ดร.สุเมธถามสื่อนอกตีข่าว"กษัตริย์ไทย"รวยสุดในโลกเจตนาอะไร ยันทรัพย์สินไม่ใช่ของพระองค์ ตอกฝรั่งก็โง่http://thaienews.blogspot.com/2011/02/blog-post_9548.html มติชนออนไลน์รายงานว่า ที่งานวันเกี่ยวข้าวธรรมศาสตร์ (ปีที่ 5) ณ แปลงนา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีข่าวที่เว็บไซต์แวนคูเวอร์ซัน ของประเทศแคนาดา รายงานพระมหากษัตริย์ไทยครองอันดับหนึ่งผู้นำที่รวยที่สุดในโลก ว่า คนที่ไปแพร่ข่าวอะไรต่ออะไร ถามจริงๆ มีเจตนาอะไรหรือเปล่า เจตนาของสื่อคืออะไร ตนอยากตั้งคำถามกลับไปด้วย ถ้ารายงานด้วยความปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร เข้าใจข้อมูลที่ได้รับไหมว่า คืออะไร เพราะฝรั่งบางทีอย่าคิดว่าฉลาดเสมอไป ฝรั่งโง่กันก็เยอะ "ผมก็เรียนจบเมืองนอกมาก็โง่เหมือนกัน คำว่าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (The Crown Property Bureau) น่ะมันคืออะไร ถ้าจะดูว่าท่านรวยจริงหรือไม่จริง ต้องดูที่ทรัพย์สินส่วนพระองค์ อันนั้นใช่ของพระองค์จริงๆ เขาสืบทอดกันมาอย่างไร เหมือนอย่างเราสมบัติตกทอดมาถึงลูกถึงหลาน อันนั้นล่ะใช่ แต่ทำให้มันยุ่งปนเปกันหมด" "ของหลวง หมายความว่า ของรัฐ แต่ฝรั่งมาเห็นตราเข้าก็ตาย (ล่ะ) ของพระเจ้าแผ่นดิน แน่นอนที่สุด จริงๆ กระทรวงการคลังดูแล ประธานของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ นั่นคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่ใช่สมบัติของพระองค์ มันเป็นของสถาบัน มีการตั้งคณะกรรมการ มีอะไรต่างๆ อย่างนี้ขยายความหรือเปล่า แพร่ไปอย่างนี้ หลายคนก็มันส์มือล่ะ พูด เขียนไปต่างๆ นานา รู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร ทรัพย์สินส่วนพระองค์อันนี้ของท่าน แล้วไปดูสิบ้านช่อง (วัง) ของท่าน อย่าว่าแต่มหาเศรษฐีต่างประเทศเลย มหาเศรษฐีในเมืองไทยรวยกว่าท่านเยอะ แล้วบอกรวยที่สุดในโลกได้อย่างไร สติไม่ดี" ดร.สุเมธกล่าว เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนากล่าวว่า จากที่ตนได้มีโอกาสถวายงานส่วนพระองค์ ก็เห็นอยู่ว่าทรงใช้จ่ายน้อยที่สุด แล้วเวลาพูดถึงเรื่องประหยัด อะไรต่ออะไร เราก็นึกและพูดถึงท่านกันทุกที "ในมุมกลับนี่ก็แปลกนะ กับข่าวที่บอกรวยที่สุด ดูชีวิตพระองค์ท่านสิ ท่านอยู่วังเล็กๆ ใช้ของประหยัด กลายเป็นต้นแบบความพอเพียง ข่าวสองข่าวมันขัดกันในตัวเองอยู่แล้ว อันนี้ก็ต้องฝากสื่อไปเหมือนกัน สื่อเข้าใจบทบาทของตัวเองผิด ข่าวเป็นอย่างนี้ อย่างนั้นก็สื่อกันไป ในเมืองไทยข้อมูลก็รู้อยู่แก่ใจ ตนไม่เชื่อว่าสื่อเป็นคนโง่ เพราะถ้าโง่จะเป็นสื่อมวลชนไม่ได้" ส่วนกรณีที่ปัจจุบัน มีคนนำเรื่องสถาบันมาพูดวิพากษ์วิจารณ์ตามที่สาธารณะมากขึ้น โดยเฉพาะกับทางสังคมออนไลน์ อย่างเช่นเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์กันอย่างเปิดเผยและโจ่งแจ้งมากขึ้นนั้น ดร.สุเมธกล่าวว่า "ไอ้พวกนี้มีตัวตนที่ไหน อยากด่าใครก็ด่า เพราะฉะนั้น ในโลกออนไลน์จะสื่ออะไรก็ได้ทั้งนั้น ขืนเราเอามาเป็นสาระ ผมว่ารกสมอง" เมื่อถามว่า ได้เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ล่าสุดเมื่อไหร่ ดร.สุเมธกล่าวว่า เมื่อสองเดือนที่แล้ว ท่านก็ทรงพระเกษมสำราญดี แต่อาจจะมีพระอาการของหลังที่ยังคงไม่ปกติ ทำให้พระราชดำเนินไม่สะดวก แต่ท่านก็ยังทรงงานอยู่ตลอด มิเคยได้หยุด เรื่องน้ำ ดิน อากาศ และทุกข์สุขของประชาชน ********* ข่าวเกี่ยวเนื่อง: -สนง.ทรัพย์สินฯ:คนมองว่าพระเจ้าอยู่หัวมีที่ดินมากมายทำไมไม่เอามาแจกคนจน นั่นเพราะเข้าใจผิด -สื่อแคนาดารายงานพระมหากษัตริย์ไทย ติดอันดับ 1 ผู้นำรวยที่สุดในโลก -Forbesเทิดพระเกียรติในหลวงเป็นกษัตริย์มั่งคั่งที่1ของโลก3ปีซ้อน -Bloomberg:กษัตริย์ไทยครองแชมป์อันดับ1ในตลาดหุ้นไทย -Bloomberg:การเปลี่ยนผ่านรัชกาลไม่ได้สร้างความกังวลให้เซียนหุ้นต่างชาติหยุดชะงักการลงทุนเล่นหุ้นในประเทศไทย -สมเด็จพระเทพฯเสด็จเปิดโรงแรมสยามเคมปินสกี้ ซึ่งสำนักงานทร้พย์สินฯเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ -รัฐมนตรีอินเดียเผยราชวงศ์ดูไบกับไทยสานพระราชไมตรีเล็งร่วมลงทุนสวนสนุก2แสนล้านรูปี -กระทรวงต่างประเทศชี้แจงกรณี:บทความพิเศษของนิตยสาร Forbes เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุด -สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ สมบัติของใคร? : รัฐ หรือ กษัตริย์ ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล:ว่าด้วยการ"นิยาม"และการปฏิบัติบางประการเรื่อง "ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" ในบทความนี้ดร.สมศักดิ์ชี้ว่า "พรบ.จัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2491 ยกอำนาจในการควบคุม "ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" กลับไปให้พระมหากษัตริย์ ซึ่งเท่ากับว่า เป็นการยกเลิกการแยกแยะว่า "อันไหนเป็นส่วนพระองค์ อันไหนเป็นส่วนพระมหากษัตริย์" นั่นคือ ทำให้ "ทรัพยสินส่วนพระมหากษัตริย์" มีฐานะเป็นเหมือนทรัพย์สินส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ไป ไม่ใช่ทรัพย์สินของรัฐ (ถ้าเป็นของรัฐ จะต้องให้รัฐจัดการ และในเมือรัฐเป็นรัฐประชาธิปไตย การจัดการนั้น ก็ต้องอยู่ภายใต้ accountability เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆของรัฐ) -สุเมธ นายกสภามหาวิทยาลัยภูมิใจคือย้ายธรรมศาสตร์พ้นท่าพระจันทร์:มหาลัยใหญ่โตเหวย! มืดจริงหนอสถาบันอันกว้างขวาง |
ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
คลิปวิวาทะ "มาร์ค - ตู่" กรณี "คน 3 คน"
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส. สัดส่วน อภิปรายในวาระการประชุมสภา พิจารณารายงานแสดงผลการดำเนินการของครม.ตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปีที่หนึ่ง (วันที่ 30 ธันวาคม 2551 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2552) ตอนหนึ่ง เรื่อง งานด้านปกป้องสถาบัน ว่า พวกตนไปยื่นเรื่องให้รัฐบาล กรณีที่มีข่าวลงในหนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดี้ยนที่อ้างจากเว็บไซต์วิกิลีกส์ว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายอานันท์ ปันยารชุน พล.อ.สิทธิ เศวตศิลา คุยกับอีริค จี จอห์น เอกอัคราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยในเวลานั้น ซึ่งมีการพูดถึงองค์รัชทายาทในลักษณะประทุษร้าย ซึ่งมีคนเข้าไปดูเป็นล้านคน แต่นายกฯก็เพิกเฉย ไม่เคยประท้วงไปยังสหรัฐ ไม่ดำเนินคดีกับหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดี้ยน ไม่ดำเนินคดีกับคนไทย 3 คนดังกล่าว แถมยังไปขอพรจาก 1 ใน 3 คนนี้
"นี่หรือที่นายกฯบอกว่า พิทักษ์สถาบัน หรือเอาสถาบันมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ส่วนนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ที่ประกาศนโยบายปกป้องสถาบันไปไหน ทำไมไม่จัดการ ฉะนั้นต่อให้รัฐบาลนี้ทำโครงการใดๆ แต่รัฐบาลไม่ทำเป็นมาตรฐานเดียว โดยถ้าเป็นพวกรัฐบาลหมิ่นได้ ถ้าเป็นคนอื่นหมิ่นไม่ได้ เปรียบเทียบกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล กับ ดา ตอร์ปิโด เป็นต้น พวกตนเจ็บปวดเพราะเคยโดนใส่ร้าย ถูกจับอยู่ในแผนผังล้มเจ้ามาแล้ว" นายจตุพร กล่าว
ต่อมา เวลา 13.05 น. นายอภิสิทธิ์ ลุกขึ้นอภิปรายว่า กรณีที่กล่าวหาว่าตนไม่ดำเนินการอะไร แม้จะมีการยื่นเรื่องให้รัฐบาลดำเนินคดีกับเว็บไซต์วิกีลีกส์นั้น ไม่ใช่เรื่องจริง เมื่อมีการยื่นหนังสือมาไม่เกิน1วันตนได้ให้ สตช.ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งตนไม่มีหน้าที่ที่จะบอกว่าคนนี้ผิดคนนั้นผิด หรือบอกว่าต้องฟ้องใครไม่ฟ้องใคร ไม่ใช่หน้าที่ตน
ส่วนที่บอกว่าการสอบสวนของ ศอฉ.เกี่ยวกับโครงข่ายเรื่องสถาบันเป็นเรื่องเท็จ ขอยืนยันว่าไม่จริง ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตรวจสอบและออกหมายเรียก หมายจับตามขั้นตอน พอสั่งปิดเว็บไซต์ก็หาว่าปิดกั้น ล้อมโรงพัก ล้มสถานี
ต้องยอมรับการปิดเว็บไซต์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แทนที่จะเป็นผลดีทำเพื่อปกป้องความมั่นคงของประเทศ แต่ต่างประเทศกลับมาเป็นเรื่องอื่น ดังนั้น จึงดำเนินการเว็บไซต์สื่อได้ค่อนข้างยาก แต่เรื่องตัวบุคคลเป็นเรื่องที่ สตช. ต้องดำเนินการ ส่วนที่บอกว่าตนไปพบประธานองคมนตรีนั้น เพราะท่านดำรงตำแหน่งนี้ก็เป็นพระราชอำนาจ การที่บอกว่าคนที่เขาข่ายละเมิดสถาบัน ห้ามคบ ห้ามพูด ห้ามคุยด้วย แบบนี้จะไปคบใครขณะที่รอบตัวท่านเองก็มีคนเข้าข่ายละเมิดสถาบันเช่นเดียวกัน แล้วท่านจะคบใคร
"ส่วนที่เอกสารเว็บไซต์วิกีลีกส์ได้เผยแพร่นั้น สหรัฐก็ไม่ยืนยันว่าเป็นเอกสารของสหรัฐฯ แต่ทางรัฐบาลได้มีหนังสือไปถึงสหรัฐฯแจ้งว่ามีความเป็นห่วง เนื่องจากมีการกระทบต่อสถาบันจึงขอให้หยุดเผยแพร่"
สถานการณ์ลิเบีย 24 ก.พ. – ฝ่ายต่อต้านยึดพื้นที่ได้เพิ่มFebruary 24, 2011 สรุปความเคลื่อนไหวเหตุการณ์ไม่สงบในประเทศลิเบีย ประจำวันที่ 24 ก.พ. 2554 – ฝ่ายต่อต้านประธานาธิบดีกัดดาฟี ประสบความสำเร็จในการยึดหัวเมืองทางตะวันออกของประเทศได้เพิ่มเติม รวมถึงนครหลวง Tripoli ทางฟากตะวันตกด้วยการรายงานสถานการณ์จากลิเบียยังเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะห้ามผู้สื่อข่าวต่างประเทศเข้า แต่ผู้สื่อข่าวของ Al Jazeera รายงานจากเมือง Tobruk ซึ่งอยู่เกือบตะวันออกสุดของประเทศ ติดกับชายแดนอียิปต์ ระบุว่าไม่พบเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย สถานการณ์โดยรวมของเมืองทางฝั่งตะวันออกค่อนข้างสงบ แต่มีทหารรับจ้างออกตระเวณบ้าง ซึ่งเป็นชาวแอฟริกันที่พูดภาษาฝรั่งเศส คาดว่าจะมาจากประเทศชาดที่อยู่ใกล้เคียง ส่วนผู้นำกองทัพในเมือง Tobruk ให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera ยืนยันว่าเข้ากับฝ่ายประชาชนแล้ว และเมืองบางแห่งในภาคตะวันตกของประเทศอย่าง Misurata ก็มีรายงานว่าผู้ประท้วงสามารถยึดรถถังของฝ่ายทหารได้เช่นกัน ฝ่ายผู้ชุมนุมได้ใช้ธงชาติเก่าของลิเบีย อันประกอบไปด้วยแถบสีแดง เขียว ดำ เป็นสัญลักษณ์ของการโค่นล้มกัดดาฟี ส่วนธงชาติปัจจุบันของลิเบียเป็นสีเขียวล้วน ตัวเลขของผู้เสียชีวิตยังสับสน แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิตาลี อ้าง ‘แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้’ บอกว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจสูงถึง 1,000 ศพ ส่วนสถานการณ์ในเมืองหลวง Tripoli หลังจากผู้นำกัดดาฟีออกแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ เรียกร้องให้ประชาชนฝ่ายเขาลุกขึ้นสู้ ก็มีรายงานว่ากลุ่มผู้สนับสนุนกัดดาฟีหลายร้อยคนพยายามเข้าไปที่จัตุรัสเขียวใจกลางนครหลวง มีรายงานว่ากลุ่มคนเหล่านี้ถืออาวุธอย่างมีดดาบเดินอยู่ในเมือง ส่วนข้าราชการระดับสูงที่ใกล้ชิดครอบครัวกัดดาฟี รวมถึงทูตลิเบียทั่วโลกก็ทยอยลาออกกันอย่างต่อเนื่อง นักบินส่วนตัวของกัดดาฟีชาวนอร์เวย์วัย 57 ปีได้เดินทางออกนอกประเทศแล้วเช่นกัน เมื่อคืนนี้ตามเวลาท้องถิ่น Aisha Gaddafi บุตรสาวของกัดดาฟีได้ปรากฎตัวทางโทรทัศน์ ปฏิเสธว่าเธอไม่ได้หนีออกนอกประเทศ และยอมรับว่าไม่ทราบข่าวที่สหประชาชาติตัดเธอออกจากโครงการทูตความดี (goodwill ambassador) แล้ว Al Jazeera ยังรายงานปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารของฝ่ายกุมอำนาจ โดยส่ง SMS ไปยังโทรศัพท์มือถือทั่วประเทศว่า “พระเจ้าจะคุ้มครองผู้นำของเรา” (God give victory to our leader and the people) และมีเสียงลือว่าถ้าส่งข้อความนี้ต่อ จะได้เครดิตการใช้งานมือถือเพิ่ม ขณะนี้มีรายงานว่าปริมาณการผลิตน้ำมันของลิเบียลดลง 25% จากสถานการณ์ปกติ ที่มา – Al Jazeera ภาพประกอบข่าวหน้าแรกจาก Flickr (@zenashots) |
เตรียมพร้อมสำหรับปรากฏการณ์ช็อกโลก!! จากตะวันออกกลางFebruary 24, 2011 จากการปฏิวัติในตูนิเซียและอียิปต์ ต่างก็ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงผ่านแรงบันดาลใจของวัยหนุ่มสาวที่แพร่สะพรัดไปทั่วแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับประเด็นของการเมืองและสังคมเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมีนัยต่อเศรษฐกิจโลกและส่งผลต่อชาติตะวันตก เป็นที่เข้าใจได้ว่าสถานการณ์อียิปต์และตูนิเซียมีนัยสำคัญแม้จะไม่ส่งผลกระทบต่อขนาดตลาดนัก เนื่องจากทั้งสองประเทศไม่ใช่ตัวแสดงหลักที่มีอิทธิพลในระดับเศรษฐกิจโลก เพราะไม่ได้เป็นผู้ส่งออกสินค้าขนาดใหญ่ทั้งยังไม่ได้มีส่วนแบ่งตลาดกับรัฐบาลชาติตะวันตก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อียิปต์และตูนิเซียถือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดการขยายตัวของปรากฏการณ์ความเปลี่ยนแปลงทางระบบที่มีนัยสำคัญ นานนับสัปดาห์แล้วที่มีภาพผู้ประท้วงเกิดขึ้นในหลายประเทศของภูมิภาคนี้ จากอัลจีเรีย, โมร็อคโค ขณะที่ฝั่งตะวันตกก็แพร่ไปยังบาห์เรน และเยเมนในทางฝั่งตะวันออก ผู้ส่งออกน้ำมันอย่างลิเบียที่มีการประท้วงและถูกปราบปรามขนานหนักจากรัฐบาล ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นมาก ซึ่งเป็นผลสะท้อนอันเนื่องมาจากตัวแสดงสำคัญในการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์มีสภาวะไม่แน่นอน ภาพการประท้วงที่ถูกฉายในบาห์เรน ทำให้เกิดความเสี่ยงสูงในแง่ภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในภูมิภาคดังกล่าว จะเห็นได้ว่าระยะเปลี่ยนผ่านทางการเมืองดังกล่าวถือเป็นพลวัตรที่น่าสลดใจ โดยเฉพาะความสูญเสียและความอันตรายจากเหตุรุนแรงดังกล่าวที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ในระยะสั้น การพัฒนาภายในภูมิภาคนี้จะเกิดภาวะชะงักงัน อันเนื่องมาจากปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ดังนี้ ประการแรก ราคาน้ำมันที่ถีบตัวสูงขึ้นจะยิ่งเพิ่มต้นทุนในการผลิตมากขึ้นและส่งผลต่ออัตราภาษีของผู้บริโภค ประการที่สอง จะเกิดภาวะตื่นกลัวด้วยการตั้งป้อมระวังความเสี่ยงจากสถานการณ์ดังกล่าวที่อาจรุนแรงมากขึ้น และนำไปสู่การกักเก็บสินค้าไปทั่วโลก แรงกดดันจะเพิ่มขึ้นจากสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งมวล ส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลขึ้น ประการที่สาม ในภูมิภาคจะเป็นตลาดที่มีขนาดเล็กกว่าประเทศส่งออกรายอื่น ทั้งนี้ ระดับเศรษฐกิจจะได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตกน้อยลง และทางเลือกในการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ผันผวนจะลดลงไปด้วย |
เสื้อแดงมุกดาหารได้ประกันเพิ่มอีก2ราย
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์ 24 กุมภาพันธ์ 2554 http://thaienews.blogspot.com/index.html แม้ว่าแกนนำนปช. 7 รายได้ถูกปล่อยตัวออกมาแล้วจากการให้ประกันตัว แต่นักโทษเสื้อแดงในคุกอีกหลายร้อยคนยังรอคอยอิสรภาพอยู่ ดังนั้นความพยายามเคลื่อนไหวจะประกันตัวพี่น้องเหล่านี้ออกจากคุกยังคงดำเนินไป โดยการพึ่งพาตนเองเป็นหลักของคนเสื้อแดง กิจกรรมจัดแข่งขันกอล์ฟหาทุนในชื่อGolf4Freedomเพื่อหาทุนให้สำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ของทนายอานนท์ นำภา เพื่อเป็นทุนสู้คดีประกันตัวนักโทษเสื้อแดงออกจากคุกเป็น 1 ในกิจกรรมดังกล่าว หลังจากทนายอานนท์ประสบความสำเร็จในการยื่นขอประกันตัวนักโทษการเมืองที่ไม่ใช่แกนนำมาแล้วนับสิบรายก่อนหน้านี้ โดยมีค่าธรรมเนียม ค่ากรีนฟี ค่าแค็ดดี้ รวมอาหารเย็น ก๊วน VIP 15,000 บาท/ก๊วน ก๊วนทั่วไป 12,500 บาท/ก๊วน ซึ่งราคานี้นับว่าถูกมากๆหากเทียบกับการจัดกอล์ฟการกุศลทั่วไปที่จะขายก๊วนละขั้นต่ำ25,000-50,000บาท ก๊วนละ 5 ท่าน(กรณีไม่มีก๊วน หรือไม่ครบก๊วน เพียงท่านละ 2,500 บาท ผู้จัดจะจัดหาให้ครบก๊วน ล้วนแต่พี่น้องเรา จะได้รู้จักผูกไมตรีกันไว้ วิธีสำรองการเข้าร่วมงาน หรือสอบถามการร่วมงาน-ติดต่อ "คุณปุ้ย" วัชราภรณ์ หวลธรรม ผู้ประสานงานโครงการ ติดต่อ: โทรศัพท์มือถือ 082-6301700 หรืออีเมล์ hwacharaporn@yahoo.com และ freeprisonproject@gmail.com วิธีชำระเงิน-โอนได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผ่านชื่อบัญชี วัชราภรณ์ หวลธรรม ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเมืองทองธานีเซ็นเตอร์ 2 เลขที่บัญชี402-293346-1 จากนั้นแจ้งการโอนมาที่อีเมล์ หรือทางมือถือคุณปุ้ย เพื่อยืนยัน ทนายอานนท์เผยนักโทษเสื้อแดงมุกดาหารได้ประกันเพิ่มอีก2ราย เวบไซต์ สำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ของทนายอานนท์ นำภา ได้รายงานข่าวว่า สมัคร ลุณริลา กับท่าดีใจที่ได้อิสรภาพหลังถูกขังมานาน 9 เดือน เมื่อวานนี้ศาลจังหวัดมุกดาหารได้ให้ประกันตัวผู้ต้องขังเสื้อแดงเพิ่มอีก ๒ ราย คือ นายสมัคร ลุนริลา และนาย ทองดี ชาธิพา จำเลยคดีต้องหาเผาศาลากลางจังหวัดมุกดาการ ซึ่งทั้งสองป่วยด้วยอาการทางจิตอย่างหนัก พยายามฆ่าตัวตาย ที่ผ่านมาสามารถทำเรื่องประกันตัวได้แล้ว 11 ราย โดยให้เหตุผลหลักเรื่องสุขภาพและความเจ็บป่วยทั้งทางกายและทางจิตของผู้ต้องขังที่พยายามฆ่าตัวตายหลายราย แต่ที่มุกดาหารก็ยังเหลือผู้ต้องขังติดคุกอยู่อีก ๙ คนในเรือนจำมุกดาหาร ถึงวันนี้ จำเลยยังคงยืนยันว่า ไม่ได้ทำผิดดังที่ถูกกล่าวหา "ขอรณรงค์เรียกร้อง ให้ คุณทักษิณ พรรคเพื่อไทย บ้านเลขที่111 แกนนำ นปช. และคนเสื้อแดงทุกคนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เร่งรีบช่วยเหลือ คนเสื้อแดง ทุกๆคนที่ต้องโทษในเรือนจำ ด้วยการยื่นมือประกันตัว อีกทั้ง ยื่นมือช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและคนเสื้อแดงที่ต้องหลบหนี ในที่ต่างๆ ในทุกกรณีครับ"ทนายอานนท์ระบุในเวบไซต์สำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ นางธิดา โตจิราการ รักษาการประธานนปช แถลงว่า ต้องอย่าลืมว่านอกจากแกนนำที่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ยังมีคนที่ถูกจับกุมตัวอีก 100 กว่าคน ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม คนเสื้อแดงเท่าเทียมกันทุกคน ฉะนั้นจึงจะรณรงค์ให้ปล่อยตัวคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังทุกคน โดยในวันที่ 12 มี.ค.จะเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อให้รัฐบาลปล่อยตัวคนเสื้อแดงทั้งหมด นายจตุพร แถลงต่อว่า การชุมนุมในวันที่ 12 มี.ค.นี้ จะงดการดาวกระจายไปในสถานที่ต่างๆ และจะรวม กันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ในต่างจังหวัดคือ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี มหาสารคาม และเรือนจำคลองเปรมนั้น ต่อไปจะมีการกำหนดเพื่อจะมีการเคลื่อนไหวไปที่ศาลของทุกจังหวัดเพื่อขอเศษ เสี้ยวความยุติธรรมให้คนที่ถูกคุมขัง และนอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่าช่วงที่มีคนจะเผาศาลากลางนั้นมีอส.ไปห้าม แต่ถูกทหารใช้ปืนจ่อหัวอส.ไม่ให้ขัดขวางคนที่จะมาเผา ซึ่งสอดคล้องกับการเผาเซ็นทรัล เวิลด์ และเรื่องนี้จะใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย มาร์คแหลกลางสภารัฐบาลพยายามช่วยแต่แกนนำนปช.ละเลย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุมสภาฯวันนี้ว่า รัฐบาลไม้ได้ละเลยคนเสื้อแดงที่ติดคุก แต่คนละเลยคือแกนนำเสื้อแดงเองเพราะไปช่วยแต่แกนนำ ทำให้รัฐบาลต้องตามไปดูแลแนวร่วมนปช.ที่ติดคุกอยู่ โดยมีมติครม.ออกมาและให้เจ้าหน้าที่ตามไปให้ความช่วยเหลือ ได้ประกันตัวออกมาแล้วหลายคนในเวลานี้ ญาติคนเสื้อแดงทวงสัญญาประกัน104นักโทษการเมือง หลังครม.อนุมัติแล้วส่อแววเบี้ยวโดนขังลืม ภาพล่าง) แม่ของผู้ต้องขังเสื้อแดงจังหวัดอุดรธานี ซ่อนหน้าหลังแผ่นป้ายรณรงค์กำลังซับน้ำตาขณะมาเรียกร้องการประกันให้กับลูกชายที่กระทรวงยุติธรรม บุกกรมคุ้มครองสิทธิฯ ร้อง 9 เดือนแล้ว ลูก-ผัวเสื้อแดงยังไม่ได้ประกันตัว ก่อนหน้านี้เวบไซต์ประชาไท รายงานว่า เมื่อวันที่15 ก.พ.54 ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายญาติผู้ต้องขังเสื้อแดงราว 50 คน พร้อมด้วยนางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ของน.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม เข้ายื่นหนังสือและร้องเรียนกรณีที่ญาติพี่น้อง-สามี-ลูก ซึ่งเป็นคนเสื้อแดงยังถูกคุมขังอยู่ตามเรือนจำจังหวัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมหาสารคาม อุบลราชธานี อุดรธานี มุกดาหาร มหาสารคาม ขอนแก่น เชียงใหม่ โดยไม่สามารถประกันตัวได้ ทั้งนี้ นายสมชาติ เอี่ยมอนุพงษ์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิได้ลงมารับหนังสือ ซึ่งในหนังสือร้องระบุว่า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.53 ครม.มีมติยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมทั้งเห็นชอบให้มีการช่วยเหลือประกันตัวให้แก่ผู้ต้องขังคดีชุมนุมทางการเมือง 104 คน ตามที่คณะกรรมการที่มี นายคณิต ณ นคร เป็นประธานเสนอมา แต่ถึงปัจจุบันกว่า 9 เดือนแล้วแต่ญาติพี่น้องของพวกเขาก็อยู่ในเรือนจำ จึงขอเรียกร้องให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ประสานงานตามศาลจังหวัดต่างๆ เพื่อให้ญาติได้ประกันตัว พร้อมช่วยเหลือหลักทรัพย์ และขอให้เปิดเผยรายชื่อผู้ต้องหาที่ถูกขังในเรือนจำทั่วประเทศในคดีการเมืองด้วย จากนั้นได้มีการเชิญชาวบ้านทั้งหมดไปร่วมหารือร่วมกับรองอธิบดีและ นางนงกรณ์ รุ่งเพ็ชรวงศ์ ผอ.กองพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพ นางนงกรณ์ ชี้แจงว่า กรณีที่ชาวบ้านเข้าใจว่ามติครม.ให้ประกัน 104 รายตามที่นายคณิต ณ นคร เสนอนั้น อันที่จริงแล้วมติครม.ระบุให้ดีเอสไอและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไปหาหลักเกณฑ์และแนวทางในการประกันตัวมา แต่ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้า ทางกรมคุ้มครองสิทธิฯ จะทำหนังสือทวงถามให้ ด้านญาติของผู้ต้องขังระบุว่า ขณะนี้เรือนจำจังหวัดอุดรธานี ยังมีผู้ต้องขังประกันตัวไม่ได้ 27 คน อุบลราชธานี 21 คน มุกดาหาร 12 คน มหาสารคาม 9 คน ขอนแก่น 4 คน เชียงใหม่ 4 คน ซึ่งเกือบทั้งหมดยื่นประกันตัวหลายครั้งแต่ไม่ได้รับอนุญาต ส่วนการลงไปช่วยเหลือของกรมคุ้มครองสิทธิฯ นั้น หลายครั้งไปโดยไม่ประสานงานกับญาติและทนาย ไม่ทราบข้อมูล ทำให้การยื่นประกันได้รับการปฏิเสธ นางศิรินารถ จันทะคัต ตัวแทนญาติจากจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลแสดงความจริงใจด้วยการช่วยเหลือผู้ต้องขังอย่างที่พูด โดยยกตัวอย่างความยากลำบากของครอบครัวจันปัญญา หลังจากนายสุชล จันปัญญา นักศึกษาเทคนิคชั้น ปวส.1 ถูกคุมขัง ทำให้พ่อที่เป็นอัมพาตและมารดาที่อายุมากอยู่อย่างยากลำบาก เพราะปกตินายสุชลจะเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัวและทำงานเป็นลูกจ้างร้านถ่ายเอกสารส่งเสียตัวเองเรียน ในวันเกิดเหตุนายสุชลเข้าไปยืนดู ตำรวจใช้ภาพถ่ายที่เป็นเพียงการยืนมุงเป็นหลักฐาน โดยที่ขวดน้ำมันที่กล่าวอ้างว่าเป็นของนายสุชลก็ไม่มีการพิสูจน์ลายนิ้วมือ ส่วนนางวาสนา ลิลา จากจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวทั้งน้ำตานองหน้าว่า สามีถูกคุมขังมานานหลายเดือนจะมีอาการเครียด เกรงว่าจะคิดสั้นในเรือนจำ สามีโดนข้อหาร่วมกันวางเพลิง ทั้งที่ในวันเกิดเหตุเขาไปซื้ออะไหล่รถและแวะมาดูลูกคนเล็กที่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อผ่านจุดเกิดเหตุจึงแวะดู ต่อมาตำรวจนำภาพถ่ายมาให้เซ็นชื่อโดยบอกว่าหากลงชื่อวันรุ่งขึ้นก็สามารถประกันตัวได้ แต่ท้ายที่สุดก็ถูกคุมขังมาจนปัจจุบันไม่สามารถประกันตัวได้ ทำให้ตนลำบากมากเพราะต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก 2 คนเพียงลำพัง |
นกปากห่างพ่นพิษบินชน” แบล็กฮอว์ก”อย่างจังนักบินต้องรีบนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินกลางทุ่งนา
ฝูงนกปากห่างพ่นพิษบินชน” แบล็กฮอว์ก”อย่างจังนักบินต้องรีบนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินกลางทุ่งนาเมืองกรุงเก่า
เมื่อเวลา 14.00น.วันที่ 24 ก.พ. พ.ต.ท.วินัย ตรีราภี สว.สส.สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านมีเฮลิคอล์ปเตอร์ ลงจอดฉุดเฉินกลางทุ่งนา หมู่ 1 ต.บ้านหีบ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านจำนวนมากกำลังมุ่งดู เฮลิคอล์ปเตอร์ จอดอยู่ที่บริเวณลานดินกลางทุ่งนา มีนักบินกำลังซ่อมแซมที่บริเวณปีก ที่หัวเครื่องระบุหมายเลขเครื่อง 6927 ด้านข้างระบุ ว่าเป็น ของ กองบินปีกหมุน ที่9 (ผสม) จอดอยู่ จำนวน2ลำ
สอบถามนักบินทราบว่า เฮลิคอล์ปเตอร์ เป็นแบบ แบบ แบล็กฮอว์ก ได้บินมาจากศูนย์การบิน จ.ลพบุรี เมื่อเวลา 13.00 น. ขณะบินมีฝูงนกปากห่างจำนวนมากบินมาชนปีก อย่างแรง จนเกิดความเสียหายเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัย จึงได้ทำการลงจอดฉุกเฉิน เพื่อตรวจสอบ โดยขอให้ทางศูนย์การบินส่ง เฮลิคอล์ปเตอร์ แบล็ฮว์กอีกลำ นำเครื่องมือ มาซ่อมแซมที่บริเวณปีก ที่ได้รับความเสียหายนกบินมาชน ทำการขันน๊อตที่ปีกให้แน่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักบินที่ทำการบินมาไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อและรายราละเอียด โดยได้ใช้เวลาตรวจสอบ อยู่นานประมาณ 1 ชั่วโมง จึงบินกลับ ที่ จ.ลพบุรี สำหรับเฮลิคอปเตอร์ ได้บินจาก จ.ลพบุรี ไปกรุงเทพ เพื่อส่งนายทหารที่ไปร่วมงานวันสถาปนาศูนย์การบินทหารบก ต.เขาพระงาม อ.เมือง จ.ลพบุรี โดยคณะนายทหารได้เดินทางกลับโดยรถยนต์อย่างเร่งด่วน
เดลินิวส์
ฝูงนกปากห่างพ่นพิษบินชน” แบล็กฮอว์ก”อย่างจังนักบินต้องรีบนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินกลางทุ่งนาเมืองกรุงเก่า
เมื่อเวลา 14.00น.วันที่ 24 ก.พ. พ.ต.ท.วินัย ตรีราภี สว.สส.สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านมีเฮลิคอล์ปเตอร์ ลงจอดฉุดเฉินกลางทุ่งนา หมู่ 1 ต.บ้านหีบ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านจำนวนมากกำลังมุ่งดู เฮลิคอล์ปเตอร์ จอดอยู่ที่บริเวณลานดินกลางทุ่งนา มีนักบินกำลังซ่อมแซมที่บริเวณปีก ที่หัวเครื่องระบุหมายเลขเครื่อง 6927 ด้านข้างระบุ ว่าเป็น ของ กองบินปีกหมุน ที่9 (ผสม) จอดอยู่ จำนวน2ลำ
สอบถามนักบินทราบว่า เฮลิคอล์ปเตอร์ เป็นแบบ แบบ แบล็กฮอว์ก ได้บินมาจากศูนย์การบิน จ.ลพบุรี เมื่อเวลา 13.00 น. ขณะบินมีฝูงนกปากห่างจำนวนมากบินมาชนปีก อย่างแรง จนเกิดความเสียหายเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัย จึงได้ทำการลงจอดฉุกเฉิน เพื่อตรวจสอบ โดยขอให้ทางศูนย์การบินส่ง เฮลิคอล์ปเตอร์ แบล็ฮว์กอีกลำ นำเครื่องมือ มาซ่อมแซมที่บริเวณปีก ที่ได้รับความเสียหายนกบินมาชน ทำการขันน๊อตที่ปีกให้แน่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักบินที่ทำการบินมาไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อและรายราละเอียด โดยได้ใช้เวลาตรวจสอบ อยู่นานประมาณ 1 ชั่วโมง จึงบินกลับ ที่ จ.ลพบุรี สำหรับเฮลิคอปเตอร์ ได้บินจาก จ.ลพบุรี ไปกรุงเทพ เพื่อส่งนายทหารที่ไปร่วมงานวันสถาปนาศูนย์การบินทหารบก ต.เขาพระงาม อ.เมือง จ.ลพบุรี โดยคณะนายทหารได้เดินทางกลับโดยรถยนต์อย่างเร่งด่วน
เดลินิวส์
แถลงข่าว แกนนำ 8 จังหวัดภาคเหนือ 24-02-54 ตอนเย็นมีปราศรัย นำโดย อ สุนัย คุณสมยศ คุณเบญจมิน ครับ
http://www.internetfreedom.us/thread-14775.html
http://www.internetfreedom.us/thread-14775.html
รู้หรือยัง ใครคือกาหลิบ แล้วทำไมกาหลิบถึงฟัดหัวแถวเสื้อแดง
ขอโทษที่ไม่ยินดี โดย กาหลิบ
คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง ขอโทษที่ไม่ยินดี
โดย กาหลิบ
เหตุที่ต้องขอโทษล่วงหน้า
ก็เพราะใจอยากแสดงความยินดีจริงๆ ต่อแกนนำ นปช.แดงทั้งแผ่นดินทั้ง ๗ คน
ที่ได้รับการประกันตัวสู่อิสรภาพชั่วคราว ๙ เดือนในคุกเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน
หากนานไปกว่านี้ก็อาจส่งผลกระทบถาวรในทางร่างกายและจิตใจได้
การได้ออกมาจึงเป็นความโล่งใจเปลาะหนึ่งของคนที่ยังมีมิตรภาพต่อกัน
แต่จะให้ถึงขั้นรู้สึกยินดีนั้น ทำไม่ได้และจะไม่ทำ
ความจริงแทบไม่ต้องอธิบายเหตุผลเรื่องนี้กับผู้ร่วมอุดมการณ์อย่างต่อเนื่อง
แต่สำหรับบางท่านที่เคลิบเคลิ้มกับละครฉากใหญ่ในบ้านเมืองขณะนี้
ซึ่งอาจจะงงงันสับสนว่า
ทำไมถึงไม่ยินดีปรีดาไปกับท่านด้วย เราคงต้องลำดับความกันอีกสักครั้ง
ที่ยินดีไม่ได้ก็เพราะมีเหตุผลใหญ่ ๓ ประการ
ประการแรก การปล่อยตัวแกนนำ ๗ คนจากเกือบสองร้อยคน
สู่อิสรภาพชั่วคราว เกิดขึ้นใน ๒๔ ชั่วโมง
เดียวกับการจับกุมตัว นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือ สุรชัย แซ่ด่าน ประธานแดงสยาม
หลังจากเข้าร่วมกิจกรรมที่เจดีย์ขาวใกล้ท้องสนามหลวง
ฐานความผิดที่นำมากล่าวหาคือมาตรา ๑๑๒ ของประมวลกฎหมายอาญา
ตามอำนาจของรัฐธรรมนูญหมวด ๒ นั่นคือ
ความผิดฐานหมิ่นกษัตริย์และอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกษัตริย์ การจู่โจมจับกุมครั้งนี้
กระทำกันกลางดึกในซอยเปลี่ยวแถวนนทบุรี โดยคนที่เชื่อว่า
เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบเป็นจำนวนมากที่มีอาวุธครบมือ
ไม่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหรือข่าวกรองที่ไหนมาช่วยวิเคราะห์ สาธุชนย่อมเข้าใจได้เองว่า
นี่ย่อมเกิดจากข้อตกลงระหว่างผู้มีอำนาจในเมืองไทยกับตัวแทนของฝ่าย นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
ตัวแทนของผู้มีอำนาจจะเป็นใครไม่รู้ แต่ตัวแทนฝ่าย นปช.ฯ ชัดเจนแล้วว่าคือ
พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ที่คนทั้ง ๗ เดินทางไปกราบทันทีที่ก้าวออกมาจากคุก
คำถามคือข้อตกลงนั้นจะทำให้มวลชนของเราได้ประชาธิปไตยหรือไม่
ถ้า นปช.ฯ ยอมรับเงื่อนไขของระบอบศักดินา-อำมาตยาธิปไตย
จนถึงขั้นจำกัดบทบาทตัวเองในทางการเมือง
และยอมให้คนที่ลุกขึ้นสู้ด้วยความห้าวหาญอย่าง นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์
และพี่น้องร่วมคุกที่ไม่มีชื่อเสียงเท่าแกนนำทั้ง ๗ อีกเกือบสองร้อยคน ช่วยติดคุกแทนตน
ต่อให้ขึ้นเวทีแสดงอิทธิฤทธิ์หรือให้สัมภาษณ์ช่องแดงช่องเขียวกันอย่างหยาดเยิ้มว่า
เราจะต่อสู้ต่อไปหรือเราจะไม่มีวันลืมเพื่อนร่วมคุก
เราก็จะเห็นว่าเป้าหมายต่อสู้จะเหลือแค่พรรคประชาธิปัตย์กับบรรดาลูกน้องผู้มีอำนาจ
แต่จะเอาโวหารมาเชือดเฉือนอย่างมันปากจนชาวบ้านบางคนอาจหลงเชื่อว่า
เป็นการต่อสู้อย่างแท้จริง เสียเวลามวลชนซ้ำซากกันไปอีกหลายเดือนหลายปี
จนได้เลือกตั้งสมใจ ท้ายที่สุดเมื่อมวลชนนึกขึ้นได้ว่าทั้งหมดนี้ไม่มีประโยชน์
ก็อาจหมดแรงเลิกชุมนุมกันไปเอง ส่วนใครที่มันดื้อรั้นไม่ยอมก้มหัวให้
ก็จับใส่คุกแบบขังลืมหรือไล่ฆ่าอย่างเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้เห็น
หรือถึงทาง นปช.ฯ จะรู้เห็นก็คงไม่เข้ามาร่วมทุกข์
เหมือนที่ไม่ยอมเอ่ยปากถึงการจับกุมนายสุรชัยฯ แม้แต่คำเดียว
เพราะอาจขัดผลประโยชน์และความสุขของตน
ประการที่สอง การไม่เจรจาเผื่อผู้ร่วมคุกอีกเกือบ ๒๐๐ คน
ซึ่งเป็นผู้ร่วมชะตากรรม
และการที่แกนนำไม่ประกาศจุดยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับมวลชนเหล่านั้น
ถึงขั้นที่ควรปฏิเสธอิสรภาพ หากอิสรภาพนั้นจะตกอยู่กับคนเพียง ๗ คน
เป็นการส่งสัญญาณที่ไม่เป็นคุณต่อขบวนประชาธิปไตย
การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในระบอบศักดินา-อำมาตยาธิปไตยเป็นเรื่องยากลำบาก
ไม่มีทางที่จะทำสำเร็จได้โดยคนเพียง ๗ คนหรืออดีตนายกรัฐมนตรี ๑ คน
เราต้องขอความช่วยเหลือมวลชนจำนวนมากที่สุด
ให้เข้าร่วมในกิจกรรมที่หลากหลายที่สุด บนดิน ใต้ดิน ในเวทีชุมนุม นอกเวทีชุมนุม
ทั้งงานที่มีองค์กรนำควบคุมชี้นำ และกิจกรรมธรรมชาติของมวลชน
การส่งสัญญาณใดๆ ในขบวนจะต้องคำนึงถึงความรู้สึกร่วมเช่นนี้เป็นสำคัญ
แนวคิดที่ว่าเอาตัวแกนนำออกมาก่อนเถิด มวลชนจะได้มี “หัว” คือ
แนวคิดที่ล้าหลัง น่าแปลกใจที่ยังมีผู้เชื่อว่า
มวลชนตาสว่างในวันนี้สามารถ “ถูกนำ” ได้
มวลชนปัจจุบันก้าวหน้าและกล้าหาญกว่าเวทีมานานแล้ว
ปรากฏการณ์ปัจจุบันที่เกิดแนว “แดงสยาม” ขึ้นควบกับ “นปช.แดงทั้งแผ่นดิน”
ยิ่งทำให้สิ่งที่มวลชนลังเลและเคลือบแคลงใจในอดีตหมดสิ้นไป
จากนี้ไปแนวคิดปฏิวัติย่อมจะชัดเจนขึ้น วิธีการในการบรรลุถึงเป้าหมายเท่านั้นเอง
ที่ต้องวางกันให้ชัดเพื่อให้มวลชนตาสว่างมองเห็นความเป็นไปได้
ประการที่สามซึ่งเป็นข้อสุดท้าย ในการเจรจาเยี่ยงนี้
วีรชนแห่งเดือนเมษายนและพฤษภาคมของเราที่ตายเป็นร้อยๆ หายไปไหน
ความตายกลางถนนหลวงและกระจายไปทั่วประเทศไทย
ด้วยฝีมือคนประเภทเดียวกับคนที่ตัวแทน นปช.ฯ ไปเจรจาด้วย ไม่มีความสำคัญใดๆ เลยหรือ
ใครเตรียมจัดงานเฉลิมฉลอง
หรือจะจัดคอนเสิร์ตแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอย่างไรก็ทำไปเถิด
แต่ใจเราไม่อาจยอมรับการก้าวข้ามศพวีรชนกันอย่างนี้ได้
หวังว่าเหตุผลสามประการนี้คงชัดเจนพอสำหรับคนที่มีหัวใจ.
http://democracy100percent.blogspot.com/..._6472.html
คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง ขอโทษที่ไม่ยินดี
โดย กาหลิบ
เหตุที่ต้องขอโทษล่วงหน้า
ก็เพราะใจอยากแสดงความยินดีจริงๆ ต่อแกนนำ นปช.แดงทั้งแผ่นดินทั้ง ๗ คน
ที่ได้รับการประกันตัวสู่อิสรภาพชั่วคราว ๙ เดือนในคุกเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน
หากนานไปกว่านี้ก็อาจส่งผลกระทบถาวรในทางร่างกายและจิตใจได้
การได้ออกมาจึงเป็นความโล่งใจเปลาะหนึ่งของคนที่ยังมีมิตรภาพต่อกัน
แต่จะให้ถึงขั้นรู้สึกยินดีนั้น ทำไม่ได้และจะไม่ทำ
ความจริงแทบไม่ต้องอธิบายเหตุผลเรื่องนี้กับผู้ร่วมอุดมการณ์อย่างต่อเนื่อง
แต่สำหรับบางท่านที่เคลิบเคลิ้มกับละครฉากใหญ่ในบ้านเมืองขณะนี้
ซึ่งอาจจะงงงันสับสนว่า
ทำไมถึงไม่ยินดีปรีดาไปกับท่านด้วย เราคงต้องลำดับความกันอีกสักครั้ง
ที่ยินดีไม่ได้ก็เพราะมีเหตุผลใหญ่ ๓ ประการ
ประการแรก การปล่อยตัวแกนนำ ๗ คนจากเกือบสองร้อยคน
สู่อิสรภาพชั่วคราว เกิดขึ้นใน ๒๔ ชั่วโมง
เดียวกับการจับกุมตัว นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือ สุรชัย แซ่ด่าน ประธานแดงสยาม
หลังจากเข้าร่วมกิจกรรมที่เจดีย์ขาวใกล้ท้องสนามหลวง
ฐานความผิดที่นำมากล่าวหาคือมาตรา ๑๑๒ ของประมวลกฎหมายอาญา
ตามอำนาจของรัฐธรรมนูญหมวด ๒ นั่นคือ
ความผิดฐานหมิ่นกษัตริย์และอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกษัตริย์ การจู่โจมจับกุมครั้งนี้
กระทำกันกลางดึกในซอยเปลี่ยวแถวนนทบุรี โดยคนที่เชื่อว่า
เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบเป็นจำนวนมากที่มีอาวุธครบมือ
ไม่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหรือข่าวกรองที่ไหนมาช่วยวิเคราะห์ สาธุชนย่อมเข้าใจได้เองว่า
นี่ย่อมเกิดจากข้อตกลงระหว่างผู้มีอำนาจในเมืองไทยกับตัวแทนของฝ่าย นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
ตัวแทนของผู้มีอำนาจจะเป็นใครไม่รู้ แต่ตัวแทนฝ่าย นปช.ฯ ชัดเจนแล้วว่าคือ
พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ที่คนทั้ง ๗ เดินทางไปกราบทันทีที่ก้าวออกมาจากคุก
คำถามคือข้อตกลงนั้นจะทำให้มวลชนของเราได้ประชาธิปไตยหรือไม่
ถ้า นปช.ฯ ยอมรับเงื่อนไขของระบอบศักดินา-อำมาตยาธิปไตย
จนถึงขั้นจำกัดบทบาทตัวเองในทางการเมือง
และยอมให้คนที่ลุกขึ้นสู้ด้วยความห้าวหาญอย่าง นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์
และพี่น้องร่วมคุกที่ไม่มีชื่อเสียงเท่าแกนนำทั้ง ๗ อีกเกือบสองร้อยคน ช่วยติดคุกแทนตน
ต่อให้ขึ้นเวทีแสดงอิทธิฤทธิ์หรือให้สัมภาษณ์ช่องแดงช่องเขียวกันอย่างหยาดเยิ้มว่า
เราจะต่อสู้ต่อไปหรือเราจะไม่มีวันลืมเพื่อนร่วมคุก
เราก็จะเห็นว่าเป้าหมายต่อสู้จะเหลือแค่พรรคประชาธิปัตย์กับบรรดาลูกน้องผู้มีอำนาจ
แต่จะเอาโวหารมาเชือดเฉือนอย่างมันปากจนชาวบ้านบางคนอาจหลงเชื่อว่า
เป็นการต่อสู้อย่างแท้จริง เสียเวลามวลชนซ้ำซากกันไปอีกหลายเดือนหลายปี
จนได้เลือกตั้งสมใจ ท้ายที่สุดเมื่อมวลชนนึกขึ้นได้ว่าทั้งหมดนี้ไม่มีประโยชน์
ก็อาจหมดแรงเลิกชุมนุมกันไปเอง ส่วนใครที่มันดื้อรั้นไม่ยอมก้มหัวให้
ก็จับใส่คุกแบบขังลืมหรือไล่ฆ่าอย่างเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้เห็น
หรือถึงทาง นปช.ฯ จะรู้เห็นก็คงไม่เข้ามาร่วมทุกข์
เหมือนที่ไม่ยอมเอ่ยปากถึงการจับกุมนายสุรชัยฯ แม้แต่คำเดียว
เพราะอาจขัดผลประโยชน์และความสุขของตน
ประการที่สอง การไม่เจรจาเผื่อผู้ร่วมคุกอีกเกือบ ๒๐๐ คน
ซึ่งเป็นผู้ร่วมชะตากรรม
และการที่แกนนำไม่ประกาศจุดยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับมวลชนเหล่านั้น
ถึงขั้นที่ควรปฏิเสธอิสรภาพ หากอิสรภาพนั้นจะตกอยู่กับคนเพียง ๗ คน
เป็นการส่งสัญญาณที่ไม่เป็นคุณต่อขบวนประชาธิปไตย
การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในระบอบศักดินา-อำมาตยาธิปไตยเป็นเรื่องยากลำบาก
ไม่มีทางที่จะทำสำเร็จได้โดยคนเพียง ๗ คนหรืออดีตนายกรัฐมนตรี ๑ คน
เราต้องขอความช่วยเหลือมวลชนจำนวนมากที่สุด
ให้เข้าร่วมในกิจกรรมที่หลากหลายที่สุด บนดิน ใต้ดิน ในเวทีชุมนุม นอกเวทีชุมนุม
ทั้งงานที่มีองค์กรนำควบคุมชี้นำ และกิจกรรมธรรมชาติของมวลชน
การส่งสัญญาณใดๆ ในขบวนจะต้องคำนึงถึงความรู้สึกร่วมเช่นนี้เป็นสำคัญ
แนวคิดที่ว่าเอาตัวแกนนำออกมาก่อนเถิด มวลชนจะได้มี “หัว” คือ
แนวคิดที่ล้าหลัง น่าแปลกใจที่ยังมีผู้เชื่อว่า
มวลชนตาสว่างในวันนี้สามารถ “ถูกนำ” ได้
มวลชนปัจจุบันก้าวหน้าและกล้าหาญกว่าเวทีมานานแล้ว
ปรากฏการณ์ปัจจุบันที่เกิดแนว “แดงสยาม” ขึ้นควบกับ “นปช.แดงทั้งแผ่นดิน”
ยิ่งทำให้สิ่งที่มวลชนลังเลและเคลือบแคลงใจในอดีตหมดสิ้นไป
จากนี้ไปแนวคิดปฏิวัติย่อมจะชัดเจนขึ้น วิธีการในการบรรลุถึงเป้าหมายเท่านั้นเอง
ที่ต้องวางกันให้ชัดเพื่อให้มวลชนตาสว่างมองเห็นความเป็นไปได้
ประการที่สามซึ่งเป็นข้อสุดท้าย ในการเจรจาเยี่ยงนี้
วีรชนแห่งเดือนเมษายนและพฤษภาคมของเราที่ตายเป็นร้อยๆ หายไปไหน
ความตายกลางถนนหลวงและกระจายไปทั่วประเทศไทย
ด้วยฝีมือคนประเภทเดียวกับคนที่ตัวแทน นปช.ฯ ไปเจรจาด้วย ไม่มีความสำคัญใดๆ เลยหรือ
ใครเตรียมจัดงานเฉลิมฉลอง
หรือจะจัดคอนเสิร์ตแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอย่างไรก็ทำไปเถิด
แต่ใจเราไม่อาจยอมรับการก้าวข้ามศพวีรชนกันอย่างนี้ได้
หวังว่าเหตุผลสามประการนี้คงชัดเจนพอสำหรับคนที่มีหัวใจ.
http://democracy100percent.blogspot.com/..._6472.html
นักบิน ขัดขืนคำสั่งทิ้งระเบิดใส่ผู้ชุมนุมลิเบีย
ที่มา: http://www.norsorpor.com 24 กุมภาพันธ์ 2554
รัฐบาลลิเบียส่งเครื่องบินรบลำหนึ่งเข้าทิ้งบอมบ์ถล่มที่มั่นของฝ่ายต่อต้านประธานาธิบดีมูอัมมาร์ กัดดาฟี ในเมืองเบนกาซีเมื่อวันพุธ(23) แต่นักบินและผู้ช่วยนักบินใจไม่เหี้ยมพอ ขัดขืนคำสั่งยอมสละเครื่องบินดีดตัวออกมา
แหล่งข่าวทางทหารบอกกับหนังสือพิมพ์กูรีนาว่าเครื่องบินรบ Sukhoi 22 ผลิตในรัสเซีย ตกลงใกล้กับเขตอาดาบิเยาะห์ ดินแดนที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของ ห่างจากเมืองเบนกาซี ไปทางตะวันตกราว 160 กิโลเมตร "นักบินและผู้ช่วยนักบิน ดีดตัวออกมาพร้อมร่มชูชีพหลังปฏิเสธคำสั่งทิ้งระเบิดเมืองเบนกาซี"
ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์(21) มีรายงานว่านักบินเครื่องบินรบลิเบีย 2 ลำลงจอดในมอลตาและทิ้งเครื่องบินแล้วหลบหนีไป หลังได้รับคำสั่งให้โจมตีผู้ประท้วงในเบนกาซีเช่นกัน
ทั้งนี้นักบินทั้ง 2 คนบอกกับทางเจ้าหน้าที่ทหารของมอลตาว่าพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกอง ทัพอากาศลิเบียยศพันอากาศเอก และหนึ่งในนั้นได้ยื่นขอลี้ภัยในมอลตา ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากแนวชายฝั่งทางเหนือของลิเบียดเพียง 340 กิโลเมตร
#################################
นี่แหละ..ถึงเป็นทหารของประชาชนอย่างแท้จริง
จงดูไว้เป็นเยี่ยงอย่าง ทหารไทยทั้งหลาย
รัฐบาลลิเบียส่งเครื่องบินรบลำหนึ่งเข้าทิ้งบอมบ์ถล่มที่มั่นของฝ่ายต่อต้านประธานาธิบดีมูอัมมาร์ กัดดาฟี ในเมืองเบนกาซีเมื่อวันพุธ(23) แต่นักบินและผู้ช่วยนักบินใจไม่เหี้ยมพอ ขัดขืนคำสั่งยอมสละเครื่องบินดีดตัวออกมา
แหล่งข่าวทางทหารบอกกับหนังสือพิมพ์กูรีนาว่าเครื่องบินรบ Sukhoi 22 ผลิตในรัสเซีย ตกลงใกล้กับเขตอาดาบิเยาะห์ ดินแดนที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของ ห่างจากเมืองเบนกาซี ไปทางตะวันตกราว 160 กิโลเมตร "นักบินและผู้ช่วยนักบิน ดีดตัวออกมาพร้อมร่มชูชีพหลังปฏิเสธคำสั่งทิ้งระเบิดเมืองเบนกาซี"
ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์(21) มีรายงานว่านักบินเครื่องบินรบลิเบีย 2 ลำลงจอดในมอลตาและทิ้งเครื่องบินแล้วหลบหนีไป หลังได้รับคำสั่งให้โจมตีผู้ประท้วงในเบนกาซีเช่นกัน
ทั้งนี้นักบินทั้ง 2 คนบอกกับทางเจ้าหน้าที่ทหารของมอลตาว่าพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกอง ทัพอากาศลิเบียยศพันอากาศเอก และหนึ่งในนั้นได้ยื่นขอลี้ภัยในมอลตา ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากแนวชายฝั่งทางเหนือของลิเบียดเพียง 340 กิโลเมตร
#################################
นี่แหละ..ถึงเป็นทหารของประชาชนอย่างแท้จริง
จงดูไว้เป็นเยี่ยงอย่าง ทหารไทยทั้งหลาย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)