ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
ศาลอุดรฯอนุมัติหมายจับ 5 จ่าทีมยิง ‘ขวัญชัย’ -ร.ต.วางแผน งมอาก้าไม่เจอคาดย้ายที่ซ่อน
ศาลอุดรฯอนุมัติหมายจับ 5 จ่าทีมยิง ‘ขวัญชัย’ -ร.ต.วางแผน งมอาก้าไม่เจอคาดย้ายที่ซ่อน
โดยวันที่ 14 ม.ค. ทั้งหมดพากันเปิดห้องพักที่รีสอร์ตใน ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อนัดหมายและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะไปเปิดบายพาสรีสอร์ต ให้ทีมยิงเข้าพัก เปิดห้องพักที่ริมน้ำรีสอร์ต ให้ทีมชี้เป้าเข้าพัก และวันที่ 21 ม.ค. ร.ต.หัวหน้าชุด เดินทางกลับไปก่อน จนกระทั่งรุ่งขึ้นวันที่ 22 ม.ค. ที่เหลืออีก 6 คนก็ลงมือยิงแล้วแยกย้านกันหลบหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 ควบคุมตัวนายมะดือนัง มะแซ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ.- / 2557 ในข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” กรณีคนร้ายลอบยิงนายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร แกนนำ นปช.ภาคอีสาน ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยถูกจับกุมตัวได้ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านพักเลขที่ 78 ม.6 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เพื่อมาสอบสวนขยายผล ที่ค่ายเสนีย์รณยุทธ์ ตชด.24 ตั้งแต่เย็นวันที่ 7 ก.พ. จนถึงช่วงสายวันที่ 8 ก.พ. เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน
โดย พล.ต.ท.อนุชัย พล.ต.ท.สุรพล พินิจชอบ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม ผกก.สส.ภ.4 พ.ต.ท.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผกก.สส.ภ.4 ร่วมกันสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียด หลังได้พยานหลักฐานคำให้การ จนสามารถมัดตัวกลุ่มผู้ร่วมก่อเหตุได้ครบหมดทั้ง 7คนแล้ว จึงคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทุกจุดทั่วเมืองอุดรธานี
จุดแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดที่ บายพาสรีสอร์ต ถ.บายพาส ช่วงระหว่างสี่แยกไปจ.หนองคาย เข้าสู่ตัวเมืองอุดรธานี ซึ่งเป็นจุดที่จ่า 3 คนพานายมะดือนังเดินทางมากับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียนของหน่วยงานแห่งหนึ่ง และเข้าพักที่ รีสอร์ต เพื่อเปลี่ยนป้ายเป็นป้ายทะเบียนปลอมของจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อตบตาช่วงลงมือ จุดนี้มีการเข้าพัก 4 คน โดยเปิดห้องพัก 3 ห้อง ประกอบด้วยห้องหมายเลข บี 9 บี 11 และบี 13 โดยใช้เป็นที่พัก และนำกระดาษเอ 4 มาทำเป็นทะเบียนปลอมทับทะเบียนเดิมเอาไว้ เพื่อง่ายแก่การแกะทิ้งหลังก่อเหตุ พร้อมทั้งวางแผนลงมือยิงด้วยปืนอาก้า 2 กระบอกที่จ่ามีสีจัดหามา จากนั้นก็มีการติดต่อกับจ่าอีก 2 คน ที่เข้าพักที่ ริมน้ำรีสอร์ต ตรงข้ามบ้านพักนายขวัญชัย ที่คอยเฝ้าสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหว เพื่อส่งสัญญาณความพร้อมในการลงมือเข้าจุดสังหาร
จุดที่สอง พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 พร้อมทีมสืบสวนจับกุม ได้ควบคุมตัวนายมะดือนัง มะแซ มาทำแผนบริเวณจุดที่พบปลอกกระสุนบริเวณริมรั้วบ้านพักของนายขวัญชัย โดยพนักงานสอบสวนได้ให้นายมะดือนังแสดงท่าทางระหว่างที่หลบอยู่ใต้ผ้าใบหลังรถกระบะตอนเกิดเหตุ จากนั้นให้ทำท่าทางใช้อาวุธปืนยิง โดยทิศทางพุ่งตรงไปที่บ้านของนายขวัญชัย พร้อมชี้จุดที่มีเพื่อนร่วมก่อเหตุยืนอยู่หลังกระบะด้วยกัน และผู้ร่วมก่อเหตุอีกหนึ่งนายบริเวณด้านข้างคนขับรถกระบะที่เปิดประตูลงมาดูหลังก่อเหตุ ก่อนขึ้นรถกระบะคันดังกล่าวหลบหนีไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหามาที่เรือนทิวา รีสอร์ต ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อชี้จุดที่กลุ่มผู้ร่วมขบวนการนำรถกระบะ 2 คัน ได้แก่ รถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ทองจอดพักไว้ที่ห้องพยอม และรถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์เงิน จอดพักไว้ที่ห้องพยูง โดยนายมะดือนัง มะแซ ไม่ได้เข้าพัก กลุ่มสังหารได้พานายมะดือนัง มะแซ กลับไปพักที่เดอะบายพาสรีสอร์ต กระทั่งเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.ชวนชัย ชนะบัว พร้อมพนักงานสอบสวนที่ร่วมทำคดี ได้คุมตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลจังหวัดอุดรธานี ก่อนที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะคุมตัวเข้าเรือนจำกลางอุดรธานี
ความคืบหน้า วันที่ 9 ก.พ. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ชุดสืบสวนนำโดย พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม ผกก.สส.ภ.4 พ.ต.ท.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผกก.สส.ภ.4 พร้อมชุดสืบสวนด้ไรุดไปร่วมกับทีมสืบสวนภาค 4 และตำรวจท้องที่ ภ.จว.ชัยภูมิ หลังจากเมื่อเย็นวันที่ 8 ก.พ. ได้สั่งการให้จัดชุดดำน้ำลงงมสระหลังบ้านพักของ นางบุตรดี ยางบัว เลขที่ 47 บ้านเปลือย ต.โนนกอก อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ เพื่องมหาอาวุธปืนยาว AK 47 หรือปืนอาก้า ที่นายมะดือนัง มะแซ ผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ก่อนหน้านี้ รับสารภาพว่าช่วงที่พากันหลบหนีได้แวะมาเอาปืนโยนทิ้งลงน้ำที่สระหลังบ้านของนางบุตรดี แล้วพากันหลบหนีไป
อย่างไรก็ตาม ชุดงมไม่เจอปืน จึงสั่งเครื่องสูบน้ำแบบรุ่นพญานาคท่อส่งน้ำขนาด 6 นิ้ว จำนวน 3 เครื่อง สูบน้ำออกจากบ่อในพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ น้ำลึกประมาณ 1 เมตร แต่ไม่พบอาวุธปืนในบ่อแต่อย่างใด จึงตรวจค้นเพิ่มในบ่อน้ำบริเวณใกล้เคียงอีก แต่ก็ไม่พบ มีเพียงร่องรอยของรถกระบะที่วิ่งเข้ามาจอดใกล้บริเวณริมบ่อซึ่งเป็นรอยล้อรถขนาดเดียวกับที่พบในจุดเกิดเหตุบริเวณพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่รวม 43 ปลอกรวมไปถึงการตรวจค้นละเอียดยิบในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาอาจซ่อนอาวุธปืนและกระสุนปืนเอาไว้ ซึ่งอาจจะเปลี่ยนจากการทิ้งลงน้ำ มาเป็นการฝังกลบดิน
ทีมสืบสวนสอบพยานในบริเวณหมู่บ้านและนางบุตรดี ทำให้พอทราบว่า เมื่อ 2 คืนที่ผ่านมา ช่วงกลางดึก มีรถกระบะไม่ทราบสียี่ห้อ วิ่งเข้ามาบริเวณด้านหลังสระน้ำ คาดว่ามีการมางมเอาอาวุธปืนเพื่อนำไปซ่อนที่อื่น โดยทีมสืบสวนเร่งแกะรอยเพื่อค้นหาอาวุธปืนอาก้าที่ใช้ลงมือยิง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีการออกหมายจับนายมะดือนัง มะแซ อายุ 37 ปี อส.ประจำที่ว่าการอำเภอรือเสาะ จ.นราธิวาส และพักอยู่บ้านเลขที่ 78 ม.6 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส จนสามารถติดตามจับกุมตัวได้แล้วนั้น ต่อมา พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 มอบหมายให้ พ.ต.อ.จักรกฤษณ์ จันทรรัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี หัวหน้าพนักงานสอบสวน พร้อมด้วย พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานีและพ.ต.อ.ชวนชัย ชนะบัว ผกก.สบ.4 หอบเอกสารสำนวนการสอบสวนหลักฐานประกอบคำร้องขออนุมัติศาลจังหวัดอุดรธานี เพื่อขอออกหมายจับผู้ต้องหารวม 6 คน จนศาลอนุมัติหมายจับออกหมายจับที่ จ.- / 2557 ฐาน ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ประกอบด้วย จ.ส.อ.มาวิน , จ.ส.ท.วอ , อีก 2 คน ยศ จ.ส.อ. และอีกคนยศสิบเอก รวม 5 คน ส่วนอีกคนเป็นผู้หมวด อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การวางแผนยิง นายขวัญชัย โดย ร.ต.วางแผน จ.ส.อ.คุมทีม จ.ส.ท.มือยิง หลังจากการสอบเค้นนายมะดือนัง ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีร่วมกันยิงนายขวัญชัย ทำให้ได้หลักฐานสำคัญหลายอย่าง กระทั่งสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาร่วมได้แล้ว 6 คน จากทั้งหมดรวม 7 คน ประกอบด้วย
โดย พล.ต.ท.อนุชัย พล.ต.ท.สุรพล พินิจชอบ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม ผกก.สส.ภ.4 พ.ต.ท.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผกก.สส.ภ.4 ร่วมกันสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียด หลังได้พยานหลักฐานคำให้การ จนสามารถมัดตัวกลุ่มผู้ร่วมก่อเหตุได้ครบหมดทั้ง 7คนแล้ว จึงคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทุกจุดทั่วเมืองอุดรธานี
จุดแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดที่ บายพาสรีสอร์ต ถ.บายพาส ช่วงระหว่างสี่แยกไปจ.หนองคาย เข้าสู่ตัวเมืองอุดรธานี ซึ่งเป็นจุดที่จ่า 3 คนพานายมะดือนังเดินทางมากับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียนของหน่วยงานแห่งหนึ่ง และเข้าพักที่ รีสอร์ต เพื่อเปลี่ยนป้ายเป็นป้ายทะเบียนปลอมของจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อตบตาช่วงลงมือ จุดนี้มีการเข้าพัก 4 คน โดยเปิดห้องพัก 3 ห้อง ประกอบด้วยห้องหมายเลข บี 9 บี 11 และบี 13 โดยใช้เป็นที่พัก และนำกระดาษเอ 4 มาทำเป็นทะเบียนปลอมทับทะเบียนเดิมเอาไว้ เพื่อง่ายแก่การแกะทิ้งหลังก่อเหตุ พร้อมทั้งวางแผนลงมือยิงด้วยปืนอาก้า 2 กระบอกที่จ่ามีสีจัดหามา จากนั้นก็มีการติดต่อกับจ่าอีก 2 คน ที่เข้าพักที่ ริมน้ำรีสอร์ต ตรงข้ามบ้านพักนายขวัญชัย ที่คอยเฝ้าสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหว เพื่อส่งสัญญาณความพร้อมในการลงมือเข้าจุดสังหาร
จุดที่สอง พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 พร้อมทีมสืบสวนจับกุม ได้ควบคุมตัวนายมะดือนัง มะแซ มาทำแผนบริเวณจุดที่พบปลอกกระสุนบริเวณริมรั้วบ้านพักของนายขวัญชัย โดยพนักงานสอบสวนได้ให้นายมะดือนังแสดงท่าทางระหว่างที่หลบอยู่ใต้ผ้าใบหลังรถกระบะตอนเกิดเหตุ จากนั้นให้ทำท่าทางใช้อาวุธปืนยิง โดยทิศทางพุ่งตรงไปที่บ้านของนายขวัญชัย พร้อมชี้จุดที่มีเพื่อนร่วมก่อเหตุยืนอยู่หลังกระบะด้วยกัน และผู้ร่วมก่อเหตุอีกหนึ่งนายบริเวณด้านข้างคนขับรถกระบะที่เปิดประตูลงมาดูหลังก่อเหตุ ก่อนขึ้นรถกระบะคันดังกล่าวหลบหนีไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหามาที่เรือนทิวา รีสอร์ต ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อชี้จุดที่กลุ่มผู้ร่วมขบวนการนำรถกระบะ 2 คัน ได้แก่ รถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ทองจอดพักไว้ที่ห้องพยอม และรถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์เงิน จอดพักไว้ที่ห้องพยูง โดยนายมะดือนัง มะแซ ไม่ได้เข้าพัก กลุ่มสังหารได้พานายมะดือนัง มะแซ กลับไปพักที่เดอะบายพาสรีสอร์ต กระทั่งเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.ชวนชัย ชนะบัว พร้อมพนักงานสอบสวนที่ร่วมทำคดี ได้คุมตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลจังหวัดอุดรธานี ก่อนที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะคุมตัวเข้าเรือนจำกลางอุดรธานี
ความคืบหน้า วันที่ 9 ก.พ. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ชุดสืบสวนนำโดย พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม ผกก.สส.ภ.4 พ.ต.ท.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผกก.สส.ภ.4 พร้อมชุดสืบสวนด้ไรุดไปร่วมกับทีมสืบสวนภาค 4 และตำรวจท้องที่ ภ.จว.ชัยภูมิ หลังจากเมื่อเย็นวันที่ 8 ก.พ. ได้สั่งการให้จัดชุดดำน้ำลงงมสระหลังบ้านพักของ นางบุตรดี ยางบัว เลขที่ 47 บ้านเปลือย ต.โนนกอก อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ เพื่องมหาอาวุธปืนยาว AK 47 หรือปืนอาก้า ที่นายมะดือนัง มะแซ ผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ก่อนหน้านี้ รับสารภาพว่าช่วงที่พากันหลบหนีได้แวะมาเอาปืนโยนทิ้งลงน้ำที่สระหลังบ้านของนางบุตรดี แล้วพากันหลบหนีไป
อย่างไรก็ตาม ชุดงมไม่เจอปืน จึงสั่งเครื่องสูบน้ำแบบรุ่นพญานาคท่อส่งน้ำขนาด 6 นิ้ว จำนวน 3 เครื่อง สูบน้ำออกจากบ่อในพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ น้ำลึกประมาณ 1 เมตร แต่ไม่พบอาวุธปืนในบ่อแต่อย่างใด จึงตรวจค้นเพิ่มในบ่อน้ำบริเวณใกล้เคียงอีก แต่ก็ไม่พบ มีเพียงร่องรอยของรถกระบะที่วิ่งเข้ามาจอดใกล้บริเวณริมบ่อซึ่งเป็นรอยล้อรถขนาดเดียวกับที่พบในจุดเกิดเหตุบริเวณพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่รวม 43 ปลอกรวมไปถึงการตรวจค้นละเอียดยิบในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาอาจซ่อนอาวุธปืนและกระสุนปืนเอาไว้ ซึ่งอาจจะเปลี่ยนจากการทิ้งลงน้ำ มาเป็นการฝังกลบดิน
ทีมสืบสวนสอบพยานในบริเวณหมู่บ้านและนางบุตรดี ทำให้พอทราบว่า เมื่อ 2 คืนที่ผ่านมา ช่วงกลางดึก มีรถกระบะไม่ทราบสียี่ห้อ วิ่งเข้ามาบริเวณด้านหลังสระน้ำ คาดว่ามีการมางมเอาอาวุธปืนเพื่อนำไปซ่อนที่อื่น โดยทีมสืบสวนเร่งแกะรอยเพื่อค้นหาอาวุธปืนอาก้าที่ใช้ลงมือยิง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีการออกหมายจับนายมะดือนัง มะแซ อายุ 37 ปี อส.ประจำที่ว่าการอำเภอรือเสาะ จ.นราธิวาส และพักอยู่บ้านเลขที่ 78 ม.6 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส จนสามารถติดตามจับกุมตัวได้แล้วนั้น ต่อมา พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 มอบหมายให้ พ.ต.อ.จักรกฤษณ์ จันทรรัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี หัวหน้าพนักงานสอบสวน พร้อมด้วย พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานีและพ.ต.อ.ชวนชัย ชนะบัว ผกก.สบ.4 หอบเอกสารสำนวนการสอบสวนหลักฐานประกอบคำร้องขออนุมัติศาลจังหวัดอุดรธานี เพื่อขอออกหมายจับผู้ต้องหารวม 6 คน จนศาลอนุมัติหมายจับออกหมายจับที่ จ.- / 2557 ฐาน ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ประกอบด้วย จ.ส.อ.มาวิน , จ.ส.ท.วอ , อีก 2 คน ยศ จ.ส.อ. และอีกคนยศสิบเอก รวม 5 คน ส่วนอีกคนเป็นผู้หมวด อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การวางแผนยิง นายขวัญชัย โดย ร.ต.วางแผน จ.ส.อ.คุมทีม จ.ส.ท.มือยิง หลังจากการสอบเค้นนายมะดือนัง ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีร่วมกันยิงนายขวัญชัย ทำให้ได้หลักฐานสำคัญหลายอย่าง กระทั่งสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาร่วมได้แล้ว 6 คน จากทั้งหมดรวม 7 คน ประกอบด้วย
- 1.ผู้หมวดเป็นหัวหน้าชุดวางแผนการลอบสังหาร
- 2.จ.ส.อ.มาวิน เป็นหัวหน้าชุดควบคุมการปฏิบัติขณะยิง วันเกิดเหตุนั่งคู่มาตอนหน้าในรถคันที่ใช้ยิง
- 3.จ.ส.ท.วอ ทำหน้าที่ยิงคู่กับนายมะดือนัง โดยเป็นคนยิงก่อนในนัดแรกเพื่อให้ จ.ส.อ.มาวิน ที่ยืนควบคุมเป้าหมายอยู่ข้างรถเป็นคนออกคำสั่ง เมื่อ จ.ส.อ.มาวิน เห็นเป้าหมายล้มลงคิดว่ายิงถูกเป้าหมายแล้ว ก็สั่งให้นายมะดือนัง มือปืนคนที่สองยิงแบบกดออโต้หมดแม็กทีเดียว รวมแล้วน่าจะใช้กระสุนทั้งหมด 80 นัด แต่ในที่เกิดเหตุเก็บปลอกกระสุนปืนอาก้าได้ 43 ปลอก ที่เหลือปืนทั้งสองกระบอกน่าจะคัดปลอกกระสุนตกลงไปที่บนกระบะรถ
- 4.จ.ส.อ.ทำหน้าที่ขับรถพา จ.ส.อ.มาวิน และจ.ส.ท.วอ และนายมะดือนัง มายิงนายชวัญชัย
- 5.จ.ส.อ.อีกคนทำหน้าที่ดูลาดเลาเป้าหมาย และพักที่รีสอร์ตฝั่งตรงข้ามบ้านพักนายขวัญชัย และ
- 6.ส.อ.ทำหน้าที่คอยสังเกตุการณ์ร่วมและทำหน้าที่ขับรถนำหน้ารถมือปืนเพื่อพาหลบหนี
โดยวันที่ 14 ม.ค. ทั้งหมดพากันเปิดห้องพักที่รีสอร์ตใน ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อนัดหมายและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะไปเปิดบายพาสรีสอร์ต ให้ทีมยิงเข้าพัก เปิดห้องพักที่ริมน้ำรีสอร์ต ให้ทีมชี้เป้าเข้าพัก และวันที่ 21 ม.ค. ร.ต.หัวหน้าชุด เดินทางกลับไปก่อน จนกระทั่งรุ่งขึ้นวันที่ 22 ม.ค. ที่เหลืออีก 6 คนก็ลงมือยิงแล้วแยกย้านกันหลบหนี
เลี้ยงไว้เสียข้าวสุก ออกไปแซะ
ราชการครับท่านกินภาษี พวกผมอยู่นะในขณะปฎิบัติหน้าที่ ขอร้องถะครับถอดชุดออก แล้วไปรับเงินเดือนกัพวก กปปส แล้วลาออกจากข้าราชการ
ผลักดัน นายสาธิต เซกัล ออกนอกประเทศภายในวันนี้ (7 ก.พ.)
ศรส.มีมติผลักดัน นายสาธิต เซกัล ออกนอกประเทศภายในวันนี้ (7 ก.พ.) หลังตรวจสอบพบว่า พำนักอยู่ในไทยโดยไม่มีการต่อวีซ่ามาประมาณ 50 ปี
ส่วนกรณีของ นายสาธิต เซกัล ทาง ศรส.จะมีการออกคำสั่งเนรเทศภายในวันนี้ (7 ก.พ.) หรือ วันพรุ่งนี้ (8 ก.พ.) ตามการประกาศ การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมกันนี้ยังระบุด้วยว่า นายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ออกแถลงการณ์ ประกาศในนาม ขององค์การสหประชาชาติว่า การที่ กปปส.ทำการขัดขวางการเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
“ใครหว่า? ล้มประชาธิปไตย ต้านเลือกตั้ง ขวางจ่ายเงินชาวนา”
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการติดแผ่นป้ายข้อความขนาดใหญ่ คัดค้านมวลชนกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่ริมทางด่วนช่วงพระราม 4 (มุ่งหน้าลงดินแดง) และป้ายขนาดใหญ่ใกล้ร้านเจ้เล้ง ริมถนนวิภาวดี (ขาเข้า)
โดยมีข้อความว่า
- “ใครหว่า? อุ้มคนรวยขาดทุน ปรส. 8 แสนล้าน ขวางช่วยคนจน ค่าข้าวชาวนา 1.3 แสนล้าน”
- “ใครหว่า? ล้มประชาธิปไตย ต้านเลือกตั้ง ขวางจ่ายเงินชาวนา”
ผู้ตรวจการแผ่นดินปัดรับคำร้อง ปชป. โมฆะเลือกตั้ง
ผู้ตรวจการแผ่นดินปัดรับคำร้อง ปชป. โมฆะเลือกตั้ง
ผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงไม่มีอำนาจรับเรื่องร้องเรียน ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเพิกถอนการเลือกตั้งจากพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นตีความมานั้น กฏหมายให้อำนาจผู้ตรวจการส่งเรื่องไปยังศาลปกครองได้เท่านั้น
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงผลการพิจารณา กรณีพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้การออกพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร และการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์โดยรัฐบาลรักษาการณ์ ตกเป็นโมฆะ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้มีคำวินิจฉัยเพิกถอนการเลือกตั้งดังกล่าวนั้น
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่ากรณีที่มีการร้องเรียนมาดังกล่าว ไม่เข้าข่ายอยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามมาตรา 244 (1) (ก.) ตามรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ตามกฏหมาย ของข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความได้ ตามที่ผู้ร้องขอมา เนื่องจากอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน สามารถส่งเรื่องให้ศาลปกครองได้เท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่าได้ติดต่อแจ้งไปทางนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ผู้ยื่นเรื่องให้รับทราบแล้ว ซึ่งทางนายวิรัตน์ ก็ยังไม่ได้ติดต่อเพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนเข้ามาใหม่อีกครั้งแต่อย่างไร ทั้งนี้ นอกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ก็ยังไม่มีบุคคลอื่น ร้องเรียนกรณีการเลือกตั้งเข้ามาแต่อย่างไร
ผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงไม่มีอำนาจรับเรื่องร้องเรียน ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเพิกถอนการเลือกตั้งจากพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นตีความมานั้น กฏหมายให้อำนาจผู้ตรวจการส่งเรื่องไปยังศาลปกครองได้เท่านั้น
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงผลการพิจารณา กรณีพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้การออกพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร และการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์โดยรัฐบาลรักษาการณ์ ตกเป็นโมฆะ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้มีคำวินิจฉัยเพิกถอนการเลือกตั้งดังกล่าวนั้น
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่ากรณีที่มีการร้องเรียนมาดังกล่าว ไม่เข้าข่ายอยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามมาตรา 244 (1) (ก.) ตามรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ตามกฏหมาย ของข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความได้ ตามที่ผู้ร้องขอมา เนื่องจากอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน สามารถส่งเรื่องให้ศาลปกครองได้เท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่าได้ติดต่อแจ้งไปทางนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ผู้ยื่นเรื่องให้รับทราบแล้ว ซึ่งทางนายวิรัตน์ ก็ยังไม่ได้ติดต่อเพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนเข้ามาใหม่อีกครั้งแต่อย่างไร ทั้งนี้ นอกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ก็ยังไม่มีบุคคลอื่น ร้องเรียนกรณีการเลือกตั้งเข้ามาแต่อย่างไร
ศาลอนุมัติออกหมายจับกุม กลุ่ม กปปส.ปิดล้อมขัดขวาง การเลือกตั้ง จำนวน 12 ราย
ศาลอนุมัติออกหมายจับกุม กลุ่ม กปปส.ปิดล้อมขัดขวาง การเลือกตั้ง จำนวน 12 ราย
ด้วยเมื่อวันที่ 31 ม.ค.3557 เวลาประมาณ 07.00 น. ผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. ได้ทำการปิดล้อม รร.หนองหญ้าปล้องวิทยา ต.หนองหญ้าปล้อง อ.หนองหญ้าปล้อง จว.เพชรบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 3 ซึ่งเป็นสถานที่เก็บบัตรเลือกตั้งและวัสดุอุปกรณ์ที่จะนำไปใช้ในการเลือกตั้ง โดยทำการปิดล้อมตั้งแต่วันดังกล่าวจนถึงวันที่ 2 ก.พ.2557 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง จนเป็นเหตุให้คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ก.พ.2557 พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้วได้ยื่นขอให้ศาลจังหวัดเพชรบุรีอนุมัติออกหมายจับตามกฎหมาย ภายหลังศาลได้อนุมัติออกหมายจับตามที่พนักงานสอบสวนยื่นขอ จำนวน 12 ราย ดังรายชื่อดังต่อไปนี้
ผู้ต้องหาทั้ง 12 ราย กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันกระทำการใดๆ โดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถใช้สิทธิได้, ร่วมกันทำให้เสื่อมเสียเสีรีภาพโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และร่วมกันเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุขในเวลากลางคืน”
ด้วยเมื่อวันที่ 31 ม.ค.3557 เวลาประมาณ 07.00 น. ผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. ได้ทำการปิดล้อม รร.หนองหญ้าปล้องวิทยา ต.หนองหญ้าปล้อง อ.หนองหญ้าปล้อง จว.เพชรบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 3 ซึ่งเป็นสถานที่เก็บบัตรเลือกตั้งและวัสดุอุปกรณ์ที่จะนำไปใช้ในการเลือกตั้ง โดยทำการปิดล้อมตั้งแต่วันดังกล่าวจนถึงวันที่ 2 ก.พ.2557 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง จนเป็นเหตุให้คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ก.พ.2557 พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้วได้ยื่นขอให้ศาลจังหวัดเพชรบุรีอนุมัติออกหมายจับตามกฎหมาย ภายหลังศาลได้อนุมัติออกหมายจับตามที่พนักงานสอบสวนยื่นขอ จำนวน 12 ราย ดังรายชื่อดังต่อไปนี้
- 1. นายจิรศักดิ์ เทศเกิด อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/1 หมู่ที่ 2 ต.ห้วยไผ่ อ.เมืองราชบุรี จว.ราชบุรี (หมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรีที่ 50/2557)
- 2. นายนัท สุขศิรินันทกุล อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 หมู่ที่ 3 ต.ยางน้ำกลัดใต้ อ.หนองหญ้าปล้อง จว.เพชรบุรี (หมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรีที่ 51/2557)
- 3. นายสมพล กล้าหาญ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 5 ต.หนองหญ้าปล้อง อ.หนองหญ้าปล้อง จว.เพชรบุรี (หมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรีที่ 52/2557)
- 4. นางกาญจนา โกมลวานิช อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 310/1 หมู่ที่ 4 ต.หนองหญ้าปล้อง อ.หนองหญ้าปล้อง จว.เพชรบุรี (หมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรีที่ 53/2557)
- 5. นางสาวอนงค์นาถ อ่อนน้อม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 292 หมู่ที่ 4 ต.หนองหญ้าปล้อง อ.หนองหญ้าปล้อง จว.เพชรบุรี (หมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรีที่ 54/2557)
- 6. นายสุรินทร์ พวงไม้ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/2 หมู่ที่ 3 ต.ยางน้ำกลัดเหนือ อ.หนองหญ้าปล้อง จว.เพชรบุรี (หมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรีที่ 55/2557)
- 7. นายสมบูรณ์ สูงดัง อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 หมู่ที่ 2 ต.ยางน้ำกลัดเหนือ อ.หนองหญ้าปล้อง จว.เพชรบุรี (หมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรีที่ 56/2557)
- 8. นายชวนชม ผู้งาม อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ที่ 4 ต.ยางน้ำกลัดใต้ อ.หนองหญ้าปล้อง จว.เพชรบุรี (หมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรีที่ 57/2557)
- 9. นางลำพัศ มาดศรี อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 343/2 หมู่ที่ 9 ต.หนองหญ้าปล้อง อ.หนองหญ้าปล้อง จว.เพชรบุรี (หมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรีที่ 58/2557)
- 10. นายบัญชา วรรณกนก อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ที่ 4 ต.หนองหญ้าปล้อง อ.หนองหญ้าปล้อง จว.เพชรบุรี (หมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรีที่ 59/2557)
- 11. นายสงคราม เสนะโลหิต อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ที่ 4 ต.หนองหญ้าปล้อง อ.หนองหญ้าปล้อง จว.เพชรบุรี (หมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรีที่ 60/2557)
- 12. นางพะยอม พลอยงาม อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/2 หมู่ที่ 4 ต.หนองหญ้าปล้อง อ.หนองหญ้าปล้อง จว.เพชรบุรี (หมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรีที่ 61/2557)
ผู้ต้องหาทั้ง 12 ราย กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันกระทำการใดๆ โดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถใช้สิทธิได้, ร่วมกันทำให้เสื่อมเสียเสีรีภาพโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และร่วมกันเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุขในเวลากลางคืน”
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)