วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557

คปท.ยืนยันไม่ได้ยิงทหารที่ซอยลิขิต ด้าน สตช. จะสอบหลักฐาน

คปท.ยืนยันไม่ได้ยิงทหารที่ซอยลิขิต ด้าน สตช. จะสอบหลักฐาน
สตช. จะสอบสวนเหตุยิงทหารนอกเครื่องแบบ 2 นาย ที่ซอยลิขิต ด้าน "นัสเซอร์ ยีหมะ" หัวหน้าการ์ด คปท. ยืนยัน ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุยิงทหาร จุดเกิดเหตุไม่ใช่พื้นที่ คปท. และจะส่งตัวแทนไปเยี่ยมทหาร
ตามที่เมื่อคืนวานนี้ (5 เม.ย.) เกิดเหตุยิงทหารนอกเครื่องแบบ 2 นาย สังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 29 หรือ ร.29 พัน 2 ที่ซอยลิขิต บริเวณวัดเบญจมบพิตร ใกล้พื้นที่ควบคุมของ คปท. โดยทหารที่ได้รับบาดเจ็บได้แก่ ส.ต.ประเสริฐ จันทร์ศรี และ จ.ส.อ.ชัยยันต์ เล็กพงษ์ ถูกยิงเข้าที่บริเวณหน้าอกด้านขวา ใกล้กับไหปลาร้า กระสุนทะลุด้านหลังทั้ง 2 ราย โดยอาการพ้นขีดอันตรายแล้วนั้น
 สตช.แถลง เร่งรวบรวมพยานหลังเกิดเหตุลอบยิงทหาร
ล่าสุดในวันนี้ สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่าย เร่งตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุยิงกลุ่มทหารนอกเครื่องแบบ บริเวณซอยลิขิต ด้านถนนศรีอยุธยาเมื่อคืนนี้ (5 เม.ย.) เป็นเหตุให้ทหารบาดเจ็บ 2 นาย พร้อมเก็บรวบรวมวัตถุพยาน พยานบุคคล และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างรอบคอบ เน้นย้ำดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ส่วนการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุม กำชับให้ใช้ความเป็นกลาง และมาตรฐานทางกฎหมายเดียวกันทุกกลุ่ม รวมทั้งการตั้งจุดตรวจความมั่นคงควบคุมอาวุธ หรือกลุ่มเสี่ยงต่างๆ เข้าพื้นที่ เพื่อลดเหตุรุนแรง นอกจากนี้ ต้องป้องกันการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มบุคคลที่มีความเห็นต่าง และป้องกันการเกิดเหตุแทรกซ้อน
รองโฆษก สตช. แถลงด้วยว่า นอกจากนี้ จากการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วประเทศ ก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 1-5 เมษายน จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่า ได้ 6,049 หมาย แบ่งเป็นคดีอุกฉกรรจ์ 179 หมาย และคดีทั่วไป 5,870 หมาย ส่วนใหญ่เป็นคดีเกี่ยวกับทรัพย์สิน
 คปท.แสดงความเสียใจกับทหาร ยืนยันไม่ใช่ฝีมือ คปท. และจะส่งคนไปเยี่ยม 
นัสเซอร์ ยีหมะ หัวหน้าการ์ด คปท. (ที่มา: STR/แฟ้มภาพ)
ขณะเดียวกัน นายนัสเซอร์ ยีหมะ หัวหน้าการ์ดเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้โพสต์สเตตัสในเฟซบุ๊คยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับ คปท. โดยระบุว่า "ไม่ใช่ คปท. ครับ... เมื่อสักครู่ ให้สัมภาษณ์ สื่อมวลชน ถึงเหตุคนร้ายยิงทหาร 2 นาย ผมยืนยัน ว่า ทาง การ์ด คปท. ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ และได้ประสานการทำงาน ระหว่าง คปท. กับ ทหาร มาตลอด"
"ที่ผ่านมา คปท. มีการประสานความร่วมมือ ระหว่าง ทหาร และ การ์ด เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ การขอเข้าพื้นที่ รวมถึงการลาดตระเวน จะมีการแจ้งก่อนทุกครั้ง และ ทหารจะไม่ใส่ชุดนอกเครื่องแบบมาลาดตระเวน เพราะเมื่อคืนเกิดเหตุแยกนางเลิ้ง คงเป็นกรณีเร่งด่วน"
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางทหาร ตั้งแต่ระดับผู้น้อย จนถึง ระดับสูง รับทราบ และยืนยันแล้วว่า ไม่เกี่ยวกับ คปท. และจุดเกิดเหตุ ไม่ได้อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของทาง คปท. ด้วยครับ  แต่หลังจากนี้.. จะมีตัวแทน คปท. ไปเยี่ยมทหารที่บาดเจ็บ เนื่องจาก เราก็ทำงานด้วยกันมาตลอด ก็แสดงน้ำใจไปเยี่ยมครับ.."

สุเทพสุดเหิมเกริม! ประกาศจะเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ทูลเกล้าชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นทูลเกล้า และลงนามรับสนองพระบรมราชโองการด้วยตนเอง


สุเทพสุดเหิมเกริม! ประกาศจะเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ทูลเกล้าชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นทูลเกล้า และลงนามรับสนองพระบรมราชโองการด้วยตนเอง



           5 เม.ย. 57 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวสรุปผลการประชุมแกนนำ กปปส. ทั่วประเทศครั้งแรก ว่า การประชุมครั้งนี้พบว่ามีเครือข่ายประมาณ 1,800 กลุ่ม มาร่วม ดังนั้นหลังจากนี้ขอให้แกนนำเครือข่าย ไปทำทะเบียนสมาชิกให้พร้อม หากตนเป่านกหวีด เรียกระดมพลเมื่อใดขอให้เข้ามาร่วมการเคลื่อนไหว ทั้งนี้ขอให้เลือก สมาชิกเครือข่ายที่มีสุขภาพดีมาร่วม ส่วนมวลชน กปปส.ที่ไม่สามารถร่วมเคลื่อนไหวใน กทม.ได้ขอให้ส่งเสบียงมาให้แทน การเรียกระดมพลที่กำลังจะมาถึง ขอให้เตรียมความพร้อมให้ดี เพราะจะต่อสู้ยืดยาวประมาณ 15 วัน เพื่อมายึดอำนาจให้เป็นของประชาชน ขอให้ทุกเครือข่ายเตรียมความพร้อม รอฟังตนประกาศวันเผด็จศึกที่จะต่อสู้ให้หนักกว่าเดิม และให้รู้แพ้ รู้ชนะกันไปเลย เบื้องต้นเชื่อว่าจะมีกลุ่มคนที่ไม่ยอมรับ นับจากวันที่ 5 เม.ย.นี้เป็นต้นไป ให้ถือว่าการออกมาต่อสู้รอบต่อไป คือการต่อสู้ยกสุดท้าย

          ส่วนวันเผด็จศึก จะขึ้นอยู่กับ 2 กรณี คือ
  • กรณีที่ 1 เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ดังนั้น เมื่อ ป.ป.ช. ชี้มูลเรื่องดังกล่าววันใดจะถือเป็นวันนัดหมาย แต่จะถือเป็นวันเผด็จศึก หรือไม่ต้องรอการตัดสินใจของตนอีกครั้ง เพราะตามกฎหมาย หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกชี้มูลความผิด ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่และเข้าสู่กระบวนการถอดถอนโดยที่ประชุมวุฒิสภา และ
  • กรณีที่ 2 เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นสถานะภาพความเป็นนายกฯ เพราะใช้อำนาจโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช. มิชอบ ตามที่กลุ่ม สว.ยื่นเรื่องให้วินิจฉัย ขอให้มวลชน กปปส. เคลื่อนออกมาจากบ้าน มายังจุดหมายที่ตนเตรียมประกาศให้ทราบ เพื่อไม่ให้มีกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลออกมาชุมนุมปกป้องรัฐบาล และไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ

              "มาคราวนี้จะมายึดอำนาจประเทศไทยเลย เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย เพราะรัฐบาลได้ประกาศระเบิดตัวเองทิ้งไปตั้งแต่การประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 56 แล้ว ดังนั้นเรามีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะประกาศความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ของประชาชน เหมือนกับสมัยที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ปฏิวัติแล้วจะมีการออกคำสั่ง รอบนั้นได้ออกคำสั่งเอาคนไปยิงเป้า หากเราใจร้ายสั่งยิงเป้าไอ้คางคกสักตัวก็ได้ แต่เราจะไม่ทำ แต่จะจับใส่คุก ทั้งนี้ยืนยันว่าเมื่อประกาศตัวเป็นรัฏฐาธิปัตย์แล้ว คนที่เป็นรัฏฐาธิปัตย์มีคำสั่งที่ถือว่าเป็นกฎหมาย เราจะสั่งยึดทรัพย์ตระกูลชินวัตรทั้งหมด แล้วให้ไปพิสูจน์เอาเองว่าทรัยพ์ส่วนใดที่ที่หามาได้ด้วยความสุจริต ส่วนเหตุผลที่เราต้องเร่งยึดทรัพย์เพราะต้องเอาเงินมาช่วยชาวนา จำนวน 1.2 แสนล้านนบาท จากนั้นจะออกคำสั่งห้ามคนตระกูลชินวัตร ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง , นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ห้ามออกนอกประเทศ และให้มารายงานตัว"



                นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า จากนั้นจะออกคำสั่งแต่งตั้ง นายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของประชาชน และตนจะนำรายชื่อนายกฯ และ ครม. กราบบังคมทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าฯ โดยตนจะเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกฯ ฐานะเป็นร่างทรงของประชาชน จากนั้นจะตั้งสภานิติบัญญัติของประชาชน และรีบปฏิรูปประเทศตามพิมพ์เขียวที่ได้มีการระดมความคิดไว้ก่อนหน้านี้ และเมื่อดำเนินการปฏิรูป แก้ไขกฎหมายและรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ จะปล่อยให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามกระบวนการประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบที่แท้จริง

             "เมื่อทำเสร็จผม และเครือข่าย กปปส.จะกลับบ้าน ไปใช้ชีวิตแบบสามัญชน แต่จะเก็บนกหวีดไว้ หากวันใดที่รัฐบาลหรือสภาฯ ที่เราแต่งตั้งไม่ทำตามที่ประชาชนกำหนด หรือไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนก็ตามทรยศกับประชาชน เราจะออกมาใหม่ ทั้งนี้ยืนยันว่า กปปส.ไม่ตั้งพรรคการเมือง แต่หากเครือจ่ายจะไปเป็นนักการเมืองสามารถทำได้ แต่อย่านำชื่อ กปปส.ไปอ้าง เพราะพวกเราเป็นสมาคมนกหวีด ไม่ใช่พรรคการเมือง ทั้งนี้เราเป็นผู้เฝ้าระวังรักษาผลประโยชน์ชาติและแผ่นดินเท่านั้น"

              นายสุเทพ กล่าวอีกว่า การต่อสู้รอบที่จะถึงนี้ ขอให้มวลชนออกมาร่วมกันในหลักล้านคน และจะเอาจริง หากแพ้พวกเราก็เข้าคุกกันทั้งหมด แต่เชื่อว่าไม่มีคุกไหน ขังพวกเราได้ทั้งหมด ทั้งนี้ตนขอยืมคำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. มาใช้ คือ ออกมาคราวนี้จะไม่กลับ ดังนั้นการเป่านกหวีดรอบนี้เป็นการเป่ารอบสุดท้าย และออกมาแบบสู้ไม่หยุดตลอด 15 วัน เราจะไม่กลับบ้านมือเปล่า ตนเรียกร้องให้ข้าราชการตัดสินใจออกมาต่อสู้กับ กปปส. ถ้าข้าราชการไม่เอาด้วยกับประชาชน ตนจะเดินไปมอบตัว ทั้งนี้ตนขอมติให้ที่ประชุมเปิดสถานที่ราชการทุกกระทรวง และทบวงกรม ยกเว้นทำเนียบรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.นี้ ให้กลับไปทำงานและใช้ชีวิตตามปกติ แต่มีเงื่อนไขว่า จะไม่รับคำสั่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยกเว้นงานบริการประชาชนและร่วมปฏิรูปประเทศไทยกับกปปส. ด้วยการแสดงสัญลักษณ์ คือติดป้ายเป็นแนวร่วมกปปส.

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายสุเทพ กล่าวปราศรัยตอนที่เรียกร้องให้ข้าราชการออกมาร่วมต่อสู้ครั้งสุดท้ายนั้น ดวงตานายสุเทพมีน้ำตาไหลเอ่อ และหลั่งออกมาในที่สุด นอกจากนั้นผลการประชุมและข้อสรุปตามที่นายสุเทพ ระบุได้รับการตอบรับจากแกนนำกปปส. ที่ร่วมประชุมด้วยการเป่านกหวีดและร้องไชโย จำนวน 3 ครั้ง

    "โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม" สไกร์ซัดกองทัพ "เราปล่อยให้ฆาตกร มายืนชี้หน้าสอนเรา เรื่องประชาธิปไตย ได้อย่างไร?"


    "โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม" สไกร์ซัดกองทัพ "เราปล่อยให้ฆาตกร มายืนชี้หน้าสอนเรา เรื่องประชาธิปไตย ได้อย่างไร?"




              วันที่ 6 เมษายน 2557 (go6tv) นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความชื่อดังระดับโลก ของสำนักทนายความอัมสเตอร์ดัม ได้โฟนอินเข้ามาร่วมปราศรัยในเวทีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ได้กล่าวตอบโต้ องค์กรอิสระ พรรคประชาธิปัตย์ และกองทัพอย่างเผ็ดร้อน โดยมีข้อความดังนี้

               “สวัสดีชาวไทยในกรุงเทพ ประเด็นแรกที่อยากจะบอกพี่น้องคนไทยคือ ทั้งโลกกำลังมองมาที่ประเทศไทย ทั้งโลกกำลังมองเห็นความเป็นจริง กำลังมีแสงส่องมองมาที่พฤติกรรมพรรคประชาธิปัตย์อย่างทะลุถึงแก่น เราจะต้องยืนยันว่า ขณะนี้คนที่เป็นเจ้าของประเทศคือประชาชน และเราจะไม่ยอมให้พรรคประชาธิปัตย์และเครือข่ายเข้ามาลิดรอนอำนาจของประชาชน
    • เราไม่อนุญาตให้สุเทพ ใช้คำว่าปฏิรูปได้ 
    • เราไม่สามารถอนุญาตให้อภิสิทธิ์ ใช้คำว่าประชาธิปไตยได้ 
    • เราไม่สามารถให้ ปปช. ใช้คำว่าปราบปรามคอรัปชั่นได้ 
    • เราไม่สามารถให้ กกต.มายึดคำว่า การเลือกตั้งได้ 
    • เราไม่สามารถให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเรียกตัวเองว่าเป็นศาลได้ 
    • เราไม่สามารถให้ประยุทธิ์ มาพูดคำว่าสันติภาพได้ 
    • และเราก็ไม่สามารถให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของไทย มานิยามจำกัดความคำว่าสิทธิมนุษยชนของชาวโลก

              เราจดชื่อไว้หมด ว่าใครคือเครือข่ายประชาธิปัตย์ ที่มาล้มล้างประชาธิปไตย ล้มล้างนิติธรรมแห่งรัฐ คนเสื้อแดงและคนของเพื่อไทยต่างหากที่จะนิยามคำว่า ปฏิรูป

               สิ่งแรกที่เราจะทำคือ การยอมรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศชั่วคราว และไทยก็ต้องดำเนินการฟ้องร้องที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ รัฐมนตรีสุรพงษ์ กำลังมีคำถามที่ไม่เข้าใจเรื่องศาลอาญาโลก โทรมาหาได้ตลอดเวลา ผมจะอธิบายให้ฟัง ได้เวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องหยุดรอคอย สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น จงลงนามยอมรับอำนาจศาลอาญาโลกชั่วคราวทันที

                ขณะนี้ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือการรัฐประหาร ซึ่งต่อเนื่องเรื่อยมาตั้งแต่ปี 52-53 ทุกประเทศ ต่างชาติเห็นถึงความยากลำบากในการที่จะสมานฉันท์ และผมกำลังจะบอกว่าทำไมเป็นเช่นนั้น

              ก็เพราะว่า กฎหมายอาญา มาตรา 112 หากปราศจากการปฏิรูปมาตรา112 พรรคประชาธิปัตย์ก็ใช้มาตรานี้กำจัดศัตรูทางการเมืองต่อไป คนเสื้อแดงต้องแน่นใจว่า ไม่ก่อให้เกิดการข่มขู่คุกคามไปยังประชาชน เช่นสมยศ และคนอื่นที่โดนใส่ร้ายด้วยมาตรานี้ สิ่งที่เราต้องปฏิรูป คือการใช้รัฐธรรมนูญ 2540 และขณะนี้ไม่มีหนทางอื่นแล้ว ที่จะต้องปฏิรูปกองทัพด้วย เป็นไปได้อย่างไร ที่จะให้ประยุทธิ์ มายืนสอนพวกเราเรื่องประชาธิปไตย เคยมีใครไปบอกประยุทธิ์ไหม ให้ออกไปจากประเทศนี้ มีไหม ประยุทธิ์ต้องฟังรัฐบาล

              และสิ่งที่สำคัญสุดท้าย คือการปฏิรูปหลักนิติธรรมของประเทศไทย สิ่งที่ปฏิรูปคือการปฏิรูปกฎหมายเพื่อความเป็นนิติธรรมของประเทศไทย

             เราต้องไปถามคนสองคน สุเทพ กับอภิสิทธิ์ ที่มีข้อกล่าวหาว่าฆาตกรรมประชาชน คนเหล่านี้เหรอจะมานำการปฏิรูป มีอย่างที่ไหนยอม ให้คนที่มีข้อกล่าวหาเป็นฆาตกรมาขัดขวางคนบริสุทธิ์ ไม่ให้ไปเลือกตั้ง เราควรเรียก กปปส. ว่าเป็นพวกผู้ก่อการร้ายตาลีบันด้วยซ้ำ แท้จริงแล้ว ตาลีบันของไทยๆ เลวร้ายยิ่งกว่าตาลีบันที่ตะวันตกรู้จักด้วยซ้ำ

               เรายังต้องต่อสู้ในทางการต่างประเทศ เราไปที่ประชุมรัฐสภาโลก ที่เจนนิวา เราประสบความสำเร็จที่ทำให้ รัฐสภาโลก มีจดหมายประณาม ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ตัดสิทธิ์ สส.ไทยมากกว่าสองร้อยคน และพวกเราคงจำได้ว่า รัฐสภาโลก ได้เคยส่งผุ้สังเกตการณ์มาช่วยจตุพร พรหมพันธ์ก่อนหน้านี้ และสหภาพรัฐสภาโลก ตั้งใจจะเข้ามาดูการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ และ ปปช.ของไทย การแทรกแซงหรือการตรวจสอบจากต่างประเทศนั้น เพิ่งเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น จากพฤติกรรม กปปส. พรรคประชาธิปัตย์ กำลังทำอะไรอยู่ ชาวตะวันตกกำลังมองและไม่สามารถยอมรับได้

             เพราฉะนั้น เราจะดำเนินการต่อสู้บนหนทางสันติวิธี ในสายตาของชาวโลกต่อไปอย่างไม่ลดละ นาทีนี้ เป็นนาทีประวัติศาสตร์ ที่จะให้ทุกคนได้เห็นถึงความสำคัญของเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ สิ่งที่เป็นแผนของเรา คือการจะแทรกแซงนำชื่อของพรรคประชาธิปัตย์แต่ละคน ไปประจาน ประณามในเวทีโลก การที่จะให้ชาวโลกรับรู้และปฏิเสธคนเหล่านี้ อาจใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี เราจะส่งรายชื่อไปยังองค์กรต่างๆ ในต่างประเทศด้านประชาธิปไตย และส่งรายชื่อเหล่านี้ไปยังรัฐบาลต่างประเทศ เพื่อระงับยับยั้งทั้งธุรกิจและเส้นทางการเงินของบุคคลเหล่านี้ เพราะฉะนั้น นายอภิสิทธิ์ ก็อาจจะไม่สามารถเดินทางไปอังกฤษ ลอนดอน หรือต่างประเทศได้อย่างง่ายดายต่อไป

             ขอให้พี่น้องเสื้อแดงได้โปรดรู้ว่า เราไม่ได้เดินคนเดียว วีรชนที่สละชีวิตผ่านไปนั้น เราไม่เคยลืม คนทั้งโลกได้รับทราบ รับรู้ น้องสาวของฟาบิโอลา นักข่าวอิตาลีที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เค้ากำลังป่วยหนักเป็นมะเร็งอาการหนัก แต่เขาก็รู้ว่าพี่น้องเสื้อแดงให้กำลังใจเธอ และเธอ ก็พยายามพูดต่อสู้ฟ้องชาวโลกอยู่แม้เธอจะป่วย

             ในสัปดาห์เป็นต้นไป พรรคประชาธิปัตย์ กำลังวางแผนยึดอำนาจประเทศไทย เพราะเค้าไม่สามารถชนะการเลือกตั้ง เขาจึงต้องใช้ความช่วยเหลือจากศาลรัฐธรรมนูญ ปปช. และกองทัพ จึงกลายเป็นว่า กองทัพไทยยังสู้อยู่กับประชาธิปไตยและจะไม่มีวันชนะ กองทัพและประชาธิปัตย์ต้องตระหนักให้ดี และขออวยพรให้พี่น้องเสื้อแดงได้โปรดต่อสู้อย่างเข้มแข็งต่อไป”

    "พานทองแท้" ชี้ นายกฯ จากการแต่งตั้งของ "สุเทพ" คือ "นายกฯขี้ข้าสุเทพ"


    "พานทองแท้" ชี้ นายกฯ จากการแต่งตั้งของ "สุเทพ" คือ "นายกฯขี้ข้าสุเทพ"



    วันที่ 6 เมษายน 2557 go6TV – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra (https://www.facebook.com/oakpanthongtae)มีเนื้อหาดังนี้


    การยุบสภา คือการคืนอำนาจให้กับประชาชน
    ผู้ที่ขัดขวางการเลือกตั้งจนกระทั่งเป็นโมฆะ คือโจรที่ดักปล้นอำนาจกลางทาง
    การนำอำนาจที่ปล้นมาจากประชาชน ไปให้หัวหน้าโจรเลือกนายกฯเอง
    นายกฯที่มาจากระบอบ "เทือกตั้ง" ผู้นั้น ย่อมเป็นผู้ที่ "รับของโจร"ครับ..!!

    กำนันสุเทพฯ ที่แท้ก็คือหัวหน้ากบฏโจร ที่รวมหัวกับองค์กรอิสระบางองค์กร ตั้งตนเป็นแก็งค์ปล้นอำนาจประชาชน บังหน้าด้วยการขายฝัน "ปฏิรูปประเทศไทย" ซึ่งวันนี้ "หางโผล่" ตามนิยามที่เพจ "อาณาจักรไบกอน" ได้โพสต์ไว้ จากการกระทำและคำพูด ของนายสุเทพฯเอง

    สรุปประเด็นคร่าวๆ ของการประกาศตัวเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ มีดังนี้ครับ

    - ยึดทรัพย์ตระกูลชินวัตรทั้งหมด
    - แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี แล้วนายสุเทพฯจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้ในหลวงทรงลงพระปรมาภิไธย
    - กำนันสุเทพฯจะเป็นผู้รับสนอง พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯเอง
    - แต่งตั้งสภานิติบัญญัติขึ้นเอง เพื่อปฏิรูปประเทศ, แก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ
    - เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วจึงจะยอมให้มีการเลือกตั้ง

    เพจ"อาณาจักรไบกอน" ได้ใช้คำว่า "หางโผล่" นิยามตัวตนของนายสุเทพฯได้ชัดเจนดีครับ นับวันลายยิ่งออกให้เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่าการกระทำของนายสุเทพฯ เป็นการกระทำเพื่อชาติบ้านเมือง หรือว่าเป็นการกระทำเพื่อพรรคการเมืองกันแน่

    พรรคประชาธิปัตย์ แพ้ซ้ำซากมาเป็นระยะเวลาสิบๆปี พอมีเหตุให้อ้างเพื่อใช้ในการชุมนุมระดมคน นายสุเทพฯก็ลาออกจากพรรคฯเพื่อมานำม็อบ สัญญาว่าจะชุมนุม 2-3 วันเสร็จไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อน แต่ก็ตระบัดสัตย์ยืดเยื้อมาเป็นเวลา 4-5 เดือนแล้ว ธุรกิจเจ๊งรวมกันเป็นแสนล้านไม่เคยสนใจรับผิดชอบ พอม็อบจุดติดก็ชวนกันลาออกหมดทั้งพรรคฯ จนรัฐบาลต้องยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน มาวันนี้กลับถูกดักปล้นกลางทาง และไม่ยอมให้อำนาจกลับไปสู่มือของประชาชนอีกต่อไป

    นายสุเทพฯถือเป็นเทือกเถาเหลากอของพรรคประชาธิปัตย์ครับ เราต้องยอมรับว่าการออกมาป่วนเมืองครั้งนี้ อาจจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบและมีคะแนนตีตื้นขึ้นได้บ้าง แต่การแตกหน่อออกมาเป็น กปปส.เพื่อเสนออะไรที่เกื้อหนุนต่อระบอบอำมาตย์ และเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย อย่างรุนแรงเช่นนี้ ย่อมส่งผลให้พรรคประชาธิปัตย์ ไม่สามารถจะรักษาจุดยืนในระบอบประชาธิปไตยได้อีกต่อไป

    ในระยะยาวเชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเสียคะแนนเสียงเยอะครับ ถ้าการสู้กันทางความคิดครั้งนี้ หากระบอบประชาธิปไตย พ่ายแพ้ต่อระบอบอำมาตยาธิปไตยอีกครั้ง ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่เจริญรั้งท้ายบนเวทีโลก ไปร่วมประชุมที่ไหนนายกฯไทยก็ต้องไปยืนห่อเหี่ยว ไม่สง่าผ่าเผยเหมือนกับประเทศประชาธิปไตย ที่นายกฯมาจากการเลือกตั้ง คนไทยเตรียมอับอายชาวโลกกันอีกครั้งได้เลย

    คนที่ได้ดีที่สุดน่าจะเป็นกำนันสุเทพฯครับ เพราะเป็นคนเสนอชื่อนายกฯด้วยตนเอง ย่อมเปรียบเสมือนนายที่มีบุญคุณกับคนที่ตัวเองตั้ง พอตั้งไปแล้วอาจมีการงุบงิบ สั่งการให้นายก"เทือกตั้ง"ผู้นั้น จัดที่สปก. 4-01 อีกสักล้านไร่ อาจปั่นราคาน้ำมันปาล์มขึ้นไปเฉียด 100 บาทกันอีกครั้ง หรืออาจจัดหาเขาที่มันแพงๆ มาครอบครองอีกสัก 4-5 เขาก็ได้ ใครจะรู้..!!

    ถ้าเป็นแบบนี้ ท่านว่าที่นายกฯเถื่อน คงจะได้ฉายาใหม่ ไม่ลองโดนดูบ้างไม่รู้หรอกครับ
    ท่านว่าที่ "นายกฯขี้ข้าสุเทพ"

    เครดิต : อาณาจักรไบกอน
    www.facebook.com/bygonreturn

    “สุเทพ” เล่นระยำ ส่งสมุนป่วนม็อบแดง ล่าสุด จับได้แล้วกว่า 50 นาย

    “สุเทพ” เล่นระยำ ส่งสมุนป่วนม็อบแดง ล่าสุด จับได้แล้วกว่า 50 นาย
    วันที่ 6 เมษายน 2557 go6TV – ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อเวลา 19.20 น. ที่ถนนอักษะ บริเวณที่ชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายอารีย์ ไกรนรา หัวหน้าการ์ด นปช. สามารถจับกุมการ์ดกปปส. ที่แอบปลอมตัวเข้ามาหวังจะสร้างความวุ่นวายและความรุนแรงในที่ชุมนุม ซึ่งเบื้องต้นทางผู้สื่อข่าวภาคสนามได้แจ้งว่าสามารถจับกุมได้แล้วกว่า 50 นาย และผลักดันให้ออกจากที่ชุมนุมไปแล้วบางส่วน



    ตำรวจสน.ดุสิต ตรวจจุดเกิดเหตุการ์ดคปท. ยิงทหารเจ็บ 2 นาย

    ตำรวจสน.ดุสิต ตรวจจุดเกิดเหตุการ์ดคปท. ยิงทหารเจ็บ 2 นาย

              วันที่ 6 เม.ย. เฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของ ศอ.รส. เผยแพร่ข่าวการ์ดม็อบกลุ่มคปท. ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ทหาร มีเนื้ัอหาระบุว่า เวลา 22.00 น. วันที่ 5 เม.ย. สน.ดุสิต ได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ทหารถูกยิงได้รับบาดเจ็บ บริเวณซอยลิขิต ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังวัดเบญจบพิตร ซึ่งอยู่ติดกับด้านหลังพื้นที่ชุมนุม คปท. แขวงและเขตดุสิต โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่ง รพ.รามาธิบดี จำนวน 2 รายทราบชื่อ ส.ต.ประเสริฐ จันทร์ศรี และ จ.ส.อ. ชัยยันต์ เล็กพงษ์ เจ้าหน้าที่ทหาร ร.29 พัน 2 ได้รับบาดเจ็บถูกยิงเข้าที่บริเวณ หน้าอกด้านขวา ใกล้กับไหปลาร้า กระสุนทะลุด้านหลัง ทั้ง 2 ราย เบื้องต้นแพทย์ให้การช่วยเหลือ อาการพ้นขีดอันตราย


              จากการสอบถาม จ.ส.อ.ไพโรจน์ กันทา เจ้าหน้าที่ทหาร ร.29 พัน 2 พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมด้วยเพื่อนทหารรวม 5 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 3 คันออกลาดตระเวนตามปกติ โดยใส่ชุดนอกเครื่องแบบ ไม่มีอาวุธติดตัว ซึ่งผู้บาดเจ็บทั้งสองคนเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันแรก ส่วนตนขี่ตามมาเป็นคันที่สอง เมื่อรถวิ่งมาบริเวณจุดเกิดเหตุ ได้มีเสียงปืนดังออกมา 1 นัด ก่อนที่จะมีการยิงรัวออกมาเป็นชุดใหญ่หลายสิบนัด ซึ่งเท่าที่ได้ยินมั่นใจว่าเป็นอาวุธสงคราม อาจจะเป็นชนิด อาก้า จากนั้นรถจักรยานยนต์ของผู้บาดเจ็บได้ล้มลง ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าซอยด้านข้างโรงเรียนวัดเบญจฯ เพื่อทะลุออกไปยังถ.ศรีอยุธยา บริเวณดังกล่าวจะมีจุดบังเกอร์ของการ์ด คปท. ห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 20-30 เมตร และใกล้กันยังมีจุดบังเกอร์ของเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งเป็นจุดบังเกอร์ วัดเบญจฯ

              "ทันทีที่รถจยย.ล้มลง ได้มีการ์ดของคปท. วิ่งออกมาจากแนวบังเกอร์ 2 คน ใช้ปืนมาจี้ที่หัว เป็นปืนลูกโม่ ขนาด .38 พวกผมต้องรีบแสดงตัวว่าเป็นทหาร เป็นทหารชุดลาดตระเวนนอกเครื่องแบบ จึงทำให้การ์ดคนดังกล่าวเก็บอาวุธและผมก็รีบประสานนำตัวผู้บาดเจ็บส่งรพ.ทันที ผมยืนยันได้ว่า คนที่ยิงยิงออกมาจากแนวบังเกอร์ของการ์ดคปท. ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ออกลาดตระเวนแบบนี้ทุกคืน ในช่วงเวลาตั้งแต่ 3 ทุ่มเป็นต้นมา ก็จะอยู่ในโซนนี้ ย่านนี้ แต่อาจจะไม่ซ้ำเส้นทาง แต่จะลาดตระเวนเป็นประจำทุกคืน ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง ซึ่งบรรดาการ์ดคปท.ก็มักจะรู้จักกันดี เหตุการณ์ครั้งนี้ผมจำหน้าได้อย่างแม่นยำ สำหรับการ์ดที่วิ่งออกมาแล้วใช้ปืนจี้" จ.ส.อ.ไพโรจน์ ระบุ

             จ.ส.อ.ไพโรจน์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งตำรวจเจ้าของพื้นที่ก็ได้เข้ามาสอบถาม และเก็บข้อมูลไปแล้ว ซึ่งขณะที่ทางฝ่ายทหารเองก็พยายามกดดันให้ทางคปท. ส่งตัวคนที่ยิงเจ้าหน้าที่ทหารลาดตระเวนออกมามอบตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

            เวลา 09.45 น. วันที่ 6 เม.ย. มีรายงานว่า ตำรวจสน.ดุสิต , กก.สส.บก.น.1 เจ้าหน้าที่ทหารชุดประสบเหตุ และ ตร.พิสูจน์หลักฐาน ตรวจที่เกิดเหตุคนร้ายยิงจนท.ทหาร ภายในซอยลิขิต แล้ว

    คลิปวิดีโอ โดย : มณเฑียร อินทะเกตุ (ยูทูบ)