเกี่ยวกับผู้อื่น และไม่ควรมีใครมาวิพากษ์วิจารณ์คุณ ผมไม่เห็นด้วย ประชาชนของประเทศไทย รวมไปถึงประชาชนทางเหนือและทางใต้และทุกๆจังหวัด นั้นเฉลียวฉลาดพอที่จะตัดสินได้สำหรับตัวพวกเขาเอง พวกเขาสามารถอ่านความคิดเห็นของคุณ และอ่านคำตอบของผม และตัดสินว่าใครคือศัตรูตัวจริงของความเจริญ ความซื่อสัตย์ และประชาธิปไตยในประเทศไทย ด้วยความจริงใจ Andrew MacGregor Marshall คณาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งล้านนาประนามเอกยุทธ กดดันต้องขอขมาต่อสตรีชาวเหนือ-นายกฯยิ่งลักษณ์ คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งล้านนา นำโดย ศ.ดร. ธเนศวร์ เจริญเมือง ได้ออกแถลงการณ์ของมหาวิทยาลัยแห่งล้านนา ประนามทัศนะของนายเอกยุทธ อัญชัญบุตร ที่ดูหมิ่นสตรีล้านนาและนายกรัฐมนตรีหญิงของไทย พร้อมเรียกร้องให้นายเอกยุทธจะต้องกล่าวขอขมาต่อสตรีชาวเหนือ ต่อนายกรัฐมนตรี และต่อประชาชนไทยอย่างเป็นทางการ พี่น้องคนไทยจะต้องร่วมกันคัดค้าน อย่าให้ทัศนะที่ผิดพลาดร้ายแรงครั้งนี้ดำรงอยู่อีกต่อไปในสังคมไทย โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ แถลงการณ์ของมหาวิทยาลัยแห่งล้านนา เรื่อง:ขอประนามทัศนะของนายเอกยุทธ อัญชัญบุตร ที่ดูหมิ่นสตรีล้านนาและนายกรัฐมนตรีหญิงของไทย จากกรณีที่นายเอกยุทธ อัญชัญบุตร ออกมากล่าวเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2554 นี้ ว่า “ ไม่อยากจะกล่าวคำแบบนี้ เพราะจะดูเสมือนดูถูกสตรี..แต่ในความเป็นจริงนั้น...สาวเหนือที่ไร้การศึกษาหรือขี้เกียจ และด้อยปัญญา จะมาทำงานสบายที่หญิงปกติไม่ทำกัน..หลักๆก็คือขายบริการ..ฉะนั้นสาวเหนือที่ไร้สติปัญญาและโง่เขลาขนาดหนักแต่หน้าด้านมารับตำแหน่ง ก็ควรจะรู้นะว่าอาชีพอะไรที่เหมาะแก่คุณ ?...” และ... “ ตำแหน่งนายกฯ นั้น ไม่ใช่ของครอบครัว..และไม่ใช่ที่ฝึกหัดงาน..หากไร้ปัญญาก็อย่าหน้าด้านมารับตำแหน่ง......" เรา คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งล้านนา รู้สึกเศร้าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าจะมีคนไทยคนใดออกมากล่าวถ้อยคำเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ประชาชนไทยหลายล้านคน โดยเฉพาะในเขตภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ ต้องประสบปัญหาจากภัยน้ำท่วมที่รุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษ ข้อที่หนึ่ง ถ้อยคำของนายเอกยุทธที่ดูหมิ่นเหยียดหยามสตรีภาคเหนือว่า คนที่ไร้การศึกษา หรือคนที่ขี้เกียจ และด้อยปัญญา ชอบงานสบายคือการขายตัว นั้นไม่เป็นความจริงเพราะ 1. สตรีภาคเหนือก็เหมือนสตรีภาคอื่นๆทั่วโลก นั่นคือ เป็นคนมีสติปัญญา ต่อสู้ดิ้นรน ไม่กลัวงานหนัก รักครอบครัว รับผิดชอบต่อครอบครัวและส่วนรวม ในสังคมไทยยุคก่อนที่ประเพณีการแต่งงาน คือชายเข้าไปอยู่บ้านของฝ่ายหญิง และสังคมไทยไม่มีนามสกุล ทำให้หญิงกับชายมีฐานะและศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ต่างคนต่างช่วยกันทำงานสร้างครอบครัวและสร้างสรรค์สังคม กระทั่งในหลายกรณี หญิงมีบทบาทมากยิ่งกว่าชาย สตรีในสังคมเช่นนี้มีบทบาทโดดเด่น แตกต่างจากสังคมบางแห่งที่ยกย่องให้ชายเป็นใหญ่ และกดขี่หญิงให้เป็นเช่นทาส ไร้สิทธิไร้เสียง 2. ในรอบกึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ระบบเศรษฐกิจการค้าเสรีที่ขยายตัวได้กระตุ้นให้เกิดการค้าโสเภณี มีการล่อลวงหญิงจากต่างจังหวัดเข้าไปเป็นโสเภณีในเขตเมืองหลวงและลามออกไป การกล่าวว่าสตรีภาค เหนือขี้เกียจ โง่เขลา และชอบงานสบายเลยไปขายตัว จึงเป็นการโป้ปดและดูถูกกันอย่างรุนแรง 3. โลกทุนนิยมเสรีทุกวันนี้ยังคงมีการหลอกลวงและบีบบังคับสตรีจากทุกสังคมให้เข้าสู่ธุรกิจการขายตัว ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะภาคเหนือ สตรีชาวเหนือมีปัญญา ไม่เคยเกี่ยงงาน หาเงินเลี้ยงครอบครัวในทุกสาขาอาชีพ ขณะที่เขียนแถลงการณ์นี้ ก็มีสตรีชาวเหนือจำนวนหลายคันรถที่สละเวลาไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคกลางและกรุงเทพฯ คนที่ไปไม่ได้ก็ช่วยกันบริจาคสิ่งของตามจุดต่างๆในแทบทุกอำเภอของภาค ข้อที่สอง การที่นายเอกยุทธกล่าวในทำนองนายกฯหญิงของไทยไร้สติปัญญา และโง่เขลาอย่างมาก ทั้งหน้าด้านมารับตำแหน่ง และกล่าวว่าน.ส. ยิ่งลักษณ์น่าจะรู้ว่าอาชีพอะไรเหมาะกับตัวเอง จึงไม่ใช่เพียงการดูถูกสตรีชาวเหนือคนนี้ หากยังเป็นการดูถูกประชาชนไทยส่วนใหญ่ว่าโง่เง่าที่เลือกน.ส. ยิ่งลักษณ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี และดูถูกสติปัญญาของคนไทยทั้งประเทศ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาที่ยังคงยินยอมให้เธอบริหารประเทศต่อไปในฐานะนายกรัฐมนตรี นี่เป็นทัศนะที่ต่ำทรามและไม่สร้างสรรค์อย่างที่สุด คำกล่าวของนายเอกยุทธ ช่วยเปิดด้านที่หยาบช้าและเลวร้ายในสติปัญญาของคนกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องการดิสเครดิตผู้นำของรัฐบา ลและหวังสร้างความปั่นป่วนในสังคม เอาปัญหาอคติทางเพศ ปัญหาสังคม และปัญหาการเมืองมาพันกัน หวังทำลายสังคมการเมืองแบบประชาธิปไตยในปัจจุบัน ด้วยการด่ากราดสตรีชาวเหนือและหมิ่นแคลนนายกรัฐมนตรี ทั้งๆที่ทุกๆฝ่ายควรจะช่วยกันแก้ไขวิกฤตปัญหาน้ำท่วมให้มากที่สุด คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งล้านนา ขอประณามคำกล่าว และทัศนะของนายเอกยุทธ อัญชัญบุตรในครั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันประณามทัศนะกดขี่ทางเพศ ทัศนะที่ดูถูกประชาชนในระบอบประชาธิปไตย และทัศนะที่ดูถูกเหยียดหยามและเหยียบย่ำคนที่เป็นผู้นำของประเทศ นายเอกยุทธจะต้องกล่าวขอขมาต่อสตรีชาวเหนือ ต่อนายกรัฐมนตรี และต่อประชาชนไทยอย่างเป็นทางการ พี่น้องคนไทยจะต้องร่วมกันคัดค้าน อย่าให้ทัศนะที่ผิดพลาดร้ายแรงครั้งนี้ดำรงอยู่อีกต่อไปในสังคมไทย. คณาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งล้านนา รศ.ดร. รังสรรค์ จันต๊ะ อ. สมชาย ประทุมเมศร์ อ. สุทธิวัฒน์ วงศ์รังสรรค์ อ. ภูรินทร์ เทพเทพินทร์ อ. วัชระ ศรีสรรค์ อ. สมจินต์ รักยุติธรรม อ.พลดี มงคล ศ.ดร. ธเนศวร์ เจริญเมือง 3 พฤศจิกายน 2554 ************ เรื่องเกี่ยวเนื่อง:คุณยายเสื้อแดง-คำผกาจัดหนัก-สตรีล้านนาเอาเรื่องแจ้งจับ โดนเข้ามั่งเอกยุทธแหกปากโวยกระทบสิทธิ | |
http://redusala.blogspot.com |
ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
แมลงสาบ เทะขาตัวเองซะแล้ว | |
หมัดเด็ดลูกพรรคปชป.ย้อนศรน็อกมาร์คซะเอง http://thaienews.blogspot.com/2011/11/blog-post_5332.html ทีเด็ด-นายเจ๊ะอามิง โต๊ะตาหยง รมช.มหาดไทยเงาพรรคประชาธิปัตย์ นำสถิติระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลมาแสดงต่อสื่อมวลชน เพื่อให้ห็นว่าระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลยุคที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ บริหารงานสูงถึง 9 พันล้านลูกบาศก์เมตรในวันที่ 3 สิงหาคม แต่ปล่อยให้น้ำสูงถึง 1.3 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรจึงค่อยปล่อยน้ำออกมา แตกต่างจากรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่จะพร่องน้ำจากเขื่อนเมื่อระดับน้ำสูงไม่เกิน 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร แต่ทำไมรัฐบาลชุดนี้กับปล่อยให้ระดับน้ำสูง 1.3 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรค่อยปล่อยน้ำ ถือว่าเกินระดับที่เขื่อนจะรับไหว เท่ากับตั้งใจให้เกิดน้ำท่วมใช่หรือไม่(มติชน) โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์ 3 พฤศจิกายน 2554 จากคำกล่าวดังกล่าวของนายเจ๊ะอามิงที่ระบุวันที่ 3 สิงหาคมน้ำสูงจนเข้าขีดอันตราย แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ยอมปล่อยน้ำ จน1.3ล้านลูกบาศก์เมตรค่อยปล่อย เหมือนมีเจตนาให้น้ำท่วมนั้น จากการลำดับเวลาจะพบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เพิ่งได้รับลงมติจากสภาให้เป็นนายกฯในวันที่ 5 สิงหาคม ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นทางการในว้นที่ 8 สิงหาคม และประชุมครม.นัดแรกในวันที่ 11 สิงหาคม ดังนั้นในวันที่ 3 สิงหาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังคงรักษาการนายกรัฐมนตรีอยู่ และยังเป็นเช่นนั้นมาจนกระทั่งวัีนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นทางการในวันที่ 8 สิงหาคม คำถามมีอยู่ว่า 5 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 3-8 สิงหาคมนั้น เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์รู้ข้อมูลดีขนาดนี้ รัฐบาลรักษาการของนายอภิสิทธิ์กำลังทำอะไรอยู่ในเวลานั้น? 5 สิงหาคม-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับการลงมติจากที่ประชุมสภาให้ขึ้นเป็นนายกฯคนใหม่ (รอยเตอร์) 8 สิงหาคม-โปรดเกล้าฯ'ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี (กรุงเทพธุรกิจ) 11 สิงหาคม-ประชุมครม.ยิ่งลักษณ์นัดแรก (ข่าว อสมท.) นายแพทย์เหวง โตจิราการ ส.ส.เพื่อไทย และแกนนำนปช.โต้พรรคประชาธิปัตย์กรณีนี้ เรื่องเกี่ยวเนื่อง:สุดท้ายชายชุดดำผิดภัยพิบัติน้ำถล่มกรุง | |
http://redusala.blogspot.com |
*เก็บตกข่าวน้ำท่วม จาก Thai E News* | |
ข่าวคืบหน้าจ่าเฉยไม่รอด-เจ้าหน้าที่ตำรวจสภต.คูคต ปทุมธานีพากันหามร่างจ่าเฉยที่กลายเป็นจ่าแฉะไปแล้ว ส่วนจะส่งที่ไหน ข่าวไม่ได้แจ้ง(ที่มา:facebook หลวงเจ๊ว.วินมอไซค์ อัณฑะญานโตงเตง) ข่าวสารการจราจร-โดนกันไปถ้วนหน้า จ่ามีเหรอจะรอด แต่ยังอุตส่าห์ทำหน้าที่แข็งขัน ในที่สุดก็สู้ไม่ไหว ดังภาพแรก(ที่มา:facebook Love Nan Thung Chang) น้องน้ำกับพี่กรุง-มวลน้ำใหญ่มากดูท่าพี่กรุงคงไม่รอด อย่าเพิ่งวางใจแม้หน้าบ้านใครยังแห้งๆ(ภาพเฟซบุ๊ค แชร์ต่อๆกันมา) ท่วมแค่เข่า-ข่าวดีของชาวกรุง น้ำท่วมแค่เข่า ไม่มิดหัวเท่าปทุม-อยุธยา(ภาพส่งต่อๆกันมาทางเฟซบุ๊ค) ข่าวสืบ-ในที่สุดก็สืบเจอตัวการ"สลิ่ม"มือไม่พายเอาเท้าราน้ำแล้ว (ที่มา:facebook เจเจ สาทร) ข่าวเจาะ-น้ำท่วมใหญ่หนนี้เป็นเพราะคนๆเดียว (ที่มา:แชร์ต่อๆกันมาทางfacebook) ข่าวคนหาย-ประกาศ ใครทำภรรยาหายระหว่างน้ำท่วม รีบติดต่อมาด่วน ที่ผ่านมาให้อภัยหมดแล้ว (ที่มา:facebook ThailandExhibition)ข่าวเศร้า-สลด! ดาราดังญี่ปุ่น สังเวยน้ำท่วมในไทย เสียชีวิตลอยมาติดตลิ่ง!! ขนาดซุปตาร์ ยังไม่รอด...(ที่มา:facebbok Bbberry.net ) ข่าวส่งเสริมคุณธรรม-ท่ากดATMของคนกรุงเทพฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเป็นอันมาก(ที่มา:แชร์ต่อๆกันมาทางfacebook) ข่าวชิล-ไม่รู้จะชิลไปถึงไหนพ่อคนนี้(ที่มา:แชร์ต่อๆกันมาทางfacebook) ข่า่วรั่วๆ-เิฮ้ย!กลางน้ำต่อหน้าต่อตาคนนี่นะ ไม่กลัวเด็กและเยาวชนคนชราหญิงมีครรภ์จะกรี๊ดเลยใช่มะ...(ที่มา:แชร์ต่อๆกันมาทางfacebook) ข่าวกีฬาทางน้ำ-ภาพมันฟ้องอ่ะนะ(ที่มา:แชร์ต่อๆกันมาทางเฟซบุ๊ค) ข่าวอาชญากรรม-เวลาแอบกลับไปดูบ้านน้ำท่วมค่ำๆมืดๆ ท่านสุภาพสตรีโปรดระวังโจรหื่นคุกคามทางเพศด้วย(ที่มา:facebookแชร์ต่อๆกันมา) ข่าวสารคดีชีวิตสัตว์โลก:(ที่มา:แชร์ต่อๆกันมาทางfacebookยังหาต้นตอไม่เจอ) คน:เฮ้ย!มาได้ไงวะเนี่ย!ข่าวประกาศ-น้องน้ำโปรดทราบ(ภาพแชร์ต่อๆกันมาทางเฟซบุ๊ค) | |
http://redusala.blogspot.com |
จิตอาสา VS จิตอิจฉา | |
วันนี้น้ำกำลังไปถึงกรุงเทพฯในบางส่วน และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเพราะน้ำเหนือกรุงเทพฯยังมีจำนวนอีกมากกว่า 3 เท่าของน้ำที่ยังไปไม่ถึงกรุงเทพฯ โอกาสที่กรุงเทพฯจะมีน้ำเพิ่มขึ้นตามเขตต่างๆย่อมจะต้องเพิ่มขึ้น เว้นแต่การแก้ปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้ของรัฐบาลหาทางผันน้ำไปทิศทางอื่นได้บ้าง จำนวนน้ำจะท่วมกรุงเทพฯก็อาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ ซึ่งขณะนี้กำลังแก้ไขกันอยู่อย่างเอาจริงเอาจัง เรียกว่าทุ่มเทกันเต็มความสามารถจริงๆทีเดียว ก็ขอให้จงสำเร็จนะครับ ในท่ามกลางวิกฤตมหาอุทกภัยครั้งนี้ เราจะเห็นอะไรที่ปรากฏอยู่สองประการ คือ 1. ประชาชนจำนวนมากต่างช่วยกันสละสิ่งของโดยเฉพาะปัจจัย 4 ซึ่งมีความจำเป็นต่อการดำรงชีพของมนุษย์ทุกชีวิตจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งมิได้ทีเดียว กลุ่มประชาชนทุกอาชีพ เพศชาย เพศหญิง หรือทุกเพศ ต่างร่วมกันนำปัจจัย 4 เป็นจำนวนมากจริงๆ นำไปมอบให้กับผู้ประสบภัย ซึ่งคนเหล่านี้ผู้เขียนก็จะเรียกว่าเป็นบุคคลที่มีจิตอาสา “คำว่าจิตอาสา” เป็นคำที่มีคุณค่า หมายความว่า เป็นการทำหน้าที่เพื่อประโยชน์หรือจิตที่พร้อมสละเวลา แรงกาย ทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แก่มวลมนุษย์ ซึ่งกลุ่มประชาชนจำนวนมากนี้ เขาทำการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์โดยไม่หวังผลตอบแทน หรือชื่อเสียง ลาภยศอะไรทั้งสิ้น เป้าหมายของประชาชนกลุ่มนี้มีเพียงว่า จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่ให้ขาดแคลนปัจจัย 4 คือมิให้ผู้ประสบภัยต้องเดือดร้อนในเรื่องนี้ นับว่าเป็นการกระทำที่จะต้องขออนุโมทนาอย่างยิ่ง อันเป็นความดีงามที่ยากจะบรรยายได้หมด ผู้เขียนก็ขอให้ทุกท่านประสบความสุขความเจริญทั้งปวงในชีวิตของท่านและครอบครัวท่านด้วยนะครับ สำหรับคนอีกกลุ่มหนึ่ง คนกลุ่มนี้จะมีความอิจฉาเป็นที่กำหนดซึ่งความอิจฉา หมายความว่า ตามภาษาบาลีใช้คำว่า อิสรา หรือ อิสราเจตสิก คือธรรมชาติที่ปรุงจิต ทำให้จิตเกิดความไม่ยินดี ความริษยาในการได้ลาภได้ยศของผู้อื่น ภาษาไทยใช้คำว่าอิจฉารวมกับคำว่าริษยาไปเลยในคราวเดียวกัน ภาษาบาลีเรียกว่ามูลเหตุ ดังนั้นรากเหง้าของความริษยา,โลภะ ปะปนกัน สนใจ พอใจเรื่องของตัวเองเป็นพิเศษจนเกินไปเป็นโลภะ มีศรัทธาจริตขวนขวายไปสนใจคนอื่นว่าถ้ามีลาภ มียศหรือมีอะไรมากกว่าพวกตนหรือจะเป็นการเสมอกับพวกตน คนพวกนี้ก็จะมีความโกรธ ความเกลียดอย่างรุนแรง ต้องแสดงออกไม่ทางกาย ก็ทางวาจา หรือแสดงออกทั้งทางกายและทางวาจา หาทางทำร้ายทำลายฝ่ายตรงข้ามให้ย่อยยับจะด้วยกายหรือวาจาเขาทำกันได้ โดยไม่คำนึงว่าสิ่งที่พวกตนทำไปนั้นจะถูกหรือผิด ไม่มีความจำเป็นของคนพวกนี้จะมีความละอายต่อใครทั้งนั้น เรียกว่าเอาความอิจฉารวมกับโทสะไปด้วยกัน ความหมายของ จิตอาสา กับความหมายของความ อิจฉา ตามที่ได้อธิบายให้ทราบความหมายแล้วนั้น ท่านผู้อ่านพอมองเห็นหรือยังครับใครเป็นคนกลุ่มไหน โดยเฉพาะคนกลุ่มจิตอาสาท่านก็คงทราบแล้วว่า คือคนกลุ่มไหน แต่คนกลุ่มที่อิจฉานี่สิ มองกันยาก เพราะคนพวกนี้เล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง เทคนิคมากมาย วิธีทำร้ายทำลายเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมันมากจนบรรยายไม่จบ พวกนี้ไม่แสดงออกทางกาย ก็แสดงออกทางวาจา หาทางที่จะทำให้คนที่พวกตนอิจฉานั้นได้รับความเสียหายต่างๆนานา เพื่อจะเป็นการบำบัดความอิจฉาของตัวเองจนกว่าฝ่ายตรงข้ามจะถูกทำลายจนย่อยยับ ก็จะเป็นที่พึงพอใจของพวกตน แต่ปัญหามีอยู่ว่า ในปัจจุบันนี้ คนกลุ่มนี้ยังควบคุมกลไกของรัฐไว้ได้ทั้งหมด ดังนั้นคนกลุ่มนี้จะพูดเสียงดังกว่าคนกลุ่มจิตอาสา เพราะเหตุว่า สื่อทางทีวี หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เว็บไซต์ เฟสบุ๊ค หรือฯลฯ เกาะกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่นมาก การที่พวกเขาเกาะกลุ่มกันได้อย่างเหนียวแน่นนี้ เพราะผลประโยชน์ของคนเหล่านี้มันมากเสียจริงๆ หรือถ้าเราจะเรียกแบบชาวบ้านก็คือ จ่ายไม่อั้นนั่นเอง การจ่ายไม่อั้นของคนพวกนี้ เอากันตั้งแต่ออกไปเยี่ยมประชาชนที่ถูกน้ำท่วม จำนวนสื่อที่ติดตามคนพวกนี้จะมีจำนวนมากอย่างหนาแน่นกว่าจำนวนของท่านนายก น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของประเทศไทย ที่ออกไปพบจะเป็นแจกสิ่งของ ถุงยังชีพ หรือจะออกไปตรวจราชการก็ตาม ยังมีสื่อติดตามทำข่าวจำนวนน้อยมากไม่ถึงครึ่งของอีกฝ่ายหนึ่ง แม้จะมีจำนวนน้อยนั้น ก็ยังมีสื่อประเภทมือปืนรับจ้างก็ไม่เสนอข่าวตามข้อเท็จจริง แต่จะพยายามนำความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆหรือขยายข้อเท็จจริงเป็นไปในทางเสียหายแก่นายก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่เสมอ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในหน้าจอทีวี หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เฟสบุ๊ค ฯลฯ อยู่ให้เห็นเป็นประจำทุกวัน การกระทำของพวกจิตอิจฉา ไม่เพียงแต่การใช้สื่อเป็นเครื่องมือ ยังใช้อิทธิพลที่พวกตนได้ทำลายในหลายสิ่งหลายอย่าง โดยเฉพาะเกี่ยวกับคันกั้นน้ำ ประตูน้ำ ที่มีปัญหามันมิใช่เกิดขึ้นเพราะเหตุเกิดจากธรรมชาติทั้งหมด แต่มีบางส่วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์ จะเป็นใครคนไหนไม่ทราบได้ แต่ทราบได้ก็จากกลุ่มคนพวกอิจฉาบางคนนั่นเอง ท่านผู้เจริญทั้งหลายไม่ทราบก็ขอได้โปรดได้รับทราบเถิดว่า ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นความจริง แม้จะทำกันอย่างเป็นความลับแต่ความลับดังกล่าวนี้สวรรค์มีตา ฟ้ามีหู ความลับดังกล่าวนี้จึงมีการแพร่งพรายออกมาให้บุคคลภายนอกได้ทราบ สมดังพุทธสุภาษิตที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า นัตถิ โลเก ระโห นามะ ปาปะกัมมัง ปะกุพพะโต แปลว่า เชื่อว่าความลับของผู้ทำบาปกรรมไม่มีในโลก ท่านผู้อ่านครับ อ่านแล้วขอให้เป็นความรู้อย่างหนึ่งและอีกอย่าง ท่านไม่ต้องเครียดนะครับ เพราะโลกนี้หรือที่พระพุทธองค์ได้สอนไว้ว่า มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุขก็มีทุกข์ มีสรรเสริญก็มีนินทา เรียกว่าโลกธรรม 8 ท่านพุทธศาสนิกชนก็ทราบกันดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นขอให้ท่านมองว่าโลกนี้คือละคร ทุกท่านก็คงได้ดูหนัง ดูละคร กันมาแล้วทั้งนั้น ในเนื้อเรื่องจะมีฝ่ายพระเอกและฝ่ายตัวร้ายทุกเรื่องไป is that so แปลว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง เรื่องวิกฤตมหาอุทกภัยก็เช่นเดียวกันกับละครในทุกเรื่อง ฝ่ายพวกจิตอาสา เป็นฝ่ายพระเอกครับ ฝ่ายพวกจิตอิจฉาพวกนี้เป็นฝ่ายตัวร้าย เป็นพวกที่ทำให้วิกฤตมหาอุทกภัยเป็นปัญหาที่พวกเราจะต้องแก้ปัญหาหนักขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น แต่การณ์กลับเป็นว่า ฝ่ายพวกเราต้องเพิ่มแรงกาย แรงใจ ปัจจัย 4 และทรัพย์สินมากขึ้น ก็ทำใจเถิดครับ เพราะแมลงสาบมันไม่มีพิษอะไรหรอก เพียงแต่มันสร้างความรำคาญให้พวกเราเท่านั้น อ้อ!ไม่ใช่สิ มันยังมีอีกอย่าง มันเป็นสัตว์ที่เป็นผู้นำเชื้อโรคมาให้เราด้วย โดยเฉพาะโรครถถัง เอ็ม16 และสไนเปอร์เชียวนะ ล้วนเป็นโรคร้ายแรงทั้งนั้น ก็ต้องขอเตือนสติท่านแล้วล่ะว่า อย่าได้ไว้วางใจพวกแมลงสาบพวกนี้เชียวนะ การที่ระวังเชื้อโรคจากไอ้พวกแมลงสาบนี้ ต้องใช้สติปัญญากันใช้จิตที่เข้มแข็งพร้อมเผชิญกับเชื้อโรคร้ายกันอย่างเต็มกำลัง และพร้อมเพรียงกันอย่าแตกแยกกันเป็นอันขาด เพราะเท่าที่ทราบมาเวลานี้ไอ้เจ้าของแมลงสาบ มันส่งแมลงสาบปลอมเข้ามาร่วมกับพวกเราจำนวนไม่น้อยทีเดียวนะครับ นอกจากนี้ยังมีคนฝ่ายเรากลายไปเป็นพวกแมลงสาบก็เริ่มมีให้ฝ่ายเราเห็นกันหลายตัวแล้ว ความยุ่งยากที่ฝ่ายจิตอาสาที่ช่วยบรรเทาทุกข์ผู้ประสบอุทกภัยก็มากพอแล้ว ฝ่ายเราจะต้องมาช่วยกันระวังฝ่ายจิตอิจฉาอีก ก็เลยเป็นการทำลายการบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบอุทกภัยอีก ผมขอให้ทุกท่านถือว่าเป็นเรื่องสนุก หรือเป็นการบันเทิงให้ฝ่ายพวกเราก็แล้วกันนะ ถ้าไม่มีอุทกภัยฝ่ายเราก็จะไม่ทราบฝ่ายอิจฉาได้ว่าใครกลุ่มไหนตามที่กล่าวมาแล้วครับ http://www.pchannel.org/index.php?name=shalad&category=13&file=readknowledge&id=1074 | |
http://redusala.blogspot.com |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)