วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ไม่เอา 112: โรคระบาดใหม่ทางเฟสบุค 
http://www.internetfreedom.us/thread-14526.html

ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
22 กุมภาพันธ์ 2554


[Image: no%2B112.jpg]


[Image: 112.jpg]


badges No! Use LML – No! use the lese-majeste law. – NO! 112 ได้ถูกสร้างขึ้นที่โลกอินเตอร์เนทเพื่อให้คนสามารถเอาโลโก้นี้ไปแปะรูปของตัวเองได้ โดยผู้สร้างอธิบายเหตุผลไว้ว่า

เราไม่ใช่ ไม่เอา ม.112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เราต้องการยกเลิกหรืออย่างน้อยต้องปฏิรูปกฏหมายตัวนี้ เพราะไม่สอดคร้องกับหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยในเรื่องความรับผิด ชอบตรวจสอบได้(Accountability)

“..ประเด็นสถาบันกษัตริย์ รวมทั้งเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ ความจริง เป็นประเด็นสาธารณะ ที่ประชาชนทุกคนควรต้องมีสิทธิและเสรีภาพที่จะอภิปรายได้อย่างตรงไปตรงมา..” สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

ดังนั้นผู้ที่นิยมในระบอบประชาธิปไตยต้องสนับสนุนให้มี สิทธิในเสรีภาพตรงนี้

อ่านความเห็นของสมศักดิ์ เกี่ยวกับกฏหมายตัวนี้ได้ที่ “นปช.แดงทั้งแผ่นดินกับโทรเลขวิกิลีกส์ ฉบับวันที่ 25 มกราคม 2553″ 


ขณะนี้ยอดติด badge นี้ในเฟสบุคมีจำนวนกว่าพันคนแล้ว สำหรับผู้สนใจยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ เชิญติด badge NO 112 ได้ที่นี่ http://www.picbadges.com/no-use-lml/333847/

สำหรับปรากฎการณ์วันนี้ (22 กุมภาพันธ์) เพียงชั่วไม่กี่ชั่วโมง หลังจากปรากฎการณ์การบุกจับสุรชัย แซ่ด่าน ในโลกเฟสบุค ได้มีการตื่นตัวเป็นอย่างมาก ทั้งการส่งข่าวสารการถูกจับครั้งนี้ และการเปลี่ยนรูปของพวกเขาที่มีติดโลโก้ ไม่เอา 112 กันอย่างมากมายในวันนี้
จริงๆ แล้วปรากฎการณ์ในโลกเฟสบุค เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับกฎหมายหลงยุคตัวนี้ ได้มีมาอย่างต่อเนื่องและเติบโตอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่มันได้ถูกโหมกระพืออย่างรวดเร็วจากการจับตัวและคุมขังสุรชัย แซ่ด่าน หรือสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์เมื่อคืนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554

จรรยา ยิ้มประเสริฐได้ตั้งกลุ่ม "Overcoming Fear of Monarchy in Thailand - เอาชนะความกลัวพระบรมเดชานุภาพ" เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ โดยเขียนในคำให้การว่า

เพื่อนๆ ของข้าพเจ้า และสหายหลายล้านคนในประเทศไทย ยังคงต่อสู้กับปัญหาคอรัปชั่นและความอยุติธรรมในสังคมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ประชาชนหลายหมื่นคนจากทั่วภูมิภาคเดินทางมายังเมืองกรุงเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้ครั้ง​นี้ พวกเขาหลายคนยามนี้ มีชีวิตอยู่ภายใต้ความกลัวว่าจะถูกทำร้ายร่างกาย จับกุม และคุมขัง


ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะความกลัวกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ส่วนหนึ่งอาจมาจากผลพวงของการเซ็นเซอร์ตัวเอง ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากเพราะความสำเร็จของหลายทศวรรษแห่งการโหมประชาสัมพันธ์เกี่ยว​กับพระราชกรณียกิจของสำนักพระราชวัง เรื่องราวของนักโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่กี่คดีเท่านั้นที่เป็นที่รับรู้ในหมู่​ประชาคมนานาชาติ 



นที อิสสรชน สรวารี ได้มีการตั้งกลุ่มใหม่ในเฟสบุค "ไม่เอากฏหมายอาญามาตรา 112" พร้อมแจงเหตุผล "รณรงค์ให้ยกเลิกการบังคับใช้้ กฎหมายอาญามาตรา 112 เนื่องจากเป็น กฎหมายละเมิดสิทธิมนุษยชน" และเชิญชวน "รณรงค์ส่งต่อเพจนี้ให้มากที่สุด ระดมวิธีการต่อต้านมาตรา 112 ให้มากหลากรูปแบบที่สุด"


อ่านฉบับเต็ม ได้จาก ไทยอีนิวส์
http://thaienews.blogspot.com/
"อิสรภาพ" ของ "ณัฐวุฒิ "เสริมพลัง"เสื้อแดง"และ"เพื่อไทย"ตัวแปรใหม่" ในสนามเลือกตั้ง
[Image: jpl_20110222_26.jpg]


ในที่สุดผู้พิพากษาก็อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว 7 แกนนำ และ 1 แนวร่วม

ผลที่ตามมา ย่อมมีทั้ง "ด้านลบ" และ "ด้านบวก" สำหรับรัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"

ด้านหนึ่ง เป็นการลดเงื่อนไขเรื่อง "สองมาตรฐาน" ที่เป็นชนวนเรียก "คนเสื้อแดง" ให้มาชุมนุมกันอย่างต่อเนื่อง

เพราะการให้ประกันตัวทั้ง 8 คน ย่อมแสดงให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมมีมาตรฐานเดียว

เมื่อให้แกนนำคนเสื้อเหลืองประกันตัว ก็ให้แกนนำคนเสื้อแดงประกันตัวเช่นกัน

แม้จะมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่อง "ความช้า-เร็ว" บ้างก็ตาม

นั่นคือ ผล "ด้านบวก" สำหรับรัฐบาล

แต่ใน "ด้านลบ" การปล่อยตัว 7 แกนนำออกมาย่อมเพิ่มพลานุภาพให้กับกลุ่มนปช.ในทันที

เพราะแต่ละคนล้วนเป็น "แม่เหล็ก" บนเวทีปราศรัยทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายนิสิต สินธุไพร, นายขวัญชัย ไพรพนา, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก

การลด "เงื่อนไข" แต่เพิ่ม "แม่เหล็ก" ให้เวทีชุมนุม

เมื่อหักลบกันแล้ว ดูเหมือนว่า "ด้านลบ" จะมากกว่า "ด้านบวก"

เชื่อได้ว่าเมื่อ "แกนนำ นปช." เปิดเวทีปราศรัยครั้งต่อไปเมื่อไร "คนเสื้อแดง" จะมารับขวัญ 7 แกนนำกันเนืองแน่นอย่างแน่นอน

และยิ่งในช่วงเวลาที่รัฐบาลอยู่ในภาวะ "ขาลง"

เจอทั้งเรื่อง "น้ำมันปาล์ม-อาหารแพง-ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้"

การเพิ่มพลังให้กับ "คนเสื้อแดง" จึงเป็นมรสุมลูกใหม่ของรัฐบาล

และคนที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดคือ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ"

"ซุป-ตาร์" ของ "คนเสื้อแดง"

"ณัฐวุฒิ" เป็นคนที่มี "แฟนคลับ" มากที่สุดของ "นปช."

"อิสรภาพ" ของเขาไม่เพียงแต่มีความหมายมากไม่เฉพาะสำหรับขบวนคนเสื้อแดง

แต่ยังหมายถึง "พรรคเพื่อไทย" ด้วย

นี่คือ อีกมุมหนึ่งที่ "อภิสิทธิ์" อาจลืมไป
....................

กลุ่มคนเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยนั้น ณ วันนี้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ไม่เหมือนคนเสื้อเหลืองกับพรรคประชาธิปัตย์

เพราะวันนี้ "คนเสื้อเหลือง" ได้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ซึ่งวันนี้ทั้ง 2 กลุ่มยืนอยู่คนละฝั่งกันแล้วอย่างสิ้นเชิง

ในขณะที่ "เสื้อแดง" และ "เพื่อไทย" ยังประสานมือกันแน่น

ดังนั้น "อิสรภาพ" ของ "ณัฐวุฒิ" นอกจากจะเพิ่มพลานุภาพให้กับ "คนเสื้อแดง" แล้ว

ทันทีที่ปรับโหมดสู่การเลือกตั้ง เขาก็จะกลายเป็น "แม่เหล็ก" ให้กับพรรคเพื่อไทยทันที

ที่ผ่านมา "เพื่อไทย" มี "นักปราศรัย" ที่เรียกคนบนเวทีหาเสียงอยู่เพียง 2 คน คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และนายจตุพร พรหมพันธุ์

ร.ต.อ.เฉลิม นั้นเป็น "มวยเก๋า" บนเวทีปราศรัย แต่แรงดึงดูดของเขาก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ

ในขณะที่ "จตุพร" เป็น "มวยรุ่นใหม่" ที่สร้างชื่อจากเวทีคนเสื้อแดง

ลีลาการปราศรัยที่ดุดันของเขาเรียกคนได้บนเวทีคนเสื้อแดงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น

แต่บนเวทีหาเสียงที่ต้องการคะแนนนิยม

"จตุพร" ยังมีข้อจำกัด

แตกต่างจาก "ณัฐวุฒิ" ที่มีลีลาการปราศรัยที่หลากหลาย ทั้งดุดัน กินใจ และอารมณ์ขัน

"แฟนคลับ" ของเขาเยอะมากและกินตลาดกว้างทุกระดับ

ดังนั้น "อิสรภาพ" ของ "ณัฐวุฒิ" จึงเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพรรคเพื่อไทยในทันที

โดยเฉพาะในพื้นที่ "คนเสื้อแดง"

เขาจะเป็นคนที่เรียกคะแนนเสียงให้พรรคเพื่อไทยได้อย่างมาก

ในความเป็นจริงพลังของ "ณัฐวุฒิ" ในเวทีหาเสียงนั้น อาจส่งผลกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์ในระดับหนึ่ง

เพราะ "ประชาธิปัตย์" ไม่ได้มุ่งหวังพื้นที่ภาคอีสานมากนัก

แต่สำหรับพรรคภูมิใจไทยที่หวังส.ส.ในภาคอีสานนั้น "ณัฐวุฒิ" จะเป็น "ปิศาจ" ที่หลอกหลอน "เนวิน ชิดชอบ" อย่างแน่นอน


และจะส่งผลถึงคะแนนรวมของ "ประชาธิปัตย์+ภูมิใจไทย"


นี่คือ อีกมุมหนึ่งที่ "อภิสิทธิ์" คาดไม่ถึง


มติชน

ณัฐวุฒิเปิดใจ



คลิป "ณัฐวุฒิ"เปิดใจครั้งแรกหลังพ้นคุก "ผมกลับมาแล้ว!!" ยันยืนเคียงข้างเสื้อแดงสู้ต่อ 

 
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554   เวลา  21:30:13

มติชนออนไลน์

คลิป "ณัฐวุฒิ"เปิดใจครั้งแรกหลังพ้นคุก "ผมกลับมาแล้ว!!" ยันยืนเคียงข้างเสื้อแดงสู้ต่อ


เมื่อเวลา 19.45 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวภายหลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว พร้อม นพ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายนิสิต สินธุไพร, นายขวัญชัย ไพรพนา, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ว่า ตนและแกนนำทุกคนขอกราบขอบคุณในความห่วงใยของคนเสื้อแดงที่ได้รับตั้งแต่วันแรกที่สิ้นสุดอิสรภาพจนถึงวันแรกที่ได้รับอิสรภาพคืนมา แม้ตนจะสูญเสียอิสรภาพแต่กลับเป็นเรื่องน้อยนิด ถ้าเทียบกับความสูญเสียของผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในปีที่ผ่านมา


"เรียนพี่น้องเสื้อแดงและประชาชนทั่วประเทศ ว่าพวกผมกลับมาแล้ว ผมกลับมาแล้ว" แกนนำนปช.กล่าว และว่า พร้อมยืนยันจุดยืนเคียงข้างประชาชนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง สิ่งแรกที่จะดำเนินการคือ ตนจะทวงถามการเยียวยาและความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมทั้ง ดำเนินการภายใต้กฎหมายเพื่อให้คนเสื้อแดงที่ถูกจองได้รับการประกันตัว


"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น รอยยิ้มหรือความสุขจะถูกพรากไปกี่ครั้ง แต่สิ่งที่อยู่ในหัวใจและร่างกายจะยืนหยัดและมอบให้ประชาธิปไตย"


นายณัฐวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอบคุณศาลที่ให้โอกาส โดยคืนความยุติธรรมให้พวกตน และหวังว่าคนเสื้อแดงจะได้รับประกันตัวในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้หลังจากตนกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวไม่กี่วัน ต่อจากนั้นจะทำเพื่อประชาธิปไตย เหตุการณ์ในวันนี้่จะเป็นการเริ่มต้นที่ในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ และสร้างประชาธิปไตยร่วมกันให้เกิดขึ้นในแผ่นดินไทย
 อิสระภาพ~* <ภาพแกนนำจ้า>
[Image: 180021_10150140908116955_544181954_8349125_241006_n.jpg]



[Image: 184318_10150140904681955_544181954_83490...0210_n.jpg]


[Image: 183531_10150140898121955_544181954_83490...2555_n.jpg]



[Image: 183888_10150140904741955_544181954_83490...3095_n.jpg]




[Image: 184222_10150140898196955_544181954_83490...3280_n.jpg]



[Image: 12983829511298385555l.jpg]


[Image: 12983829511298382999l.jpg]



[Image: 12983829511298383269l.jpg]


[Image: 12983829511298384742l.jpg]

[Image: 12983829511298384742l.jpg]

เครดิตภาพจากมติชน / ไทยอีนิวส์

"จตุพร"นำทีมเสื้อแดงแห่รับ 8 นปช.ออกจากเรือนจำ นัดหารือ 23 ก.พ. กำหนดท่าทีเคลื่อนไหว
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 ก.พ. ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัว 8 แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)พบว่าบริเวณหน้าเรือนจำกลุ่มเสื้อแดงทยอยเดินทางมารอรับเกือบ 500 คน ทุกคนต่างพากันดีใจ โดยมีแกนนำหลัก อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และนายสมหวัง อักษราสี


นายจตุพรกล่าวว่า หลังศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำ โดยมีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ และห้ามปลุกปั่นยุยงให้เกิดความไม่สงบ แต่ไม่ได้ห้ามร่วมชุมนุม ดังนั้น ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ แกนนำจะประชุมหารือกำหนดท่าทีความเคลื่อนไหว ในวันที่ 12 มีนาคม จะประชุมหารือกันว่าแกนนำที่ได้ประกันตัวจะมาร่วมชุมนุมด้วยหรือไม่


"สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงจะยังคงเดินหน้าเรียกร้องประชาธิปไตย หากไม่มีการสร้างสถานการณ์กลุ่มคนเสื้อแดงก็จะยืนยันในจุดยืนการชุมนุมคือสันติ อหิงสา แต่พวกเราโชคร้าย ถูกกลั่นแกล้ง สร้างสถานการณ์ความรุนแรงตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเสื้อแดงยังต้องเรียกร้องให้กลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังในเรือนจำทั่วประเทศ​ได้รับการประกันตัวเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังรวมถึงนายสุรชัย แซ่ด่าน ต้องได้รับการประกันตัวเช่นเดียวกันด้วย" นายจตุพรกล่าว

[Image: qYCL.jpg]

ผู้ชุมนุมเสื้อแดงมารอต้อนรับการปล่อยตัวแกนนำนปช. อย่างหนาแน่นหน้าเรือนจำพิเศษคลองเปรม หลังจากเมื่อบ่ายวันนี้ผู้พิพากษา อ่านคำพิพากษา อนุญาตให้ประกันตัว 7 แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)

มติชน
พยานทหารนิรนามปากที่ 22 กล่าวหารัฐบาล


โดย หนังสือพิมพ์สปีเกิ้ล

ภาพถ่ายของเหตุการณ์นองเลือดเดือนพฤษภาคมปี 2553 ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครได้ถูกเผยแพร่ไปทั่งโลก แต่เรื่องราวของการต่อสู้นท้องถนนยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ ทนายชาวแคนาดาผู้ซึ่งพยายามดำเนินคดีกับนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้แบ่งปันหลักฐานที่เขารวบรวมกับสปีเกิ้ล

ธงแดงของฝ่ายตรงข้ามโบกสบัดอีกครั้ง เมื่อผู้ชุมนุมราว 40,000 คนรวมตัวกันในใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร พวกเขาโบกภาพอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรและสวมเสื้อสีแดงซึ่งเป็นกลายชื่อของการเคลื่อนไหวพวกเขา

ผู้ชุมนุมต่างรู้สึกโกรธแค้น พวกเขาร้องเพลงและโบกธงขับไล่ “อำมาตย์” กลุ่มผู้นำซึ่งรวมถึงชนชั้นสูง ทหาร และรัฐบาล ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่ฝ่ายตรงข้ามเชื่อว่าเป็นกลุ่มที่ “ทำลายเสรีภาพ” ของประเทศ พวกเขาเรียกร้องให้อธิบายถึงเหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้นช่วงหลังการ ประท้วงรัฐบาลเมื่อเกือบปีก่อน

“รัฐบาลพูดถึงเรื่องการสมานฉันท์ปรองดอง แต่สำหรับพวกเราแล้วเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงเป็นเรื่องที่สุดจะทน ” วรชัย เหมะ หนึ่งในผู้นำคนเสื้อแดงกล่าว “ผู้นำส่วนใหญ่ของเรายังอยู่ในคุกและรัฐบาลไม่ดำเนินการสอบสวนถึงอาชญากรรม ที่กองทัพกระทำเลย”

ผู้ชุมนุมได้รวมตัวกันที่แยกราชประสงค์สองครั้งในเดือนมกราคม แยกราชประสงค์เป็นที่ที่ผู้ชุมนุมเลือกให้เป็นสถานที่สัญลักษณ์ ซึ่งเป็นจุดที่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองหลายสิบรายเสียชีวิตจากการสาดกระสุน ของทหาร และยังใกล้กับห้องเซ็นทรัลเวิร์ล ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งสิ้นค้าต่างๆและเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาแพงถูกเผาวอดวาย

ความรุนแรงครั้วล่าสุดตั้งแต่ยุค 70

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2553 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ใจกลางเมือง มากกว่าสองเดือน แสดงให้เห็นถึงการปะทุของความรุนแรงทางการเมืองตั้งแต่ยุค 70 ที่รัฐบาลบดขยี้การชุมนุมประท้วงของนักศึกษา

รูปถ่ายที่สร้างความสนใจให้ชาวโลกเหตุการณ์ปี 2553 อย่างมากคือภาพถ่ายนอกพื้นที่สงคราม –พลซุ่มยิงพรางตัว และฝ่ายตรงข้ามที่ถูกสังหารเพราะถูกยิงศรีษะ ผู้ชุมนุมที่ไม่อาจป้องกันตัวเองได้รู้สึกโกรธแค้นทันที ในขณะที่อีกหลายคนเสียชีวิตต่อหน้ากล้อง

ประชาชนราว 1,900 ได้รับบาดเจ็บ ในระหว่างเหตุการณ์ความไม่สงบในเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2553 และราว 90 รายเสียชีวิต ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่ไม่สมน้ำสมเนื้อ–เพราะมีทหารเสียชีวิต 9นาย แต่มีพลเรือนกว่า 80 รายเสียชีวิต รวมถึงพยาบาล และนักข่าวต่างชาติสองราย

นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะยังคงดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาล แต่ได้ย้ายที่พักอาศัยไปยังกรมทหารราบที่ 11 ในกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน เขาได้รับการสนับสนุนโดยทหารที่ทำรัฐประหารขับไล่ทักษิณซึ่งนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านายอภิสิทธิ์ออกจากตำแหน่งและต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีหลายคนเชื่อว่านายอภิสิทธิ์ได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์

การสอบสวนไม่ค่อยมีความคืบหน้า

ไม่น่าแปลกใจที่ การสอบสวนเกี่ยวกับเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงของคนเสื้อแดงไม่มีความคืบหน้า “กองทัพและตำรวจแทบจะไม่ให้ความร่วมมือกับเรา” สมชาย หอมลออ หนึ่งในคณะกรรมการค้นหาความจริงและปรองดองสมานฉันท์ที่ตั้งขึ้นเมื่อปีที่ แล้วหลังจากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง กำหนดการเผยแพร่รายงานสรุปถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดเผยความจริงโดยไม่ที่ไม่มีการตั้งคำ ถามกับทหารที่เกี่ยวข้อง สมชายกล่าว

แต่สถานการณ์อาจเปลี่ยนไป เมื่อทนายชาวแคนาดา นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมได้รวบรวมหลักฐาน ซึ่งเขานำไปแสดงต่อศาลอาญาระหว่างประเทศในอาทิตย์นี้ และสปีเกิ้ลมีโอกาสได้อ่านแล้ว

เอกสารนี้ไม่เพียงแต่กล่าวหากองทัพไทย แต่ยังกล่าวหานายกรัฐมนตรีอีกด้วย หากข้อกล่าวหาดังกล่าวมีมูล รัฐบาลอภิสิทธิ์มีหน้าที่ที่จะต้องอธิบายเรื่องราวคอคาดบาดตายหลายเรื่อง หลักฐานหลักของนายอัมสเตอร์ดัมคือคำให้การภายใต้คำสาบานของนายทหารตำแหน่ง สูงในกองทัพ ซึ่งในเอกสารของทนายแคนาดาระบุว่าเป็นคำให้การของ “พยานนิรนามปากที่ 22”

คำให้การเหล่านี้ระบุว่า ทหารรู้ว่าหลังการทำรัฐประหารปี 2549 –ซึ่งเป็นการทำรัฐประหารครั้งที่ 18 ตั้งแต่ปี 2475—จะมีการชุมนุมต่อต้านครั้งใหญ่จากกลุ่มคนที่สนับสนุนทักษิณจะเกิดขึ้น ไม่เร็วก็ช้า ผู้นำทหารเริ่มวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆที่จะใช้ความรุนแรงทำลายการชุมนุม และเป็นการกระทำที่ “รัฐบาลรับรู้และให้อนุญาติ” พยานเล่าต่อว่า พวกเขาได้จำลองถนนในกรุงเทพ “ขนาดเท่าจริง” ภายในกรมทหารราบที่ 11 เพื่อเข้ารับฝึกฝนจากพลแม่นปืนติดอาวุธ

การตอบโต้โดยการสังหารและการโฆษณาประชาสัมพันธ์

หลังจากการชุมนุมประท้วงในปี 2552 พยานอ้างว่า อดีตนายทหารระดับสูง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้สั่งการเป็นการส่วนตัวให้คนกลุ่มนี้ “ สังหารแกนนำคนเสื้อแดงบางคน” เพื่อตอบโต้การประท้วงหน้าบ้านของเขา ผู้ชุมนุมอย่างน้อย 6รายถูกสังหาร และพวกเขากล่าวว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน เมื่อไม่มีสื่อต่างชาติให้ความสนใจกับการสังหารนี้ ผู้นำทหารไม่รู้สึกผิดต่อการกระทำของตน พยานกล่าว

ในระหว่างนั้น พวกเขายังใช้ยุทธศาสตร์ทางการทหารเพื่อสร้าง “ภาพลักษณ์ที่ผิดๆ” ของคนเสื้อแดงต่อสาธารณชนว่า “เป็นกลุ่มหัวรุนแรง” อันตรายและเป็นภัยต่อสถาบันกษัตริย์ และส่ง “กลุ่มผู้ยั่วยุ” ออกไป “สร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชนและโทษว่าเป็นฝีมือของคนเสื้อแดง” โดยเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2553 กลุ่มเหล่านี้จะวางระเบิดในหลายพื้นที่–และโทษว่าเป็นความผิดของคนเสื้อแดง

ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและคนเสื้อแดงไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุดในวันที่ 10 เมษายน 2553 คนเสื้อแดงยึดพื้นที่ราชประสงค์หนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านั้น และทำให้ศูนย์กลางค้าและโรงแรมบางแห่งในใจกลางกรุงเทพมหานครต้องปิดตัวลง เมื่อมีการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินได้ราวสามวัน ทหารได้จัดจุดของพลซุ่มยิงและอาวุธปืนสงครามในจุดสำคัญเพื่อไม่ให้การชุมนุม ขยายบริเวณ

สิ่งที่ยังไม่รู้คือ รัฐบาลมีบทบาทใดในการเตรียมการกำจัดผู้ชุมนุม หรือนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์รู้เรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน

หากพยานนายอัมสเตอร์ดัมน่าเชื่อถือ เขากล่าว่านายกรัฐมนตรีมีส่วนรู้เห็นเกือบทั้งหมด “นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์อยู่ในที่ประชุมกับผู้นำรัฐบาล ผู้นำทหาร และศอฉ. (ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน) เกี่ยวกับการดำเนินการต่อคนเสื้อแดง ” พยานยืนกรานว่า “เขาอนุมัติถูกคำสั่งแก่กองทัพ”

การสังหารอย่างไม่เจาะจง

ในวันที่ 10 เมษานย ผู้ชุมนุมหลายพันคนได้รวมกลุ่มกันชุมนุมบริเวณที่ทำการรัฐบาล ตามคำให้การของพยานนิรนามปากที่ 22 ระบุว่า พลซุ่มยิงยิงใส่ประชาชนแถวแยกคอกวัวเวลาประมาณ 17.00 น.ซึ่งเป็นการกระทำที่รัฐบาลระบุว่าเป็นการ “ป้องกันตัว” แต่พยานทหารอ้างว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ยั่วยุให้ประชาชนทำร้ายทหาร

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น พลซุ่มยิงบนดาดฟ้าโรงเรียนสตรีวิทยาได้ยิงคนเสื้อแดงและทหารจากกรมทหารที่ 2 ยิงใส่ฝูงชนใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กระสุนปืนได้คร่าชีวิตของช่างภาพชาวญี่ปุ่น ฮิโร มูราโมโต


พยานนิรนามปากที่ 22 กล่าวว่า ผู้ชุมนุมแทบจะไม่ตอบโต้กับทหารเลยในตอนนั้น “แต่อย่างไรก็ตามประชาชนไม่ได้วางเฉยต่อภัยอันตราย” พยานปากที่ 22 ระบุว่า “ประชาชนเพียงแค่จุดปะทัดและโยนขวดน้ำพลาสติกใส่ทหาร”

“ราว 19:15 น. เกิดเหตุระเบิดสองลูกด้านหลังที่ตั้งของกรมทหารราบที่ 2” พยานกล่าวต่อว่า มีทหารหลายนายเสียชีวิตในการโจมตีนั้น พยานของนายอัมสเตอร์ดัมจึงไม่รู้ว่าทหารถูกสังหารโดยคนเสื้อแดงหรือกลุ่มผู้ ยั่วยุจากกองทัพ การโจมตีนำไปสู่การนองเลือด เพราะกรมทหารราบที่ 2 ยิงรัวแบบไม่เลือก ลงท้ายด้วยการเสียชีวิตของประชาชน 25ราย และอีก 800 รายได้รับบาดจ็บ

นักข่าวตกเป็นเป้าสังหาร

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ภารกิจของทหารยังไม่ประสบความสำเร็จ รูปภาพความโหดร้ายของทหารทำให้ผู้นำทหารรู้สึกกระวนกระวาย พยานปากที่ 22 กล่าวว่า มีคำสั่งให้ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้มีการเผยแพร่ภาพและวิดีโอของเหตุการณ์ ซึ่งทำให้กรมทหารราบที่ 2 ต้อง “ตั้งเป้าทำร้ายนักข่าวที่เข้ามาในบริเวณดังกล่าว” นอกจากนี้พยานยังระบุว่ากองทัพได้รับคำสั่งให้ “ยิงทุกคนที่พยายามเคลื่อนย้ายศพ”

พวกเขา (พยาน) กล่าวว่าปฏิบัติการที่คล้ายกันนี้สำเร็จเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่แยกราชประสงค์ถูกกวาดล้าง รถถังได้พังเขาไปในรั้วที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟของฝ่ายตรงข้ามในตอนเช้า พลซุ่มยิงยิงลงมาจากดาดฟ้า และทหารเข้สไปประจำการบนรางรถไฟฟ้า ไล่ให้ลุ่มคนเสื้อแดงเข้าไปอยู่ในลานวัด


พยานของทนายอัมสเตอร์ดัมระบุว่า ทหารได้รับคำสั่งให้ยิงผู้ต้องสงสัยที่ถืออาวุธ ซึ่งไม่ใช่อะไรนอกจากหนังสติ๊ก และให้สังหารแกนนำเสื้อแดงด้วย

มีประชาชนอย่างน้อย 14 รายเสียชีวิตในวันนั้น รวมถึงพยาบาลสองราย และช่างภาพนักข่าวนายฟาบิโอ โปเลงกี ผู้ซึ่งส่งภาพให้สปีเกิ้ลเป็นประจำ

พยานปากที่ 22 ได้ระบุถึงข้อกล่าวหาที่ร้ายร้าง โดยกล่าวว่าราว 17:45 น. หลังจากที่ทหารบุกเข้าไปในรั้วกั้นของคนเสื้อแดงรั้วสุดท้าย และแกนนำเสื้อแดงได้มอบตัวกับตำรวจแล้ว มีกลุ่มบุคคลร่วมกับทหารได้บุกเข้าไปในห้างเซ็นทรัลเวิร์ลและจุดไฟเผาห้าง เพื่อเป็นหลักฐานแสดงถึงความโกรธแค้นของคนเสื้อแดง

อัมสเตอร์ดัมได้ว่าจ้างผู้เชียวชาญทางการทหาร โจ วิทตี้ ซึ่งเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ เพื่อเป็นทหารผู้เชี่ยวชาญในคดีนี้ หลังจากศึกษาปากคำให้การของพยานและวิดีโอเหตุการณ์ วิทตี้สรุปว่า “กองทัพตั้งเป้าสังหารประชาชนที่ไม่มีอาวุธครั้งแล้วครั้งเล่าในช่วงวันที่ 10 เมษายนและ 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งไม่ใช่การใช้กำลังร้ายแรงตามหลักมาตราฐานของกฎการใช้กำลัง แต่เป็นการใช้กำลังที่ไม่มีเหตุร้ายประชิดตัว อย่างไม่ชอยธรรม จงใจ และเป็นการกระทำที่เป็นอาชญากรรม”



Read more from นปช, ประเทศไทย, สิทธิมนุษยชน

http://robertamsterdam.com/thai/?p=688
 เกาะติดสถานการณ์การประท้วงในบาห์เรน เยเมน โมร็อคโค คูเวต
http://www.internetfreedom.us/thread-14391.html

Tue, 2011-02-22 00:23

สถานการณ์ ความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ประจำวันที่ 21 ก.พ.2554 ในเยเมนยังตึงเครียด โมร็อคโคและคูเวตเริ่มมีการประท้วง ส่วนบาห์เรนฝ่ายต่อต้านยังประชุมไม่เสร็จว่าจะรับการเจรจาสันติภาพหรือไม่

ลิเบีย

สถานการณ์ล่าสุดในลิเบียยังเลวร้าย โดยยอดผู้เสียชีวิตจากการรวบรวมของ Human Rights Watch ในวันอาทิตย์อยู่ที่ 233 ศพ ส่วนผู้ชุมนุมยึดเมือง Benghazi ได้แล้ว และกำลังเดินหน้าประท้วงต่อไปในเมืองหลวง Tripoli และเมืองอื่นๆ

Saif Gaddafi บุตรชายของประธานาธิบดี Muammar Gaddafi ได้ออกแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ช่วงเช้าวันนี้ (21 ก.พ.) ขอให้ผู้ชุมนุมทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ และเสนอว่าจะ “ปฏิรูป” การปกครองและรัฐธรรมนูญ เขายังบอกว่าถ้าชาวลิเบียไม่ร่วมมือกันแล้ว ก็เตรียมพบกับ “การยึดครอง” จากชาติตะวันตกได้

Saif Gaddafi ยังบอกว่าลิเบียต่างจากอียิปต์และตูนิเซีย แต่ถ้าประชาชนยังแตกแยกกันก็อาจเห็นสงครามกลางเมือง และผู้เสียชีวิต ‘หลักพัน’ แทนหลักร้อยอย่างที่เป็นอยู่ ส่วนบิดาของเขายังได้รับเสียงสนับสนุนจากฝ่ายทหาร (แม้จะมีรายงานว่าทหารในหลายเมืองกลับใจมาเข้ากับฝ่ายผู้ชุมนุมก็ตาม) เขาปิดท้ายว่าฝ่ายรัฐบาลจะต่อสู้ “จนกระสุนนัดสุดท้าย”

ผู้สื่อข่าวของ Al Jazeera วิจารณ์แถลงการณ์ของ Saif ว่าเป็นอาการสิ้นหวังของลูกชายประธานาธิบดีที่พยายามจะแบล็คเมล์ชาวลิเบีย เขายังบอกว่า Gaddafi พยายามใช้วิกฤตในลิเบียข่มขู่โลกตะวันตก และใช้ชื่อโลกตะวันตกข่มขู่ชาวลิเบียไปพร้อมๆ กัน

หลังการออกโทรทัศน์ของ Saif Gaddafi ผู้สนับสนุนฝ่ายรัฐบาลได้ออกไปชุมนุมที่จัตุรัสกลางเมืองหลวง Tripoli และเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้าน และมีรายงานว่าทหารยิงปืนเข้าใส่ฝูงชนแล้ว

กลุ่มผู้ชุมนุมในกรุง Tripoli มีจำนวน ‘หลักพัน’ และเมืองฝั่งตะวันตกอื่นๆ ก็มีความเคลื่อนไหวแล้ว โดยผู้ชุมนุมในเมืองเหล่านี้วางแผนจะเดินทางไปที่ Tripoli ด้วย

ส่วนเมืองภาคตะวันออกที่ต่อต้านรัฐบาล Gaddafi โดยเฉพาะเมือง Benghazi เมืองใหญ่อันดับสอง มีรายงานประชาชนสามารถควบคุมพื้นที่ได้แล้ว และฝ่ายทหารในเมืองเหล่านี้ก็หันมาร่วมมือกับประชาชนเพื่อต่อสู้กับกองกำลัง พิเศษของ Gaddafi

แพทย์ในเมือง Benghazi ได้รายงานจำนวนผู้ตายว่า “หลายร้อย” ส่วน Human Rights Watch ให้ตัวเลขนับถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า 233 ราย – Al Jazeera

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่: ลิเบียยังเดือด 233 ศพ, ลูกกัดดาฟีออกทีวีเตือน “สงครามกลางเมือง”


[Image: mapofwar.jpg]

แผนที่แอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง แสดงประเทศที่เกิดความไม่สงบ


บาห์เรน

ต่อต้านรัฐบาลของบาห์เรน ซึ่งประกอบด้วยพรรคฝ่ายค้านและกลุ่มทางการเมืองอีกหลายกลุ่ม จะประชุมกันอีกครั้งในวันนี้ เพื่อหาข้อสรุปว่าจะยอมรับการเจรจาสันติภาพกับฝ่ายรัฐบาลหรือไม่

เมื่อวานนี้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลมาร่วมประชุมกันเป็นวันแรก แต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปที่ลงตัวได้สำหรับการเจรจาสันติภาพ

Ebrahim Sharif จากสมาคม National Democratic Action ให้สัมภาษณ์ว่า “เราต้องการเจรจากับรัฐบาลมา 10 ปีแล้ว และเราคงเป็นคนสุดท้ายที่ไม่รับข้อเสนอนี้ แต่ก่อนอื่นเราต้องเตรียมข้อเสนอของฝ่ายเราให้พร้อม คิดเห็นตรงกันเสียก่อน”

หลังจากตำรวจและทหารยอมถอนตัวออกจากกรุง Manama ผู้ชุมนุมก็กลับมาตั้งเต๊นท์อีกครั้ง และเริ่มมีการสไตรค์ของคนงานรวมถึงครูและนักเรียน – Wall Street Journal


เยเมน

ประธานาธิบดี Ali Abdullah Saleh ของเยเมนปฏิเสธข้อเสนอที่จะให้เขาลงจากอำนาจ และยื่นข้อเสนอต่อผู้ประท้วงให้เกิดการเจรจาแทน เขาบอกว่าข้อเรียกร้องของฝ่ายต่อต้าน “เป็นไปไม่ได้” และยังบอกให้ผู้ต่อต้านลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งครั้งหน้าปี 2013

Saleh ให้สัมภาษณ์ในการแถลงข่าวว่าเขาสั่งกองทหารไม่ให้ทำร้ายผู้ประท้วง เว้นเสียแต่ว่าเป็นการป้องกันตัวเองเท่านั้น นับถึงปัจจุบันมีผู้เสียชีวิต 11 รายจากการประท้วงในเยเมน ขณะนี้ผู้ชุมนุมในหลายเมืองออกมาเรียกร้องให้ Saleh ออกจากตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นเมืองท่า Aden, Taiz และเมืองหลวง Sanaa

เยเมนถือเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในตะวันออกกลาง และประสบปัญหาการแบ่งแยกดินแดนจากผู้ก่อการร้ายเยเมนใต้ อย่างไรก็ตามประธานาธิบดี Saleh ที่ครองอำนาจมายาวนาน 30 ปีได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐ – AP


โมร็อคโค

โดมิโนแห่งการประท้วงแพร่ไปยังโมร็อคโค ประเทศทางตะวันตกสุดของแอฟริกาเหนือที่ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก ผู้ชุมนุมเริ่มออกมาเรียกร้องให้ปฏิรูปการเมืองและต้องการให้กษัตริย์ Mohammed VI ยอมปล่อยอำนาจบางส่วน การชุมนุมเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ และในวันจันทร์นี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 รายในเมือง Al Hoceima ทางตอนเหนือของประเทศ ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดว่าเสียชีวิตได้อย่างไร

ผู้ชุมนุมประกอบด้วยสหภาพแรงงาน องค์กรเยาวชน และกลุ่มสิทธิมนุษยชน ออกมาชุมนุมใน 6 เมืองทั่วประเทศ การชุมนุมส่วนมากยังอยู่ในความสงบและไม่มีอาวุธ มีการประเมินว่าผู้ชุนนุมในเมืองหลวง Rabat มีประมาณ 2,000 คน

โฆษกรัฐบาลให้สัมภาษณ์กับสถานีทีวีของรัสเซียว่าการประท้วงเป็นเรื่อง ปกติในโมร็อคโค และการประท้วงครั้งนี้อยู่ในกรอบของกฎหมาย รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย – CNN, BBC


คูเวต

ประชาชนชาวคูเวตออกมาเดินขบวนตามท้องถนนตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. และล่าสุดมีรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง และถูกจับกุมโดยรัฐบาลอีกจำนวนหนึ่ง

องค์กรสิทธิมนุษยชน Human Rights Watch ได้เรียกร้องให้รัฐบาลคูเวตปล่อยตัวผู้ชุมนุมเหล่านี้ทันที ส่วนรัฐบาลคูเวตได้ออกคำเตือนให้ประชาชนอยู่ในเคหสถาน ไม่ต้องออกมาร่วมชุมนุม

ผู้ชุมนุมชาว Bidun มีประมาณ 300-500 คน ยังอยู่ในความสงบแต่มีบางส่วนที่ขว้างก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่รักษาความ ปลอดภัย ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมคือขอสัญชาติและสถานะของประชากร ส่วนเจ้าหน้าที่ได้ใช้ปืนน้ำ ระเบิดควัน และแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม – Human Rights Watch


จอร์แดน

แม้การประท้วงในจอร์แดนจะเริ่มสงบลงชั่วคราว แต่กษัติรย์อับดุลลาห์ที่สองก็บอกแก่รัฐบาลใหม่ที่เพิ่งแต่งตั้งให้เริ่มการ ปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังและรวดเร็ว พระองค์ขอให้รัฐบาลใหม่ทำงานหนักและแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น

กษัตริย์อับดุลลาห์ยังบอกว่าการปฏิรูปดำเนินไปบ้างแล้วในรัฐบาลก่อน หน้านี้ แต่บุคคลระดับสูงบางคนต่อต้านการเปลี่ยนแปลง ซึ่งพระองค์บอกว่าจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก – CNN


ที่มา: http://www.siamintelligence.com/n-africa...te-21-feb/
http://prachatai.com/journal/2011/02/33226

รมว ยุติธรรมลิเบีย ลาออกจากตำแหน่งเป็นรายที่ 4 รับไม่ได้มีการใช้กำลังผู้ชุมนุมเกินเหต
http://www.internetfreedom.us/thread-14398.html
Mon, 2011-02-21 23:59

รอยเตอร์สอ้างหนังสือพิมพ์ Quryna ในลิเบียระบุ รัฐมนตรียุติธรรมลิเบีย ลาออกจากตำแหน่งแล้ว เหตุมีการใช้ความรุนแรงที่เกินขอบเขตกับผู้ชุมนุม ส่วนยอดผู้เสียชีวิตจากการรวบรวมของฮิวแมนไรท์ วอทช์ ในวันอาทิตย์อยู่ที่ 233 ศพ

(21 ก.พ. 54) รอยเตอร์สรายงานอ้างหนังสือพิมพ์ Quryna ของลิเบียว่า มุสตาฟา โมฮัมเม็ด อาบัด อัล เจลีล รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของลิเบียได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว ด้วยเหตุผลว่ามีการใช้ความรุนแรงที่เกินขอบเขตกับผู้ชุมนุม

เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ Quryna ระบุว่าได้พูดคุยกับรัฐมนตรีผ่านทางโทรศัพท์ โดยการลาออกครั้งนี้ยังไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล

สำหรับ อัล เจลีล เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐของลิเบีย คนที่ 4 ที่ลาออกจากตำแหน่ง ถัดจากทูตของลิเบียในสันนิบาตอาหรับ อินเดีย และจีน

องค์การฮิวแมนไรท์ วอทช์ (Human Rights Watch) ระบุวานนี้ (20 ก.พ.) ว่า นับแต่วันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา จากข้อมูลจากโรงพยาบาลต่างๆ ในลิเบีย คาดการณ์ว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 233 ราย ทั้งนี้ องค์การฮิวแมนไรท์ วอทช์ระบุด้วยว่า ไม่สามารถติดต่อกับโรงพยาบาล 2 แห่งในเมืองเบงกาซี เมืองใหญ่อันดับสองของลิเบียซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางของการประท้วงได้

ผู้ใช้ทวิตเตอร์ ชื่อ @Arasmus สร้างแผนที่ ซึ่งรวบรวมข้อมูลสถานการณ์ประท้วงที่เกิดขึ้น ซึ่งแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้รายงานผ่านทวิตเตอร์ โดย @Arasmus ระบุว่า แม้ว่ารายงานต่างๆ จะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ก็สมควรถูกพิจารณาในฐานะสื่ออิสระในลิเบียในขณะนี้ นอกจากนี้ ยังสามารถรับฟังการรายงานข่าวแบบนาทีต่อนาทีจากผู้คนในลิเบียได้ด้วยที่http://audioboo.fm/feb17voices

http://prachatai.com/journal/2011/02/33225
ข่าวต้นชั่วโมง 11.00 น. ประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีลิเบีย ลามทั่วประเทศ ปะทะกันหนัก
ประชาชนหลายกลุ่มพร้อมใจถือปืนออกมาด้วยในการประท้วง เพื่อสู้กับกองกำลังของรัฐบาล
หลายคนประกาศพร้อมสู้ตาย


เมื่องไทยไกล้จะเอาอย่างยัง..(เห็นหลายคนบอกบ้านเราเอายังๆ)Tongue



ผู้นำลิเบียออกสื่อทีวียันไม่หนีอยู่ในปท.

[Image: 180pxmuammar_algaddafi09122003.jpg]


ผู้นำลิเบีย ปรากฏตัวทางโทรทัศน์ เพื่อยืนยันว่า ตนเองยังคงพำนักในประเทศ และไม่ได้หนีไปอยู่ที่เวเนซุเอลา แต่อย่างใด
โมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ได้ออกมาปรากฏตัวทางโทรทัศน์ เพื่อยืนยันว่า ตนเองยังคงอาศัยอยู่ในประเทศ ในเมืองทริโปลี และไม่ได้มีการย้ายไปพำนักที่เวเนซุเอลา แต่อย่างใด หลังประชาชนรวมตัวกันประท้วงต่อต้านรัฐบาลนานกว่า 6 วัน เพื่อเรียกร้องให้ผู้นำสูงสุดรายนี้ ลาออกจากตำแหน่ง ปกครองประเทศมานานกว่า 42 ปี หลังทำการปฏิวัติเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2512 เพื่อโค่นล้มกษัตริย์ อิดริสส์ ได้สำเร็จ

โดยทางด้านสื่อรัฐบาล ได้เผยว่า หลังการชุมนุมที่กินระยะเวลากว่า 6 วัน ผ่านพ้นไป ในตอนนี้มียอดผู้เสียชีวิตกว่า 170 ราย แต่ด้านสื่อต่างประเทศเผยว่า มียอดผู้เสียชีวิตประมาณ 230 ราย

http://www.innnews.co.th/around.php?nid=271096
ออกมาสารภาพแล้วข้าวไทยแพ้เวียตนามหมดรูป

http://www.internetfreedom.us/thread-14418.html
(22 ก.พ. 54)--นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุถึงผลกระทบของ AEC ต่อเศรษฐกิจข้าวไทยว่า ประเทศไทยจะต้องวางตำแหน่งข้าวส่งออกของไทยที่จะขายใหม่ หากไม่ต้องการสูญเสียตลาดข้าวในอาเซียนไปมากกว่านี้
"แม้วันนี้เวียดนามจะสามารถปลูกข้าวหอมมะลิได้ แต่เรื่องคุณภาพข้าวหอมมะลิไทยคุณภาพดีกว่าอยู่แล้ว จึงควรวางตำแหน่งข้าวไทยให้ชัดเจน โดยแนะนำให้เน้นไปที่ตลาดพรีเมี่ยม พร้อม ๆ กับรักษาข้าวคุณภาพต่ำเอาไว้ด้วย"
ปัจจุบันไทยสูญเสียตลาดข้าวคุณภาพต่ำให้กับเวียดนามไปแล้ว เช่น ฟิลิปปินส์ และเร็วๆนี้กำลังจะเสียตลาดมาเลเซียไปอีกตลาดหนึ่ง
อนึ่ง ข้อตกลงการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community:AEC) กำหนดให้ในปี 2553 ประเทศในอาเซียนเดิม คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และบรูไน ต้องลดภาษีสินค้าเป็น 0 และปี 2558 ประเทศในกลุ่ม CLMV ประกอบด้วยเวียดนาม พม่า กัมพูชา และลาว ต้องลดภาษีสินค้าเป็น 0
ซึ่งประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากการส่งออกข้าวตามข้อตกลงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community:AEC) น้อยกว่าเวียดนาม ทั้งด้านการผลิต การส่งออก และรายได้ของชาวนา เนื่องจากเวียดนามเป็นผู้ครองตลาดข้าวในอาเซียนตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา เหตุผลหลักคือราคาข้าวเวียดนามถูกกว่าข้าวไทย และคุณภาพก็ไม่ได้แย่มากอย่างที่เราเข้าใจกัน ยิ่งล่าสุดเวียดนามเพิ่งประกาศลดค่าเงินดองรอบใหม่ จะยิ่งทำให้ข้าวเวียดนามถูกลง และเชื่อว่าหลังปี 58 ข้าวเวียดนามจะยิ่งถูกกว่าข้าวไทยมาก เชื่อว่าไม่เกิน 10 ปีนับจากนี้ เวียดนามจะส่งออกข้าวได้ในปริมาณใกล้เคียงกับไทย
ในปี 2553 ไทยส่งออกข้าวในปริมาณ 9.03 ล้านตัน ขณะที่เวียดนามส่งออกประมาณ 7 ล้านตัน
นายอัทธ์ ชี้ให้เห็นถึงสาเหตุที่เวียดนามพัฒนาเรี่องข้าวได้อย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเพราะราคาถูก ชาวนาเวียดนามมีกำไรจากอาชีพปลูกข้าว 20% ต่อปีต่อคน มีนโยบายส่งเสริมส่งออกในเชิงรุก นอกจากนี้ยังร่วมกับประเทศอื่น ๆ ตั้งศูนย์กระจายข้าวออกไปในต่างประเทศ เช่น ตลาดแอฟริกา และล่าสุดเวียดนามก็ประกาศลดค่าเงินดองลงอีก ก็จะยิ่งมีส่วนช่วยผลักดันให้เวียดนามส่งออกข้าวได้มากยิ่งขึ้น
"ก่อนมี AEC ข้าวเวียดนามก็ครองตลาดอาเซียนอยู่แล้วเพราะราคาถูก และคุณภาพก็ไม่ได้แย่มากอย่างที่เราเข้าใจ และล่าสุดเวียดนามก็ประกาศลดค่าเงินดองลงอีก ยิ่งทำให้ส่วนต่างระหว่างข้าวไทยกับข้าวเวียดนามห่างกันมากขึ้น โดยปัจจุบันข้าวเวียดนามถูกกว่าข้าวไทยประมาณ 125 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน"
นายอัทธ์ กล่าวว่า ไทยต้องเริ่มปรับตัวต้องแต่วันนี้ ต้องเร่งทำความเข้าใจและหาช่องทางที่จะใช้ประโยชน์จากความตกลงมากขึ้นถึงสิทธิประโยช​น์จากการปรับลดภาษี ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังและมากขึ้นกว่านี้หากไม่อยากให้ตลาดส่งออก​ข้าว
"ทุกวันนี้ไม่ได้มีแต่เวียดนามที่เราต้องกลัว ทุกประเทศในแถบนี้ปลูกข้าวได้ ส่งออกข้าวได้ เพียงแต่วันนี้ประเทศเหล่านั้นยังไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ด้านส่งออกข้าวเหมือนไทยและเวียดนา​ม แต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะเรามีประวัติศาสตร์ ปี 47 ส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยยังมากกว่าเวียดนามเล็กน้อย แต่ในปี 52 ส่วนแข่งตลาดข้าวของเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเวียดนามยังใกล้เคียงกัน"
ดร.อัทธ์ กล่าวว่า โดยสรุปคือ ไทยมีเวลาอีก 3 ปี 10 เดือนที่จะปรับตัวและบูรณาการทุกเรื่องที่เกี่ยวกับข้าว เพื่อปกป้องตลาดข้าวไทยในตลาด AEC


นพดล เผยส.ส.สหรัฐจี้คณะกรรมการเฮลซิงกิเชิญ“ทักษิณ”แจง

http://www.internetfreedom.us/thread-14426.html
[Image: 2478767.jpg][Image: thaksinshinawatra.jpg]


นพดล”เผยส.ส.สหรัฐจี้คณะกรรมการเฮลซิงกิเชิญ“ทักษิณ”แจงสถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทย ชี้ “ทักษิณ”พร้อมไปแน่หากได้รับหนังสือเชิญ


นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง



กรณีที่คณะกรรมการเฮลซิงกิ หรือคณะกรรมาธิการว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป ได้ส่งหนังสือเชิญพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และผู้แทนของรัฐบาลไทยเพื่อให้การในการไต่สวนเกี่ยวกับข้อกล่าวหาการละเมิด สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย แต่ได้เลื่อนกำหนดการออกไปเนื่องจากมีการเปลี่ยนตัวประธานคณะกรรมาธิการฯ ใหม่ สืบเนื่องจากการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา ว่า เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา 


นายเท็ดโพล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เท็กซัส สหรัฐอเมริกา ได้กล่าวในการประชุมสภาฯ ให้คณะกรรมการเฮลซิงกิออกหนังสือเชิญไปยังพ.ต.ท.ทักษิณใหม่อีกครั้ง


ขณะเดียวกันตัวเขาเองจะเดินทางมายังประเทศไทยราวสัปดาห์นี้กับเพื่อนสมาชิก อีกคนหนึ่งคือ นายดาร์น่า โรลาบาร์คเกอร์ ซึ่งเป็นกรรมาธิการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพบตัวแทนของรัฐบาลไทย และผู้นำจากพรรคฝ่ายค้าน เพื่อศึกษาเหตุการณ์ในปัจจุบัน


นายนพดลกล่าวว่า

นายเท็ดโพลได้แสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศแถบตะวันออก กลาง และเอเชีย ที่ประชาชนต้องการเสรีภาพ จึงเสนอให้รัฐสภาสหรัฐแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่ายืนหยัดเพื่อสิทธิและเสรีภาพ พื้นฐานของประชาชนทั่วโลก



พร้อมทั้งเสนอให้คณะกรรมการเฮลซิงกิออกหนังสือเชิญไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณใหม่อีกครั้ง ส่วนตัวคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคนเสื้อแดง
ทุกคนยินดีให้ความร่วมมือกับกระบวนการสืบหาข้อเท็จจริง เพื่อให้ประเทศไทยเกิด
ความสงบสุขอย่างไรก็ตามขณะนี้ต้องรอหนังสือจากคณะกรรมการเฮลซิงกิอย่างเป็นทางการก่อ​น



เครดิต
http://bit.ly/eGbDhT


โอ้..ข่าวดีอีกแล้ว...ขอให้เป็นความจริงเร็วๆ ด้วยเถอะ.


ปล่อย7แกนนำสู่อิสรภาพ เอาสุรชัยไปขังแทน!
Posted by นักข่าวชาวรากหญ้า

[Image: b82pv.jpg]

สุรชัย แซ่ด่าน (ซ้าย) ถูกคุมตัวไปเข้าคุกคลองเปรม
ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เจ้าตัวเผยไม่เดือดร้อน
ถือเป็นโอกาสรณรงค์ให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นม.112
และเสนอให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้พ้นวังวนการเมืองแบบญี่ปุ่น
เพื่อเลี่ยงการเกิดสงครามกลางเมืองแบบตะวันออกกลาง

[Image: capt.photo_129836061068210.jpg]

รอยเตอร์ http://news.yahoo.com/nphotos/Thailand/s...4246f6ce74 
เสนอภาพข่าว ตำรวจยืนรักษาการณ์หน้าพระบรมฉายาลักษณ์
ซึ่งวันนี้มีการจับกุมตัวนายสุรชัย แซ่ด่าน แกนนำแดงสยาม ไปขังคุกคลองเปรม
ข้อหาหมิ่นพระบรมฉายาลักษณ์

[Image: 182428_10150094299165759_692245758_67834...3301_n.jpg]

[Image: 21022011.jpg]

[Image: cov1559.jpg]

[Image: kwanchaichee.jpg]

ขวัญชัย ไพรพนา:อ่านเสียงจากเรือนจำ“ขวัญชัย ไพรพนา” :กูไม่กลัวมึง
http://thaienews.blogspot.com/2010/12/2.html 


[Image: article5809a6558525.jpg]

วิภูแถลง พัฒนภูมิไทย:อ่าน ยังเชื่อลึกๆประชาชนจะชนะ
http://thaienews.blogspot.com/2010/11/blog-post_17.html 


ขณะที่ศาลอาญาให้ประกันตัว 7 แกนนำนปช.ทั้งแผ่นดิน คือ
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
หมอเหวง โตจิราการ
วิภูแถลง พัฒนภูมิไทย
ขวัญชัย ไพรพนา
เจ๋ง ดอกจิก
นิสิต สินธุไพร และ
นายก่อแก้ว พิกุลทอง
พร้อมด้วยแนวร่วมนปช.อีก 1 คนคือ นายภูมิกิตติ สุจินดาทอง 


ทั้งนี้เมื่อเวลา ประมาณ 14.00น. ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก
คณะผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังค์ อ่านคำสั่ง
ขออนุญาตประกันตัว 7 แกนนำนปช. พร้อมด้วยแนวร่วมนปช.อีก 1 คน
โดยศาลได้ตีราคาประกันคนละ 6 แสนบาท
และมีเงื่อนไขในการปล่อยตัว 2 ข้อ คือ
ห้ามออกนอกประเทศและ
ห้ามเคลื่อนไหวยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย

******
ข่าวเกี่ยวเนื่อง:
บุกจับสุรชัยแดงสยามกลางดึกยัดคดีหมิ่นฯ เจ้าตัวได้โอกาสรณรงค์เลิกม.112
-ปฏิรูปสถาบันฯพ้นการเมือง

http://thaienews.blogspot.com/2011/02/blog-post_22.html 


http://thaienews.blogspot.com/2011/02/7_22.html