Wed, 2015-06-10 14:47
นัดตรวจพยานหลักฐานคดี อภิชาติ พงษ์สวัสดิ์ นักศึกษากฎหมาย ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ประท้วงหน้าหอศิลป์ 1 วันหลังรัฐประหาร ศาลนัดสืบพยานเดือน ก.ย. จำเลยยืนยันไม่รับคำสั่ง คสช. แต่ยอมรับในคำตัดสินของศาล
10 มิ.ย.2558 ที่ศาลแขวงปทุมวัน มีการนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีที่ จ.ส.อ.อภิชาติ พงษ์สวัสดิ์ ถูกพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ฟ้องในความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศ คสช.ฉบับที่ 7/2557 จำเลยได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ในเวลา 9.00 น. นายอภิชาติพร้อมกับทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยนและผู้สังเกตการณ์คดีได้เดินทางมาถึงห้องพิจารณาคดี 4 เพื่อยื่นพยานหลักฐานต่อศาล โดยพยานและหลักฐานที่จะใช้สืบคดีนั้น ฝ่ายโจทก์แจ้งว่าประกอบไปด้วยพยานบุคคล 3 ปาก เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่ทำการควบคุมเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 57 ที่หน้าหอศิลป์ และพยานวัตถุ ส่วนจำเลยแจ้งว่ามีพยานบุคคล 5 ปาก ประกอบด้วยประชาชนและผู้สื่อข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์ และนักวิชาการ รวมถึงพยานวัตถุ 17 ชุด ประกอบด้วยแผ่นบันทึกเหตุการณ์ คลิปวิดีโอ และเอกสาร โดยศาลระบุว่าในการต่อสู้ในชั้นศาลจะเป็นการสู้ด้วยพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง และจะนัดสืบพยานต่อเนื่องในวันทำการ โดยได้นัดสืบพยานปากของฝ่ายโจทย์ในเช้าวันที่ 11 ก.ย. 2558 และ ฝ่ายจำเลยในเช้าวันที่ 30 ก.ย. 2558
อภิชาติได้เผยความรู้สึกหลังออกจากห้องพิจารณาคดีว่า เขาคิดว่าศาลจะให้ความเป็นธรรมกับคดีนี้และทางทนายมีแนวทางสู้คดีได้เต็มที่ ผลพิพากษาอาจจะออกมา 50:50 มีความเป็นไปได้ที่ศาลจะยกฟ้องหรือลงโทษสถานเบา แต่ถ้าศาลตัดสินว่ามีความผิดจริงก็เตรียมจะยื่นอุทธรณ์
นายอภิชาติกล่าวต่อว่า ในคดีนี้จะขอต่อสู้ในประเด็นของความไม่ชอบทางกฏหมาย เพราะเขายึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย พลเมืองต้องปกป้องรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่ออกมาปกป้องและยืนยันอำนาจอธิปไตยในตอนนั้น ต่อมาหากมีรัฐประหารอีกประชาชนก็อาจจะไม่ออกมาปกป้องสิทธิของตนเอง ประเด็นสำคัญอีกอย่างก็คือในวันที่เกิดเหตุ คำสั่ง คสช. ยังไม่เป็นกฎหมายในเวลานั้น ดังนั้นจึงคิดว่าไม่ถูกต้องที่เขาจะถูกจับกุม นอกจากนั้นเขายังเห็นว่าอำนาจของ คสช. ได้มาโดยมิชอบ จึงจะไม่ยอมรับคำสั่งของ คสช. โดยเด็ดขาด
“ผมยอมรับคำตัดสินของศาล ผมจึงมาอยู่ ณ ตรงนี้ แต่ผมไม่ยอมรับคำสั่งของ คสช.” นายอภิชาติกล่าว
เมื่อสอบถามถึงความคืบหน้าคดีมาตรา112 ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา นายอภิชาติกล่าวว่าคดียังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ขณะถูกจับกุมอภิชาตเป็นนักศึกษาโครงการบัณฑิตอาสาสมัคร (บอ.)มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักศึกษาด้านกฎหมาย เหตุเกิดเนื่องจากในวันที่ 23 พ.ค.2557 ซึ่งเป็นวันหลังเกิดการรัฐประหาร 1 วัน มีการชุมนุมคัดค้านการรัฐประหารที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ อภิชาติเป็นหนึ่งในสี่คนที่ถูกจับกุมเนื่องจากชูป้ายข้อความต้านรัฐประหาร เขาถูกควบคุมตัวที่กองปราบจนครบ 7 วันตามอำนาจตามกฎอัยการศึก ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตั้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ในการชุมนุม และพ่วงด้วยความผิดตามมาตรา 112, 215, 216 และมาตรา 14 อนุ 3 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ผู้ใกล้ชิดอภิชาติซึ่งเป็นพยานขณะตำรวจสอบปากคำอภิชาติระบุว่า ข้อหาตามมาตรา 112 นั้นสืบเนื่องมาจากมีผู้นำส่งหลักฐานที่อ้างว่าเป็นข้อความในเฟซบุ๊กของอภิชาตให้เจ้าหน้าที่ทหาร จากนั้นเขาถูกฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยไม่ให้ประกันตัวเป็นเวลา 24 วันก่อนศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอฝากขังผลัดที่ 3 ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ