วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

RED USA ขอน้อมส่งพี่เปียสู่สรวงสวรรค์


RED USA
ขอน้อมส่งพี่เปียสู่สรวงสวรรค์


พี่เปียครับ

              ณ สถานที่ซึ่งพวกเรามารวมตัวกันเพื่อส่งพี่เปียสู่สรวงสวรรค์ เป็นเวลาประมาณ 18.00 นาฬิกาหรือประมาณ 6 โมงเย็น แสงตะวันกำลังลับขอบฟ้า บรรยากาศเริ่มสลัวและความมืด เริ่มสยายปีก และขยายตัวแผ่ซ่านเข้าครอบคลุมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากในแอลเอ ย่างเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว

              วันที่พวกเราน้อมส่งพี่เปียสู่สวรรคาลัยเป็นวันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2014ตรงกับเวลาประมาณ 08.00 นาฬิกาของวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2014ตามเวลาในประเทศไทย สมาชิก RED USA ในแอลเอผู้มาร่วมส่งพี่เปียสู่สัมปรายภพ ขอส่งใจมาร่วมกับพี่น้องประชาชนทั้งไทยและต่างชาตินับหมื่นคน ที่เข้าร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพพี่เปียที่ประเทศไทยในวันอาทิตย์ ที่ 19 ตุลาคม 2014 นี้ด้วยเช่นกัน

              RED USA จะรำลึกถึงวีรกรรมและอุดมการณ์ประชาธิปไตยของพี่เปีย นายทหารผู้ครองยศพันเอกตั้งแต่อายุ 37 ปี ที่มุ่งมั่นอยากเห็นประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ซึ่งน้อยนักจะปรากฎให้เห็นในบรรดาทหารไทย ไม่ว่าจะครองยศระดับใด พี่เปียจึง "เป็นหงส์ในฝูงกา" ที่แม้แต่ทหารด้วยกันไม่ว่ารุ่นพี่หรือรุ่นน้อง ไม่ว่าจะเป็นลูกศิษย์หรือทหารร่วมรุ่นต่างตั้งข้อรังเกียจ ว่าพี่เปียเป็น " Ugly Duckling"

              แต่พี่เปียมิใช่ลูกเป็ดขี้เหร่ พี่เปียเป็น "หงส์ที่สง่างาม" เหนือฝูงเป็ดและฝูงกา..รอบข้าง
ทหารไทยที่ประชาชนเห็น สัมผัส และรับรู้จากประสบการณ์จริง ไม่ใช่ทหารของประชาชน ทหารไทยไม่เคยปกป้องประชาชน ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า
ประชาชนมือเปล่านับพัน นับหมื่นคนถูกทหารไทยฆ่าตายและบาดเจ็บพิการ

พี่เปียครับ

            พวกเราภูมิใจและนับถือนายทหารประชาธิปไตยอย่างพี่ นอกจากพี่ไม่เคยเข่นฆ่าประชาชนไทยมือเปล่าด้วยกันเองแล้ว พี่เปียยังเข้าร่วมชะตากรรมกับประชาชน ยอมให้ทหารสีเดียวกันกับพี่ทำร้ายหมายเข่นฆ่า ยอมให้พวกมันกลั่นแกล้ง ไล่ล่า ป้ายความผิดด้วยข้อกล่าวหาฉกรรจ์ เพียงเพราะต้องการให้ระชาชนตาดำๆ ได้รับความเป็นธรรมและประชาธิปไตย "พี่เปียของน้องๆ ขอเชิญพี่ขึ้นสู่สรวงสวรรค์
ขอเชิญพี่เข้าสู่ภวังค์แห่งทิพย์ที่อิ่มเอิบและสุขสงบในสัมปรายภพ จากนี้จนนิรันดร์"

RED USA
October 18, 2014

2 พลโทแจ้งความ ‘ส.ศิวรักษ์’ ข้อหา ม.112 หมิ่นพระนเรศวร


"พระแสงดาบคาบค่าย" หนึ่งในภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่วัดสุวรรณดาราราม จ.พระนครศรีอยุธยา  วาดในสมัยรัตนโกสินทร์โดยพระยาอนุศาสน์จิตรกร จิตรกรเอกสมัยสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ล่าสุดมีนายทหารไปฟ้อง สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
             กรณีที่ "สุลักษณ์ ศิวรักษ์" ร่วมอภิปรายหัวข้อ "ประวัติศาสตร์ว่าด้วยการชำระและการสร้าง" ล่าสุด 2 นายพลใช้ "ม.112" ไปแจ้งความตำรวจ โดยกล่าวหาว่า ส.ศิวรักษ์ พูดว่ายุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวรไม่มีจริงและกล่าวถ้อยคำเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

           17 ต.ค.2557  ใน Social Talk ของสำนักข่าวเจ้าพระยา รายงานว่า เมื่อเวลา 13.20 น.ของวันที่ 16 ต.ค. พล.ท.ผดุง นิเวศวรรณ และ พล.ท.พิทยา วิมะลิน เข้าแจ้งความให้เจ้าพนักงาสอบสวน สน.ชนะสงคราม ให้ดำเนินคดีกับ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากรณีที่สุลักษณ์ ได้ร่วมอภิปรายเรื่อง “ประวัติศาสตร์ว่าด้วยการชำระและการสร้าง” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดโดยคณะสภาหน้าโดม เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่าในการอภิปรายดังกล่าวสุลักษณ์ได้กล่าวหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอดีตพระมหากษัตริย์ คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยกล่าวว่า การทรงกระทำยุทธหัตถีไม่มีจริง และมีอีกหลายถ้อยคำที่เข้าข่าย “หมิ่นเบื้องสูง”
             ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสุลักษณ์เคยถูกฟ้องด้วยคดี 112 สองครั้ง ข้อมูลจากเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพโดยไอลอว์ ระบุว่า  คดีแรกเกิดขึ้นจากกรณีเมื่อ 17 ธ.ค.47 สุลักษณ์ได้รับเชิญไปอภิปรายเรื่อง “สังคมไทยทางรอดที่ควรเลือก เหลียวหลังแลหน้าจากราชดำเนินถึงตากใบ” ที่คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ระหว่างการอภิปรายผู้ต้องหาได้ประชาสัมพันธ์หนังสือวารสาร Seeds of Peace ปีที่ 21 ฉบับที่ 1 ประจำเดือนมกราคม-เมษายน 2548 ซึ่งเป็นวารสารภาษาอังกฤษนำมาวางจำหน่ายหน้าห้องอภิปราย ในวารสารดังกล่าวมีบทความเรื่อง SIAM of the Forgotten Monarch: The True Life Sequel to the King and the Land of Smile ที่เขียนโดยผู้ใช้นามแฝงว่า บี.พี. มีเนื้อหากล่าวถึงการสวรรคตของรัชกาลที่ 8 เจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติที่ไปฟังการเสวนาได้ซื้อวารสารมาอ่านพบบทความดังกล่าว จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาและแจ้งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ มีการตั้งคณะทำงานสอบสวน ผลการสอบสวนพบว่าวารสารฉบับดังกล่าวนี้มิได้มีการจดแจ้งต่อนายทะเบียนการพิมพ์กรุงเทพมหานคร และข้อความในวารสารเข้าข่ายหมิ่นมาตรา 112 จึงได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ต่อมาอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ เนื่องจากพิจารณาเห็นแล้วว่า จากคำให้การของพยานบุคคลจำนวนหลายคนที่อ่านบทความ แสดงความคิดเห็นไม่ยืนยันไปในทางเดียวกันว่า บทความดังกล่าวมีเนื้อหาเป็นการดูหมิ่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบกับไม่มีพยานยืนยันว่าผู้ต้องหาเป็นผู้เขียนบทความ เป็นเพียงผู้เสนอขายวารสารที่ปรากฎบทความเท่านั้นจึงรับฟังไม่ได้ว่าผู้ต้องหามีเจตนากระทำผิดตามข้อกล่าวหา 
           คดีที่สอง เกิดจากกรณีที่เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.50 สุลักษณ์ได้กล่าวที่อาคารศาลาพระราชทานปริญญาบัตรหลังเก่า ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ต่อมาวันที่ 6 พ.ย.51 พ.ต.อ.คัชชา ธาตุศาตร์ รอง.ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมกำลัง ได้จับกุมนายสุลักษณ์ ตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น เลขที่ 431 / 2551 ลงวันที่ 22 ก.ย.51 ในข้อหามาตรา 112 โดยบุกจับกุมที่บ้านพักในกรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปจังหวัดขอนแก่น  สุลักษณ์ได้ยื่นขอประกันตัว โดยมีนายกิตติบดี ซึ่งเป็นคณะบดีของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ใช้ตำแหน่งประกันตัวนายสุลักษณ์ ยังไม่ทราบความคืบหน้าของคดี

นักกิจกรรมอิตาลียืนยันเองว่าจัดให้มีการประท้วงต้าน พล.อ.ประยุทธ์


'พล.ต.สรรเสริญ' แถลงอีกครั้งว่าการชุมนุมที่มิลานเป็นการต่อต้านเหยียดผิว-มีคนไทยมาผสมโรง ขณะที่นักศึกษาปีกซ้ายอิตาลี "Cantiere" ผู้จัดชุมนุมยืนยันเองว่าการชุมนุม 16 ต.ค. ที่มิลาน ทำให้เพื่อนมิตรชาวไทยได้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในประเทศไทย นั่นคือ "ต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยเสียงอันดัง"
ภาพประท้วงการประชุมอาเซมครั้งที่ 10 ที่มิลานเมื่อวันที่ 16 ต.ค. มีผู้ประท้วงบางคนถือป้ายต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.
17 ต.ค. 2557 - ตามที่เมื่อวันที่ 16 ต.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าภาพคนมาต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่เดินทางเข้าประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป หรืออาเซม ที่อิตาลี ที่ลงในไทยอีนิวส์ไม่เป็นความจริง โดยผู้ที่ร่วมเดินทางไปกับ พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งผู้สื่อข่าวสามารถเป็นพยานได้ และมีแต่เหตุการณ์คนไทยมาต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์นั้น(อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)
ต่อมาหลังมีภาพข่าวและการรายงานข่าวในสื่อต่างประเทศและสื่อในอิตาลีว่ามีการเดินขบวนประท้วงการประชุมอาเซม และมีผู้ร่วมประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ และผู้ถือป้ายทวงความยุติธรรมให้กับนายฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพชาวอิตาลีที่เสียชีวิตในเหตุสลายการชุมนุม 19 พ.ค. 53 ปรากฏแพร่หลาย ในวันที่ 17 ต.ค. หนังสือพิมพ์ข่าวสดรายงานคำแถลงของ พล.ต.สรรเสริญ ที่ระบุว่า "ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการชุมนุมในต่างประเทศนั้นจะมีการจัดสถานที่ให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ รวมทั้งจะต้องมีการแจ้งถึงเหตุผลการชุมนุมด้วยทุกครั้ง  ซึ่งจากการตรวจสอบถึงเหตุที่เกิดขึ้น ทราบข้อเท็จจริงว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องของการเหยียดสีผิว ขณะที่กลุ่มคนไทยบางคนที่ไปเคลื่อนไหวได้ใช้โอกาสดังกล่าวออกมาเคลื่อนไหวแสดงความจุดยืนของตัวเอง"
อย่างไรก็ตาม พล.ต.สรรเสริญ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีที่มีญาติของนายฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพชาวอิตาลีที่ถูกกระสุนยิงเสียชีวิตระหว่างการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553  ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องความชัดเจนความคืบหน้าในคดีดังกล่าวด้วย โดยกล่าวเพียงว่า ในการเคลื่อนไหวดังกล่าวอยู่คนละพื้นที่กับสถานที่ประชุมและโรงแรมที่พักของนายกรัฐมนตรี
แถลงการณ์ของนักศึกษากลุ่ม "Cantiere" "ประยุทธ์ไม่เป็นที่ต้อนรับ เผด็จการทหารในไทยจงพินาศ"
อย่างไรก็ตาม ในเว็บไซต์ของนักศึกษาฝ่ายซ้ายในอิตาลี "Cantiere" ที่เป็นผู้จัดการเดินขบวนเมื่อวันพฤหัสบดี ได้เผยแพร่ประกาศ "Prayuth non sei benvenuto. Abbasso la giunta militare Thailandese!" หรือ "ประยุทธ์ไม่เป็นที่ต้อนรับ เผด็จการทหารในไทยจงพินาศ"
ในแถลงการณ์ตอนหนึ่งระบุว่า "การประชุมดังกล่าวเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหารที่ทำให้ประชาธิปไตยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องถูกระงับ" แถลงการณ์ของ Cantiere ลงวันที่ 16 ต.ค. ระบุ และระบุอีกว่า "นักกิจกรรมและเพื่อนมิตรชาวไทยมาที่เมืองมิลานเพื่อทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในประเทศของเขานั่นคือ 'ต่อต้านเขา (หมายถึง พล.อ.ประยุทธ์) ด้วยเสียงอันดัง'" ทั้งยังระบุด้วยว่า พวกเขาได้ช่วยเหลือนักกิจกรรมเหล่านี้ และได้ทำให้เห็นว่า เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ที่จะทำให้โลกรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และเพื่อต่อต้านเผด็จการทหาร
ทั้งนี้มีรายงานข่าวในสื่อภาษาอังกฤษในประเทศไทยอย่าง Khaosod English และ Coconut Bangkok เช่นกัน โดยพาดหัวว่า "Italian activist group confirms it organized anti-Prayuth protest" หรือ นักกิจกรรมอิตาลียืนยันจัดประท้วงต้านประยุทธ์" ขณะที่เว็บไซต์ไทยอีนิวส์ที่เผยแพร่ภาพการประท้วงที่มิลานยังคงถูกกระทรวงไอซีทีปิดกั้น