ระบุทำความเข้าใจร่วม ครม.-คสช. หลัง โรดแมปขยายอีก 20 เดือน ยันไม่มีดีลกับใคร โอดทุกวันนี้ตัวเองขาดทุนให้ประชาชนได้กำไร ชี้กฎหมายของตนที่ประกาศไว้ล่วงหน้านั้น ไม่ได้เขียนกฎหมายให้ลงโทษใครเฉพาะ ถามสุณัยคนไทยหรือเปล่า แย้งผบ.ตร.เหตุระเบิดไม่เกี่ยวส่งอุยกูร์ไปจีน
พล.อ.ประยุทธ์ แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี 15 ก.ย. 2558 ที่มา ทำเนียบ รัฐบาล
15 ก.ย. 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่ามีการปรึกษาหารือร่วมระหว่าง ครม. กับ คสช. เพื่อทำความเข้าใจว่าจะบริหารงานกันอย่างไรต่อไป เนื่องจากโรดแมปต้องขยายไปอีก 20 เดือน แต่ยังคงยืนยันว่าเร็วได้ก็จะเร็ว ตนไม่อยากดึงไว้ทุกเรื่องทั้งเรื่องของรัฐธรรมนูญและประชามติ แต่ก็ต้องทำให้ได้ทั้ง 2 อย่างคือเป็นประชาธิปไตยและบ้านเมืองปลอดภัย เจริญเติบโตอย่างแข็งแรง และการปฏิรูปเกิดขึ้นได้จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้
สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ประกอบด้วยข้าราชการประจำ ข้าราชการที่เกษียณอายุไปแล้ว นักการเมืองพรรคการเมือง พวกที่รู้เกี่ยวกับกฎหมาย นักวิชาการรู้เรื่องหลักทางวิชาการ มีฝ่ายความมั่นคงทั้งตำรวจทหารที่เกษียณบ้างไม่เกษียณบ้างมาอยู่ในนี้ด้วย รวมทั้งกลุ่มการเมือง และ สปช. เดิมเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง
“การปฏิรูปของเรามีตั้งแต่รัชกาลที่ 5 มาแล้ว ก็คือการปฏิรูประบบราชการแผ่นดิน ปฏิรูปแรงงานการใช้แรงงานทั้งหมด ทรงทำมาตลอด ประเทศไทยปฏิรูปมาสมัยนั้นแล้วยังไม่ได้ทำอีกเลยนะ ก็ใช้การบริหารแผ่นดินระบบราชการมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 วันนี้ก็ยังเหมือนเดิมเพียงแต่ว่าเพิ่มกระทรวงมาเท่านั้นเอง แต่มันขาดเรื่องการบูรณาการข้ามกระทรวง การใช้งบประมาณข้ามกระทรวงในกิจการเดียวกัน ผมเห็นควรให้มีการบูรณาการ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
โอดทุกวันนี้ตัวเองขาดทุนเพื่อให้ประชาชนได้กำไร
“ผมคิดว่าผมก็ทำดีที่สุดแล้วล่ะ ผมไม่ได้ต้องการมีอำนาจ ต้องการอะไรต่างๆ ผมขาดทุนลงทุกวันนะ ผมขาดทุนอะไรรู้ไหม เพราะผมไม่ได้ผลประโยชน์อยู่แล้ว แต่ขาดทุนของผมคือขาดทุนชื่อเสียงผมถูกทำลายโดยคนใส่ร้ายป้ายสีผมเยอะพอสมควร ต่อต้านอะไรไม่รู้ มันชอบพูดเรื่องที่มันไม่ใช่เรื่อง ผมก็ขี้เกียจโมโหนะ นี่ผมขาดทุนแล้วนะ สองผมขาดทุนในเรื่องชีวิตผม ความปลอดภัยของผมก็ขาดทุนนะ สามคือขาดทุนที่ผมจะไปพักผ่อนของผมเวลาผมก็น้อยลงไปเรื่อยๆ ในการทำงานแบบนี้นะ ความกดดันก็สูง แล้วผมจะได้พักผ่อนเมื่อไหร่ แต่ทั้งนี้ผมก็จำเป็นต้องทำนะ เพื่อรักษาสถานการณ์ให้ได้และเดินหน้าประเทศให้ได้วางพื้นฐานให้ได้ เพราะอะไร เพราะว่าผมคิดแต่เพียงว่าผู้ได้รับกำไรต้องเป็นประชาชน ประชาชนเป็นผู้ได้รับกำไรจากที่ผมได้ขาดทุนไปแล้วนี่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่พื้นฐานคือว่าความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน หากทุกคนคิดว่าตนทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจก็สนับสนุนตน ถ้าคิดว่าตนมีนอกมีในนั้น ถ้าจะว่าอะไรก็รับหมด ไม่รู้ว่าจะว่าอย่างไร แต่ยื่นยันว่าตนเองไม่ได้อะไรเลย พร้อมทั้งขอร้องนักการเมือง พรรคการเมือง รวมทั้งสื่อมวลชนช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนว่าจะต้องเผชิญสถาการณ์แบบเก่า ก่อน 22 พ.ค. 57 หรือไม่ โดยที่ทุกคนไปคิดกันมา ส่วนตนจะอำนวยความสะดวกให้
ยันไม่ได้เขียนกฎหมายให้ลงโทษใคร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ใครจะต่อต้านตนก็ไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากใช้ความรุนแรงไม่ได้ แม้แต่เรียกมาพบยังเกิดปัญหาได้เลย เพราะมีการขยายความ ส่งผลให้ตนถูกต่างประเทศเล่นงานมากขึ้น อยากให้มองว่าถ้าจะมีการขัดขวางแล้วปล่อยไปไม่ทำอะไรนั้นจะสามารถทำอะไรสำเร็จได้
“สิ่งที่ทำไป ใช้มาตรา 44 นี้ ผมไม่ได้อยู่ดีๆ ไม่ชอบไอ้คนนี้ไปเอาคนนี้มา ไม่ชอบคนนี้เอาคนนี้มา ไม่ใช่เลยนะ ในเมื่อมาตรา 44 เขาเขียนไว้แล้ว กฎหมายเขาก็เขียนไว้แล้ว กฎหมายทุกกฎหมายทุกคนต้องปฏิบัติไม่ว่าจะมาจากไหนล่ะ ตอนนี้มาจากผมก็ต้องยึดถือตามนี้ เพราะผมไม่ได้เขียนให้ลงโทษใคร ผมเขียนว่ามาตรา 44 มีไว้เพื่อทำให้เกิดความมั่นคงมีเสถียรภาพในทุกๆ ด้าน เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ทำขัดคำสั่ง มันก็ผิดกฎหมายไง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าถ้าไม่ทำผิดกฎหมาย ตนก็ไม่สามารถเรียกตัวมาได้ ควรเข้าใจตรงนี้ ไม่ใช่ยิ่งขยายความเดี๋ยวสิทธิมนุษยชนไปต่อไปร้องเรียนโน้นนี่ มันแก้อะไรไม่ได้หรอก
ถามสุณัยคนไทยหรือเปล่า
“อย่างเช่นคุณสุณัย (ผาสุก)อะไรนี่ นี้ไปใหญ่แล้ว ไปเรียกร้องให้เขาอะไร มาดำเนินคดีโน้นนี่ ผมเสียดายนะ เขาเกิดเป็นคนไทยหรือเปล่า ผมไม่รู้คนพวกนี้ ผมไม่ได้ว่าอะไรท่านทำหน้าที่เพื่ออะไร เพื่อโลกเพื่ออะไรของท่าน ท่านทำหน้าที่เพื่อโลกจริงหรือเปล่าผมยังไม่รู้เหมือนกัน เพราะบางครั้งด้วยหลักการเหตุผลง่ายๆ มองก็รู้ว่ามันเจตนาผิดไม่ผิดไอ้คนทำ แต่ท่านก็เข้าข้างไอ้คนนั้นตลอด นั่นคือสิ่งที่ผมมองเขานะ และเพราะเขาใช้กลไกจากการปกป้องตนเองจากองค์กรโน้นองค์กรนี้มาเรื่อยๆ ตลอด แล้วมันจะไปได้ไหมล่ะ”
กรณีการควบคุมตัว ประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวเดอะเนชั่น นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อบางคนที่ตนเรียกไปคุย ตนก็ไม่อยากไปรบกับสื่อ แต่ถามว่าคนคนนี้พูดจาอย่างนี้มาตลอดหรือไม่ พูดมานานหรือยัง ท่านก็รู้ดี เพราะฉะนั้นคือสิ่งที่ทุกคนต้องยอมรับกติกาว่าวันนี้เรามีกติกาอะไรบ้างแล้วเราสร้างกติกานั้นไว้เพื่ออะไร เพื่อความสงบสุขของสังคมใช่ไหม เพื่อรักษาช่วงระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใช่ไหม ในขณะเดียวกันไม่ใช่สถานการณ์ปกติ แต่ที่ผ่านมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง จึงต้องมีกลไกที่มารักษาความสงบ
“ก็เขาทำความผิด ท่านจะไปให้เครดิตเขาทำไม ไม่ใช่อยู่ดีๆ ผมไม่ชอบหน้าเขาเมื่อไหร่เล่า ใครผิดผมก็เรียกมาหมดล่ะ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับสื่อมวลชน ต่อกรณีการนำเสนอข่าวผู้ที่ถูกเรียกมารายงานตัว
มีกฎหมายของตนที่ประกาศไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่ใช่อยู่ดีๆ ไปเอาใครมาคุม
“ถ้าผมคิดว่าผมทำความดี แล้วคนส่วนหนึ่งเขาเห็นความดีของผมผมก็จะสู้ให้เขา สู้กับคนพวกนี้ โดยที่ผมมีกฎหมายของผมอยู่ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ประกาศไว้ล่วงหน้าแล้ว จำคำพูดไว้ด้วยนะ ไม่ใช่อยู่ดีๆ เอาคนโน้นมาคุมมาอะไร ประกาศไว้แล้วว่าเรื่องต่อไปนี้อย่าทำ เหมือนท่านห้ามลูกของท่าน ห้ามหลานของท่านอย่าทำนี้ทำโน้น ห้ามไปเล่นน้ำเดี๋ยวจมน้ำตาย แล้วไปเล่นน้ำกับเพื่อนกลับมาบ้านต้องตีไหม ก็ต้องตี นี่ล่ะตัวอย่างง่ายๆ ทำไมไม่คิดแบบนี้เล่า” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
บริหารเพื่อเป็นแนวทาง-ทบทวนวาระแห่งชาติ-ปฏิรูป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้รัฐบาลก็จะต้องเร่งบริหารราชการแผ่นดิน ในลักษณะเชิงบูรณาการโดยการเอายุทธศาสตร์ชาติที่ร่างไว้ของรัฐบาลมาพิจารณาดูว่าจะบริหารงานอย่างไร เพื่อให้เกิดการปฏิรูปให้ได้ เรื่องของรัฐบาลนั้น หนึ่งบริหารราชการแผ่นดินในลักษณะเพื่อเป็นแนวทางในการบริหารสืบไปข้างหน้า สอง วาระแห่งชาตินั้นนำมาทบทวนว่าไปถึงไหนแล้ว ทำให้สัมฤทธิ์ สาม คือทำเรื่องปฏิรูป มาจัดระบบกัน โดยที่ประเทศไทยที่จะเดินไปสู่การมีประชาธิปไตยสมบูรณ์นั้นไม่ใช่แค่มีการเลือกตั้ง การเลือกตั้งเป็นกระบวนการหนึ่งที่จะไปสู่ประชาธิปไตยเท่านั้นเอง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดเพราะหลังจากนั้นผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งต้องบริหารประเทศที่มีธรรมาภิบาล บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม เที่ยงธรรมถึงจะเป็นกระบวนการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนตำบลที่อนุมัติให้ไปนั้นควรจะไปทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น เอาอบรม เอาไปขุดบ่อน้ำ ทำท่อให้ประหยัดน้ำ ส่วนโครงการของตำบลก็ทำในส่วนของภาพรวม เช่น ทำอ่างน้ำอ่างเก็บกักน้ำ เรียกว่าเป็นการใช้เงินให้เกิดรายได้ในอนาคต ต่างจากที่ผ่านมาที่สักแต่ว่าให้ๆ กันไป แล้วก็จบ ไม่เห็นแข็งแรงขึ้นมาเลย เงินเหล่านี้มามานานแล้ว แต่ไม่เป็นประชาชนแข็งแรงขึ้นมาเลย
ยันไม่มีดีลกับใคร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึง การปรองดองในระยะที่ 1 นั้น ต้องมาดูว่าจะปรองดองอะไรกันบ้าง ปรองดองทางกฎหมายมีหรือไม่ เรื่องคดีไม่หนักได้ไหม แต่ต้องมีการรับผิดไปก่อน อยู่ดีๆ จะยกผิดไม่ได้ เช่นคดีตั้งแต่ปี 53 นั้นติดคุกมาหลายปีแล้วต้องเอามาดูกัน ว่ากระทำผิดด้วยตัวเองหรือไม่ เพื่อจะใช้ความเมตาจากศาล โดยไปหามาว่าใครเป็นผู้ที่สั่งเขาเหล่านั้นทำ เพื่อให้เกิดความชัดเจน
พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันด้วยว่าตนเองปรองดองกับคนที่กระทำผิดกฎหมายไม่ได้ ไม่มีการไปดีลกับใคร
ชี้มีสมาคมสื่อก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่สามารถคุมสื่อให้มีจรรยาบรรณได้
สำหรับการทำงานของสื่อ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า สื่อสามารถช่วยตนได้ เพราะตนพูดเองการรับรู้ก็ไม่เหมือนกับสื่อเขียน สื่อไม่เคยเขียนผิดอย่างที่ตนพูด แต่กลับเขียนให้อีกฝ่ายหนึ่งดูรุนแรงขึ้น ต่างประเทศก็จะมองว่าประเทศไทยยังไม่สงบ สถานการณ์ทางการเมืองไม่มีเสถียรภาพ การค้าการลงทุนก็เสียหาย คนมาเที่ยวก็ลดลง ดังนั้นสื่อควรมองในมิติเหล่านี้ด้วยเวลาเขียน ดังนั้นสมาคมสื่อตั้งมาก็ไม่มีประโยชน์เนื่องจากไม่สามารถคุมสื่อให้มีจรรยาบรรณได้
สำหรับเรื่องกรรมการร่างรัฐธรรมนูญนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังหารือกันอยู่ ต้องมีนักกฎหมายด้วย
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า มีการประชุมเรื่องของการเงินการคลัง ซึ่ง รมว.คลัง ก็สรุปให้เห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่ถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ เพียงแต่ประเทศเราคนที่ได้รับผลกระทบมีจำนวนมากจึงได้รับผลกระทบมาก ทั้งที่สถานการณ์โดยรอบไม่ได้เลวร้ายไปกว่าหลายประเทศ เพราะพื้นฐานเรายังดีอยู่ เพียงแต่คนที่ได้รับผลกระทบคือผู้มีรายได้น้อย
ชี้ทั้งโลกสรุปแล้ว เมื่อประชาธิปไตยมีความขัดแย้ง ต้องมีอำนาจแบบตนไปแก้
Matichon TV เผยแพร่วีดิโอคลิปเพิ่มเติมด้วยว่า โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า
“ในการสอนในตำราปริญญาโทเขาเขียนไว้อยู่แล้วว่าทุกประเทศในโลก ประชาธิปไตยดีที่สุด แต่เมื่อใดที่ประชาธิปไตยมีความขัดแย้ง มีอำนาจแบบผมเท่านั้นล่ะถึงจะไปแก้ได้ จะบอกให้ ทั้งโลกเขาสรุปมาแล้ว”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ ปวิน ชัชวาลพงศ์ โพสต์ในเฟซบุ๊กกรณีจะไปประท้วงตนที่จะไปประชุมที่ยูเอ็นนั้น ว่า ให้ไปดูว่าเขาทำผิดอะไร ท่านยอมหรอ 112 (ม.112) คนละเมิด 112 ท่านไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลยหรอ ท่าไปโฆษณาให้เขารวมคนมาต่อต้านตน สนุกหรอ แม้อาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เป็นสิ่งที่ให้ท้ายคนเหล่านี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตนเองบอกกับบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ อย่าสนใจตนได้ไหม ที่ตนขอเวลาอย่างนี้ แต่ตนกลับถูกใส่ความผิดเพิ่มทำให้เหมือนเป็นคนผิด ทั้งที่ตนก็ยอมรับผิดอาจมีเพียง 1 อัน แต่ตนก็ทำถูกอีกเป็นพันอย่าง
“องคุลิมาลยังให้อภัยเลย แล้วผมไม่ใช่องคุลิมาลซะหน่อย ผมไม่ได้ตัดนิ้วใครถึงพันนิ้วซักหน่อย ผมตัดนิ้วร้ายไปนิ้วเดียว คิดแบบนี้สิ”
แย้ง ผบ.ตร.เหตุระเบิดไม่เกี่ยวส่งอุยกูร์ไปจีน
จากที่วันนี้(15 ก.ย.58) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ยอมรับว่า สาเหตุของการระเบิดสี่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทรเหตุเกิดจาการที่ทางการไทยไปทำลายให้ธุรกิจผิดกฎหมายการของขบวนการค้ามนุษย์ต่างชาติ ที่ถูกขัดขวาง จึงทำให้เกิดความโกรธเคือง รวมถึงประเด็นที่ทางการไทยส่งตัว ชาวอุยกูร์ 109 คนกลับประเทศจีน(
อ่านรายละเอียด) ขณะที่
Voice TV รายงานความเห็นของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อกรณีดังกล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าอาจจะยังไม่เกี่ยวข้องกับกรณีทางการไทยส่งตัวอุยกูร์กลับประเทศจีน แต่แนวทางการสืบสวนขณะนี้ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งไป ทั้งอาชญากรรม ขบวนการค้ามนุษย์ และชาวอุยกูร์แต่ยืนยันว่าการดำเนินการกับผู้ที่หลบหนีเข้าเมืองก็เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน ถูกต้องที่สุดแล้ว