เมือก ยังไม่เลิกโกหก | |
สืบเนื่องจากการเสนอข่าวแถลงการของทหารตำรวจประชาธิปไตยของ http://redusala.blogspot.com/ ในหัวข้อ แถลงการณ์ทหารตำรวจประชาธิปไตย ๒๕๕๔ http://redusala.blogspot.com/2011/08/blog-post.htmlจนนำไปสู๋การเสนอข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ชื่อดังของประเทศไทย ในที่สุด สุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาแถแล้วครับ 7 สค. 2554 19:49 น. นายสุเทพ กล่าวต่อว่า แต่ปรากฎว่า หลังวันที่ 10 เม.ย.2553 เหตุรุนแรงยังไม่ยุติ คนชุดดำยังถืออาวุธร้ายแรงก่อเหตุร้ายต่อเนื่องแทบทุกวัน ศอฉ.จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ใช้ปืนลูกซอง ซึ่งเป็นอาวุธไม่ร้ายแรง สามารถควบคุมการยิงได้ เพื่อป้องกันตัวเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ ให้รอดพ้นภัยคุกคามของคนชุดดำ ซึ่งคำสั่งนี้ระบุเรื่องการควบคุมวิถีกระสุน ไม่มุ่งต่อชีวิตเป้าหมาย จึงมีคำสั่งชัดเจนว่า การใช้อาวุธให้เล็งยิงส่วนล่างของร่างกายตั้งแต่เข่าลงมา ยืนยันว่า สำเนาคำสั่งที่พาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง ในหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว เป็นคำสั่งการวันที่ 13 เม.ย.ไม่ใช่วันที่ 10 เม.ย.ตามที่พยายามจะให้ผู้อ่านเข้าใจผิด นายสุเทพ กล่าวว่า 2.ส่วนที่หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว ได้นำสำเนาคำสั่งวันที่ 10 เม.ย. และ 13 เม.ย.มาลงตีพิมพ์ในหน้า 14 ของหนังสือพิมพ์ จนอาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่า เป็นคำสั่งการในเหตุการณ์เดียวกันนั้น ขอชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้ในวันที่ 9 เม.ย.กลุ่มผู้ชุมนุมนับหมื่นคนได้บุกโจมตีสถานีดาวเทียมไทยคม ลาดหลุมแก้ว พร้อมทำร้ายเจ้าหน้าที่บาดเจ็บนับ 100 คน และยึดอาวุธปืนเจ้าหน้าที่ไปจำนวนมาก ก่อให้เกิดความกังวลว่า อาจนำอาวุธนั้น มาทำร้ายเจ้าหน้าที่ ศอฉ.จึงมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธได้ เพื่อป้องกันตนเองและประชาชน โดยให้ใช้กรณีมีผู้กระทำผิดซึ่งหน้า และป้องกันอันตรายใกล้ตัวที่อาจเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่และประชาชน ที่สำคัญหากจำเป็นต้องใช้อาวุธให้ทำตามขั้นตอนคือ 1.แจ้งเตือนด้วยวาจา 2.ยิงเตือนขึ้นฟ้า หรือในทิศทางที่ปลอดภัย 3.ใช้อาวุธตามหลักเกณฑ์โดยชอบด้วยกฎหมายและสมควรแก่เหตุ “ขอยืนยันว่า ศอฉ.ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ไม่มีเจตนาร้ายต่อประชาชน ขณะนี้เหตุการณ์ร้ายได้ผ่านมาปีเศษแล้ว และมีรัฐบาลชุดใหม่ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบรรดาผู้ก่อเหตุ และผู้ต้องหาก่อการร้ายบางคนได้เป็นส.ส.พรรครัฐบาล บางคนอาจได้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ ในฐานะที่รัฐบาลเป็นผู้กุมอำนาจรัฐจะสั่งการให้สอบสวนหรือดำเนินคดีกับผมที่เป็นผู้รับผิดชอบสั่งการในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมพร้อมพิสูจน์ความจริงตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนตัวเชื่อว่า มีกระบวนการไล่เช็คบิลผมแต่พร้อมจะพิสูจน์ข้อเท็จจริง ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่คิดหนีไปต่างประเทศ ส่วนจะฟ้องกลับหนังสือพิมพ์หรือไม่ ขอดูก่อน ถ้าจำเป็นเพื่อให้เกิดการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ก็อาจต้องดำเนินการ” รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าว | |
http://redusala.blogspot.com |
ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554
‘ประชาธิปัตย์’ใต้เงา‘อำมาตย์’! | ||||||||||||||
| ||||||||||||||
http://redusala.blogspot.com |
แทนคุณแผ่นดิน พระบรมฯจะพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ระงับคดีโบอิ้ง ตอบแทนคุณแผ่นดินใช้หนี้บุญคุณชาติ | |
หน่วยราชการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ออกแถลงการณ์งวันที่ 31 กรกฎาคม เรื่อง การอายัดเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์ ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท Walter Bau AG โดยมีเนื้อหาแถลงการณ์ตามความละเอียดดังต่อไปนี้ ตามที่ศาลสูงสุดแห่งรัฐเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11กรกฎาคม 2554 ให้ดำเนินการอายัดเครื่องบินพระที่นั่งของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งเป็นเครื่องบินส่วนพระองค์ไว้เป็นของกลางในคดีพิพาทระหว่างบริษัท Walter Bau AG กับรัฐบาลไทย และศาลแขวงแลนส์ฮูท ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2554 ให้วางเงินประกันจำนวน 20 ล้านยูโร เพื่อถอนอายัดเครื่องบินพระที่นั่งดังกล่าวนั้น ตลอดระยะเวลาตั้งแต่มีคำพิพากษาของศาลสูงสุดแห่งรัฐเบอร์ลิน และคำสั่งของศาลแขวง แลนส์ฮูท สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี จนถึงปัจจุบัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มิได้ทรงตอบโต้แต่ประการใด ต่อคำพิพากษาและคำตัดสินดังกล่าว รวมทั้งต่อกระแสข่าวทั้งจากในและต่างประเทศ ทรงเคารพต่อคำพิพากษาของศาลและทรงเชื่อมั่นในความยุติธรรมของกระบวนการยุติธรรม ด้วยทรงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลและประชาชนของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในระหว่างที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ และทรงพำนักอยู่ในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ทรงได้รับการต้อนรับ รวมทั้งการอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ เป็นอย่างดี แม้ว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะมิได้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท Walter Bau AG และมิได้ทรงเป็นผู้สร้างเรื่องหรือเหตุการณ์ข้อพิพาทขึ้นมา แต่ผลจากข้อพิพาทดังกล่าวได้นำมาซึ่งความเดือดร้อนพระราชหฤทัย กระทบต่อพระราชกรณียกิจ และเสี่ยงต่อการเสื่อมเสียพระเกียรติยศเป็นอย่างยิ่ง ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชกระแส และพระราชปณิธาน ที่จะทรงตอบแทนพระคุณแผ่นดินไทยและทรงใช้หนี้บุญคุณให้กับประเทศชาติในพระราชฐานะที่ทรงเป็นประชาชนชาวไทยพระองค์หนึ่ง และทรงเป็นองค์สยามมกุฎราชกุมารของประเทศไทย อีกทั้งมิให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทย และสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และเพื่อให้ข้อพิพาทดังกล่าวจบลงด้วยดี และรวดเร็ว จึงจะพระราชทานพระราชทรัพย์ ส่วนพระองค์เพื่อนำไปใช้ในการระงับข้อพิพาทดังกล่าว ทั้งนี้ไม่ทรงปรารถนาที่จะให้มีพระนามาภิไธยไปเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทและมิให้เป็นที่เสื่อมเสียต่อพระเกียรติยศ สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร 31 กรกฎาคม 2554 | |
http://redusala.blogspot.com |
วิกิลีคส์:ฑูตอเมริกาชี้ปมต้านรัฐประหาร19กันยา ชืด | |
แปลโดย ดวงจำปา ที่มา Internet Freedom ในการเปิดเผยข้อมูลทางวิกีลีกค์ ซึ่งเป็นเรื่องในซีรี่ย์ของ PPT, ในวันนี้ เราก็จะเน้นความสนใจมากับตัวเคเบิ้ล ลงวันที่ 28 เมษายน 2551 ซึ่ง เอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกา นาย อีริค จอห์น ได้แสดงความคิดเห็นต่อคำถามที่ว่า: ทำไมกลุ่มต่อต้านการทำรัฐประหารเมื่อปี 2549 ถึงเป็นไปอย่างจืดชืดเช่นนี้? ข้อสังเกตดังกล่าวในความเห็นของเขา เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก: “3. วรรค ซี. ผู้นำในกลุ่มกระทำการรัฐประหารนั้น ล้วนได้ประโยชน์จากการที่ทางฝ่าย[เซ็นเซอร์]ได้เผยให้เห็นถึงการรับรองในการกระทำอันนั้น. ที่แน่นอนที่สุด ก็คือ ตัวเอกอัครราชฑูตและเจ้าหน้าที่ในสถานฑูตเอง ก็ไม่ใช่ว่า สามารถวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องเสมอไป ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม, เคเบิ้ลอีกหลายชิ้นที่เราได้เห็นมา ก็บ่งบอกถึง ความสำคัญในส่วนที่ "รั่ว" ออกมานั้นว่า มันอยู่ที่การเปิดโปงในเรื่องของความเชื่อและทัศนคติ (ของตัวบุคคลที่เขียน นั่นก็คือ ตัวเอกอัครราชฑูต และเจ้าหน้าที่ของสถานฑูตเอง - ผู้แปล) ที่ได้กล่าวตามการอ้างอิงข้างบนนั้น, เราจะเห็นว่า ตัวเอกอัครราชฑูต จอห์นเอง – และ น่าจะรวมไปถึงเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในสถานฑูตด้วย - มีความรู้สึกว่า บทบาทของทางฝ่าย(เซ็นเซอร์)นั้น มีนัยที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในการลดบทบาทของการต่อต้านการกระทำรัฐประหาร . เป็นที่แน่นอนที่สุดว่า, ในปัจจุบันนี้ ฐานะสภาพต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก, และตัวฝ่าย[เซ็นเซอร์]เองก็ได้สูญเสียศรัทธาและความน่าเชื่อถือไปมากจากการที่มีส่วนเข้ามาร่วมในบทบาททางการเมือง หมายเหตุ:ไทยอีนิวส์ได้เซ็นเซอร์บางคำที่ละเอียดอ่อน | |
http://redusala.blogspot.com |
วอนนายกฯยิ่งลักษณ์ค้นความจริงใครฆ่าประชาชน ขอเศษเสี้ยวยุติธรรมเร่งปลดโซ่นักโทษการเมือง | |
ดาวล้อมเดือน-นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ท่ามกลางวงล้อมแสดงความยินดีของบรรดาส.ส.ชาย ภายหลังจากที่ประชุมสภาสายวันนี้มีมติให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่28และนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย(ภาพข่าว:REUTERS) กราบขอบคุณ-นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไหว้ขอบคุณส.ส.ที่พากันลงมติให้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ของไทย และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ เมื่อสายวันนี้ที่รัฐสภา (ภาพข่าว:REUTERS) โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์ 5 สิงหาคม 2554 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ลาดพร้าว เครือข่ายประชาธิปไตย (คปต.) นำโดยนายคารม พลทะกลาง นายเยี่ยมยอด ศรีมันตะ นายธีรชัย สหวัฒน์ น.ส.พัชณีย์ คำหนัก และนายบรรเจิด ฟุ้งกลิ่นจันทร์ ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน "7 สิงหาคม วันกฎหมายไทย" ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมเพื่อประกาศข้อเรียกร้องขอเพียงเศษเสี้ยวแห่งความเป็นธรรมและรณรงค์ปลดปล่อยนักโทษการเมือง และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย นายบรรเจิด ฟุ้งกลิ่นจันทร์ บิดาของนายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ วีรชนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 2553 กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ช่วยเยียวยาอย่างเร่งด่วนและค้นหาความจริงหาคนที่สั่งการและฆ่าประชาชนในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน และ 19 พฤษภาคม 2553 และอยากให้รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เร่งดำเนินการเยียวยาให้ญาติวีรชนทั้ง 91 ศพให้สำเร็จ ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของญาติวีรชนทุกคน นายเยี่ยมยอด กล่าวว่า ในการจัดงานในครั้งนี้ทางเครือข่ายจะร่วมกับองค์กรทั้งในประเทศและต่างประเทศจัดกิจกรรม โดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1.เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับผู้ถูกจับกุมคุมขังในกรณีเรียกร้องประชาธิปไตยระหว่างปี 2549-2553 คดีการเมืองรวมทั้งคดีอาญามาตรา 112 โดยให้ผู้ถูกดำเนินคดีได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว และดำเนินคดีด้วยความเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ 2.เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกปรับปรุงกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมที่ใช้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 อันเป็นผลิตผลของการรัฐประหาร 3.เพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบตั้งแต่กระบวนการตรากฎหมาย กระบวนการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการตีความกฎหมาย ซึ่งกิจกรรมที่สำคัญในวันนั้นจะมีการประกาศเจตนารมหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในเวลา 10.00 น.วันที่ 7 สิงหาคมนี้ และจะเดินทางไปที่หน้าศาลฎีกาเพื่อปักแผ่นป้ายข้อเรียกร้องขอเศษเสี้ยวความเป็นธรรมให้กับผู้ถูกดำเนินคดีด้วยความไม่เป็นธรรม น.ส.พัชณีย์ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมในวันกฎหมายไทยนั้น แต่ละกิจกรรมจะสะท้อนถึงความตื่นตัวของประชาชนที่ต้องการประชาธิปไตยและคิดว่าในวันกฎหมายไทยเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะนำเสนอปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยให้สาธารณชนในประเทศและต่างประเทศได้เข้าใจและร่วมกันผลักดันให้มีการนำคนผิดมาลงโทษและรับผิดชอบต่อ 91 ศพ และบาดเจ็บ 2,000 คน และปลดปล่อยนักโทษการเมืองทุกคน เพราะนักโทษต่างๆ นั้นเป็นผู้ที่คัดค้านการทำรัฐประหาร เพราะฉะนั้นจึงเป็นการกลั่นแกล้งกลุ่มคนเหล่านี้ และจะต้องยกเลิกกฎหมายที่สำคัญๆ เช่น กฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2550 และจะต้องร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ และยกเลิกกฎหมายเผด็จการอื่นๆ เช่น กฎอัยการศึก เพราะเป็นกฎหมายที่ล้าสมัย เพราะเป็นกฎหมายนับตั้งแต่รัชกาลที่ 6 และในสมัยที่มีการทำรัฐประหารรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ได้ออกพระราชบัญญัติชุมนุม พรบ.มั่นคงภายใน ซึ่งกฎหมายที่นำมาจัดการกับผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการทำงานของรัฐบาล "ส่วนกิจกรรมในวันที่ 7 สิงหาคมนั้น จะระดมประชาชนไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในเวลา 10.00 น. และจะเดินไปยังหน้าศาลฎีกา เพื่อไปบอกต่อศาลว่า "เราต้องการเศษเสี้ยวของความเป็นธรรม" จากนั้นจะมีการจัดกิจกรรมเสวนาเรื่อง "ประชาธิปไตยแท้กับความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจสัมพันธ์กันอย่างไร" ในเวลา 14.30-16.30 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน และในเวลา 17.00 น.จะมีการปราศรัยใหญ่ที่ลานอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน วงเวียนใหญ่ โดยมี นายทอม ดันดี และนายสุนัย จุลพงศธร เป็นผู้ปราศรัย และที่บ้านวันอาทิตย์สีแดง ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าวจะมีการจัดการเสวนาพูดคุยกับกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงและนางจิตรา คชเดช ในเวลา 14.00 น. และในวันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม จะมีการจัดเสวนาในหัวข้อ "สถานการณ์หลังการเลือกตั้งกับอนาคตขบวนการประชาธิปไตย" โดยมีนายสุนัย จุลพงศธร, นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ, นายพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ และนายวัฒน์ วัลยางกูร ที่อนุสรณ์สถานสี่แยกคอกวัว | |
http://redusala.blogspot.com |
หมดกัน!เกียรติภูมิทหารหาญของชาติ กลัวตายไม่กลัวอายใช้รถลากฮ.จากนราฯซ่อมลพบุรีอีก3วันถึง | |
เวบไซต์ASTVผู้จัดการนำเสนอภาพข่าวเรื่อง ใช้รถขน ฮ. 2 ลำจากนราฯ กลับลพบุรี ผวาตกซ้ำไม่กล้าบิน โดยรายงานข่าวแจ้งว่า หน่วย ฉก. นราฯ ใช้รถพ่วง 18 ล้อ ขน ฮ. 2 ลำ ไปตรวจซ่อมบำรุงยังศูนย์การบินทหารบก จ.ลพบุรี แทนการใช้ ฮ.บินไปตามปกติ หวั่นตกซ้ำหลังเกิดเหตุ ฮ.ตกที่แก่งกระจานติดกัน 3 ลำ โดยเมื่อวันที่ 4 ส.ค. หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสได้เคลื่อนย้ายเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 2 ลำ คือ รุ่น ฮ.206 และฮิวอี้ ไปยังศูนย์การบินทหารบก จ.ลพบุรี โดยใช้รถพ่วง 18 ล้อ ทั้งนี้หน่วยเฉพาะกิจ นราธิวาส แจ้งว่า เป็นการส่งซ่อมบำรุงตามรอบของการบินที่ถึงกำหนดต้องทำการส่งซ่อมและตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อความพร้อมในการใช้งาน อย่างไรก็ตาม โดยปกติที่ผ่านมา การส่งกลับเพื่อตรวจสอบตามรอบนั้นจะใช้วิธีการบินกลับ แต่หลังจากเกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก 3 ลำติดต่อกันที่แก่งกระจานนั้น ทำให้หน่วยเฉพาะกิจ นราธิวาส ตัดสินใจส่งเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำกลับโดยรถพ่วงแทน โดยคาดว่าใช้เวลา 3 วันจึงจะถึงที่ศูนย์การบินทหารบก จ.ลพบุรี นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ในพื้นที่ จ.นราธิวาส หน่วยเฉพาะกิจ นราธิวาส จะมีการใช้เฮลิคอปเตอร์ตรวจตราทางอากาศทุกวัน แต่หลังจากเกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก ได้มีการหยุดใช้เฮลิคอปเตอร์ โดยไม่มีการขึ้นบินอีกจนกระทั่งมีการส่งไปตรวจสอบในวันนี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์ตามเว็บบอร์ดต่างๆในกรณีนี้ว่าขวัญกำลังใจของทหารตกต่ำขนาดนี้ ขอเชิญชวนชาวบ้านที่อยู่ระหว่างทางจากนราธิวาสมาถึงลพบุรีช่วยกันปลอบขวัญทหารหาญของชาติ เพราะงานนี้ไม่ง่ายเหมือนขึ้นฮ.ยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ประท้วงมือเปล่า นอกจากนั้นก็วิจารณ์ว่าขนาดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก นายใหญ่ยังไม่กล้านั่งฮ.แล้วจะไม่ทำให้ลูกน้องเสียขวัญได้อย่างไร ******** เรื่องเกี่ยวเนื่อง:ทวิตเตอร์ร้อนวาสนา นาน่วม "ผบ.ทบ.นั่งรถไปงานศพทหารฮ.ตกแทนการนั่งฮ....บรึ๋ยส์" | |
http://redusala.blogspot.com |
นิติราษฎร์: ข้อสังเกตบางประการต่อคำสารภาพเรื่องแผงผังล้มเจ้า | |||
4 มิถุนายน 2554 นิติราษฎร์ ฉบับที่ ๒๓ (สาวตรี สุขศรี) ข้อสังเกตบางประการต่อคำสารภาพเรื่องแผงผังล้มเจ้า ที่มา นิติราษฎร์
| |||
http://redusala.blogspot.com |
สมศักดิ์ เจียมฯ:ประเทศนี้ต้องมีอะไรผิดปกติมากๆแน่ | |
โดย สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่มา เฟซบุ๊ค สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ประเทศนี้ ต้องมีอะไรผิดปกติมากๆแน่ๆ งบประมาณเผาศพลูกอดีตกษัตริย์ เฉพาะส่วนที่เป็นสิ่งปลูกสร้าง-หนังสือ = 235.1 ล้านบาท (พระเมรุและอาคาร 208.8 ล้านบาท, สิ่งปลูกสร้างประกอบ-ราชรถ 9.3 ล้านบาท, จดหมายเหตุ-หนังสือ 17 ล้านบาท)* นี่ยังไม่รวมส่วนที่เป็น "บุคคลากร" (รปภ., มหรศพ ฯลฯ) ที่ต้องมี, ค่าไฟฟ้า ฯลฯ ... รวมแล้วน่าจะเหยียบ 300 ล้านบาทแน่ ในขณะที่ บรรดาผู้ก่อการที่ให้กำเนิดระบบการบริหารแบบปัจจุบัน อย่างปรีดี ไม่เคยมีพิธีอะไรโดยรัฐ ที่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว (พูนศุข ที่ถ้านับบทบาททางการเมืองสังคมไม่น้อยกว่า เจ้าฟ้าเพ็ชรัตน์ แน่ๆ ก็ไม่มี) แล้วไหนเสียงท้วงติง วิจารณ์ คัดค้าน?? ไหนปัญญาชน? ไหน นักวิชาการ? แล้วไหนว่าประเทศนี้ใช้นโยบาย "เศรษฐกิจพอเพียง"?? ประเทศนี้ ต้องมีบางอย่างผิดปกติมากๆ ที่แน่ๆคือ คงไม่มี "คน" อาศัยอยู่ เพราะถ้ามี "คน" คงต้องได้ยิน ได้เห็น การถกเถียงอภิปราย ท้วงติง วิจารณ์ ความไม่มีเหตุผลอย่างเหลือเชื่อนี้แล้ว "คน" หายไปไหนหมด? ประเทศที่บังคับให้คนต้องเงียบ (โดยกฎหมาย และโดยการปิดกั้นสื่อหลัก) กับเรื่องสาธารณะที่ใหญ่ๆ อย่าง การใช้เงิน 300 ล้าน เพื่อเผาศพผู้ที่แทบไม่มีบทบาททางสาธารณะสำคัญอะไร ไม่ว่าผู้นั้นจะถูกสมมุติเป็นอะไร (การเป็น "เจ้า" เป็นการสมมุติ - ทุกคนเกิดมาก็เป็นสิ่งมีชีวิตทีเรียกว่า "คน" เหมือนๆกัน) ประเทศเช่นนี้ เป็นประเทศที่อับจนทางวัฒนธรรม อับจนทางภูมิปัญญา อย่างน่าอนาถ และปัญญาชน หรือ "นักวิชาการ" ที่เห็นเรื่องแบบนี้ แล้วไม่พยายามพูดอะไรออกมา ก็ไม่มีความเคารพตัวเอง ไม่สมควรได้ชื่อว่าปัญญาชน หรือ "นักวิชาการ" ...................... * ตัวเลขงบประมาณสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ เอามาจากรายงานข่าวนี้ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1312279454&grpid=03&catid&subcatidและ http://manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9540000095636 | |
http://redusala.blogspot.com |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)